News | Video
UNLOCKMEN Logo
News | Video
Unlockmen Facebook Page Unlockmen Twitter Unlockmen YouTube channel
  • World
  • Entertainment
    :
    Films
    |
    Music
  • Guide
    :
    EVENT
    |
    MENU
    |
    TRAVEL
  • TECH
    :
    APPS
    |
    CARS
    |
    GADGETs
  • Style
    :
    DESIGN
    |
    FASHION
    |
    GROOMING
  • Business
  • Girls
  • Life
  • Work
  • Play
  • Survival
UNLOCKMEN Logo

News

World Entertainment Guide TECH Style Business Girls Life
Work Play Survival

Videos

Tag "world"

  • Life
    By: unlockmen March 20, 2020
    ‘ON-NOMI’ เทรนด์ดื่มแบบใหม่แดนปลาดิบ ชนแก้วออนไลน์คลายเครียดช่วง COVID-19 ระบาดหนัก

    แม้ Social Distance จะมีข้อดีมากกว่าข้อเสียและช่วยทุเลาปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นได้ แต่วิธีนี้อาจทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วย่ำแย่ลงไปอีก เพราะคนส่วนใหญ่ต้องกักเก็บตัวอยู่ที่บ้านและไม่ได้ออกไปสังสรรค์คลายเครียดที่ไหนเลย ช่วงเวลาเก็บตัวอยู่บ้านอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่แค่คุณที่รู้สึกเหงาหงอย เปล่าเปลี่ยว และโดดเดี่ยว แต่สาว ๆ ชาวญี่ปุ่นก็รู้สึกเช่นกัน และพวกเธอเริ่มเบื่อหน่ายกับการอยู่ในบ้านมาตลอดสามอาทิตย์ติด พวกเธอจึงนัดรวมตัวกันผ่านแอปพลิเคชัน Zoom และเปิดห้องเป็นสาธารณะให้คนอื่น ๆ ได้เข้ามาสนุกร่วมกัน ทั้งพูดคุยปรับทุกข์เพื่อคลายความเบื่อหน่าย หรือนั่งจิบเบียร์และไวน์คลายเครียดระหว่างสนทนา ซึ่งพฤติกรรมของสาว ๆ กลุ่มนี้เป็นจุดเริ่มต้นของคำศัพท์ใหม่ ‘On-nomi’ ข่าวในหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน (Asahi Shimbun) รายงานว่า กลุ่มสาว ๆ ชาวญี่ปุ่นที่นัดรวมตัวกันบนโลกออนไลน์เริ่มใช้คำศัพท์ オン飲み หรือ On-nomi (อน-โนมิ) นิยามถึงพฤติกรรมของพวกเธอที่นัดเจอกันผ่านแอปพลิเคชัน Zoom ตั้งแต่สิบคนขึ้นไป คำนี้จึงกลายเป็นศัพท์ใหม่ที่หมายถึงการดื่มสังสรรค์ทางออนไลน์ หรือ Online Drinking ในภาษาอังกฤษ จะนัดเจอเพื่อนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจอสมาร์ตโฟนก็ได้ พูดคุยคลายเครียดแก้เบื่อ หรือหาเบียร์และไวน์สักแก้วมานั่งดื่มหน้ากล้องก็ยังได้ แทบไม่ต่างอะไรจากการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราทำกันอยู่เลย การรวมกลุ่มกันในวิดีโอแชตของคนญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดว่าจะต้องคุยผ่านแอปพลิเคชันไหนเป็นพิเศษ อาจเป็น Facetime, Zoom, Google Hangout,

  • World
    By: unlockmen March 19, 2020
    เมื่อเน็ตยังไม่พัง เราจะผ่านไปด้วยกัน! รู้จัก 4 เทคโนโลยีฮีโร่โลกออนไลน์ช่วงวิกฤตโควิต-19

    ในสังคมที่เทคโนโลยีก้าวไกลขึ้นทุกวัน ผู้คนดูเหมือนจะตัวใครตัวมัน ไม่ค่อยได้พึ่งพากัน อยู่มาเป็น 10 ปีบางทีเราอาจจะไม่รู้จักคนข้างบ้านเลยก็ได้ เพราะสนใจโลกโซเชียลหรืออินเทอร์เน็ตมากกว่าจนบางคนก็มองว่ายุคนี้เป็นยุคแล้งน้ำใจ แต่ความจริงโลกไร้พรหมแดนที่ทุกคนเชื่อมถึงกันได้โดยไม่ต้องเดินทางผ่านอินเทอร์เน็ตนี้ ก็ยังมีแง่มุมเกื้อกูลและมิตรภาพอีกหลายด้านที่คุณอาจยังไม่รู้ ผู้คนเริ่มสร้างสรรค์ข้อมูลและการระงับวิกฤตกันผ่านช่องทางออนไลน์ และอาจมีใครอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า “เรามีสิ่งนี้เกิดขึ้นบนโลกด้วยเหรอ” ให้ทำกันในช่วงนี้ 4 สิ่งต่อไปนี้ที่เราเฟ้นมาจากทั่วโลก ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ บางอย่างอาจจะเป็นทางออกให้ชาว UNLOCKMEN และคนอื่น ๆ ได้ MASK MAP THAILAND หน้ากากที่หายไปให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่ตอนนี้ถ้าจะหาหน้ากากอนามัยมาใช้งานแบบไม่ต้องแห้วไปเดินสุ่มตามร้านขายยาอีกต่อไป เพราะล่าสุดในไทยมีเว็บไซต์ตามหาพิกัดหน้ากากอนามัยแบบเรียลไทม์ที่เพิ่งจะเปิดตัวเมือ่ไม่กี่วันมานี้แล้ว! ไอเดียสุดสร้างสรรค์นี้คือไอเดียของ Eggyothin Pila ชายไทยที่เอาความสามารถที่มีปั่นสร้างแผนที่เจาะตำแหน่งให้คนเข้าไปคีย์บอกจำนวนหน้ากากอนามัยแบบเรียลไทม์ โดยเขาเผยผ่านสเตตัสส่วนตัวในเฟซบุ๊กว่าได้รับแรงบันดาลใจจากข่าวการแก้ไขปัญหาของรัฐมนตรีไต้หวันที่ให้ทีมงานสร้างแอปฯ เพื่อดูสต็อกหน้ากากแบบเรียลไทม์ และภายใน 2 วันที่เขาทุ่มเท ในที่สุดวันนี้มันกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยคนทั้งประเทศได้! ข้อดี สามารถ Track สถานที่ขายที่อยู่ใกล้เราได้ทันที และมีรายละเอียดให้ทั้งชื่อร้านและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกรณีที่เราต้องการสอบถามข้อมูล รู้ราคาและจำนวนสินค้าเพื่อตัดสินใจตามกำลังเงินในกระเป๋า ข้อเสีย ยังมี Bug สำหรับการใช้งานอยู่บ้าง ระบบอาจรวนในบางครั้ง ระบบไม่มีการยืนยันข้อมูล หากผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าไปกรอกรายละเอียดอาจสร้างมีจำนวนลวงเกิดขึ้นบนแผนที่   GUIDEBOOK จากมูลนิธิ ALIBABA CLOUD

  • World
    By: unlockmen March 19, 2020
    มะเขือเทศแดงสดและสุรากลั่นไร้สี ‘BLOODY MARY’ ค็อกเทลจากสตรี คาวเลือด และเหตุไม่คาดฝัน

    ‘Bloody Mary’ ค็อกเทลสีแดงสดจากวอดก้าและน้ำมะเขือเทศแก้วนี้ คงไม่ใช่เครื่องดื่มที่ถูกจริตกับผู้ชายอย่างเรามากเท่าผู้หญิง ยิ่งถ้าเทียบกับคลาสสิกค็อกเทลหัวรุนแรงแก้วอื่น ๆ บอกเลยว่า Bloody Mary ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรีเท่าไรนัก แต่เราเชื่อว่าค็อกเทลแต่ละแก้วล้วนมีเรื่องราว รสชาติ และความพิเศษเฉพาะตัว ซึ่ง Bloody Mary ก็เป็นหนึ่งในค็อกเทลที่น่าสนใจไม่แพ้แก้วไหน วันนี้ UNLOCKMEN เลยขอเสิร์ฟเรื่องราวของค็อกเทลสีแดงสดรสจัดจ้านแก้วนี้ ไม่แน่ว่าอึกแรกที่ยกดื่มอาจเปลี่ยนนัยน์ตาหรี่ปรือของคุณให้เบิกโพลงได้ทันควัน ส่วนผสมหลักของ Bloody Mary คือน้ำมะเขือเทศ น้ำแข็ง และวอดก้า สุรากลั่นไร้สีจากรัสเซียที่ถูกใช้เป็นเบสของค็อกเทลหลากชนิด ตั้งแต่ Screwdriver, White Russian ไปจนถึง Vodka Martini ว่ากันว่าค็อกเทลแก้วนี้ได้สามารถรักษาอาการเมาค้างได้ดี เมื่อดื่มจะรู้สึกถึงรสชาติเผ็ดร้อน สดชื่น และร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย แต่สูตรและกรรมวิธีการทำค็อกเทลชนิดนี้วิวัฒนาการและดัดแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้ถูกปากกับนักดื่มแต่ละคน จึงมีทั้งบาร์เหล้าที่เสิร์ฟ Bloody Mary แบบดั้งเดิม และบาร์ที่เติมเกลือ พริกไทยดำ หรือพริกชี้ฟ้าบ่นเพิ่มเข้าไป ราชินีอังกฤษผู้กระหายเลือด บ้างว่าชื่อค็อกเทล Bloody Mary ตั้งตามราชินีในศตวรรษที่ 16 นามว่า

  • Business
    By: Chaipohn March 16, 2020
    PUBLICIS GROUP เผยผลสำรวจผู้บริโภคไตรมาส 1 กังวลโควิด-19 สูงถึง 92% ส่งผลผู้บริโภคพฤติกรรมเปลี่ยน

    Publicis Group (ปับลิซีส กรุ๊ป) เผยผลสำรวจความวิตกกังวลของผู้บริโภคไตรมาส 1 นี้ พบว่ากังวลกับโควิด-19 สูงถึง 92% ส่งผลให้ผู้บริโภคลดพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตในที่สาธารณะ ใช้ชีวิตในบ้าน ซื้อของและสั่งอาหารทางออนไลน์มากขึ้น แนะปรับใช้สื่อในบ้านทั้งโทรทัศน์และสื่อออนไลน์เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด นายอติพล อิทธิวัฒนะ, เฮด ออฟ มีเดีย – ปับลิซีส กรุ๊ป (Head of Media – Publicis Group) ในฐานะผู้บริหารสูงสุดธุรกิจกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณา ประกอบด้วย บริษัท สตาร์คอม บริษัท สปาร์ค ฟาวดรีย์ และ บริษัท ซีนิท เผยว่าเนื่องจากตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยได้เกิดประเด็นสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ภูมิอากาศและสุขภาพ ทำให้สังคมตื่นตัวและเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต แผนก Data Science Analytic & Consumer Research ของบริษัทฯ

  • DESIGN
    By: unlockmen March 14, 2020
    SHENZHEN DESIGN CITY: เมืองประมงเก่าริมฝั่ง สู่ผู้นำด้านการออกแบบและนวัตกรรมของแดนมังกร

    ถ้าพูดถึง ‘เมืองแห่งการออกแบบ’ เชื่อว่านิยามของแต่ละคนคงต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนนึกถึงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนีที่เต็มไปด้วยสถาบันออกแบบชื่อก้องโลก บ้างว่ามอนทรีออลของแคนาดานี่แหละที่เป็นตัวเต็ง เพราะนอกจากจะพัฒนาเมืองด้านการออกแบบอย่างจริงจัง ยังมีผลงานเจ๋ง ๆ ซ่อนอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของเมืองนับไม่ถ้วน แต่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ‘เซินเจิ้น’ เมืองชาวประมงเก่าแก่ของประเทศแดนมังกร เปลี่ยนแปลงและพัฒนาข้ามขั้นจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการออกแบบและนวัตกรรมที่ถูกยอมรับในระดับสากลไปเรียบร้อยแล้ว จากเมืองประมงริมชายฝั่งสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ย้อนไปในอดีตเซินเจิ้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเก่าที่อยู่ตรงข้ามกับฮ่องกงเท่านั้น แต่ในช่วงปี 1980 เมืองนี้กลับถูกเลือกให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของประเทศจีน จากนโยบายเปิดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจในปี 1978 หลังจากนั้นเซินเจิ้นก็ถูกพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า ทันสมัย และกลายเป็นแหล่งการค้าการลงทุนที่สำคัญของจีน นอกจากความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งแล้ว ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจก็มีอิทธิพลต่อการพัฒนาเมืองนี้ไม่แพ้กัน เมื่อ สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ประกาศมอบสถานะพิเศษให้เซินเจิ้นเป็นพื้นที่ทดลองปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม นับแต่นั้นเซินเจิ้นก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองกลุ่ม Greater Bay Area อันเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุก เช่นเดียวกับ ฮ่องกง, มาเก๊า, กวางโจว, จูไห่ และอีกหลายเมืองสำคัญ รากฐานความสร้างสรรค์ของเจ้าแห่งการจำลอง ดูเผิน ๆ แล้วเซินเจิ้นแทบไม่มีรากฐานด้านศิลปะหรือการออกแบบเฉกเช่นปารีส มิลาน หรือฟลอเรนซ์ แต่เราเชื่อว่าเซินเจิ้นเองก็คงมีบางสิ่งเป็นเบ้าหลอมให้มุ่งมั่นพัฒนาเมืองไปในทิศทางการออกแบบอย่างแน่วแน่เช่นนี้ ถ้าเปรียบเทียบเรื่องราวของเซินเจิ้นให้เป็นเรื่องใกล้ตัวยิ่งขึ้น คงคล้ายกับเมืองโบราณในจังหวัดสมุทรปราการของบ้านเรา ที่รวบรวมสถานที่สำคัญต่าง

  • World
    By: unlockmen March 13, 2020
    NIHON STORIES: รอยสักญี่ปุ่น ศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกจับตามอง

    คุณมองคนที่มีรอยสักเป็นอย่างไร ? มองว่าเป็นคนไม่ดี มองว่าเป็นเรื่องความชอบส่วนตัวของเขา หรือมองว่าเป็นศิลปะประเภทหนึ่ง บางคนอาจรู้สึกโอเคกับรอยสักขนาดเล็กสไตล์มินิมัล แล้วถ้ารอยสักขนาดใหญ่พาดเต็มแขนทั้งสองข้าง คุณจะมองว่ามันคือสัญลักษณ์ของอาชญากรหรือมองเป็นศิลปะญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์มากกว่ากัน ? UNLOCKMEN จะพาไปดูมุมมองเรื่องรอยสักของชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ว่าพวกเขามีความคิดเห็นที่เหมือนหรือแตกต่างเรื่องการวาดลวดลายบนเรือนร่าง ว่ามันสวยงามหรือว่ามันคือสัญลักษณ์ของพวกอาชญากรกันแน่ ?    รอยสักญี่ปุ่นว่าด้วยคนญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์รอยสักแห่งเกาะญี่ปุ่น เกิดขึ้นเมื่อค้นพบตุ๊กตาอายุราว 2,300 ปี ในหลุมศพของโชกุน การค้นพบครั้งนี้ทำให้นักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นต่างตั้งสมมุติฐานว่ารอยบนใบหน้าของตุ๊กตามีความหมายว่าอย่างไร บ้างก็ว่าเป็นเครื่องหมายแสดงความกล้าหาญ บ้างก็ว่าเป็นการบอกยศ และมีคนเชื่อว่ารอยสักคือเครื่องหมายไว้ประจานพวกนักโทษ สังคมญี่ปุ่นสมัยโชกุนจะแยกคนที่มีรอยสักกับไม่มีรอยสักออกจากกัน คนไม่มีรอยสักก็คือประชาชนธรรมดา บ้างก็เป็นพ่อค้าแม่ค้า มนุษย์เงินเดือน เจ้าหน้าที่ข้าราชการ ส่วนคนที่มีรอยสักมักเป็นโรนิน โสเภณีธรรมดาที่ไม่ใช่สาวงามแบบโอยรัน นักโทษ เด็กเกเร และคนที่ไม่ยอมอยู่ในครรลองคลองธรรมอันดีงามที่สังคมกำหนดไว้ หลังจากระบบการปกครองของญี่ปุ่นถูกรื้อใหม่หมด ช่วงปี ค.ศ. 1750 ญี่ปุ่นยกเลิกการปิดประเทศอย่างถาวร ปฏิรูปสังคมและชนชั้น ซามูไรถูกลดอำนาจ มีบันทึกระบุว่าชายหนุ่มจำนวนมากนิยมสักกันมากขึ้น ร้านสักกลายเป็นสถานที่ที่ใคร ๆ ก็สามารถเดินเข้าไปได้ แถมยังขยันออกลวดลายเท่ ๆ มาแข่งกันเพื่อเรียกลูกค้าอีกต่างหาก ผู้คนเริ่มมีมุมมองเกี่ยวกับคนมีรอยสักเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงอีกครั้งเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า ‘หากประชาชนคนใดนิยมรอยสักจะต้องรับโทษ’ หรือกฎปี 2001 ระบุว่า

  • CARS
    By: NTman March 11, 2020
    แค่เปิดไฟเลี้ยวจะตายไหม? เปิดเหตุผลคน…อะไร ขับรถยังไงไม่ใช้ไฟบอกสัญญาณ

    นอกจากจอมปาด จอมแทรก, หลอดไฟจ้าแยงตาสว่างไกลยันชาติหน้า, ขับช้าแช่ขวาไม่สนสี่สนแปดใด ๆ อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถจุดชนวนอารมณ์ สร้างอาการหัวร้อนขณะใช้รถใช้ถนนได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นเหล่าพลขับที่ไม่ยอมขยับก้านไฟเลี้ยว จะออกซ้าย ย้ายไปขวา หรือนึกจะเปลี่ยนเลน หักเลี้ยวเข้าซอยใด ๆ พี่แกก็แถเข้าไปดื้อ ๆ ยัดเยียดความเสี่ยงให้กับเพื่อนร่วมท้องถนนโดยไม่ถงไม่ถามสุขภาพกันสักคำ สำหรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ขั้นเบาะ ๆ ก็แค่ใจหายใจคว่ำ หนักหน่อยก็ถึงขนาดชนโครมเข้าไป ทำให้เสียเวลา เสียทรัพย์ อาจลุกลามถึงขั้นเสียชีวิต หรือเลวร้ายที่สุดคือเคสต่อเนื่องของอาการตกใจจากรถไร้มารยาทจนต้องหักหลบไปชนเข้ากับผู้ขับขี่ดวงตกรายอื่นที่ขับตาม ๆ กันมา จนเกิดความบรรลัยสร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นวงกว้าง ในขณะที่รถคันต้นเหตุมารยาททรามยังขับต่อไปได้แบบชิลล์ ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เรื่องคงไม่เกิดแค่พี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซึ่งใช้เวลาสั้นกว่าตอนที่พวกเราออกเสียงสรรเสริญว่า…่องตาย เสียด้วยซ้ำ สุดท้ายก็วนมาที่เรื่องเดิม อย่างที่รู้กันดีว่าไฟเลี้ยวนั้นใช้งานได้ง่ายดายโคตร ๆ แต่ทำไมไม่ค่อยใช้กัน และสิ่งนี้ได้กลายเป็นปริศนาลึกลับดำมืดคาใจหลายคนกับคำถามที่ว่า “จะเปลี่ยนเลน จะเลี้ยวรถแล้วทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยวกันวะ?” ซึ่งข้อสงสัยนี้ไม่ได้มีเฉพาะชาวไทยแลนด์แดนสยามเท่านั้น เพราะอีกซีกโลก ประชาชนชาวฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาก็สงสัยเรื่องความชุ่ยของคนที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวเช่นเดียวกัน เรื่องมันเริ่มต้นที่นายแพทย์ John Golia จากเมือง Fort Lauderdale ตอนใต้ของรัฐฟลอริดา

  • World
    By: unlockmen March 11, 2020
    “ความงามของเรือนร่างและทิวทัศน์ธรรมชาติ”รูปถ่ายที่เล่าเรื่องสตรีผ่านความโป๊เปลือย

    ความโป๊เปลือยอาจเป็นเรื่องอุจาดตาสำหรับใครหลายคน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเรือนร่างของมนุษย์คือความงดงามที่ธรรมชาติสรรสร้าง และพยายามถ่ายทอดความงามผ่านรูปถ่ายในมุมมองใหม่ที่จับทิวทัศน์และความเปลือยมาอยู่เฟรมเดียวกัน    *คอนเทนต์นี้อาจมีภาพที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน  การจับวิวมาเจอกับความโป๊เปลือยเกิดขึ้นโดย อแมนด้า เณอเชียน (Amanda Charchian) ช่างภาพสาวชาวจากเมืองลอสแองเจลิสที่ชื่นชอบการตระเวนถ่ายภาพทั่วโลก เธอเคยลุยเข้าไปในป่าลึกของไอซ์แลนด์ เดินทางไปคิวบา อิสราเอล โมร็อกโก คอสตาริก้า และประเทศอื่น ๆ เพื่อถ่ายทิวทัศน์ไกลสุดลูกหูลูกตา หรือเก็บภาพทะเลสาบเงียบสงบ โดยภาพวิวทุกภาพของเธอโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะจะมีสตรีเปลือยกายอยู่ในภาพถ่ายด้วยเสมอ  อแมนด้าพยายามส่งสารเรื่องความรู้สึกของหญิงสาวไปในรูปถ่ายทุกใบ เผยมุมมองที่เต็มไปด้วยความเป็นอิสระ ไม่มีความอ่อนแอให้เห็น แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความสวยงาม และอำนาจต่อเรือนร่างของตัวเอง สื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายเสมอไปที่ถ่ายภาพสวย เหตุผลที่เธอพยายามบอกทุกคนว่าไม่ได้มีแค่ผู้ชายที่ถ่ายภาพนู้ดสวย เกิดจากค่านิยมดั้งเดิมของวงการช่างภาพ อาชีพช่างภาพสมัยก่อนมักเป็นผู้ชาย เพราะผู้หญิงต้องเป็นแม่และภรรยาที่ต้องทำงานบ้าน ไม่ถูกยอมรับในฐานะช่างภาพหรืออย่างอื่น เธอจึงอยากบอกว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ผู้หญิงมีโอกาสเข้าถึงอาชีพมากขึ้น ได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำ แถมนางแบบที่เธอร่วมงานด้วยก็แสดงความสบายใจและไว้วางใจมากขึ้นเมื่อทราบว่าตากล้องผู้ถ่ายรูปเปลือยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน  นางแบบในภาพถ่ายมาจากหลากหลายอาชีพแต่พวกเธอล้วนอยู่ในแวดวงศิลปะ บางคนเป็นนักแสดง จิตรกร ช่างภาพแฟชั่น นักเขียน นักออกแบบแฟชั่น ทุกคนล้วนเข้าใจศิลปะและสิ่งที่อแมนด้าพยายามเล่าผ่านรูปถ่าย และอาจเป็นเพราะความเข้าใจร่วมกันระหว่างนางแบบกับช่างภาพที่ทำให้องค์ประกอบโดยรวมของภาพสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยความนุ่มละมุนของหญิงสาว ความเป็นธรรมชาติของนางแบบที่อยู่ในภาพ การจัดองค์ประกอบภาพทั้งมุม แสง สี รวมกับการเปลือยการของคนในรูปที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจากหลากหลายพื้นที่ ถือเป็นความงามที่ชวนให้เพลินตาและตระหนักถึงเรื่องราวที่ผู้หญิงพยายามจะสื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ เพราะการแสดงความคิดเห็นผ่านสิ่งที่ตัวเองถนัดคือการเล่าเรื่องในแบบที่ไม่เหมือนใคร  

  • World
    By: Chaipohn March 11, 2020
    ‘โคเคนรักษา CORONAVIRUS ไม่ได้’ จาก FALSE NEWS สู่คำเตือนจริงจังจากรัฐบาลฝรั่งเศส

    ในช่วงการระบาดของ Coronavirus หรือ Covid-19 ที่อานุภาพรุนแรงฝ่าทุกการป้องกันในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเจริญแล้วอย่างราบคาบ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน อังกฤษ สเปน หรือแม้แต่ฝรั่งเศส ซึ่งการระบาดของ Coronavirus นั้นติดง่าย แต่ไม่ร้ายแรงถึงตายทันตาเห็น และแน่นอนว่ายังไม่มียาป้องกัน มีเพียงยารักษาตามอาการและปล่อยให้ร่างกายเป็นฮีโร่สุดท้ายในการต่อสู้กับไวรัส ท่ามกลางความตื่นตระหนก ย่อมมาพร้อมสารพัด Fake News ว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นช่วยป้องกัน Covid-19 ได้ ที่น่าสนใจคือแต่ละประเทศจะมี Fake news แบบนี้ไม่เหมือนกัน สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตได้ดีพอสมควร แต่ในฝรั่งเศสถือว่าสุดโต่งกว่าใคร เมื่อมีกระแสที่ได้รับการ Viral จนวัยรุ่นเชื่อและนำไปทำตามกันเยอะมาก จนรัฐบาลฝรั่งเศสต้องออกมาประกาศว่า “โคเคน มันป้องกันหรือรักษา Coronavirus ไม่ได้นะคุณ” ต้นตอของกระแสแปลก ๆ นี้เริ่มจากภาพตัดต่อที่ทำให้ดูเหมือนข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อว่าพร้อม headline ว่า “Breaking News: Cocain kills Corona Virus” ถูก post ลงบน Twitter ทันใดนั้นมันก็ถูกแชร์ส่งต่อข้อมูลผิด ๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว

  • World
    By: unlockmen March 10, 2020
    THE PROFILES: ประสบการณ์ผ่านรอยสักและเรือนจำของ ALBRECHT BECKER ชายที่รอดจากคุกนาซี

    เราอาจรับรู้เรื่องราวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กันบ่อย บางครั้งฟังจากปากของทหารนาซี บางทีดูหนังที่เล่าจากฝั่งของสัมพันธมิตร และสัมผัสความเศร้าผ่านหนังสือของชาวยิวที่อยู่ในค่ายกักกัน UNLOCKMEN ได้พบเจอเรื่องราวอีกบทหนึ่งที่น่าสนใจ เรื่องราวของคนที่ถูกนาซีจับขังคุกด้วยข้อหาแปลก ๆ อย่างการเป็นเกย์ ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล อัลเบรทช์ เบกเกอร์ (Albrecht Becker) คือชายสูงวัยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเอาชีวิตรอดจากความตายเพื่อมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1935 เขามีอาชีพเป็นช่างภาพที่ถูกนาซีสั่งจำคุกด้วยข้อหาเป็นเกย์ เพราะยุคที่เต็มไปด้วยสงคราม ความขัดแย้ง การเหยียดหยาม คนรักเพศกำเนิดเดียวกันไม่ว่าหญิงหรือชายจะถูกเรียกว่า “เกย์” ถ้าคุณเป็นเกย์ช่วงปี 1935 และอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนี คุณจะกลายเป็นอาชญากรที่อาจถูกลงโทษถึงตาย  แต่เดิมการเป็นเกย์ไม่ได้เป็นปัญหาชีวิตของเขา จนประเทศถูกปกครองด้วยระบอบนาซีและเข้าสู่สงครามก็เริ่มมีข้อบังคับแปลก ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ‘วรรคที่ 175 ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันถือเป็นสิ่งต้องห้าม’ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ออกไปป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์ก็จะไม่มีใครล่วงรู้รสนิยมของเขา มีความสุขอยู่กับคนรักในเมือง Wurzburg ที่ห่างไกล “นาซีไม่สนใจผม และการเมืองของพวกเขาก็ไม่แลผมเช่นกัน” – Albrecht Becker  อย่างไรก็ตาม ชีวิตแสนสงบสุขของอัลเบรทช์กับคนรักต้องสิ้นสุดลงด้วยเวลาอันสั้น ภัยร้ายเริ่มคืบคลานเข้ามาเป็นผลจากเหตุการณ์ในเดือนกรกฎาคมปี 1934 เออร์เนส กึนเทอร์ เริห์ม (Ernst Gunther Roam)

« Previous 1 … 18 19 20 21 22 … 102 Next »

HOT THIS WEEK

#7daysinarow

  • 1
    CARS
    JDM: CODE RARE – Skyline GT-R Autech Version 40th Anniversary (1998: BCNR33)
  • 2
    CARS
    Porsche 911 Carrera Coupe Reimagined by Singer แรงบันดาลใจจากตำนานสุดแรร์​ 911 SSE
  • 3
    Business
    Betterment Series: Hyperdrive Mind – อาการ ADHD มีดีมากกว่าแค่สมาธิสั้นถ้ารู้วิธีรับมือ
< Prev Next >

most popular video of the week

#7daysinarow

THE REAL EP 1 : Tamaryn Cooper
Unlockmen Channel
18,282

EVERYTHING GUYS NEED
TO UNLOCK YOUR TRUE
POTENTIAL EVERYDAY

Unlockmen

Subscribe now

Unlockmen
  • About Us
  • Our team
  • Jobs
  • Contact Us
  • Terms of Use
  • Privacy Policy
© 2016 whiteline thaithayan. All rights reserved.
Use of this site constitutes acceptance of our User Agreement (effective 1/4/2016) and Privacy Policy (effective 1/4/2016).The material on this site may not be reproduced,
distributed, transmitted, cached or otherwise used, except with prior written permission of thaitayan ltd.