แม้ว่าดนตรีสายหนักหน่วงอย่างเมทัลจะไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรา และมีแฟนเพลงเฉพาะกลุ่มในจำนวนที่ไม่มาก ทำให้การขายงานโชว์ให้ได้อย่างวงปกติทั่วไปบนท้องตลาดก็ยากตามไปด้วย นั่นทำให้รายรับของคนที่เล่นดนตรีแนวนี้ไม่มีทางหาเลี้ยงชีวิตได้เพียงพอแน่นอน แม้อุปสรรคที่ขวางจะใหญ่โตมากนัก แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ศิลปินที่ไม่เคยท้อแท้ แถมยังคอยพัฒนาฝีมือ ต่อยอดคุณภาพ จนกล้าพูดได้เต็มปากว่าสามารถฟัดกับวงต่างประเทศได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งวงที่ทำให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนมากที่สุดคงต้องยกให้ Annalynn! BASED ON NU METAL Annalynn มีจุดเริ่มต้นวงตั้งแต่ปี 2003 หรือกว่า 19 ปีที่แล้ว การรวมตัวในตอนนั้นคือการลุยประกวดดนตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งนำโดย 2 สมาชิกหลักที่อยู่มาถึงปัจจุบันนั่นคือ “บอน” (ร้องนำ) และ “เอก” (เบส) โดยช่วงแรกพวกเขานำเสนอสไตล์ดนตรีนูเมทัล ที่เป็นที่นิยม ณ เวลานั้น โดยมีวง Deftones ที่เปรียบเสมือไอดอลและแรงบันดาลใจ หลังจากที่ได้ข้อตกลงว่าต้องการทำเพลงอย่างจริงจัง Annalynn จึงได้ผลิตผลงานเพลงเป็นของตัวเอง และต่อยอดกลายเป็น “EP.First Shut Up, Then Shut Down” ออกมาในปี 2004 รวมไปถึงในช่วงแรกพวกเขาได้มีโอกาสทำงานกับค่าย Sexy Pink
ต้องยอมรับเลยว่าบรรดาเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ ต่างเติบโตกันมาด้วยมุมมองที่หลากหลายมากกว่าเดิม สาเหตุก็มาจากการเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ง่ายเพียงปลายนิ้วผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน มันสะท้อนออกมาทั้งจากทางความคิด การแต่งตัว และการฟังเพลงด้วยเช่นกัน สังเกตได้จากเพลย์ลิสต์ที่ไม่ได้ยึดติดกับแนวใดแนวหนึ่งเป็นพิเศษ แต่มันจะคละไปด้วยเพลงดี ๆ ที่แนวทางแทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราอาจจะได้ฟังทั้งเพลงป๊อป, เพลงร็อก หรือแม้กระทั่งเพลงสายอินดี้ จากเพลย์ลิสต์เดียวกัน แตกต่างจากคนยุคก่อนที่มักจะยึดการฟังเพลงจากแนวใดแนวหนึ่งที่ชื่นชอบเป็นหลัก สิ่งที่ได้กล่าวมามันก็ได้หล่อหลอมสร้างศิลปิน/นักดนตรี รุ่นใหม่ขึ้นมาด้วยเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดในยุคนี้คงต้องยกให้ Yungblud หนุ่มวัย 25 จากประเทศอังกฤษ หรือชื่อจริงคือ Dominic Richard Harrison ที่สร้างดนตรีจากซาวด์ที่เขาชื่นชอบและเติบโตขึ้นมา ทำให้เราจะได้ฟังสีสันอันหลากหลายจากผลงานของเขา ไม่ว่าจะเป็นป๊อปพังก์, โพสต์พังก์, ฮิปฮอป หรือแม้กระทั่งเมทัล ดังเช่นตัวอย่างเพลงต่อไปนี้ “PARENTS” ผลงานจากอัลบั้ม “Weird!” (Digital Edition) ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2020 เพลงนี้โดดเด่นด้วยการร้องแร็ปไปพร้อมกับบีตที่ใช้เป็นเมนหลักแทบทั้งเพลง แต่ก็มีการซ่อนซาวด์กีตาร์ในสไตล์อัลเทอร์เนทีฟร็อกเข้ามาเพิ่มความน่าสนใจ และมันจะพุ่งออกมาให้เห็นได้ชัดในช่วงของท่อนฮุค “PSYCHOTIC KIDS” เพลงนี้อยู่ในอัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า “21st Century Liability” (2018) ส่วนผสมของเพลงนี้มีความหลากหลายมาก ๆ
หิว แต่ไม่รู้จะกินอะไรดี! หลาย ๆ คนมักจะชอบเผชิญปัญหาที่ไม่น่าเป็นปัญหาแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง บางทีเราก็สูญเสียเวลาไถแอปสั่งอาหารอยู่เป็นชั่วโมงแต่ก็หาร้านถูกใจไม่ได้ซักที ซึ่งมันทำให้เราหงุดหงิดเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งลามปามกลายเป็นโมโหหิวเผลอพาลคนข้าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ปัญหาดังกล่าวพอมีทางแก้ไขด้วยการหาคนแนะนำชี้ช่องทางร้านอาหารเด็ด ๆ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือบรรดายูทูปเบอร์สายตะลุยกิน ที่จะช่วยให้เราเปิดโลกการหาของกินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จะมีใครบ้าง มาทำความรู้จักกัน พีทอีทแหลก ยูทูปเบอร์สายกินที่น่าจะโด่งดังที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ ปัจจุบันมียอดติดตามสูงถึง 8.21 ล้านคน สิ่งที่ทำให้ทุกคนติดตามพีทอีทแหลกก็คือสกิลการกินจุอันบ้าคลั่ง จนทำให้คนทั่ว ๆ ไปต่างต้องตกตะลึงกับความสามารถพิเศษของเขามาแล้ว หลาย ๆ ครั้งพีทมักจะโผล่ไปแกล้งตามร้านอาหารต่าง ๆ เพื่อสั่งอาหารกินในปริมาณผิดมนุษย์มนา ซึ่งนอกจากเราจะได้ดูการเอนเตอร์เทนของพีทแบบเพลิน ๆ แล้ว มันยังทำให้เราได้รู้จักร้านอาหารต่าง ๆ อีกเพียบเลย ซึ่งจะมีตั้งแต่ร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้า จนไปถึงในแบบสตรีทฟู๊ด รวมไปถึงบุฟเฟ่ต์ด้วยเช่นกัน BANGKOKCIAGA ยูทูปเบอร์ที่นำโดย 2 คู่หูสุดแสบ ได้แก่ “อีฟ” และ “อ้น” ปัจจุบันมียอดติดตามอยู่ที่ 1.54 ล้านคน แต่เดิมเคยเป็นช่อง EVE
ในโลกของฟุตบอลมีดาวรุ่งเกิดขึ้นมามากมายในทุก ๆ ปี มีหลายคนที่ก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Lionel Messi, Cristiano Ronaldo, Wayne Rooney, Neymar, Erling Haaland เป็นต้น แต่ก็มีดาวรุ่งอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกม้าตายกลายเป็นนักเตะธรรมดา ที่สุดท้ายก็แทบจะถูกลืมไปจากวงการฟุตบอล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Freddy Adu ชาวอเมริกัน ที่เคยถูกขนานนามว่า “New Pele” แถมยังเคยเกือบได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีม Manchester United มาแล้ว แจ้งเกิดตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี Freddy Adu ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1989 เดิมทีเจ้าตัวมีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ประเทศกานา และก็เป็นที่ที่เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังครั้งแรก แต่เมื่อ Adu อายุได้ 8 ขวบก็ต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าศึกษาที่โรงเรียน Sequoyah แน่นอนว่าชีวิตเขายังคงขลุกกับฟุตบอล ได้ฝึกฝีมือกับสโมสร Potomac Cougars นับตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2001 ต่อด้วย IMG
ในวงการดนตรีทุกวันนี้ มีแร็ปเปอร์เกิดใหม่ขึ้นมามากหน้าหลายตา แต่ละคนล้วนมีฝีปากในการพ่น Rhymes ได้ไม่เบาทั้งนั้น หลาย ๆ คนก็สามารถสร้างเพลงฮิตจนทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ หรือแม้กระทั่งพาเพลงไปติดชาร์ตบิลบอร์ดก็มีให้เห็นมาแล้ว ซึ่งเพลงที่ว่านั้นก็คือ “ทน” ผลงานของ Sprite และ Guygeegee สองแร็ปเปอร์ต่างวัยที่ใส่ความสนุกสนาน ผสมกับความกวนลงไปในบทเพลง จนชวนให้ทุกคนครื้นเครงกันในช่วงล็อกดาวน์ และก็เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่ทาง Unlockmen ได้มานั่งพูดคุยกับ Guygeegee แร็ปเปอร์มาดกวน ที่ดูภาพลักษณ์แอบทำให้เรานึกถึง Eminem ไม่น้อยทีเดียว เรื่องราวของผู้ชายคนนี้เดินทางมาพร้อมกับคำสบประมาทที่คอยบอกว่าให้ล้มเลิกความฝันไปซะ เขาจึงต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยคำสั้น ๆ ว่า “Prove Them Wrong” มาติดตามเรื่องราวไปพร้อม ๆ กันได้เลย ROCK BEFORE RAP! ก่อนจะก้าวมาเป็นแร็ปเปอร์ Guygeegee ก็มีชีวิตที่ผูกพันธ์กับดนตรีมาตั้งแต่วัยเด็ก เขาเล่นได้ทั้งแซกโซโฟน และกีตาร์ อีกทั้งยังสอบวิชาดนตรีได้เกรด A มาโดยตลอด อีกทั้งเขายังเคยชื่นชอบเพลงร็อกก่อนเพลงฮิปฮอปซะอีก “ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ ผมฟังแต่วงร็อกไทย ทั้ง Potato, Pancake,
แม้ว่าวง Nirvana จะปิดฉากตัวเองลงไปตั้งแต่ปี 1994 แต่ชื่อของพวกเขายังคงถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลา สาเหตุก็เพราะความยิ่งใหญ่ของ 3 สมาชิก Kurt Cobain, Dave Grohl และ Krist Novaselic ที่เคยบิวด์ให้กระแสของดนตรีกรันจ์กลายเป็นไฟที่ลุกโชนไปทั่วโลก เกิดเป็นไฟลามทุ่งที่เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ทางดนตรีไปตลอดกาล โดยผลงานชุดสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้กับโลกใบนี้คือ “In Utero” ซึ่งเพิ่งมีอายุครบรอบ 29 ปีไปหมาด ๆ “In Utero” คือผลงานชุดที่ 3 วางจำหน่ายครั้งแรกในรูปแบบเทปและไวนิล ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 1993 ตามมาด้วยการวางขายแผ่นไวนิลในอเมริกาวันที่ 14 กันยายน 1993 และวางขายทั่วโลกวันที่ 21 กันยายน 1993 มันออกมาพร้อมกับความคาดหวังในระดับสูง เพราะอัลบั้มก่อนหน้านี้คือ “Nevermind” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ซึ่งการต่อยอดความสำเร็จนั้นตามปกติทั่วไปหากเป็นวงอื่น ๆ อาจจะทำดนตรีที่มีซาวด์ไม่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อเป็นการเพลย์เซฟ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่วง Nirvana ทำ! พวกเขาเดินหน้าเข้าสู่ห้องอัด
ปัจจุบันนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคการใช้รถยนต์ EV หรือรถพลังงานไฟฟ้ากันทั่วโลก สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สืบเนื่องมาจากการลดมลภาวะที่เป็นภัยต่อโลก รวมไปถึงค่าน้ำมันที่แสนแพง เติมแต่ละทีก็ต้องเหงื่อตก เพราะเงินในบัญชีกระเด็นหายไปจำนวนไม่น้อย ทำให้ทุกวันนี้เราได้เห็นแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ผลิตรถไฟฟ้าออกมาตอบโจทย์ดังกล่าวกันถ้วนหน้า ซึ่งส่วนมากก็คือโมเดลตัวใหม่ทั้งนั้น โอเค หากคุณเป็นคนขับรถยนต์เพื่อใช้งานตามปกติก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นผู้นิยมชมชอบรถวินเทจด้วย แถมให้ความสนใจระบบ EV ด้วยจะทำอย่างไร? ปัญหาดังกล่าวมีทางออกแน่นอน โดยเฉพาะสายรถ Volkswagen สุดคลาสสิค ที่วันนี้สามารถทำให้มันกลายเป็นรถพลังงานไฟฟ้าได้แล้วด้วยฝีมือคนไทยโดย B.P. GARAGE มาทำความรู้จักความสุดยอดกับคุณต้น เจ้าของอู่แห่งนี้กันครับ เติบโตมาพร้อม VOLKSWAGEN B.P. GARAGE ย่านพุทธมณฑลสาย 4 คืออู่ที่ดูแลเซอร์วิสให้กับรถ Volkswagen ที่ดูแลโดยคุณต้น ก่อตั้งมานานกว่า 20 ปี แต่ความผูกพันธ์กับความคลาสสิคของรถยนต์แบรนด์นี้มันเริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเด็ก “Volkswagen มันเป็นรถที่ทำแล้วมีความเป็นสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเติมแต่ง ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้มันไม่เหมือนใคร แต่อาจจะดีกว่าใครแบบนี้ แล้วมันเป็นรถที่ Maintenance น้อยนะ เพราะส่วนหลัก ๆ คือเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก เป็นรถที่ใช้งานได้จริง ๆ แต่พอเวลาผ่าน ยุคมันเปลี่ยน
The Smashing Pumpkins อีกหนึ่งวงร็อกที่สร้างชื่ออย่างมากในช่วงยุค 90’s ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดนตรีแนวกรันจ์และอัลเทอร์เนทีฟได้รับความนิยมอย่างสุดขีด พวกเขาก่อตั้งวงเมื่อปี 1988 หลังจากที่วง The Marked ของ Billy Corgan ได้แยกย้ายกันไป ก่อนจะเริ่มมีผลงานเพลงแรกในปั 1989 กับเพลง “I Am One” ซึ่งถูกรวมอยู่ในอัลบั้ม Compilation : Light Into Dark หลังจากนั้น The Smashing Pumpkins ก็กรุยทางเข้าสู่วงดนตรีได้สำเร็จ โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพวกเขามีผลงานออกมาแล้วทั้งหมด 11 อัลบั้มด้วยกัน แต่ที่เรากำลังจะหยิบยกมาพูดถึงคืออัลบั้มที่ 2 “Siamese Dream” ที่วางจำหน่ายในปี 1993 ที่โดดเด่นด้วยปกอัลบั้มที่มีเด็กผู้หญิง 2 คนกำลังสวมกอดกัน “Siamese Dream” เป็นผลงานที่ประความสำเร็จเป็นอย่างมากของ The Smashing Pumpkins สามารถทำยอดขายได้มากถึง 4 ล้านก็อปปี้ พร้อมด้วยซิงเกิ้ลดังเช่น “Cherub
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่สโมสร Manchester United ภายใต้การคุมทีมของ Erik Ten Hag ทุบคลังและซื้อนักเตะอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็น Lisandro Maritnez, Tyrell Malacia, Casemiro (ส่วน Christian Eriksen ได้มาฟรี) และล่าสุดกับ Antony ปีกขวาตัวรุกสัญชาติบราซิล ที่มีค่าตัวรวมเบ็ดเสร็จมากถึง 100 ล้านยูโร เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ทีมปีศาจแดงดึงมาจากสโมสร Ajax Amsterdam เช่นกัน ชื่อของ Antony ถ้าว่ากันตามตรงก็ยังไม่ได้เป็นที่ในรู้จักในวงกว้างขนาดนั้น เพราะนักเตะเพิ่งจะโยกย้ายมาเล่นในเวทียุโรปได้เพียง 2 ปีเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าประสบการณ์ยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ในช่วงที่ค้าแข้งในลีกดัตช์เขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้โดดเด่น รวมไปถึงยังเคยไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาแล้ว และที่สำคัญที่ฟอร์มของเขาโดดเด่นขึ้นมาได้ก็เพราะการเคี่ยวเข็ญของ Erik Ten Hag นั่นเอง แต่ก่อนที่จะได้ไปยลโฉมในเวทีพรีเมียร์ลีก เราลองมาทำความรู้จัก Antony กันซักหน่อยดีกว่าครับ จุดเริ่มต้นที่ SAO PAULO Antony ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2000
Slipknot ถือได้ว่าเป็นวงดนตรีเมทัลที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พวกเขาเริ่มแจ้งเกิดนับตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับวง ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 1999 เตะตาผู้คนด้วยภาพลักษณ์ชวนหลอนของสมาชิกทั้ง 9 คน ที่ปกปิดใบหน้าของตัวเองไว้ภายใต้หน้ากาก ราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพยนตร์สยองขวัญ พร้อมด้วยชุดหมีสีแดงสดคล้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช ด้วยอิมเมจที่ชวนดึงดูดทำให้เหล่าเมทัลเฮดทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับ Slipknot อย่างรวดเร็ว และยิ่งพอได้เข้าไปสัมผัสดนตรีอันดิบเถื่อน ก็ยิ่งทำให้ทุกคนต้องถวายตัวกลาย Maggots (ชื่อเรียกแฟนเพลงของ Slipknot) ไปโดยอัตโนมัติ ปัจจุบันพวกเขามีผลงานออกมาแล้วทั้งหมด 6 อัลบั้มด้วยกัน และกำลังจะมีอัลบั้มใหม่ “The End, So Far” ในวันที่ 30 กันยายน 2022 แต่ก่อนจะได้ไปฟังผลงานใหม่ เรามาลองดูกันดีกว่าผลงานเพลงไหนของ Slipknot ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในการเข้าชม MV ทาง YouTube 5 อันดับแรก ไปติดตามกันได้เลย 1.PSYCHOSOCIAL “454,000,000” VIEWS บทเพลงที่มียอดวิวสูงสุดอันดับแรกคาดเดาไม่ยากเลย สำหรับเพลง “Psychosocial” ผลงานจากอัลบั้ม “All Hope Is Gone”