ตามปกติทั่วไปแล้วการตั้งชื่อร้านหรือชื่อบริษัทในบ้านเราโดยมากมักจะคำนึงถึงเรื่องโชคลาง ต้องตั้งชื่อแล้วรู้สึกมีกำลังใจ หรือตั้งแล้วรู้สึกได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองที่จะเกิดขึ้นกับกิจการของตัวเอง แต่ไม่ใช่กับอู่ Harley-Davidson ของ คุณพัลลภ จำเนียรกาล หรือ “โนล (อ่านว่าโนน เพราะเจ้าตัวสะดวกแบบนี้ ฮ่า ๆๆๆ)” ที่ตั้งชื่อให้กิจการของตัวเองสุดกวนบาทาว่า “บรรลัยการาจ พังพินาศการช่าง” ซึ่งตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อบางกระเจ้า เรามาทำความรู้จักกับผู้ชายอารมณ์ดีคนนี้ กับการให้บริการภายใต้คอนเซปต์ “แพงและนานคือมาตรฐานของเรา!” เริ่มต้นด้วยชีวิตนักดนตรี เดิมทีคุณโนลไม่ได้มีอาชีพเป็นช่างมาตั้งแต่ตอนแรก เพราะสมัยก่อนเขาใช้ชีวิตในฐานะนักดนตรีกลางคืนด้วยการเล่นเบสมาก่อน และก็เป็นช่วงนี้เองที่เขามีจักรยานยนต์เป็นของตัวเองคันแรก ซึ่งจะว่าไปมันก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มได้ศึกษาการซ่อมรถด้วยเช่นกัน “ตอนนั้นผมเล่นดนตรีกลางคืนอยู่ ผมจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปแต่พ่อไม่ให้ซื้อ ผมก็เลยเอาเงินไปซื้อรถโบราณมาเลยโดยยังไม่บอกเขา พอซื้อมา พ่อออกมาเห็น คำแรกที่พ่อพูดคือ ‘ซื้อมาทำไมรถจับกัง’ รถที่ผมซื้อคือ MZ ทรงหยดน้ำ ตอนนั้นผมก็งงทำไมพ่อพูดอย่างนั้น พ่อเลยขึ้นบ้านไปเอารูปสมัยก่อนตอนขี่รถอังกฤษมาให้ผมดู คือผมก็รู้นะว่าพ่อผมเคยขี่มอเตอร์ไซด์ เคยฟังจากลูกน้องพ่อผม พวกทหารจะเรียกรถพ่อผมว่าเป็นชอปเปอร์ แต่ผมก็ไม่รู้ ผมก็นึกว่าพ่อขี่ชอปเปอร์ทั่วไป แต่จริง ๆ มันคือพวกรถอังกฤษที่พ่อผมขี่สมัยวัยรุ่น ทีนี้ก็ค่อย ๆ ศึกษามาเรื่อย ๆ เลย ช่วงนั้นประมาณอายุ 18
การเดินทางของวงดนตรีโดยมากแล้วจะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นซีนอินดี้หรือซีนอันเดอร์กราวน์ก็ตาม เพราะนั่นคือพื้นฐานสำคัญในการสร้างประสบการณ์ให้วงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และยังเป็นช่องทางแรกในการกอบโกยแฟนเพลงด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าทุกวงต่างก็มีเป้าหมายที่จะเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น บางวงก็แค่ต้องการมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง มีงานโชว์เข้ามาเรื่อย ๆ ในแบบที่สามารถใช้ดนตรีเลี้ยงชีพได้ แต่ก็มีวงอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเติบโตก้าวขึ้นมาเป็นวงที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกให้ได้ แน่นอนว่าเป้าหมายมีไว้พิชิต แต่ก็ไม่ใช่ทุกวงที่จะฝ่าฟันตะลุยอุปสรรคจนไปถึงฝั่งฝันได้ แต่สำหรับวง Bring Me The Horizon พวกเขาสามารถทำได้สำเร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย THIS IS WHAT THE EDGE OF YOUR SEAT WAS MADE FOR จุดเริ่มต้นของวง Bring Me The Horizon เริ่มต้นเมื่อปี 2004 ณ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ จาก 2 คู่ซี้ Oliver Sykes (นักร้องนำ) และ Matt Nicholls (มือกลอง) ทั้งคู่ต่างชื่นชอบดนตรีเมทัลคอร์ที่มีกลิ่นอายของนอยซ์ซาวด์ (ยุคเก่า) ของฝั่งอเมริกาเป็นอย่างมาก อย่างเช่นวง
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับฟุตบอลโลกปี 2022 ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะจัดขึ้นในดินแดนย่านตะวันออกกลาง ประเทศกาตาร์ มีทีมชาติที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาทั้งหมด 32 ทีมเช่นเดิม นำโดยขาประจำอย่างบราซิล, อาร์เจนตินา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และอีกมากมาย แต่ที่ขาดไปคือทีมชาติอิตาลี ที่กระเด็นตกรอบคัดเลือกไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับเกมแรกของฟุตบอลโลกในครั้งนี้จะเริ่มต้นนัดแรกในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2022 เป็นการพบกันระหว่างกาตาร์ปะทะเอกวาดอร์ ส่วนนัดชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 2022 ณ สนาม Lusail Iconic Stadium ที่สามารถจุคนดูได้ถึง 80,000 ที่นั่ง แต่ก่อนจะได้ไปสนุกกับมหกรรมกีฬาที่ทั่วโลกรอคอย ทาง Unlockmen ขอเรียกน้ำย่อยด้วยการพาทุกคนย้อนไปสู่ฟุตบอลโลก ปี 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดร่วมกัน ซึ่งฟุตบอลโลกในครั้งนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ถูกพูดถึงมากมาย และเป็นเรื่องราวที่โลกลูกหนังไม่มีวันลืมได้ลงอย่างเด็ดขาด จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง เรานั่งไทม์แมชชีนย้อนไปดูพร้อม ๆ กันเลยครับ ฝรั่งเศสตกรอบแรก / เซเนกัล ม้ามืดตัวจริง ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น ทีมตราไก่ฝรั่งเศสถูกยกให้เป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2002 เนื่องจากศักดิ์ศรีของการเป็นแชมป์เก่าเมื่อปี 1998
ครั้งที่แล้ว เราได้มีการเล่าถึงอัลบั้มสุดเดือดของวงสายร็อกและเมทัล ที่คว่ำวอดอยู่ในวงการอันเดอร์กราวน์ในยุค 90’s ไปแล้ว (Link : https://bit.ly/3S5nDW4) มาในครั้งนี้เราจะเขยิบไทม์ไลน์ขึ้นมาอีกหนึ่งสเตปด้วยการต่อไปสู่ช่วงปี 2000-2005 ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่กำลังเข้าใกล้ความพีคของวงการนี้ โดยเราได้คัดเลือก 11 อัลบั้มสุดแรร์ที่คุณอาจจะไม่เคยได้สัมผัสมาให้ทุกคนได้ลองเสพกันดูครับ SWEET MULLET “PANAPHOBIA” (2003) ปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักวง Sweet Mullet ที่สร้างชื่อเสียงจากเพลง “ตอบ” ในโปรเจกต์ Showroom No.1 และยืนหยัดอยู่ในวงการดนตรีมาอย่างยาวนาน มีเพลงฮิตฝากไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น “สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”, “ขอโทษในสิ่งที่เธอไม่รู้”, “ภาพติดตา” เป็นต้น แต่ก่อนที่จะเป็นที่รู้จัก พวกเขาก็เคยผ่านวิถีอันเดอร์กราวน์มาก่อน หลังจากที่ “เต๋า” นักร้องนำได้ออกจากวง Napkin ก็ได้มาสร้างวง Sweet Mullet ที่นำเสนอแนวทางอีโม/สครีมโม ที่เต็มไปด้วยเมโลดี้กับความเกรี้ยวกราด ซึ่งมันถูกสะท้อนออกมาใน EP.Panaphobia บรรจุไว้ด้วย 6 เพลงด้วยกันรวมอินโทร, เอาท์โทร และเพลงอะคูสติค ซาวด์อีพีนี้ได้สะท้อน DNA ของวงไว้ได้อย่างชัดเจน วง
Queen คือหนึ่งวงในร็อกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลจากประเทศอังกฤษ ทุก ๆ ผลงานเพลงที่สร้างออกมาล้วนยิ่งใหญ่ และกลายเป็นเพลงระดับคลาสสิคที่คงอยู่คู่วงการดนตรีต่อไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Bohemian Rhapsody”, “We Are The Champions”, “Love Of My Life”, “We Will Rock You” และอีกมากมาย แต่น่าเสียดายเส้นทางการสร้างสรรค์ผลงานของวง Queen ต้องจบลงไปเมื่อปี 1991 เนื่องจาก Freddie Mercury นักร้องนำของวงได้จากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 45 ปี ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงร้องที่คอยขับกล่อมโลกใบนี้มายาวนานจนถึงปัจจุบัน และจากการสูญเสียในครั้งนั้นคงไม่มีใครคิดว่าเราได้ฟังเพลงใหม่ ๆ ที่มีเสียงร้องของ Freddie Mercury อีกแล้ว แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะยังคงมีผลงานที่ถูกเก็บไว้ปล่อยออกมาให้ฟังในบางช่วง และล่าสุดทาง Brian May และ Roger Taylor สองสมาชิกดั้งเดิมของวงได้ค้นพบเพชรล้ำค่าที่หายสาบสูญไปนานกว่า 34 ปี ย้อนกลับไปในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2022 แฟน ๆ
ตอนอายุ 17 ปี คุณกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนมากคำตอบก็น่าจะหนีไม่พ้น “การเรียน” ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติของทุก ๆ คนที่ต้องเผชิญอยู่แล้ว แต่สำหรับ “สไปรท์ – ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ” แร็ปเปอร์วัยเยาว์เจ้าของเพลง “ทน” (ร่วมกับ GUYGEEGEE) ที่ฮิตติดชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยท่อนฮุค “พี่ไม่มี Louis Vuitton มีแต่หนี้ก้อนโต” ปัจจุบันเขามีอายุ 17 ปีเช่นกัน แต่สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นศิลปินอาชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังกลายเป็นผู้นำครอบครัว ซื้อบ้านหลังใหญ่ให้พ่อกับแม่ได้แล้ว แต่ความฝันของสไปรท์กว่าจะได้มาไม่มีคำว่าง่าย อะไรที่เป็นสิ่งผลักดันให้หนุ่มน้อยจากจังหวัดฉะเชิงเทราประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ มาติดตามเรื่องราวของแร็ปเปอร์ตัวจี๊ดคนนี้กันครับ พรสวรรค์การร้องเพลงเกิดขึ้นในห้องน้ำ สไปรท์ เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ถึงแม้จะดูแสบแต่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจ มีความซื่อซื่อแบบตรงไปตรงมา เขาได้เล่าให้ฟังถึงที่มีมาที่ไปของชื่อตัวเอง ซึ่งไม่ได้มาจากการที่พ่อแม่ชอบดื่มน้ำอัดลมแต่อย่างใด “ผมเคยถามพ่อผมอยู่เหมือนกันครับ พ่อผมบอกว่าตอนเด็ก ๆ (ตอนแรกเกิด) ผมอยู่ในตู้อบในโรงพยาบาล พ่อผมบอกว่าผมตัวขาวมากก็เลยตั้งเป็นสไปรท์ เพราะน้ำสไปรท์มันขาว ก็เลยมาเป็นสไปรท์ครับ” สไปรท์ เติบโตมาไม่ต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไป คือใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปโรงเรียน เล่นสนุกไปเรื่อยเปื่อย
Silly Fools ชื่อนี้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เสมอสำหรับวงการดนตรีเพลงร็อกในบ้านเรา โดยเฉพาะในยุคที่ “โต” ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ ซึ่งก็ได้สร้างเพลงฮิตเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็น “คิดถึง”, “ไหนว่าจะไม่หลอกกัน”, “ขี้หึง”, “วัดใจ”, “น้ำลาย” เป็นต้น เพลงเหล่านี้เปิดที่ไหนรับรองว่าร้องตามกันได้อย่างแน่นอน ผลงานในยุคดังกล่าวมีการปรับซาวด์จูนเข้าหาตลาดมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งตัวตนของวง Silly Fools ออกไปแต่อย่างใด แต่ถ้าจะให้พูดถึงผลงานที่พวกเขาปล่อยของออกมามากที่สุด และประทับใจหมู่นักฟังเพลงมากที่สุด ผลงานนั้นกลับไม่ได้อยู่ในยุคของโต แต่มันอยู่ในยุคของ “เบนจามิน จุง ทัฟเนล (Benjamin Jung Tuffnell)” นักร้องนำชาวอเมริกัน เชื้อสายเกาหลี กับผลงานอัลบั้ม “The One” ที่หลายคนลงความเห็นตรงกันว่า “ซาวด์โคตรอินเตอร์แบบสุด ๆ!” “The One” เป็นผลงานที่ต่อยอดมาจาก EP.Mini วางจำหน่ายเมื่อปี 2007 บรรจุเอาไว้ทั้งหมด 4 เพลงด้วยกัน ได้แก่ “Stay Away”, “One Generation”, “I’ve Gone Blind” และ
การจะสร้างดนตรีให้กลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ในบางครั้งเราอาจจะไม่ต้องสร้างงานเพลงที่มันเหนือชั้นหรือยากจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันการสับคอร์ดกีตาร์ง่าย ๆ เพียงไม่กี่คอร์ดก็สามารถครองโลกได้เช่นกัน ซึ่งแนวดนตรีที่ว่านั้นก็คือ “พังก์” โดยเฉพาะในสาย “ป๊อปพังก์” ที่ฟังง่ายแต่สนุก ได้ทั้งมันส์ ได้ทั้งความไพเราะไปพร้อม ๆ กัน และหนึ่งในวงที่ปูแนวทางมายาวนานกว่า 30 ปี แถมยังเป็นอิทธิพลให้วงรุ่นน้องมากมายนับไม่ถ้วน คงหนีไม่พ้น Green Day วงทริโอ-ป๊อปพังก์ จากอีสต์ เบย์, รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งวงมาตั้งแต่ปี 1987 และค่อย ๆ ไต่ระดับชื่อเสียงจนกลายเป็นวงระดับโลกอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน สิ่งที่ได้กล่าวมาสามารถยืนยันได้จากยอดสตรีมมิ่งต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ เรามาดูกันดีกว่ามีผลงานเพลงไหนของวง Green Day ที่มียอดเข้าชม MV เกินกว่า 100 ล้านวิวบ้าง “BOULEVARD OF BROKEN DREAMS” VIEWS = 662 M เพลงช้าสุดฮิตของวง Green Day ผลงานจากอัลบั้ม “American Idiot”
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายนนี้ ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ระหว่างฝั่งสีฟ้า “Manchester City” และฝั่งสีแดง “Manchester United” กำลังจะเริ่มขึ้นเป็นนัดแรกของฤดูกาล ซึ่งต้องบอกเลยว่าคู่นี้เจอกันทีไรมันส์หยดทุกที เพราะมันคือเกมแห่งศักดิ์ศรีของเมืองแมนเชสเตอร์โดยแท้จริง เท่านั้นยังไม่พอด้วยสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมตอนนี้อยู่ในช่วงฟอร์มดีทั้งคู่ โดยฝั่งเจ้าบ้านเรือใบสีฟ้าอยู่อันดับ 2 มี 17 คะแนน จากผลงานชนะ 5 เสมอ 2 และยังไม่แพ้ใคร ส่วนฝั่งทีมเยือนปีศาจแดงอยู่อันดับ 5 มี 12 คะแนน จากผลงานชนะ 4 แพ้ 2 และแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด มองจากภาพรวมฝั่งของ Manchester City ดูจะน่ากลัวกว่า โดยเฉพาะฝั่งเกมรุกที่มี Erling Haaland กองหน้าเลือดไวกิ้งยืนค้ำแดนหน้า ซึ่งเจ้าตัวยิงเฉพาะในลีกไปแล้วถึง 11 ประตู นำโด่งเป็นดาวซัลโวแบบเท่ ๆ แถมยังมี Kevin De Bruyne เพลย์เมเกอร์ตัวเก่งที่พร้อมจะแอสซิสต์เทพ
ปัจจุบันดนตรีร็อกและเมทัลในบ้านเราเติบโตขึ้นมามาก เราได้เห็นวงมากหน้าหลายตาที่ได้โอกาสก้าวข้ามพรมแดนไปเล่นยังต่างประเทศมาแล้วมากมาย เช่นวง Annalynn, Whispers, Retrospect, Sweet Mullet, Defying Decay เป็นต้น กล่าวมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะไม่ใช่คุ้นชื่อหลาย ๆ วง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นวงนอกกระแส หรือที่เรียกกันว่า ‘วงการอันเดอร์กราวน์’ นั่นเอง วงการที่อุดมไปด้วยเพลงอันหนักหน่วง รุนแรง และทุกคนต่างต้องต่อสู้บนเส้นทางที่รายรับติดลบ รายจ่ายตีบวก เรียกได้ว่าใช้แพชชั่นขับเคลื่อนล้วน ๆ และ ‘วงการอันเดอร์กราวน์’ บ้านเราจริง ๆ แล้วเริ่มมีรากฐานมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80’s แล้ว ว่ากันว่าอัลบั้ม “ฆาตกัญชา” ของวง Flesh And Skin (เนื้อกับหนัง) ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 1984 คือผลงานบุกเบิกวงการอันเดอร์กราวน์โดยแท้จริง ผลงานของพวกเขานำเสนอแนวทางเฮฟวี่เมทัลอันเข้มข้น แหวกแนวกว่าวงในยุคนั้นทั้งหมดทั้งปวง หลังจากนั้นดูเหมือนว่าวงการเฮฟวี่เมทัลในบ้านเราก็คึกคักขึ้นมา เมื่อค่ายเมนสตรีม หรือค่ายระดับรองต่างหันมาจับจ้องปลุกปั้นแนวนี้กัน ทำให้เราได้เห็นผลงานของวงหิน เหล็ก ไฟ, The Olarn Project,