ข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของ Chester Bennington นักร้องนำวง Nu Metal ระดับโลกอย่าง LINKIN PARK ด้วยวัยเพียง 41 ปี ทั้งที่เพิ่งจะออกเพลงใหม่มาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอยู่หมาด ๆ ยังคงทำให้กลุ่มแฟน รวมไปถึงคนฟังเพลงทั่วโลกเสียใจกับการจากไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่มีอายุช่วง 20 ปลาย ๆ ด้วยแล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าแทบทุกคนได้โตขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้อง และเนื้อเพลงที่มีความหมายเท่ ๆ ของนักร้องนำผู้ล่วงลับคนนี้ ในขณะที่ทุกคนยังคงเสียดาย และหวังว่าข่าวการฆ่าตัวตายของเขาจะเป็นเพียงข่าวลือ รวมไปถึงคนบางกลุ่มที่ถึงขั้นหลั่งน้ำตาทันทีที่ได้ยินข่าว พร้อมกับสวดภาวนาให้กับผู้ชายที่ชื่อว่า Chester Bennington ไปสู่สุขคติอย่างสงบ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่า ต่อไปนี้คงไม่มีเสียงร้องแบบนี้ให้ฟังกันอีกต่อไปแล้ว ก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี หากเป็นแฟนเพลง หรือ คนที่รู้ถึงประวัติ และเรื่องราวของ Chester Bennington คงจะรู้ว่าทำไมจึงมีผู้คนมากมาย ต้องหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่เกิดกันคนละทวีป วันนี้เราจะมาร่วมรำลึกถึงนักร้องนำผู้ที่เพิ่งจะกลายเป็นตำนานไปตลอดกาลคนนี้ ด้วยเรื่องราวดี ๆ ที่ยังคงหลงเหลือไว้ ให้เราสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเราได้ เช่นเดียวกับเนื้อเพลงที่เขาได้เขียน
สัปดาห์ก่อนเราได้นำแนะนำให้กับทุกคนรู้จักกับ SETUP Thailand Pro Wrestling ค่ายมวยปล้ำแห่งแรกที่มีเจ้าของเป็นคนไทย โดยผ่านการสัมภาษณ์กับ คุณปูมิ – ปรัชญ์ภูมิ บุณยทัต ผู้ร่วมก่อตั้งค่าย จนได้ทราบเกี่ยวกับที่มีที่ไปกว่าที่จะเกิดเป็นค่ายมวยปล้ำไทยขึ้นมา แต่การจะรู้จักแค่เพียงผู้ร่วมก่อตั้งค่ายก็คงยังไม่เพียงพอ เพราะเรายังได้พูดคุยกับ “Monomoth” นักมวยปล้ำฟอร์มร้อนแรงที่กำลังจะมีคิวขึ้นปล้ำชิงแชมป์ประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งยังได้เปิดเผยเรื่องราวของกีฬามวยปล้ำในหลาย ๆ แง่มุมที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน และที่สำคัญเขายังเป็นชาว LGBTQIA+ นั่นทำให้เรื่องราวของเขายิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ และต่อจากนี้คือเรื่องราวของ “Monomoth” แห่งค่าย SETUP Thailand Pro Wrestling ซึมซับมวยปล้ำตั้งแต่วัยเด็ก Monomoth หรือชื่อเล่นจริง ๆ คือ “มอธ” ซึ่งฉายาในวงการมวยปล้ำได้มาจากสมัยยังเป็นบลอกเกอร์ทำคอนเทนต์ลงทางยูทูป เขาได้เล่าให้ฟังว่าจุดเริ่มต้นความชื่นชอบมวยปล้ำมันมาจากตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เพราะได้ซึบซับมาจากพี่ชายที่ชอบดูมวยปล้ำ จนพี่ชายได้เลิกดูไปแต่ตัวเขาก็ยังคงติดตามมันอยู่ตลอด และมีความชื่นชอบนักมวยปล้ำหญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งมอธมี Mickie James และ Rey Mysterio เป็นไอดอลของเขา “ตอนนั้นที่ดูก็ไม่รู้ทำไมเราถึงชอบดูมวยปล้ำหญิง เราก็พยายามจะดูคู่อื่นแต่ถ้าเวลาน้อยหรือไม่มีเวลาก็จะโฟกัสที่ผู้หญิงพราะรู้สึกชื่นชอบ ตามนักมวยปล้ำหญิงมากกว่านักมวยปล้ำชาย จะรู้สึกรู้ดี
Manic Street Preachers คือวงดนตรีร็อกจากเวลส์ที่สร้างชื่อในช่วงยุค 90’s ปัจจุบันมีสมาชิกเหลือเพียง 3 คน ได้แก่ James Dean Bradfield, Nicky Wire และ Sean Moore พวกเขาสร้างตำนานจนเป็นที่พูดถึงไว้มากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์กรีดแขนเป็นคำว่า “4Real” ต่อหน้าสื่อมวลชนของ Richey Edwards อดีตมือกีตาร์ของวงที่ทำเอาแฟนเพลงทั่วโลกต้องตกตะลึงในความโหดของเขามาแล้ว รวมไปถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับของเจ้าตัวเมื่อปี 1995 ก็กลายเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกริ่นมาอาจจะดูไม่ค่อยโอเคซักเท่าไหร่ แต่ถ้ามองข้ามมันไปแล้วมาเจาะลงที่ตัวดนตรีจะพบว่า Manic Street Preachers สร้างผลงานเพลงล้นคุณภาพประดับวงการเพลงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “A Design For Life”, “If You Tolerate This Your Children Will Be Next”, “You Stolen The Sun From My Heart” รวมไปถึงเพลงที่เรากำลังจะพูดถึง “Motorcycle Emptiness” “Motorcycle
“Attitude Era” คืออีกหนึ่งยุคทองของค่ายมวยปล้ำ WWE (ในสมัยที่ยังใช้ชื่อเป็น WWF) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1997 จนถึงปี 2002 เป็นช่วงที่คอนเทนต์ถูกขับเคลื่อนด้วยความดิบเถื่อน มีทั้งคำหยายคาย, ความรุนแรงในระดับฮาร์ดคอร์ รวมไปถึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับเพศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ยังมีการทำบทเขียนเรื่องราวที่มีเนื้อหาชวนติดตามไม่ต่างจากซีรีส์เลย แต่ภาพรวมของสิ่งที่สื่อสารออกมาในเวลานั้นมันก็ต้องเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเยาวชนอย่างแน่นอน สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมันคือการต่อสู้กันแย่งเรตติ้งระหว่าง WWF “Monday Night Raw” และ WCW “Monday Nitro” นั่นเอง ซึ่งผลกำไรก็ตกเป็นของแฟนมวยปล้ำที่มีโอกาสได้เลือกชมความสนุกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด “Attitude Era” ได้ปลุกปั้นนักมวยปล้ำฝีมือดีมากมายจนเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากขอพาทุกคนย้อนไปสู่ยุคแห่งความเดือดกับ “10 สุดยอดนักมวยปล้ำ WWE แห่งยุค ATTITUDE ERA” ที่คัดเลือกโดย Unlockmen จะมีใครบ้างเชิญติดตามกันได้เลย THE ROCK ถ้าให้พูดถึงชื่อของนักมวยปล้ำที่โด่งดังที่สุดของวงการคงต้องยกให้ The Rock หรือที่รู้จักกันในชื่อจริงว่า “Dwayne Johnson” ในฐานะนักแสดงชื่อดังที่ฝากผลงานในโลกภาพยนตร์เอาไว้มากมาย แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จคงต้องยกให้ช่วงที่เป็นนักมวยปล้ำให้กับค่าย WWF เป็นหลัก เขาโดดเด่นด้วยคาแรคเตอร์สุดกวนบาทา
หลังจากที่มอบเวลาพักผ่อนให้กับซีรีส์ Stranger Things จนหมดสิ้น ก็ต้องมาสะดุดกับการแนะนำภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Netflix ที่ชื่อว่า “Icantation มนตรา” ซึ่งถูกสร้างมาเป็นแนวสยองขวัญสั่นประสาท แถมยังเป็นหนังสัญชาติไต้หวันซะอีก ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้มีโอกาสเสพภาพยนตร์จากดินแดนชานมไข่มุกซักเท่าไหร่ งานนี้จึงไม่รอช้าตัดสินใจกดดูทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก “Icantation มนตรา” จริง ๆ แล้วถูกฉายในโรงภาพยนตร์ไต้หวันไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำรายได้แบบถล่มทลาย กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Kevin Ko ผู้กำกับที่รับหน้าที่เขียนบทและอีกหลายตำแหน่งควบคู่กันไป สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะถูกนำเรื่องโดย “หลี่รู่หนาน” คุณแม่ที่มีภารกิจปกป้องลูกสาวและต้องเผชิญกับอาถรรพ์คำสาปต่าง ๆ ที่คอยหลอกหลอนไม่ให้ได้พักได้ผ่อนกันเลยทีเดียว โดยภาพยนตร์ถูกถ่ายทำในแนว Found Footage (ตัวเดินเรื่องถือกล้องเอง) เพื่อเพิ่มความสมจริงให้กับผู้ชมได้เข้าถึงอารมณ์ความสยองขวัญมากยิ่งขึ้น ฉากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าสร้างความรู้สึกหลอนได้พอสมควร โดยเฉพาะบรรยากาศ, โลเคชั่นในการถ่ายทำ และการสร้างตัวละครที่ดูมีความลึกลับน่าสะพรึงกลัวในสไตล์แบบเรื่องร่างทรง รวมไปถึงการใส่ซีนชวนแหวะชวนขนลุก และซีนโหดโหมดบรูทัล ก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามแก๊กต่าง ๆ หรือภาพรวมทุกอย่างไม่ได้มีความแปลกใหม่จากภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องอื่น ๆ แต่อย่างใด ที่รู้สึกแบบนั้นเพราะมุขที่ต้องการทำให้ตกใจมันก็ซ้ำจนเราชินชาไปซะแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่อินขึ้นไปอีกก็คงจะเป็นในพาร์ตของเนื้อเรื่องที่ตัดไปตัดมาไม่มีความต่อเนื่องเท่าที่ควร อารมณ์เหมือนนั่งดู Reel ใน Facebook และอารมณ์ความซาบซึ้งของแม่และลูกที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อก็ไม่สามารถทำให้เรารู้สึกถึงมันได้เช่นกัน
“นูเมทัล” ถือเป็นดนตรีลูกผสมจากดนตรีหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นอัลเทอร์เนทีฟ เมทัล, กรันจ์, ร็อก รวมถึงฮิปฮอปด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพลงในยุคนั้นจะมีท่อนแร็ปโผล่เข้ามาเป็นเมนหลัก มันคือสเน่ห์ดนตรีที่ได้รับความนิยมในช่วงปลาย 90’s จนถึงต้น 2000′ S ด้วยความมันส์ในแบบเฉพาะตัว Unlockmen ก็อดใจไม่ไหวที่จะจัดเพลย์ลิสต์ที่มันส์ได้ทั้งชาวร็อกและชาวแร็ปมาฝากทุกคนกัน 1. “TAKE A LOOK AROUND” LIMP BIZKIT อีกหนึ่งผลงานจากอัลบั้ม “Chocolate Starfish And The Hotdog Flavored Water” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง แถมยังถูกใช้ประกอบภาพยนตร์ Mission : Imposible 2 ที่นำแสดงโดย Tom Cruise อีกต่างหาก ดนตรีในเพลงนี้ริฟฟ์กีตาร์หลักก็มาจากเพลงธีมหลักของภาพยนตร์ที่ถูกเบลนด์เข้ากับดนตรีนูเมทัลโจ๊ะมันส์โดดตามแบบฉบับของ Limp Bizkit ได้อย่างลงตัว เป็นเพลงที่เหมาะกับการเรียกอุณภูมิร้อนแรงได้เป็นอย่างดี 2. “A PLACE FOR MY HEAD” LINKIN PARK ผลงานจากอัลบั้ม
อีกหนึ่งกีฬาสายเอนเตอร์เทนเมนต์ยอดฮิต ที่ดูแล้วได้ทั้งความสะใจและความสนุกของเนื้อเรื่องชวนติดตาม คงหนีไม่พ้น “มวยปล้ำ” โดยเฉพาะค่าย WWE (เดิมคือ WWF) ที่มีแฟนอยู่ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่วัยเด็กจนไปถึงผู้ใหญ่ เป็นสังกัดที่ผลิตนักมวยปล้ำชื่อเสียงสนั่นโลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Rock (Dwayne Johnson), The Undertaker, CM Punk, Kane, Big Show และอีกมากมายนับเท่าไหร่ก็ไม่หมด แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่การแสดง แต่มันก็อดไม่ไหวที่จะคอยติดตามลุ้นเชียร์และอินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีที่ขึงด้วยเชือก 3 เส้น แม้ว่ามันจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับในบ้านเราแม้จะมีแฟนมวยปล้ำจำนวนไม่น้อย แต่การจะผลักดันให้กีฬาชนิดนี้เป็นจริงเป็นจัง หรือกลายเป็นธุรกิจใหม่ในการสร้างเงิน กลับไม่มีวี่แววแต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Setup Thailand Pro Wrestling ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการร่วมมือกันระหว่าง คุณปูมิ- ปรัชญ์ภูมิ บุณยทัต และคุณปักษา – พิเชษฐ์ ก๊วยสินทรัพย์ ทั้ง 2 คนนอกจากจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการผลักดันความฝันให้กลายเป็นความจริง พวกเขายังได้รวบรวมนักมวยปล้ำไทยมาไว้ในสมาคมแห่งนี้ รวมไปถึงมันยังได้ก่อกำเนิด Subculture เล็ก ๆ ของผู้ที่รักกีฬามวยปล้ำให้มารวมตัวแลกเปลี่ยนความชื่นชอบกัน
Christian Eriksen นักเตะผู้เคยผ่านความตายมาแล้ว 5 นาที ซึ่งแฟนฟุตบอลคงจะจำเหตุการณ์ในศึกยูโร 2020 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2021 กันได้เป็นอย่างดี เป็นเกมรอบแบ่งกลุ่มบี ระหว่างทีมชาติเดนมาร์กและทีมชาติฟินแลนด์ ในช่วงนาทีที่ 42 เพลย์เมกเกอร์คนนี้ได้ล้มลงกลางสนามเนื่องจากสภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำเอาทั้งนักฟุตบอล รวมไปถึงแฟนบอลในสนามและทั่วโลกต่างต้องตกใจกับวินาทีนั้นกันไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นทีมแพทย์ก็สามารถปลุกชีวิตของ Eriksen กลับมาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตราวกับปาฏิหารย์กลับมาได้ และดูเหมือนว่าเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลน่าจะต้องจบลงแล้ว แต่ Eriksen ไม่ยอมแพ้ ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็สามารถกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง แถมยังถูกเรียกกลับไปติดทีมชาติด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดกองกลางจากดินแดนโคนมก็กลายเป็นกำลังหลักของทีม Manchester United ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเหตุนี้ทาง Unlockmen ขอพาทุกคนย้อนไทม์ไลน์กับไปเส้นทางการค้าแข้งของผู้รอดพ้นจากความตาย Christian Eriksen เกิดในวันวาเลนไทน์เมื่อปี 1992 ณ เมืองมิดเดลฟาร์ต ประเทศเดนมาร์ก และได้เข้าร่วมทีมท้องถิ่นที่ชื่อว่า Middelfart Boldklub นับตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้ชีวิตของเขามีความผูกพันธ์กับลูกฟุตบอลเป็นพิเศษ ที่นี่ Eriksen ได้ลับแข้งฝีเท้าจนมีเบสิคที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับ Thomas Eriksen คุณพ่อของเจ้าตัวที่ควบตำแหน่งโค้ขของทีมในระดับเยาวชน อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกทีมและลูกชายของเขาช่วยให้ทีม Middelfart
AC/DC วงฮาร์ดร็อกระดับตำนานจากประเทศออสเตรเลีย ที่โดดเด่นด้วยดนตรีอันทรงพลังที่มาพร้อมกับาภพจำของ Angus Young มือกีตาร์ในชุดนักเรียนกับกีตาร์ Gibson SG คู่ใจ อีกทั้งยังสร้างผลงานระดับคลาสสิคประดับวงการเพลงร็อกไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Thunderstruck”, “Highwat To Hell”, “Hells Bells” รวมไปถึง “Back In Black” ผลงานที่ริฟฟ์กีตาร์สะกดคนทั้งโลกให้ถวายตัวเป็นสาวก AC/DC มาแล้ว “Back In Black” เป็นผลงานจากอัลบั้มชื่อเดียวกับเพลงนี้ ถูกปล่อยให้ฟังครั้งแรกในเดือนธันวาคม 1980 เพลงนี้เปิดฉากมาด้วยเสียงนิ้วของ Angus Young ดีดลงไปยังเส้นลวดโลหะที่ตรึงอยู่กับกีตาร์ Gibson SG ก่อนจะตามมาด้วยริฟฟ์กีตาร์ที่เล่นได้กระชับแต่เต็มไปด้วยความทรงพลังและมีลูกเล่นที่แพรวพราว แถมมันยังติดหูแบบสุด ๆ ส่วนท่อนอื่น ๆ ในเพลงมีการสับเปลี่ยนริฟฟ์ไปบ้าง แต่โดยรวมคือถูกเรียงมาเป็นแพตเทิร์นเพื่อทำให้เพลงมีความกลมกลืน ส่วนจังหวะพีคของเพลงเป็นซาวด์ของริฟฟ์กีตาร์และท่อนโซโล่ส่งท้ายที่ให้สำเนียงของดนตรีบลูส์ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ซาวด์กีตาร์จะออกมาได้อารมณ์ไม่สมบูรณ์แบบหากไม่มีภาคริธึ่มที่เล่นกันได้อย่างรู้ใจ ส่วนเสียงร้องแหลมแหบแห้งของ Brian Johnson ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม นี่คือผลงานเสียงร้องของเขาชุดแรกกับวง AC/DC อีกด้วย ซึ่งเขาเข้ามาทำหน้าที่แทน Bon Scott นักร้องคนเก่าที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่
ชีวิตมนุษย์ทั่วไปตามปกติแล้วคงไม่มีใครหนีพ้นการทำงาน เพราะมันคือปัจจัยการสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว ซึ่งเราต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการทำงานจนกว่าจะถึงวัยเกษียณ บางคนก็เริ่มทำงานตั้งแต่วัยเด็กเลยด้วยซ้ำ การทำงานนอกจากจะต้องใช้สมอง, เรี่ยวแรง, ความรับผิดชอบ มันยังรวมถึง “ไฟ” หรือ “แพชชั่น” ที่อยู่ในตัวเราด้วยเช่นกัน บ่อยครั้งที่การทำงานเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา หรือบรรยากาศต่าง ๆ รอบ ๆ ก็กลายเป็นน้ำสาดเข้ามาดับไฟในตัวเราจนรู้สึกเบื่อหน่ายกับการทำงานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อไฟมอดก็ต้องจุดใหม่ให้ติด เราลองมาทำความรู้จักกับ “วิธีคืนความสนุกจุดไฟในการทำงาน” กันดีกว่าครับ ปัจจัยภายในทำให้หมดไฟ ต้นตอของปัญหาการหมดไฟ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่มันคือตัวเราเองต่างหาก เพราะอาการที่เกิดขึ้นมันถูกก่อตัวมาจากสภาวะจิตใจข้างในของเรา หากคุณรู้สึกเบื่อหน่าย เริ่มไม่อยากตื่นนอนเพื่อลุกออกไปทำงาน, รู้สึกเหนื่อยล้าที่จะต้องทำงานทั้ง ๆ ที่เป็นงานที่ง่ายและทำเสร็จได้โดยไว หรือรู้สึกเครียดจนเกิดอาการนอนไม่หลับตามมา ถ้าอาการเหล่านี้สะกิดเข้ามาเมื่อไหร่ให้รับรู้ได้เลยว่าสภาวะหมดไฟกำลังก่อตัวขึ้นแล้ว เมื่อเราตั้งสติจับสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นได้ สิ่งต่อไปที่ควรจะทำคือรีบลงมือแก้ไข อย่าปล่อยให้มันเป็นเนื้อร้ายที่คอยกัดกินแพชชั่นของเราเด็ดขาด โดยหลังจากที่รับรู้ได้ถึงความเครียดหรืออาการหมดไฟที่เกิดขึ้น เราก็จะสามารถเริ่มลงมือจัดการกับมันได้ทันที ลงมือจัดการความเครียด โดยมากปัญหาการหมดไฟหลัก ๆ มาจากการที่เราทำงานหนักเกินไป จนทำให้ตารางกิจกรรมต่าง ๆ ในระหว่างการทำงานเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น การพักทานข้าว, การทำงานให้อยู่ภายในเวลางานตามปกติ หรือการพักผ่อนสมองในระหว่างการทำงาน เป็นต้น การที่เราหักโหมกับงานจนเกินไปยังส่งผลให้ความเครียดตามมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรต้องบาลานซ์สิ่งต่าง ๆ