News | Video
UNLOCKMEN Logo
News | Video
Unlockmen Facebook Page Unlockmen Twitter Unlockmen YouTube channel
  • World
  • Entertainment
    :
    Films
    |
    Music
  • Guide
    :
    EVENT
    |
    MENU
    |
    TRAVEL
  • TECH
    :
    APPS
    |
    CARS
    |
    GADGETs
  • Style
    :
    DESIGN
    |
    FASHION
    |
    GROOMING
  • Business
  • Girls
  • Life
  • Work
  • Play
  • Survival
UNLOCKMEN Logo

News

World Entertainment Guide TECH Style Business Girls Life
Work Play Survival

Videos

Tag "work"

  • Life
    By: unlockmen January 13, 2021
    “ช้าแต่ชัวร์ดีกว่าเร็วแล้วพลาด” วิธีรับมือกับความกดดันให้เราทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้น

    ถึงแม้ว่าแรงกดดัน เช่น เวลาในการทำงานที่จำกัด จะช่วยให้เราเกิดความโปรดักทีฟมากขึ้นได้ แต่ในทางกลับกัน มันก็อาจทำให้เราเกิดอาการแพนิค และทำงานแย่ลงได้เหมือนกัน เพราะเวลาเรากลัวว่าตัวเองจะทำงานไม่ทัน เรามักรีบคิดและรีบปั่นงานให้เสร็จโดยไว ผลสุดท้าย งานที่ออกมาอาจไม่ได้รับการตรวจที่ถี่ถ้วนมากพอ จนมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เมื่อแรงกดดันเป็นเหมือนกับดาบสองคม มีทั้งข้อดีข้อเสีย เราเลยจำเป็นต้องรับมือกับมันให้ได้อย่างดี บทความนี้ UNLOCKMEN จึงนำเทคนิคดี ๆ มาฝากทุกคนกัน ซึ่งถ้ารู้แล้ว เราจะทำงานภายใต้ความกดดันได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน ตั้งสติก่อนสตาร์ท !!! เวลาเราทำงานในช่วงที่เดดไลน์ใกล้เข้ามาแล้วนั้น เรามักจะโคตรเครียด เสียสติ และไม่คิดหรือตรวจงานให้ดี สุดท้ายงานที่ออกมามันก็แย่ หากใครเจอกับอะไรแบบนี้ เราอยากให้ลองตั้งสติ และพยายามเปลี่ยนโฟกัสจากความเครียดความกังวล มาเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราดู ลองถามตัวเองว่าตอนนี้เรากำลังเห็นอะไร ? กำลังได้ยินอะไร ? เราหายใจเป็นยังไง ? แบบนี้จะช่วยให้เรารู้สึกถึงแรงกดดันน้อยลง มีสติมากขึ้น และแก้ปัญหาได้ดีกว่าด้วย มองย้อนกลับไปทบทวนความกดดันที่ผ่านมา ความกดดันมักเกิดขึ้นแบบเป็นแพทเทิร์น และเราอาจเจอกับแพทเทิร์นนั้นซ้ำ ๆ อยู่ก็ได้ ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้ประสบการณ์ความกดดันเหล่านั้นผ่านไปเฉย ๆ เราควรใช้เวลาในการเรียนรู้ และวิเคราะห์หาแพทเทิร์นของความกดดันจะดีกว่า  เพราะมันจะช่วยให้เราหาแผนรับมือกับความกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราพบว่า

  • Business
    By: unlockmen January 8, 2021
    พลิกเกมได้ถ้าใจนิ่งพอ ‘วิธีเจรจาต่อรองขั้นเทพ’ คุมเชิงได้แม้อำนาจต่อรองน้อยกว่า

    ขึ้นชื่อว่าการเจรจาต่อรองแล้ว ไม่ว่าจะในเชิงธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันดุเดือด หรือหน้าที่การงานที่ต้องสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด เราทุกคนล้วนแต่ต้องการเจรจาต่อรอง แลกเปลี่ยนให้ผลที่ได้ออกมาพอใจร่วมกันทุกฝ่าย โดยปกติการเจรจาต่อรองก็ย่อมต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์ จะไปแบบมั่ว ๆ ไม่รู้อะไรเลยไม่ได้อยู่แล้ว แต่การเจรจาต่อรองที่ “เรามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า” หรือรู้ทั้งรู้ว่าเราก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรไปแลกกับอีกฝ่ายมากนัก ยิ่งเป็นความท้าทายที่หลายคนเผลอถอดใจไปล่วงหน้า (ก็ดูรูปการณ์แล้ว ไม่น่าจะไปต่อรองอะไรกับเขาได้) แต่เราอยากชวนมาปลดล็อกความเข้าใจผิด ๆ เสียใหม่ อย่างน้อยก็ต้องลองสักตั้งก่อนถอดใจ แม้หลายการต่อรอง เราอาจเลี่ยงได้ แต่กับบางสถานการณ์คับขันตรงหน้าต่อให้รู้ว่าอำนาจน้อยกว่าก็ต้องกระโจนลงไปอยู่ดี ดังนั้นลองเอาวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ เพราะแม้จะไม่ได้มีอำนาจล้นมือ แต่ถ้ารู้เท่าทัน การเจรจาต่อรองให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการก็อาจไม่ยากอย่างที่คิด “ผลลัพธ์ที่ต้องการอาจไม่ได้มีแค่หนึ่ง” การเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะทางธุรกิจ หน้าที่การงาน หรือเรื่องไหน ๆ คือการที่เราสามารถพูดคุยไปถึงจุดที่ “เราได้ในสิ่งที่เราต้องการ” หลายครั้งเมื่อเราดูมีอำนาจต่อรองน้อยกว่า หรือไม่น่ามีอะไรไปแลกจนอีกฝั่งพึงพอใจได้ เราจึงมักคิดว่าเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอ แต่จริง ๆ แล้ว การเจรจาเพื่อ “ได้ในสิ่งที่เราต้องการ” นั้นไม่ได้มีเพียงหนึ่งทาง การนึกถึงผลลัพธ์ในหลากหลายหนทาง หลาย ๆ วิธีไว้ล่วงหน้า ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราเจรจาต่อรองได้ลื่นไหลมากขึ้น ถ้ามัวยึดอยู่แค่ว่าจะไปเอาผลลัพธ์นี้อยู่ผลลัพธ์เดียวและยึดติดกอดไว้ โดยไม่ทันนึกภาพผลลัพธ์อื่น ๆ ทันทีที่โดนอีกฝ่ายพลิกเกมไปทางที่เขาได้ประโยชน์ หรือเขาปฏิเสธทางที่เราเสนอไว้ เราจะตัน ไปต่อไม่ได้

  • Life
    By: unlockmen December 22, 2020
    อย่ากลัวที่จะพูดคนเดียว !! งานวิจัยเผย พูดกับตัวเองออกมาดัง ๆ ช่วยให้เรามีสมาธิและทำงานได้ดีขึ้น

    หลายคนคงไม่กล้าพูดคนเดียวเสียงดังเท่าไหร่นัก เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย รบกวนคนอื่น ทำแล้วอาจถูกมองว่าเป็นคนไม่มีมารยาทได้ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็ได้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการพูดคนเดียวเสียงดัง หนึ่งในนั้น คือ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยบังกอร์ในประเทศอังกฤษ ที่พบว่า การพูดคนเดียวเสียงดังช่วยให้เราโฟกัสกับงานได้มากขึ้น แถมยังช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย งานวิจัยชิ้นนี้ ได้ศึกษาผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งหมด 28 คน ซึ่งแต่ละคนจะได้รับข้อความคำสั่ง และถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ต้องอ่านข้อความเสียงดัง และ กลุ่มที่ต้องอ่านเงียบ ๆ คนเดียว และหลังจากนั้น ผู้เข้าร่วมการทดลองจะได้รับการมอบหมายงาน และทีมวิจัยจะประเมินประสิทธิภาพในการทำงานของคนแต่ละกลุ่ม ผลการวิจัยออกมาว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองที่อ่านข้อความเสียงดังจะมีสมาธิและทำผลงานได้ดีกว่ากลุ่มที่อ่านเงียบ ๆ กับตัวเอง อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวจิยัชิ้นนี้จะน้อยเพียง 20 กว่าคน แต่ก็มีงานวิจัยชิ้นอื่นที่มาสนับสนุนผลลัพธ์ของงานวิจัยชิ้นนี้เหมือนกัน เช่น งานวิจัยชิ้นหนึ่ง พบว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองทำภารกิจหาของเสร็จเร็วขึ้น เมื่อพวกเขาพูดกับตัวเอง เป็นต้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบพูดกับตัวเอง อย่ากลัวที่จะทำมัน เพราะเกรงใจคนอื่น นั่นอาจทำให้เราทำงานได้แย่ลงก็เป็นได้ ลองพูดให้กำลังใจตัวเอง พูดถึงสิ่งที่กำลังทำหรือหาอยู่แทน และที่สำคัญต้องตั้งใจฟังในสิ่งที่ตัวเองพูดด้วย เหล่านี้อาจช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นได้ แต่อย่าพูดเสียงดังมากเกินไปละ เดี๋ยวคนที่นั่งข้าง ๆ

  • Life
    By: unlockmen November 16, 2020
    ทำไมยิ่งเห็นใจคนอื่น ตัวเองกลับเหนื่อยล้า และเราจะกลับมาเยียวยาตัวเองอย่างไรดี

    เราถูกสั่งสอนกันมาว่าการเข้าอกเข้าใจคนอื่นเป็นเรื่องดี เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข แต่ทว่า ความเห็นอกเห็นใจ (compassion หรือ empathy) ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ทำให้เราตกอยู่ในภาวะ Compassion Fatigue ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? และเราจะป้องกันมันได้อย่างไร? Unlockmen จะอธิบายให้ฟัง ภาวะเหนื่อยล้าจากการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (compassion fatigue) หรือ secondary traumatic stress (STS) คือ ความเครียด ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจที่เกิดจากการเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากเกินไปจน ทำให้เราให้ความสำคัญกับตัวเองน้อยลง โดยสาเหตุของ compassion fatigue อาจเกิดจากการรับฟังเรื่องราวของคนที่มีบาดแผลทางจิตใจบ่อย ๆ เช่น คนที่เคยประสบอุบัติเหตุ หรือการสูญเสีย และรู้สึกว่าทำไมเราจึงช่วยเหลืออะไรคนเหล่านั้นไม่ได้เลย และพอความรู้สึกนั้นถูกเก็บสะสมความรู้สึกมาเรื่อย ๆ ก็เกิดความเหนื่อยล้าและความทุกข์ทรมานที่เรียกว่าเป็น compassion fatigue ตามมา แม้เมื่อก่อน ภาวะ compassion fatigue จะพบในกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เช่น พยาบาล (ซึ่ง Carla Joinson ได้นิยามคำว่า compassion

  • Business
    By: unlockmen October 27, 2020
    ยิ่งยุ่ง = ยิ่งขยัน? TOXIC BUSYNESS เมื่อคนต้องทำตัวยุ่งเข้าไว้ เพราะกลัวถูกหาว่าขี้เกียจ

    เคยทำงานเสร็จเร็วกว่าเวลาที่มีกันไหม? ไม่ว่าจะเพราะเตรียมตัวมาดี มีประสบการณ์กับงานนี้แล้ว หรือบริหารเวลาได้มีประสิทธิภาพก็ตาม แต่เรา (และคนอื่น) มักไม่ชื่นชมคนทำงานเสร็จเร็วในแง่ดีนัก เพราะเมื่อทำงานเสร็จเร็วกว่าเวลาที่กำหนด นั่นหมายความว่าจะมีเวลาที่เหลือแล้วดูว่างหรือไม่มีอะไรทำ รวมไปถึงคนกลับบ้านตรงเวลา กับคนที่ถึงเวลาเลิกงานก็ยังไม่ยอมกลับ นั่งลุยต่อไปจนดึกดื่น คนที่ดูยุ่งขิงกับงานยันดึกดื่นค่อนคืนนั่นเองที่มักถูกมองว่าขยัน มุมานะ ฝ่าฟัน และนั่นจึงเป็นที่มาของการที่ใคร ๆ ก็อยากดูงานยุ่ง ดูมีอะไรทำตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ถูกคำครหา (ทั้งจากตัวเองและผู้อื่น) ว่าไอ้นี่ทำไมมันดูชิลจัง วัน ๆ ทำไมไม่ยุ่งเลยล่ะ? มันทำงานบ้างไหมวะเนี่ย! โดยลืมไปแล้วว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิทุกประการที่จะบริหารจัดการงานและเวลาของตัวเอง ความยุ่งจึงไม่ใช่สัญลักษณ์หรือบ่งบอกคุณภาพการทำงานได้เสมอไป แล้ววันนี้คุณยุ่งไหม? ยุ่งเพราะงานเยอะบริหารเวลาไม่ทัน หรือยุ่งเพราะอยากทำตัวยุ่ง ๆ ให้ดูมีงานทำอย่างหนัก? UNLOCKMEN อยากชวนมาสำรวจ และหาทางปรับพฤติกรรม รู้จัก Toxic Busyness เมื่อเราเสพติดความยุ่งที่ลวงตา Toxic Busyness หรือ ความยุ่งเป็นพิษ คือสภาวะที่มนุษย์เหมือนกันมุ่นอยู่กับการทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแพร่หลายในโลกยุคโมเดิร์นนี้ ไม่ใช่แค่กับการทำงานเท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงกิจกรรมสารพัดสารพัน ออกกำลังกาย เรียนภาษา หัดเล่นเซิร์ฟ อ่านหนังสือ ซึ่งไม่ได้แปลว่าทั้งหมดมานี้ไม่ดีแต่อย่างใด แต่บางคนเลือกทำกิจกรรมหลายอย่างเพราะกลัวจะไม่ทันคนอื่น กลัวคนอื่นจะมองว่าเราอยู่นิ่ง

  • Business
    By: Chaipohn October 25, 2020
    ยิ่งฝืนยิ้ม ยิ่งเก็บกด ยิ่งดื่มเหล้าหนัก ปัญหาสุขภาพกายและใจที่คนทำงานต้องระวัง

    ในช่วงเวลาที่การทำงานหาเงินเป็นเรื่องยากลำบาก ปัญหาการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่สวนทางกับสโลแกน “กรุงเทพ ชีวิตดี ๆ” ราวกับคนคิดไม่เคยออกมาใช้ชีวิตบนท้องถนนและทางเท้า หรือแม้แต่ปัญหาการไม่เข้าใจกันด้านความเชื่อของคนในบ้าน ทุกความหนักอึ้งที่เราได้แต่เก็บมันไว้ในใจ ภายนอกคือหน้าตายิ้มแย้มให้กับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ซึ่งงานวิจัยของ UNIVERSITY PARK พบว่า ยิ่งฝืนยิ้มเก็บกดปัญหาเท่าไหร่ เรายิ่งมีปัญหาดื่มเหล้าหนักมากขึ้นไปด้วย     ผลงานวิจัยที่ University Park ชิ้นนี้ถูกเรียกว่า “National Survey of Work Stress and Health” และมีการตีพิมพ์ใน “Journal of Occupational Health Psychology “ รวบรวมข้อมูลจากคนทำงานด้านบริการด้วยวิธี Phone Interview คนทำงานใน USA จำนวน 1,592 คน เพื่อสอบถามว่าในการทำงานต้องฝืนยิ้มบ่อยแค่ไหน (ในงานวิจัยเรียกว่า “surface acting,”) และหลังเลิกงานไปดื่มบ่อยและเยอะแค่ไหน โดยเน้นอาชีพที่ประสิทธิภาพและรายได้ขึ้นอยู่กับการยิ้มแย้ม เช่น คุณครูที่ต้องบริการนักเรียน พนักงานขายอาหารที่ต้องบริการลูกค้า หรือพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วย

  • Work
    By: unlockmen October 20, 2020
    ประชุมเช้ายังจำเป็นอยู่ไหม ? เข้าใจ morning huddle และวิธีการจัดประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ

    หลายคนอาจเบื่อเวลาบริษัทจัดการประชุมงานตอนเช้า โดยอาจเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา และตัวเองก็รู้สึกไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการประชุมมาก การประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพบ่อยๆ ให้ผลเสียมากกว่าผลดีต่อทุกฝ่าย ทั้งคนที่จัดประชุมและผู้เข้าร่วมการประชุม UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำวิธีการจัดการประชุมเช้าที่มีประสิทธิภาพ เพราะเห็นว่า การประชุมเช้ามีประโยชน์ต่อการทำงาน และถ้ามีการจัดประชุมที่ดี จะส่งผลดีต่อทุกคน วิธีการประชุมในตอนเช้าที่ดีที่สุดควรไม่ใช่เวลานาน แต่ควรเป็นในแบบที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า ‘morning huddle’ คือ เป็นการพบปะกันโดยใช้เวลาไม่เกิน 15 – 20 นาที เพราะตอนเช้าเป็นเวลาที่หลายคนอาจมีงานที่ค้างอยู่ และไม่สามารถให้ความสนใจกับการประชุมยาวๆ ได้เต็มที่ การประชุมสั้นๆ จึงมีประสิทธิภาพมากกว่า แม้จะเป็นการประชุมสั้นๆ แต่ ‘morning huddle’ ก็ให้ประโยชน์กับองค์กรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทำให้เกิดการพูดถึงปัญหาที่พบเจอในการทำงาน เพราะ ทุกคนได้รับโอกาสในการพูด ทำให้การทำงานเป็นทีมเวิร์กมากขึ้น เพราะเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น และทำให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันและรู้ทิศทางในการทำงาน สามารถวางแผนการทำงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรได้  สร้างความรู้สึกการมีส่วนร่วมในการทำงานอย่างแท้จริง และองค์กรยังสามารถใช้ morning huddle สร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานในบริษัทได้ด้วย เช่น ให้ทุกคนท่อง motto ขององค์กร พูดถึงวิสัยทัศน์ขององค์กร ฯลฯ ความสำคัญของ morning huddle เห็นได้จากการที่บางประเทศจัดกันเป็นวัฒนธรรม

  • Business
    By: unlockmen October 19, 2020
    เมื่อ Multi-tasking ลด Productivity! รู้จักการบริหารเวลาทำทีละอย่างแบบ ‘Time blocking’

    การแบ่งเวลาไม่ดีสามารถส่งผลเสียให้เราได้หลายอย่าง เช่น ทำให้เราทำงานได้น้อยลง ช้าลง หรือ ใช้เวลาในการทำงานมากจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เป็นต้น ดังนั้น ในยุคที่เรามีอะไรต้องทำอะไรหลายอย่าง จึงต้องมี Work life-balance และทักษะการบริหารเวลาที่ดีมีความสำคัญต่อชีวิตเรา ในบทความนี้ UNLOCKMEN เลยอยากแนะนำเทคนิคการบริหารเวลาแบบหนึ่งชื่อว่า Time blocking ซึ่งเป็นเทคนิคที่ผู้มีชื่อเสียงในระดับโลกใช้กัน เช่น Elon Musk เพื่อให้ทุกคนสามารถบริหารเวลาของตัวเองได้ดีขึ้น และมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้นตามมา Time Blocking คือ อะไร? Time blocking คือ เทคนิคการบริหารเวลาโดยการแบ่งวันในแต่ละสัปดาห์ออกเป็นส่วนย่อยๆ  หรือ บล็อก สำหรับการทำงานที่เฉพาะเจาะจง มันเป็นเทคนิคที่มีความเก่าแก่พอๆ กับหลักฐานการใช้งานปฎิทินในยุคทองแดง (Bronze Age) ซึ่งในยุคนั้นมีการใช้ปฏิทินเพื่อกะเวลาในการทำเกษตรกรรม ไม่มีใครทราบว่า ผู้คิดค้น Time blocking คือใคร แต่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า คนแรกๆ ที่ใช้วิธีการนี้ในการบริหารเวลาชีวิต คือ Benjamin Franklin โดยเขาได้มีการแบ่งกิจกรรมต่างๆ ที่เขาจะทำในแต่ละชั่วโมงของวัน Time blocking จะเป็นวิธีการที่ให้ความสำคัญกับการทำอะไรทีละอย่าง

  • Life
    By: unlockmen October 14, 2020
    ยิ่งต่างวัย ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง! เอาตัวรอดอย่างไรดีในที่ทำงานที่เต็มไปด้วยคนต่างวัย ?

    ในสังคมของเราเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความหลากหลาย และแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ค่านิยม ความเชื่อ วิถีชีวิต ฯลฯ ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้เห็นได้อย่างชัดเจนในกลุ่มคนที่มีช่วงวัย หรือ generation ที่ต่างกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกวันนี้เราจะเห็นคนที่อยู่ในบ้านเดียวกันทะเลาะกัน เพราะมีความเห็นไม่ตรงกันบ่อยๆ ความแตกต่างของคนต่าง Generation กัน มักทำให้คนในสังคมเดียวกันไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน นำไปสู่ความขัดแย้ง และการทะเลาะเบาะแว้ง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปจนมีการนิยามคำว่า The generation gap ขึ้นมาอธิบายมันเลยทีเดียว ในบทความ UNLOCKMEN เลยอยากพูดถึงวิธีการทำงานและใช้ชีวิตร่วมกับคนต่าง Generation เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ลดการทะเลาะเบาะแว้ง และรับมือกับคนที่แตกต่างจากเราได้ดียิ่งขึ้น ทำไมคนต่างวัยกันถึงได้เหมือนอยู่กันคนละโลก ? ถ้าใครกำลังหนักใจและสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ของเราคิดไม่เหมือนเรา? และไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี เราอยากแนะนำว่า อย่าเพิ่งคิดหนีออกจากบ้าน หรือถ้ามีปัญหานี้กับหัวหน้าในที่ทำงาน ก็อย่าเพิ่งคิดจะเปลี่ยนงาน เพราะเราเชื่อว่าโอกาสที่เราจะเจอกับปัญหาแบบเดิมน่าจะยังมีสูงอยู่ ตราบใดที่เรายังต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมอยู่ดี เราจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจปรากฎการณ์นี้และรับมือกับมันให้ได้อย่างถูกต้องมากกว่า คำว่าช่องว่างระหว่างยุคสมัย หรือ The generation gap เป็นคำที่นักสังคมวิทยาใช้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างคนยุคหนึ่งกับคนอีกยุคหนึ่ง เช่น พ่อแม่ กับ ลูก ในเรื่องของความเชื่อ แนวคิดทางการเมือง รวมถึง

  • Business
    By: unlockmen September 24, 2020
    เบื่องานจังทำไงดี ? เข้าใจหน้าที่ของความเบื่อและวิธีการรับมือกับมัน

    เคยรู้สึกเบื่องานกันบ้างไหม? รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ช่างไม่มีความสุขเอาซะเลย? หลายคนน่าจะเคย และรู้สึกว่า ความน่าเบื่อ (boredom) เป็นพิษภัยต่อการทำงานอย่างมาก เพราะมันทำให้ ‘ซัฟเฟอร์’ กับการทำงาน ทำให้รู้สึกว่าต้องอดทนทำงานไปวันๆ ไม่มีแพสชั่นกับสิ่งที่ทำอยู่เลย ผลร้ายที่สุด คือ ทำให้ไม่สามารถก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ และท้ายที่สุดก็อาจลาออกจากงาน แต่ไม่ว่าความน่าเบื่อจะเป็นพิษกับเรามากแค่ไหน เราก็อาจจะขาดความเบื่อไม่ได้! เพราะมันเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีวิวัฒนาการและไม่หยุดนิ่ง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?  วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปเข้าใจอาการเบื่อ และแนะนำวิธีการป้องกันและหลีกเลี่ยงผลเสียจากมัน เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในชีวิตการทำงาน     หลายคนพอได้ยินคำว่า “น่าเบื่อ” จากอารมณ์ดีอยู่ๆ ก็อาจหม่นหมองได้ เพราะทำให้นึกถึงอะไรลบๆ หลายอย่าง แต่อย่าเพิ่งดาวน์นะ! ทำใจให้สบายๆ แล้วมาฟังเราอธิบายเรื่องความเบื่อเสียก่อน ไม่แน่ว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบ คุณอาจเปลี่ยนมุมมองต่อความน่าเบื่อก็เป็นได้! ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ชี้ให้เราเห็นว่า ความน่าเบื่อมีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน เพราะถ้าเราไม่เบื่อ เราคงไม่ออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตของตัวเองได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นในเรื่องงาน ความเบื่อจะเตือนเราว่า งานที่เราทำอยู่อาจไม่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายในการทำงานของตัวเอง (เช่น มีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อรถยนต์ภายใน 2 ปี หรือ ไต่เต้าขึ้นไปทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้นไม่ได้ เป็นต้น

« Previous 1 … 4 5 6 7 8 … 36 Next »

HOT THIS WEEK

#7daysinarow

< Prev Next >

most popular video of the week

#7daysinarow

THE REAL EP 1 : Tamaryn Cooper
Unlockmen Channel
19,422

EVERYTHING GUYS NEED
TO UNLOCK YOUR TRUE
POTENTIAL EVERYDAY

Unlockmen

Subscribe now

Unlockmen
  • About Us
  • Our team
  • Jobs
  • Contact Us
  • Terms of Use
  • Privacy Policy
© 2016 whiteline thaithayan. All rights reserved.
Use of this site constitutes acceptance of our User Agreement (effective 1/4/2016) and Privacy Policy (effective 1/4/2016).The material on this site may not be reproduced,
distributed, transmitted, cached or otherwise used, except with prior written permission of thaitayan ltd.