การหลบไปทำอะไรตามลำพังบางครั้งบางคราวเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอยากกินข้าวคนเดียว อยากนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ หรือต่อกันพลา เพราะเราต่างต้องการเวลาส่วนตัวกันทั้งนั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การกระทำบางสิ่งด้วยตัวคนเดียวส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้อื่น เมื่อนั้นโลกจะเรียกคุณว่า ‘lone wolf’ ปัจจุบันเรามักพบเจอกับความรุนแรงและการก่อการร้ายในสังคมอยู่บ่อยครั้ง บ้างอาจเป็นทีมหรือลัทธิความเชื่อสุดโต่งก็ร่วมกันวางแผนก่อเหตุสะเทือนขวัญและก็มีหลายครั้งที่เหตุร้ายเกิดขึ้นจากฝีมือคนคนเดียว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ UNLOCKMEN เริ่มขุดคุ้ยถึงที่มาของคำว่า ‘lone wolf’ ที่เห็นบ่อยครั้งตามหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อหาคำตอบว่าหมาป่าเดียวดายที่ถูกสังคมถีบออกมามีเรื่องราวและความเป็นมาอย่างไร หมาป่าเดียวดายส่วนใหญ่บาดเจ็บจากสังคม ความหมายแรกเริ่มของคำว่า ‘lone wolf’ หรือ ‘หมาป่าเดียวดาย’ ไม่ได้ถูกมองแง่ลบเหมือนปัจจุบัน แต่เป็นคำจำกัดความสำหรับเรียก ‘คนที่ชอบทำอะไรคนเดียว’ ไม่ว่าจะกินข้าวคนเดียว ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวก็สามารถเรียกว่า lone wolf ได้ทั้งนั้น เมื่อลองสืบหาต้นตอของคำคำนี้จริง ๆ พบว่า lone wolf อ้างอิงมาจากลักษณะนิสัยของหมาป่าที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนไม่ต่างจากมนุษย์ และเกือบทุกกลุ่มก็มักมีหมาป่าบางตัวที่ถูกขับออกจากฝูง ทำให้นิสัยของหมาป่าเดียวดายส่วนใหญ่ที่ถูกขับ มักชอบลงมือทำอะไรเสี่ยง ๆ เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเทียบกับคนสามารถเห็นได้ชัดกับกรณีคนผิวสีอยู่ท่ามกลางคนขาวทำให้คนผิวสีที่เป็นส่วนน้อยรู้สึกแปลกแยก จึงทำให้ความหมายของ lone wolf ออกไปในเชิงลบมากกว่าบวก ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปคำว่าหมาป่าเดียวดายไม่ได้แปลว่าคนที่ชอบทำอะไรคนเดียวอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของ ‘การก่อการร้ายแบบลุยเดี่ยว’ ให้ความหมายเชิงลบดำมืด โดย
ก่อนนี้พวกเราเห็นข่าว Mass Shooting ในต่างประเทศอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่จากเหตุการณ์น่าสะเทือนใจในโคราช ทำให้เราคิดว่ามันเป็นสิ่งใกล้ตัวกว่าที่คิด และพวกเราควรจะรู้วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะหัวใจสำคัญที่สุดคือการเอาชีวิตรอด ซึ่งเป็นการช่วยเจ้าหน้าที่ให้ทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยอีกทาง ต้องยอมรับว่าน้อยคนที่จะรู้วิธีรับมือกับเหตุการณ์ Mass Shooting อย่างถูกต้อง ดังนั้นเราจึงจะสรุปมาให้เข้าใจง่าย ๆ ให้รู้ติดตัวเป็นไอเดียเอาไว้ วันนึงดวงซวย ดันไปอยู่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์แบบนี้ อย่างน้อยเราจะได้พอมีสติรับมือ พาให้ตัวเองและคนที่เรารักรอดชีวิตออกมาได้ เริ่มต้นจากท่องให้ขึ้นใจ และเลือกออพชั่นที่ทำได้ตรงหน้า เรียงตามลำดับ “หนี / ซ่อน / สู้” หนี: ตั้งสติให้ดี มองหาทางหนีทันทีที่ได้ยินเสียงปืน เพราะเหตุการณ์กราดยิงไม่ใช่สิ่งที่หลายคนจะเคยสัมผัสประสบการณ์มาก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจึงรู้สึกตัวช้าเกินไป จากเหตุการณ์ Mass shooting ส่วนใหญ่เราจะได้ยินเสียงปืนยิงรัวเป็นระยะอยู่นาน กว่าผู้คนจะเริ่มวิ่งหนี และส่วนใหญ่ฝูงชนจะวิ่งแตกตื่นตามกันทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งทำให้เกิดความสับสนทำอะไรไม่ถูก หวาดกลัว จนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในความเสี่ยง เช่น วิ่งหนีโดยไม่รู้ตำแหน่งมือปืน หรือวิ่งพาตัวเองไปอยู่ในทางตันจนหนีไปไหนไม่ได้ ดังนั้นถ้าเป็นเหตุการณ์กราดยิงในอาคาร พยายามอย่าวิ่งไปทางเข้าออกหลัก เพราะนั่นมักจะเป็นตำแหน่งทางเข้าของมือปืนที่ต้องการต้อนคนให้ได้มากที่สุด ให้มองหาทางออกฉุกเฉินเพื่อหนี จะมีโอกาสรอดมากกว่า หรือลองเช็คข่าวสารว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไร เพื่อจะได้วางแผนมองหาทางหนีที่เหมาะสม เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตได้ ในกรณีเหตุการณ์ที่โคราช
อีกประเด็นที่กำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือดตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องผู้ติดเชื้อ HIV รายหนึ่งที่จะเปิดคอร์สสอนมีเซ็กซ์แบบปลอดภัยโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย ประเด็นดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลมีเดีย เนื่องด้วยตรรกะและวิธีสื่อสารไม่เป็นที่ยอมรับ แถมการไม่ใส่ถุงยางอนามัยยังดูต่อต้านกับทฤษฎีทางการแพทย์และความเชื่อเรื่องการสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคอีกด้วย ขณะที่ถุงยางอนามัยถูกสร้างมาช่วยคุมกำเนิดและป้องกันการติดเชื้อเป็นหลัก แต่กลับมีบางคนปักใจเชื่อว่า ‘ทฤษฎี U=U / ไม่เจอเชื้อ=ไม่แพร่เชื้อ HIV’ นั้นหนักแน่นและน่าเชื่อถือเพียงพอที่เขาหรือใครจะไม่ต้องสวมใส่ถุงยางอนามัยขณะร่วมเพศ แม้จะไม่ติด HIV โลกใบนี้ก็ยังมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกหลายโรคที่คร่าชีวิตเราได้เช่นกัน วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ มาย้อนประวัติศาสตร์จากเรื่องราวของ 5 สุภาพบุรุษที่ทั้งแกร่ง โหดเหี้ยม ชาญฉลาด และมีพรสวรรค์ แต่ไม่ว่าคุณจะแกร่งแค่ไหน กามโรคและความตายก็สามารถร่วมกันพรากสัมผัสสุดท้ายออกไปจากชีวิตของพวกเขาได้อย่างไม่ไยดี แม้ผู้ชายหลายคนในลิสต์นี้จะไม่ได้ติดโรคมาจากการไม่สวมถุงยางอนามัยทั้งหมด แต่ผู้ชายอย่างเราก็จะเห็นได้ว่าการป้องกันไว้ดีกว่าแก้นั้นดีที่สุด เพราะแกร่งแค่ไหนก็อาจพ่ายแพ้ให้กับโรคได้อย่างราบคาบและไม่มีข้อยกเว้น แอล คาโปน (Al Capone) มาเฟียหัวโจกแห่งแก๊งชิคาโกที่ทุกคนยำเกรง แอล คาโปน (Al Capone) คือผู้ทรงอิทธิพลในชิคาโกที่โด่งดังจากธุรกิจผิดกฎหมาย ตั้งแต่การพนัน ค้าประเวณี เลี่ยงภาษีนำเข้า กรรโชกทรัพย์ หรือแม้แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมนองเลือดในเมืองเล็ก ๆ ของรัฐอิลลินอยส์แห่งนี้ แม้เขาต้องลาออกจากโรงเรียนมัธยมด้วยเรื่องชกต่อย และชีวิตถูกประทับรอยตำหนิตั้งแต่วัยเยาว์ ทว่าเส้นทางมาเฟียของ แอล คาโปน
สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของเหล่าฆาตกรต่อเนื่องมักจะเห็นเสมอว่าภูมิหลังส่วนใหญ่ของพวกเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เท่าไรนัก แต่สิ่งที่ต่างอาจเป็นเรื่องของความอบอุ่นในครอบครัว ชีวิตวัยเด็กของฆาตกรในสหรัฐอเมริกาส่วนมากเติบโตมาจากครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงในบ้าน ไม่ก็มีพ่อแม่เคร่งศาสนา อย่าง ฆาตกรตัวตลก JOHN GACY มีแม่ผู้เคร่งศาสนาที่เกลียดลูกชายตัวเองเพราะเขาตุ้งติ้งเหมือนเกย์ ส่วน EDMUND KEMPER อัจฉริยะผู้หลงใหลความตาย ก็โตมากับคำด่าทอและความรุนแรงที่รับจากพ่อมาตลอดช่วงชีวิตวัยเด็ก รวมถึง Henry Howard Holmes (เฮนรี่ โฮเวิร์ด โฮล์มส์) ชายที่โลกเรียกเขาว่า “ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของอเมริกา” โฮล์มส์ผู้หลงใหลในกายวิภาคศาสตร์ โฮล์มส์ในวัยเด็กมีชีวิตจากครอบครัวทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในรัฐนิวแฮมเชียร์ เขาสนใจเกี่ยวกับสรีระและชีววิทยามาตั้งแต่เล็ก เวลาว่างมักไล่จับสัตว์เล็กมาผ่าเพื่อดูอวัยวะภายใน บางครั้งก็จับสัตว์มาหักขาข้างหนึ่งและรอดูว่ามันจะเดินได้ไหมหรือตัดขาทิ้งแล้วจะเป็นอย่างไร เขาจึงถูกพ่อแม่เคร่งศาสนาตีด้วยไม้เรียวเสมอ บางครั้งก็ขังเขาไว้บนห้องใต้หลังคา ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาว่างไปกับการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ แต่กลับไม่มีใครสนใจลูกคนที่สามของบ้านผู้เต็มไปด้วยอัจฉริยภาพ ครอบครัวของเขามองไม่เห็นพรสวรรค์เด็กผู้ชายนี้ โฮล์มส์วัย 19 ปี แต่งงานกับภรรยาคนแรกและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน พอเข้าวัย 22 เขาตัดสินใจเขาเรียนคณะแพทย์และเฉิดฉายในชั้นเรียน จากปกติการเรียนแพทย์จะต้องใช้เวลาเรียน 6 ปี แต่โฮล์มส์กลับใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีก็เรียนจบ ทว่าชีวิตรักของเขากลับล้มเหลว เมียของเขาขอแยกกันอยู่โดยไม่ได้เซ็นใบหย่าเพราะโฮล์มส์เป็นชายที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลัง เมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษา Henry Howard
ปี 2018 ชายคนหนึ่งกล่าวว่าประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาขาดการเตรียมพร้อมสำหรับโรคไข้หวัด (Flu) สายพันธุ์ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของมนุษย์ ประโยคนั้นนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงและระดมทุนครั้งใหญ่เพื่อทำงานวิจัยขั้นสูงเพื่อคิดค้นวัคซีนชนิดใหม่ เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ชายคนนั้นคือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ที่เรารู้จักกันดีชื่อของเขาคือ บิล เกตส์ และสิ่งที่เข้าพูดเมื่อ 3 ปีก่อนนั้น ปัจจุบันกำลังเกิดขึ้นจริง หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าชายที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยทรัพย์สินประมาณ 110 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนามว่าบิล เกตส์คือหนึ่งในมหาเศรษฐีใจบุญที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทั้งเรื่องโอกาสทางการศึกษา มูลนิธิด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก รวมไปถึงโครงการเกี่ยวกับโรคร้ายสารพัดรูปแบบ การต่อสู้กับโปลิโอในอินเดีย โรคในเด็กแรกเกิดที่ไนจีเรีย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ถือเป็นหนึ่งในโรคที่มีวิธีรักษา แต่กลับคร่าชีวิตประชากรบนโลกเป็นจำนวนมาก อะไรที่ทำให้ชายคนนี้ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันโรคติดต่อที่อยู่กับมนุษย์มานาน เราอยากชวนคุณมาหาคำตอบไปพร้อมกัน ตลอด 10 ที่ผ่านมาโลกต้องเผชิญกับไขหวัดที่อันตรายถึงชีวิตหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก A/H1N1 ไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่สร้างความเสียหายต่อมนุษย์รวมถึงสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก รวมไปถึงโรคอย่าง ซาร์ส เมอร์สและอีโบล่า ที่สร้างความหวาดกลัวต่อผู้คนทั่วโลก อย่างไรก็ตามโรคทั้งหมดยังเทียบไม่ได้กับจำนวนของผู้ที่ตายเพราะโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีอัตราการตายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกวัน ย้อนกลับไปในปี 1918 เกิดการระบาดของไข้หวัดสเปนกระจายเป็นวงกว้างทั่วโลกโดยมีประชากร 1 ใน 3 ติดเชื้อสุดท้ายการระบาดก็คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกประมาณ 50 – 100 ล้านคน หากจินตนาการไม่ออกว่าจำนวนนี้มากแค่ไหน จำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ครั้งนั้นมากเป็น
ช่วงต้นอาทิตย์ ข่าวรายงานโศกนาฏกรรมชวนช็อก เมื่อข่าวพูดถึงขวัญใจคอบาสอย่าง Kobe Bryant ประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตก เสียชีวิตทั้งลำที่ คาลาบาซาส นครลอส แองเจลีส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สะเทือนใจวงการกีฬาทั่วโลก คนที่ติดตาม NBA ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่หรือเก่า เราเชื่อว่าชื่อของ Kobe Bryant จะติดอยู่ในทำเนียบตำนานที่ควรรู้จักทั้งในเกมและนอกเกม ชีวิตของเขาไม่ใช่แค่โตมาในฐานะดาวรุ่ง แต่เปลี่ยนยุคของ Lakers ทีมบาสที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง และได้รับการ Draft ตัวมาตั้งแต่วัยเพียง 17 ปีเท่านั้น Kobe Bryant โลดแล่นอยู่ในวงการในฐานะนักเล่นอาชีพถึง 20 ปี คว้าแชมป์ NBA ได้มากถึง 5 สมัยก่อนจะวางมือไปเมื่อปี 2016 หลังจากเราเขียนบทความนำเสนอมุมมองของเขาที่น่าชื่นชมแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเจาะลงไปให้ลึกอีกนิดว่า เขาเข้ามาสู่วงการนี้ได้อย่างไร ทำไมเขาถึงกลายเป็นไอดอลให้กับนักกีฬาหลายคน การแลกมือดีประจำทีม LAKERS กับเด็กชายวัย 17 Kobe เด็กชายชาวฟิลาเดเฟียเติบโตมาด้วยพรสวรรค์ด้านกีฬาบาสที่หลายคนกล่าวว่าถอด DNA มาจากพ่อและลุง เพราะทั้งคู่ล้วนเคยเป็นผู้เล่นในระดับ NBA ด้วยกันทั้งคู่ แต่แค่นั้นยังไม่มากเท่ากับความทะเยอทะยานที่อยากก้าวขึ้นไปเป็นตำนาน ซึ่งทำให้เขาหมกมุ่นกับการฝึกซ้อม
ยิงกระสุน 1 นัดทำให้กี่คนเจ็บก็ไม่มากเท่าไวรัส 1 สายพันธุ์ที่ไร้การควบคุม ตั้งแต่ช่วงปลายปีจนถึงวันนี้ ข่าวการติดเชื้อและเสียชีวิตของผู้คนจาก “ไวรัสโคโรนา” มากขึ้นเรื่อย ๆ ตอกหน้าให้ประชาชาติรับรู้ว่า “หายนะ” กำลังมาเยือนถึงหน้าบ้าน มันไม่ใช่หนังซีรีส์จาก Walking Dead ที่แค่เราดูแค่บันเทิง มีซอมบี้น่ากลัวดมกลิ่นมนุษย์สักคนเจอแล้วโผเข้าใส่กัดแบบที่เรามองเห็น แต่เป็นไวรัสปริศนาที่เราแยกมันไม่ออกระหว่างผู้ติดเชื้อกับคนปกติที่เดินอยู่ทั่วไป โคโรนาไวรัสน่ากลัวกว่าซอมบี้ ไวรัสโคโรนา 2019 เป็นไวรัสที่มีสัตว์เป็นพาหะติดต่อสู่คน และปัจจุบันได้แพร่จากคนสู่คนด้วยกัน! เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นจากปลายปี 2019 หลังมีคนพบผู้เสียชีวิตชาวจีนที่มีอาการปอดบวมอย่างไรสาเหตุ ก่อนจะสืบสาวราวเรื่องไปว่ามีคนที่มีอาการแบบเดียวกันและพบเชื้อไวรัสด้านระบบทางเดินหายใจคือไวรัสโคโรนาขึ้น ทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับตลาดอาหารทะเลแห่งหนึ่งของจีนที่ตั้งอยู่ในเมืองอู่ฮั่น (ตลาดแห่งนี้จำหน่ายเนื้อสัตว์หลากหลายทั้งสัตว์ป่าและสัตว์ทั่วไป) ไวรัสที่พัฒนาจากการติดต่อจากข้ามสายพันธุ์ระหว่างสัตว์สู่มนุษย์ และสามารถทำให้ติดเชื้อระหว่างสายพันธุ์เดียวกัน ถือเป็นตลกร้ายที่ระบบสาธารณสุขและการแพทย์ยังเป็นเรื่องใหม่และเรื่องยาก ขณะนี้จึงยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดแบบ 100% หรือมียาต้าน เน้นเป็นการรักษาตามอาการ ซึ่งถือเป็นปกติของการรักษาเชื้อประเภทไวรัส ตามข้อมูลที่ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เผยแพร่ ระบุว่าทีมวิจัยจุฬาฯ ถอดรหัสพันธุกรรมแล้วพบว่า ไวรัสโคโรนา 2019 (สายพันธุ์ที่ 7 ในตระกูลโคโรนา) มีความใกล้เคียงกับไวรัสที่พบใน “ค้างคาว” แต่ยังไม่พบว่าเชื้อนี้แพร่เข้าสู่คนได้อย่างไรเนื่องจากข้อมูลกลางของจีนยังไม่ได้ระบุรายละเอียด จากจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเลขตัวเดียว ภายในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือน ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นหลักร้อย ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นหลักสิบ แถมยังกระจายออกนอกประเทศ
เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody ปลุกกระแสให้ตำนานไม่มีวันตายอย่างวง Queen กลับเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง เรื่องความเจ๋งของเขาเราไม่เถียง เพราะพวกเขาเป็นวง Glam Rock ระดับตำนานที่ไม่มีใครมาล้มล้างได้ แต่ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าหนังเรื่องนี้มีส่วนทำให้วงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง แถมยังขยายฐานแฟนเพลงเด็กรุ่นใหม่มากมาย แม้สมาชิกในวงจะอายุรุ่นราวคราวปู่ ล่าสุดก็มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อโรงกษาปณ์ The Royal Mint แห่งสหราชอาณาจักรประกาศคอลเลกชันใหม่เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความยิ่งใหญ่ของวง โดยเป็นชุดแรกของคอลเลกชันในหมวด ‘Music Legends’ ซึ่งวงแรกที่ได้รับเกียรตินั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพวกเขาวง Queen แน่นอนว่าเหรียญระดับพรีเมียมแบบนี้ไม่ได้มาแค่ชิ้นเดียว แต่ผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกสรร (ถ้ากำลังทรัพย์ของคุณมากพอ) แบบธรรมดาราคา 13 ปอนด์ (ราว 514 บาท) แบบมีซองรูปวง Queen ราคา 15 ปอนด์ มีทั้งแบบธรรมดาและแบบ Limited Edition ผลิตแค่ 25,000 ชิ้น (ราว 593 บาท)
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เราทุกคนล้วนต้องผ่านช่วงเวลาเป็นเด็กด้วยกันทั้งนั้น และกิจกรรมวัยเด็กขาดไม่ได้คือการตื่นเช้ามานั่งรอดูการ์ตูน อ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องที่ชอบ ตามซื้อนิตยสารการ์ตูนเพื่อจะได้อ่านตอนถัดไปก่อนใคร ตามเก็บของเล่นที่แถมมากับขนม และเอาเรื่องราวมัน ๆ ในการ์ตูนมาคุยกับเพื่อนที่โรงเรียน ยุคหนึ่งเคยมีการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย มังงะจากเกาะญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องราวการผจญภัยของซุน โกคู เด็กชายผู้ออกตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมดราก้อนบอลให้ครบ 7 ลูก เพราะหากเก็บครบแล้วจะสามารถขอพรจากเทพเจ้ามังกร เรื่องราวการเดินทางที่ต้องพบเจอทั้งอุปสรรค เพื่อนฝูง เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการผจญภัย ทำให้เด็ก ๆ ทุกคนติดการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball กันแจ DARGON BALL ในยุคคุณดังแค่ไหน ? เมื่อถูกถามขึ้นว่า “Dragon Ball ดังแค่ไหน ?” บางคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงถามคำถามนี้ เพราะคำตอบคือสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วว่า “การ์ตูนเรื่องนี้แม่งโคตรดัง!” แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไป คนรุ่นก่อนที่ทันอ่านมังงะเรื่องนี้ก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ซึ่งถ้าย้อนกลับไปดูพบว่าช่วงเวลาที่ Dragon Ball ตีพิมพ์คือ ค.ศ. 1984-1995 (พ.ศ. 2527-2538) สรุปคือตอนนี้การ์ตูนเรื่องดังจบลงนานกว่า 25 ปีแล้ว เด็ก ๆ
เราคงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวว่า Bill Gates คือใคร หรือต่อให้ต้องนิยามความเป็นเขาให้ถ้วนทั่ว ก็ไม่อาจนิยามได้ในไม่กี่ประโยค นอกจากผู้คนจะจดจำเขาว่าคือมหาเศรษฐีระดับโลกและเป็นเจ้าพ่อไมโครซอฟต์แล้ว สิ่งที่ผู้คนมักจดจำเขาคือ “ผู้ไม่หยุดเรียนรู้” ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน รวยล้นฟ้าติดอันดับโลกเพียงใด Bill Gates ไม่เคยหยุดเรียนรู้ เขาอ่านหนังสือปีละหลายสิบเล่ม เขาพบปะผู้คนใหม่ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดอยู่เสมอ และ Ted Talk ก็นับเป็นอีกแหล่งที่มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลคนนี้ใช้ตักตวงความรู้ใหม่ ๆ นี่คือ 5 Ted Talk ที่ Bill Gates ฟังแล้วลงความเห็นว่าเขาชื่นชอบเป็นอันดับต้น ๆ The Danger of Science Denial ไม่ใช่แค่เมืองไทยที่มีความเชื่อผิด ๆ ทางการแพทย์ อย่างการกินน้ำมะนาวรักษามะเร็ง การบอกว่าเด็กไม่ควรฉีดวัคซีนเพื่อให้เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือการพยายามปฏิเสธการรักษาแบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่ได้แค่ทำให้เกิดอันตรายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่อาจหมายถึงความหายนะระดับมวลมนุษยชาติ หากความคิดแบบนี้แผ่ขยายเป็นวงกว้าง นี่จึงเป็นหนึ่งใน Ted Talk