เรื่องรักพี่เสียดายน้องมันเป็นของธรรมดา ใจหนึ่งก็ชอบอะไรที่มันคลาสสิค อีกใจหนึ่งก็ถวิลหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สุดท้ายมาเป๊ะเข้าให้กับรถสปอร์ตระดับไอค่อนอย่าง 1965 Ford Mustang ในเวอร์ชั่นที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ รถสปอร์ตสุดคลาสสิคโมเดลพิเศษนี้ สร้างสรรค์โดย Siemens ที่ผุดไอเดียนำรถคลาสสิคมาผสมผสานกับรถที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือเรียกกันแบบทับศัพท์ได้ว่า autonomous cars และก็ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างมาโชว์เพียงอย่างเดียว แต่รถโมเดลพิเศษไร้คนขับคันนี้จะได้ลงแข่งในรายการ Goodwood Festival of Speed รายการแข่งรถขึ้นเนินเขาชื่อก้องโลกประจำปีนี้ โดยค่ายยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีอธิบายถึงการสร้าง 1965 Ford Mustang เวอร์ชั่นนี้ว่า พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจาก Cranfield University มหาวิทยาลัยทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศกรรมในประเทศอังกฤษ ใข้เทคโนโลยีการสแกนตำแหน่งที่ตั้งของ Bentley Systems ที่สามารถสแกนแบบ 3 มิติได้อย่างแม่นยำ ก่อนโหลดข้อมูลลงบนออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ของรถ เพื่อคำนวนเส้นทางและลักษณะการขับขี่ต่อไป สิ่งที่ทำให้เจ้า Mustang คันนี้เป็น autonomous car ที่แตกต่างก็คือ ส่วนใหญ่แล้วในรถประเภทเดียวกันจะมาพร้อมกับเรดาร์ขนาดใหญ่ กล้องตัวเป้ง และเซ็นเซอร์ที่ดูโดดเด่นเหลือเกิน แต่สำหรับ Mustang โมเลพิเศษคันนี้ หากดูภายนอกก็แทบจะไม่แตกต่างจากโมเดลดั้งเดิม ติดตั้งเซ็นเซอร์ขนาดกะทัดรัดที่ฝากระโปรงหน้าและฝาประโปรงหลัง อย่างไรก็ตามทาง Siemens ยังไม่เปิดเผยภาพภายในรถแต่อย่างใด ใบ้แค่ว่ารถคันนี้สามารถขับขี่ตามปกติได้ด้วย โดยขุมกำลังของคันนี้ได้จากเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุกระบอกสูบ 4.7 ลิตร จูนแรงม้าได้
หลังจากที่ผู้เขียนได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง Ant-Man and the Wasp มาแล้ว ก็เลยอยากจะมาสปอยล์แค่ว่า พี่ Paul Rudd นี่แกดูแลร่างกายได้ดีจริง ๆ เห็นแกโคตรฟิตมาตั้งแต่ภาคแรกอย่าง Ant-Man มาภาคนี้ก็ยังดูดีอยู่ แม้ว่าเจ้าของบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ที่ย่อ-ขยายส่วนได้นั้น จะอายุ 49 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูแกร่งและเท่ทั้งในชุดแดงสุดไฮเทค และในนาม Scott Lang “ผมเคยเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการเห็นผล แต่ไม่เคยทำมันเสียที” Rudd เล่าให้ Men’s Journal ฟังว่าเขาเองก็เคยขี้เกียจมาก่อน แต่พอรู้ว่าจะได้รับบทบาทเป็น Ant-Man และ Scott Lang เขาก็ทุ่มเทกับการ workout อย่างเต็มที่ ทั้งการดูแลโภชนาการที่เขาได้รับคำแนะนำจาก Carlon Colker และการฟิตร่างกายที่เขาได้ Richard Louis เทรนเนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก เจ้าของยิม FitSpaceNYC มาช่วยเคี่ยวเข็ญ ซึ่ง Louis เคยเปิดเผยตามตรงว่า “บอกตรง ๆ เลยว่าผมไม่รู้จัก Paul มาก่อน จนกระทั่งได้มาร่วมงานกัน เซสชั่นแรก ๆ ของการเทรนยอมรับว่ายากลำบาก แต่
เพราะทุกสิ่งอาจเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิด เราจึงต้องเตรียมพร้อมให้ถึงที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นยอดชายสาย Adventure ผู้เชี่ยวชาญป่าเขาแค่ไหน เป็นสุดยอดขาลุยสุดสัปดาห์เพียงใด หรือเป็นนักสำรวจมือใหม่ ก็อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากได้เหมือนกัน ดั่งเช่นเหตุการณ์ที่น้อง ๆ นักฟุตบอล และโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายทั้ง 13 คน ต้องติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย นานเกือบ 10 วัน จนกระทั่งทีมช่วยเหลือได้ค้นพบทั้ง 13 คน และสามารถช่วยเหลือทุกคนออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก่อนจะส่งไปรักษาตัวต่อไป ทีมงาน UNLOCKMEN ขอชื่นชมทุกคนทุกฝ่ายที่ร่วมมือร่วมใจกันทำภารกิจนี้จนประสบความสำเร็จ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและมิตรสหายของ จ.อ.สมาน กุนัน ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ ส่วนหนุ่ม ๆ ที่เป็นสายใกล้ชิดธรรมชาติก็ต้องพร้อมลุยให้มันส์ถึงที่สุดเช่นกัน ทั้งร่างกาย จิตใจ ทักษะ และกำลังเสริมที่ช่วยให้เราอยู่รอดได้ อย่างอุปกรณ์ยังชีพต่าง ๆ ที่ช่วยชีวิตใครมานักต่อนัก แต่ถ้าจะให้ยก survival gear ไปทั้งหมดก็คงจะหนักเกินแบกลุยป่า เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกเตรียมแต่ของที่จำเป็น และมีประสิทธิภาพในการช่วยให้เราอยู่รอดได้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน UNLOCKMEN ขอแนะนำอุปกรณ์เอาตัวรอดที่ชายสาย Adventure ต้องมีติดตัวไว้เวลาออกไปลุยป่า มีดยังชีพ เริ่มต้นด้วยของเหมาะมืออย่าง
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ชายอย่างเราหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น เรียกได้ว่ามียิมเป็นบ้านหลังที่ 3 ก็ว่าได้ แถมความรู้นี่แน่นราวกับกล้ามแขน ควรเทรนยังไง ควรทานยังไง วางโปรแกรม workout ประมาณไหน รู้หมด และถ้าจะให้ยิ่งชัวร์ เมื่อรู้ว่าอะไรควรแล้ว ก็ต้องรู้ว่าอะไรที่ไม่ควรทำทั้งก่อน และหลังเข้ายิม แน่นอนว่านอกจากการ warm up และยืดกล้ามเนื้อก่อนเทรน รวมถึง cool down และยืดกล้ามเนื้อหลังฝึกเสร็จแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งบางอย่าอาจเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปก็ได้ ลองดูว่าเราเผลอทำสิ่งที่ว่านี้ในช่วงเวลาก่อนและหลังจัดหนักในยิมหรือไม่ ถ้าใช่ ก็ควรเลิกทำสิ่งเหล่านี้ จะได้ฟิตได้สุด ๆ แบบไม่มีอะไรมาฉุด ยืดกล้ามเนื้อมากเกินไป การยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายคือการเตรียมร่างกายให้พร้อมยืดเหยียดได้เต็มที่ และลดความเสี่ยงบาดเจ็บ แต่ก็ต้องดูตามความเหมาะสมด้วย Michael Olajide Jr. อดีตนักมวยอาชีพ เทรนเนอร์ และผู้ร่วมก่อตั้ง Super-Gym Aerospace แนะนำว่า “จากประสบการณ์ของผม การยืดกล้ามเนื้อก่อนการวิ่ง, ต่อยมวย และปั่นจักรยาน อาจไม่ต้องยืดให้สุดมากก็ได้ เนื่องจากการออกกำลังกายเหล่านี้ใช้น้ำหนักตัวของคุณเอง และมีการเคลื่อนไหวของร่างกายแบบสุดเหยียดอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณออกกำลังกายแบบจำกัดการเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวทางเดียว อย่างเวทเทรนนิ่งกับแมชชีน เวทเทรนนิ่งหนัก
ภาษากายนั้นเป็นสื่อในการสื่อสารอย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนสามารถแสดงความหมายต่าง ๆ ออกมาได้แม้ไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ ก็ตาม มันมีทั้งประโยชน์มากมาย แต่ก็เป็นโทษได้หากเราไม่ระมัดระวัง ยิ่งถ้าเป็นภาษากายที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกในแง่ลบแล้ว ยิ่งต้องสำรวจตัวเองกันหน่อยว่าเราเองทำบ่อยมั้ย มันกลายเป็นความเคยชินหรือเปล่า ? และที่แย่ที่สุดก็คือ มันอาจทำให้เราสูญเสียโอกาสดี ๆ ที่นาน ๆ จะมาทีก็ได้ จากผลการสำรวจของ TalentSmart ที่ทดสอบกับคนกว่าล้านคนพบว่า ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มคนที่มีตำแหน่งงานในระดับสูง มักจะมีตัวเลข EQ ที่ค่อนข้างพุ่ง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้รู้ดีว่าพลังของภาษากายนั้นมีมากแค่ไหน และมักจะสำรวจตัวเองในเรื่องนี้เสมอ เพราะฉะนั้น เพื่อความไม่ตายน้ำตื้นของผู้ชายที่กระหายความสำเร็จอย่างเรา มาดูกันดีกว่า ว่าภาษากายแบบไหนที่อาจพาเราดำดิ่งได้แบบไม่รู้ตัว จะได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ก่อนสายเกินไป ใช้มือมากเกิน อย่าคิดลึกครับหนุ่ม ๆ การใช้มือมากเกินในที่นี้คือการขยับมือไม้มากเกินเวลาสนทนา ราวกับว่าคุณกำลังจะใช้กำลังภายในอะไรอย่างนั้น ซึ่งมันดูเหมือนกับว่าคุณปรุงแต่งสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารมากเกินไป พยายามควบคุมมือไม้ให้ดี ใช้เท่าที่จำเป็น อาจจะผายมือออกมาช้า ๆ โชว์ฝ่ามือให้ทุกคนเห็นเวลาที่พูดอะไรออกไป แบบนี้จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณไม่ได้เสแสร้ง ดูรุ่นใหญ่ และมั่นใจ กอดอกตลอด การกอดอกเป็นภาษากายกึ่งอัตโนมัติเวลาที่คุณสร้างกำแพงทางความคิดขวางไอเดียของคนที่สนทนาด้วย แม้ว่าจะยิ้มอยู่ หรือกอดอกหลวม ๆ ก็อาจทำให้คนข้างหน้ารู้สึกอึดอัดได้ไม่มากก็น้อย พยายามอย่ากอดอกแบบเหมือนทากาวไว้
สิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่คาดหวังกับชีวิตการงานคือการเจองานที่ชอบ เอ็นจอยกับงานที่ใช่ และได้รับการยอมรับในสังคมการทำงาน ทว่าการทำงานเก่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่ไช่คำตอบของการถูกยอมรับก็ได้ มีบางคนเหมือนกันที่ทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนักทุกวัน แต่ก็ยังถูกเพื่อนร่วมงานเบือนหน้าหนี แถมโดนผู้บริหารเพ่งเล็ง แบบนี้มันเป็นเพราะอะไร ? ถ้าเราทำงานอยู่ในบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องร่วมงานกับผู้อื่น มันย่อมมีกฏกติการ่วมกัน มีความเป็นสังคม และมันเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นวิญญาณไร้ความหมาย ไร้คนเคารพได้หากชอบแตกแถว หรือวางตัวไม่เหมาะสม พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเราก็จะรู้สึกขาดความสุขในการทำงาน แม้ว่าลักษณะงานและรายได้จะดีก็ตาม ชีวิตที่ออฟฟิศก็จะหมดสนุก ถ้าปล่อยไว้แบบนี้รับรองว่าเซ็งแย่ ไม่ก็ท้อแท้จนแค่ทำงานไปวัน ๆ ความมันส์ก็จะค่อย ๆ ลดลงไปจนเหลือศูนย์ แต่เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน UNLOCKMEN มีวิธีเหมาะ ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับรอบด้านในที่ทำงานมาฝากกัน อย่าไปจริงจังมากเกิน ผู้ชายอย่างเรามักจะหมกมุ่นกับเรื่องงาน ราวกับว่างานตรงหน้าคือคู่เดท จนบางครั้งก็เหนื่อยมากเกินไป ถ้ารู้สึกรักงานขนาดนั้นก็อยากให้ลองเปรียบเทียบเรื่องงานกับเรื่องความรักไปเลย คุณต้องแสดงความชัดเจน นายจ้างของคุณก็ต้องเห็นความทุ่มเทของคุณเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าโหมหนักมากเกินถึงค่ำมืดดึกดื่นไม่เว้นวันหยุด แบบนี้อาจเป็นความรักที่ไม่ค่อยรักตัวเองเท่าไหร่ บนโลกที่โหดร้ายแบบนี้โชคคงไม่ได้เข้าข้างเราเสมอไป ถ้าเราทุ่มเทกับอะไรมากเกินไปแบบไม่เตรียมใจ เกิดพลาดพลั้งขึ้นมาด้วยความซวย ก็ไม่รู้จะช่วยใจของตัวเองอย่างไรเหมือนกัน เพราะฉะนั้นลดความจริงจังเรื่องงานลงมาบ้าง ย้ำว่าลด “ความจริงจัง” ไม่ใช่ลด “ความตั้งใจ” บางคนอาจจะคิดว่าการทุ่มเทแบบไม่ลืมหูลืมตาจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาตกงาน แบบนี้เป็นการสร้างความกดดันให้กับตัวเอง และถมความเหนื่อยเข้าไปอีก ทางที่ดีควรทำงานให้เต็มที่แบบไม่เกินตัว และหาแผนสำรองให้กับชีวิตบ้าง
ปัจจุบัน นักฟุตบอลอาชีพถือว่าเป็นจ๊อบที่มีรายรับค่อนสูงหากทำผลงานได้ดี อยู่ทีมดัง และมีฐานแฟน ๆ มากมาย นักเตะระดับโลกที่ฝีเท้าโคตรเจ๋งอย่าง Lionel Messi, Cristiano Ronaldo หรือ Neymar ก็อยู่ในลิสต์ของนักกีฬาอาชีพที่มีรายได้มากที่สุดในโลก แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าในแง่ของการลงเล่นเพื่อชาติ โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลกนั้น แต่ละคนจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ หากช่วยทีมคว้าแชมป์ ? สำหรับ FIFA World Cup Russia 2018 ข้อมูลจาก AP ระบุว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ตั้งเงินรางวัลรวมไว้ที่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 13,100 ล้านบาท) โดยทีมชาติที่เป็นแชมป์จะได้เงินไป 38 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,243 ล้านบาท) รองแชมป์รับไป 28 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 916 ล้านบาท) ส่วนอันดับ 3 จะได้เงิน 24 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 785 ล้านบาท)
พูดถึงลูกกลม ๆ ที่โดนชายทั้ง 22 คนในสนามทั้งเตะ เหยียบ เขี่ย โขก จับ ทุ่ม ชก และเขวี้ยงแล้ว มันช่างฟังดูยิ่งใหญ่ และยิ่งถ้าพูดถึงลูกฟุตบอลที่ใช้ในศึกฟุตบอลโลกยิ่งฟังดูใหญ่ยิ่ง เพราะว่ามันถูกยิงเพื่อตัดสินความเป็นชาติเจ้าแห่งลูกหนังบนโลกใบนี้ ด้วยความที่เป็นลูกฟุตบอลที่ใช้ในทัวร์นาเม้นต์ที่มีความหมายมากที่สุด ลูกบอลนั้นย่อมต้องผ่านการออกแบบมาให้มีความหมายมากที่สุดเช่นกัน มีดีไซน์สวยงาม และมีเทคโนโลยีที่ทันเท่ากับการพัฒนาฝีเท้าของนักเตะ ขณะเดียวกันก็ต้องได้มาตรฐานตามกฏ กติกาฟุตบอล ซึ่งไม่ใช่งานง่าย ๆ เลยในทุกกระบวนการผลิต อย่างใน World Cup Russia 2018 ลูกฟุตบอลที่เราเห็น คือ adidas Telstar 18 ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากรุ่นที่เป็นไอค่อนอย่าง Telstar ปี 1970 ซึ่งออกแบบให้เป็นสีขาวและดำสลับกัน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดในขณะที่แฟนบอลกำลังชมเกมผ่านทางทีวีขาวดำในตอนนั้น และได้รับการยกย่องมากมาย โดยในรุ่นปี 2018 นี้ ได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดให้มีโครงสร้างผิวสัมผัสที่มีคุณสมบัติเกาะยึดดีขึ้น ทนทานมากขึ้นทั้งในและนอกสนามแข่งขัน ขณะที่วัสดุบางชิ้นสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แถมยังฝังชิพ NFC เอาไว้ ให้ผู้เล่นสามารถปฏิสัมพันธ์กับเจ้าลูกบอลใบนี้ผ่านสมาร์ทโฟน เรียกได้ว่าล้ำและลุยขึ้น ตามเกมฟุตบอลสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมาผสานกับความดั้งเดิม ดูลูกฟุตบอลของครั้งล่าสุดกันไปแล้ว ลองมาย้อนดูการออกแบบลูกหนังในใช้ในศึกฟุตบอลโลกในอดีตกันบ้างดีกว่า จะได้รู้ถึงประวัติศาสตร์ และพัฒนาการของอุปกรณ์ที่จะขาดไม่ได้เลยของกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก World Cup 1930
ถ้าจะพูดถึงซูเปอร์สตาร์ประจำ FIFA World Cup Russia 2018 และทุกทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ ‘CR7’ Cristiano Ronaldo สุดยอดกองหน้าทีมชาติโปรตุเกสจากสโมสร Real Madrid โคตรแข้งวัย 33 ปีรายนี้ไม่ได้แค่เรื่องฝีเท้าในสนามและความเนื้อหอมนอกสนามให้ฮือฮาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเตะที่ฟิตมาก ๆ ส่งผลต่อผลงานในสนามอย่างเห็นได้ชัด สามสิบกว่าแต่ยังขึ้นแท่นระดับโลกแบบแรงไม่ตก ความเร็วสูง คล่องตัวจัด ยิงโคตรแรง ร่างโคตรแกร่ง แถมยังดูแลตัวเองดีสุด ๆ ชายหลายคนอยากได้หุ่นแบบเขา ขณะที่สาวหลายคนก็อยาก…ให้แฟนตัวเองมีหุ่นแบบเขา (อย่าคิดลึก) โดย CR7 เคยได้รับคำชมจาก Arnold Schwarzenegger ดาราฮอลลีวู้ดรุ่นใหญ่ อดีตแชมป์เพาะกายโลก ว่า “เป็นนักกีฬาที่มีรูปร่างสุดยอด” แต่จะให้ผู้ชายอย่างเรามีหุ่นแบบกัปตันทีมโปรตุเกสแบบเป๊ะ ๆ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าได้ออกกำลังตามแนวทางของ Cristiano ก็จะช่วยให้เราแข็งแกร่ง และมีรูปร่างที่ดีขึ้นแน่นอน นี่คือโปรมแกรม workout ในแบบเขาที่เราเอามาฝากกัน MONDAY – Lower Body Circuit Barbell squat: 8
ฟุตบอลนั้นถือเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกอยู่แล้ว และช่วงนี้กระแสลูกหนังก็ยิ่งมาแรงเมื่อ World Cup 2018 ที่รัสเซียได้อุบัติขึ้น และยิ่งเป็นกีฬามหาชน ผู้สร้างภาพยนตร์จึงให้ความสนใจนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับลูกหนังผ่านทางจอแก้วหรือจอเงิน ไม่ว่าจะเป็นสารคดีที่อิงจากเรื่องจริง หรือเรื่องราวที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อเอาใจคอบอล คงจะมันส์กว่าถ้าเราหาเวลาสลับจากการชมเกมฟาดแข้งมาดูหนังที่เกี่ยวกับลูกกลม ๆ ชั้นดี ที่สรรค์สร้างโดยผู้กำกับ และผู้เขียนบทหลากหลายสไตล์ที่ทีมงาน UNLOCKMEN นำมาฝากกัน รับรองว่าสะใจชายบ้าบอล เพื่ออรรถรสที่มากกว่า ต้องใส่เสื้อบอลดู และหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากไปด้วย Bend It Like Beckham เรื่องแรกที่จะพูดถึงก็คือ Bend It Like Beckham ภาพยนตร์ฟุตบอล feel good ที่ใช้ชื่อสกุลของ David Beckham อดีตนักเตะซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษ ที่ผ่านการค้าแข้งกับสโมสรดังอย่าง Manchester United, Real Madrid, LA Galaxy, A.C. Milan และ Paris Saint-Germain มาเป็นชื่อหนัง หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ Jess Bhamra (Parminder Nagra) สาวที่บ้าคลั่งฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลับโดนผู้ปกครองเจ้าระเบียบของเธอห้ามไม่ให้ร่วมทีมฟาดแข้ง จนกระทั่ง Jules