“รู้เท่าไม่ถึงการณ์” คือการ์ดยอดฮิตติดอันดับของมนุษย์ผู้ทำผิดพลาด แล้วไม่รู้จะรับมือกับความผิดพลาดนั้นอย่างไร แม้จะมีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วทำผิดพลาดอยู่จริง (ซึ่งถ้าพลาดครั้งแรก สังคมก็พร้อมรับฟังและให้โอกาส) แต่ก็มีมนุษย์บางจำพวกที่พูดคำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” เป็นรอบที่สิบ ไม่ว่าผิดกี่ครั้ง ไม่ว่าพลาดกี่หนก็พูดพล่อย ๆ เพื่อเอาตัวรอดให้พ้น ๆ ไป แล้วก็ปล่อยความผิดพลาดยุ่งเหยิงนั้นให้ยังอยู่ต่อไป ผู้ชายอย่างเรา ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่ทุกวัน ก็ย่อมต้องผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา หรือบางครั้งเราไม่ใช่คนพลาด แต่คนในปกครองหรือคนในความรับผิดชอบทำพลาด เราเองก็ต้องเป็นคนออกหน้า ในฐานะที่เราก็เบื่อคนพูดว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” เต็มทน เพราะเหมือนพูดแบบขอไปที UNLOCKMEN ขอเสนอคำพูดที่ผู้ชายอย่างเราใช้รับมือเมื่อเจอภาวะวิกฤต หรือทำผิดพลาด โดยเป็นคำพูดหรือวิธีการที่ดูเป็นรุ่นใหญ่ใจนิ่ง แถมดูเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่แค่ปัดความรับผิดชอบให้พ้น ๆ ตัว โลกยุค 5G ทุกอย่างต้องแสดงออกเร็วนะ! หากเกิดทันยุคที่ข้อมูลข่าวสารทุกอย่างมาจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์เท่านั้น เราจะเข้าใจได้ทันทีว่าข้อมูลในยุคนี้ไหลเร็วขนาดไหน ไม่ใช่ระดับเวลาเช้า-เย็น เหมือนข่าวภาคเช้าและภาคค่ำอีกต่อไป แต่ข่าวนั้นเชี่ยวกรากกันเป็นระดับนาที! ดังนั้นเมื่อเราทำพลาดและมีคนพบข้อผิดพลาดนั้นแล้ว ให้รีบ Take Action ให้เร็วที่สุด แต่ละนาทีที่เราปล่อยเวลาให้ผ่านไป หมายถึงคอมเมนต์คาดเดาไปสารพัด หมายถึงการบอกกันปากต่อปาก
ไม่ไป ไม่เอาโคโรนา ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลานับตั้งแต่รู้ข่าวมาแค่ 2 เดือน คนไทย บริษัทไทยหลายแห่งก็เตรียมสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะจากที่เข้าใจว่าเฉพาะการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ไวรัสเล่นงาน มาวันนี้อุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องทยอยร่วงตามเป็นแถบ ๆ “ไม่เอาโคโรนา ไม่ไปไหน ไม่ใช้เงิน” อันนี้ว่าลำเค็ญ แต่ไอ้ที่ใช้ไปแล้ว แต่ขอเลื่อนใช้เพราะวิกฤต ตามงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต หรือการออกบูธสินค้า ก็ไม่รอดเหมือนกัน แต่ท่ามกลางการถอยทัพของเจ้าอื่น ข่าวโปรโมตเที่ยว Commart X Pro 2020 ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค. 63 เวลา 10.00-21.00 น. ก็ยังมาตามนัดเดิม เราลองมาเจาะดูกลยุทธ์ไปพร้อมกันว่าวันที่รู้ทั้งรู้ว่าสู้ยากแต่ยังอยากสู้ต่อ ทั้งที่ 2 พาร์ตเนอร์หลักด้านไอที อย่าง Banana IT กับ Advice IT ถอยทัพขอไม่ไปงานนี้แล้ว กลยุทธ์ที่ผู้จัดงาน Commart X Pro 2020 จะใช้พยุงงานอีเวนต์ต่อคืออะไร เผื่อมันจะเหมาะใช้กับแบรนด์ของคุณบ้าง โยกที่ว่าง
ข่าวฉาว อาชญากรรม อุทกภัย โรคร้าย มากกว่าเรื่องข้าวยากหมากแพงที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเรา ดูเหมือนอุตสาหกรรมที่จะโดนอัดหนักที่สุดเสมอมักจะเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะคนในไม่ค่อยเที่ยว คนนอกก็ไม่ต้องพูดถึง จากสถานการณ์ COVID-19 ตอนนี้เราอาจยังมองไม่ออกเลยว่าจะคลี่คลายจนการท่องเที่ยวกระเตื้องกลับมาอีกทีได้ช่วงไหน แต่ภาพรวมกินเวลายาว ๆ อย่างน้อย 3-5 เดือนแน่นอน เพื่อรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้น UNLOCK DEBT จึงอยากแชร์หนทางก้าวผ่านเรื่องหนี้สินครัวเรือนทั้งหลายด้วย 5 ทางออกของการชะลอหนี้ที่รวบรวมข่าวสารมาจากภาครัฐและภาคเอกชนมาเผยแพร่ต่อเพื่อพี่น้องที่ทำธุรกิจนี้ด้วยตัวเองหรือมีคนรู้จักกำลังทำงานประจำในสายงานนี้ ผู้ประกอบการ ติดตามข่าวสารสถาบันการเงินที่เราเป็นลูกหนี้ ชาวโฮมสเตย์ รีสอร์ต โลจิสติกส์ หรือสารพันที่จะเกี่ยวข้องกับวงจรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ใครที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของสถาบันการเงินแห่งไหน เราแนะนำให้กลับไปดูก่อนข้อมูลข่าวสารจากที่นั่นเป็นจุดแรก เพราะสมาคมธนาคารไทยได้จัดประชุมพูดคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว และออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเรื่องหนี้สินไว้ ล่าสุด SCB ได้ออกมาตรการช่วยเหลือชะลอหนี้ผู้ประกอบการ พักชำระเงินต้นให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะเวลาสูงสุด 12 เดือน ใครเข้าข่ายก็สามารถเข้าไปดำเนินการติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ อย่างน้อย ๆ นี่จะเป็นหนทางให้ลดภาระครัวเรือนที่เกิดขึ้นได้บ้างเมื่อเราขาดรายได้ สำหรับธนาคารอื่น ๆ ให้ลองเช็กข้อมูลประกาศจากธนาคารดูได้ VOUCHER ทางออกเพื่อเงินสดหมุนเวียน อีกหนทางที่เจ้าของธุรกิจต้องเล็งไว้ในใจและอาจต้องเร่งลงมือทำในช่วงนี้คือการจัด Promotion ขาย Voucher แม้การออกโปรโมชั่นขาย Voucher ราคาย่อมเยาจะทำให้รายรับของเราน้อยลง แต่วิธีนี้คืออีกหนทางการช่วยเหลือตัวเอง ดึงกระแสเงินสดเข้ามาประคองในช่วงที่ยังไม่มีลูกค้าได้ ออกบูธกระตุ้นการท่องเที่ยว การตลาดออนไลน์เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถขาย
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร การต่อกรระหว่างคนขายของกับคนซื้อของก็ยังเกิดขึ้นวันยันค่ำ โดยที่คนคิดโฆษณาและการตลาดต้องก้าวให้ไวกว่าก้าวหนึ่งเสมอ เราชินกับการขายภาพลักษณ์ที่สวยงามให้แบรนด์ ถ้าเป็นอาหารทุกอย่างจะถูกเซตยัดไส้มาอย่างดีให้ฟูนุ่ม เนื้อแน่นน่ากิน ถ้าเป็นบ้านผู้คนต้องขวักไขว่ รถไฟฟ้าต้องจ่อถึงหน้าบ้าน สารพันจะยัดประสบการณ์ด้านบวกมาใส่ไว้ทุกอณูการขาย ทุกคนจะได้สัมผัสสิ่งที่ดีที่สุดผ่านสายตาตั้งแต่ของชิ้นนั้นยังไม่ถึงมือ แต่วันนี้เกมการตลาดแบบเดิมกำลังเปลี่ยนไป เพราะวิธีขายของด้วยภาพลักษณ์ลบ ๆ กลายเป็นการฉีกแนวช่วยกระตุ้นการขายได้ดีกว่าที่คิด แถมความแปลกของรูปแบบที่นำเสนอยังช่วยสร้าง Word of Mouth ได้เป็นอย่างดี Case Study ที่ยกมาให้เห็นภาพชัด เรายกมาจากแคมเปญโฆษณาต่างประเทศและในประเทศไทยแบรนด์ที่หลายคนรู้จักกัน คือ Burger King และ Greyhound แต่อาจจะยังไม่เคยรู้ว่าเขากล้าขายด้วยวิธีนี้ BURGER KING: The Beauty of no artificial preservatives โฆษณา Timelapse ของเบอร์เกอร์นับตั้งแต่แรกเสิร์ฟจนถึงวันเน่าบูด ราขึ้นเต็มชิ้น จนเห็นแล้วอยากจะเขวี้ยงลงถังขยะ บางคนเห็นแวบแรกคงไม่คิดว่าเป็นการโฆษณาแต่น่าจะเป็นการ discredit มากกว่า เพราะมันดูไม่น่ากินเอาเสียเลย แต่จริง ๆ แล้วใครจะคิดว่า “บูด” เป็นจุดขาย 33 วันนับตั้งแต่วันแรกที่ปรุงสุกพร้อมเสิร์ฟไม่ใช่แค่ทำให้เราเห็นภาพลบของอาหารที่ไม่น่ากิน แต่ขณะที่มันกำลังบูด มันก็โชว์ความงามและคุณค่าของอาหารฟาสต์ฟู้ดหนึ่งชิ้นที่อยู่ตรงหน้าเรา
ต้องยอมรับว่าสื่อทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเรื่องโควิด – 19 (Coronavirus 2019) กันจริงจัง หลายประเทศเปิดมาตรการป้องกัน ตรวจสอบ และกักกันคนที่มีอาจเกี่ยวข้องกับเชื้อนี้ แต่เจ้าที่เราเห็นชัดว่าตอนนี้กลายเป็นที่จับตาไปทั่วโลกอีกประเทศคือ “ญี่ปุ่น” หลังพบการระบาดจากเรือสำราญที่เข้าเทียบ จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลุกลามทำให้หลายประเทศเริ่มแจ้งระวังการเดินทางไปญี่ปุ่น และพิจารณานักเดินทางที่ต้องการเข้าประเทศหากเดินทางมาจากญี่ปุ่น ซึ่งจะเรียกว่าเป็นโชคร้ายหรือคราวซวยก็ว่าได้ เพราะระยะเวลาการระบาดดันไปประจวบเหมาะกับช่วงจัด Tokyo Olympic 2020 ปีนี้พอดิบพอดี กลายเป็นจุดตั้งสังเกตว่า สรุปแล้วงานครั้งนี้จะล่มหรือรอด ระหว่างที่ยังไม่ถึงเดือน 7 ตามกำหนดการจัดการของโตเกียว จู่ ๆ Shaun Bailey ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของลอนดอน (ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับเลือก) ก็ดันจับเรื่องนี้ไปเป็นหนึ่งในนโยบายการหาเสียงของตัวเองในทวิตเตอร์ส่วนตัวโดยกล่าวว่า ใจความง่าย ๆ ก็คือสามารถรับเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปีน้ีแทนได้ เพราะเราเคยมีประสบการณ์มาแล้ว และถ้าผมได้เป็นนายกเทศมนตรีแล้วล่ะก็ ผมจะทำให้มั่นใจเลยว่าลอนดอนรับเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง (หลังเคยเป็นมาแล้วในปี 2012) ได้อย่างแน่นอน แถมยังบอกว่าอยากให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) พิจารณาเรื่องนี้ด้วย ฝั่งผู้ว่าการกรุงโตเกียว ยูริโกะ โคอิเกะ ก็ตอกกลับเบา ๆ ว่า “ไม่เป็นไร” แต่ให้เหตุผลเจ็บหนักที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าทางลอนดอนจะเจื่อนแค่ไหนว่า “เหตุผลที่ทำให้ปัญหานี้กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกก็เพราะเรือสำราญลำนั้น แต่นั่นเป็นเรือสัญชาติสหราชอาณาจักร ฉันเข้าใจได้ดี
ส่งท้ายเดือนแห่งความรักที่ไม่ได้มีแค่ผู้คนโรแมนติกใจเต้นเต็มท้องถนน แต่ยังมีใครบางคนต้องจมกองน้ำตาอยู่ที่ไหนสักแห่ง ถ้าให้พูดถึงเรื่องความรัก “ความรักพัง ๆ” คงเป็นวิบากกรรมอะไรสักอย่างที่ผู้ชายเราต้องเจอเหมือน ๆ กัน เคยปรึกษาปรับทุกข์กันในวงเหล้าสักครั้งของชีวิต อาการหนักหน่อยก็เน่าไปหลายวัน กลายเป็นผักทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะฮีลตัวเองขึ้น จากนั้นก็โยนคำตอบปลอบกันเองว่า “เออ ก็อย่างนี้แหละ รักมันออกแบบไม่ได้” “ออกแบบไม่ได้” จู่ ๆ คำนี้มันก็ติดอยู่ในหัวเราและทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าเมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว มีอาจารย์พิเศษท่านหนึ่งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดคลาสสอนหารักชื่อ “พบรักที่ใช่” จนเป็นกระแสโด่งดัง ซึ่งพอเราตามหาข้อมูลต่อเพื่อพูดคุยกับเขาก็เริ่มเจอเรื่องน่าสนใจมากเข้าไปอีก นฤพนธ์ เวียงชนก หรือโค้ชแมกซ์ จบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล ปริญญาโทในสาขาเดียวกันจากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ แต่ชื่นชอบเรื่องการศึกษาความสัมพันธ์และการแก้ปัญหาด้านความรัก ความหลงใหลและอยากช่วยคนคือจุดเริ่มต้นให้เขาเรียนต่อ ศึกษาศาสตร์ด้านนี้ เก็บใบประกาศนียบัตรมากมายด้านความสัมพันธ์ เลือกเรียนวิชาที่เหมาะสมกับคนไทยก่อนจะมาทำธุรกิจออกแบบความรักควบคู่กับการเป็นวิศวกร แถมตัวเลขราคาให้คำปรึกษาก็ไม่ธรรมดา เริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว Coaching Workshop พบ “รักที่ใช่” ใน 5 นาทีเพื่อคนวัยทำงานแบบตัวต่อตัวมูลค่า 10,000 บาท Calling Consulting โทรศัพท์สอบถาม ต้องการทางออกแบบเร่งด่วนและเฉพาะตัวราคา 5,000 บาท/ครั้ง อะไรที่อยู่หลังตัวเลขราคานี้ ? วิทยาศาสตร์สอนว่าอย่าเชื่อจนกว่าได้พิสูจน์มัน
“คอนเนกชัน” คืออีกกุญแจหนึ่งที่จะไขบานตูแห่งโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิตลูกผู้ชายอย่างเรา คอนเนกชันไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสามารถ แต่มันหมายถึงการที่เราทำความรู้จักคนที่เหมาะสม ผูกมิตรภาพและใช้ใจแลกใจจนเกิดเป็น “คอนเนกชันที่ดี” ซึ่งจะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ความสามารถและผลงานของเราไปอยู่ถูกที่ถูกทางได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตามคอนเนกชันไม่ได้ลอยมาจากอากาศ การรู้จักสร้างคอนเนกชันให้เหมาะสมก็ถือเป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้และฝึกฝน เพื่อให้ทุกปาร์ตี้ ทุกการสังสรรค์ หรือทุกงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยคอนเนกชันให้เก็บเกี่ยว เราจะได้สร้างบทสนทนาได้ลื่นไหล วางตัวได้ราบรื่น และเข้ากับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด “ตรงกลาง” คือตำแหน่งสำคัญ หลายคนคิดว่าการสร้างคอนเนกชันจากบทสนทนานั้นมีแค่สกิลการพูดเท่านั้นที่สำคัญ จนหลงลืมไปว่า “ตำแหน่งที่เราเลือกอยู่” ในงานสังสรรค์หรืองานทางธุรกิจนั้น ๆ ก็สำคัญและมีความหมายไม่แพ้กัน เราเข้าใจดีว่าการไปในที่ที่เราไม่รู้จักใครเลย และหลาย ๆ คนก็มากันเป็นกลุ่มหรือดูจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว การเลือกเดินเข้าไปที่มุมห้อง แล้วยืนมองใครต่อใครจากมุมนั้นมันให้ความรู้สึกอุ่นใจกว่า แต่ในความอุ่นใจนั้นก็เป็นการตัดโอกาสของตัวเราเองเช่นกัน เพราะในปาร์ตี้ที่ต่างคนต่างต้องการหาคอนเนกชันและคนส่วนใหญ่อาจแปลกหน้าต่อกันนั้น ไม่มีใครเดินข้ามห้องจากมุมหนึ่งไปมุมหนึ่ง (โดยเฉพาะเมื่อสถานที่นั้นกว้างใหญ่) เพื่อหาคนที่อยากคุยโดยเฉพาะ แต่ผู้คนมักเลือกคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คนที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา หรือคนที่มองเห็นได้ง่าย ไม่ต้องสอดส่ายสายตาหาให้เหนื่อย การเลือกยืนตรงกลางห้องจึงถือเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมา หรือมองมาจากมุมไหนก็เห็นและง่ายต่อการที่ทั้งเราและเขาจะเริ่มต้นทำความรู้จักกัน ซึ่งมีประสิทธิภาพกว่าการไปยืนอยู่มุมห้องรอใครเดินเข้ามา และจบลงด้วยการยืนไถมือถืออย่างเหงา ๆ จนจบงาน ถ้าไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาแบบไหนให้ “ชื่นชม” คนอื่น บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเริ่มต้นบทสนทนากับคนแปลกหน้า หรือแม้แต่การยืนกลางห้องแล้ว แต่ถ้าไม่มีใครมี Eye Contact
ทำงานเก่งมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเป็นงานฟรี งั้นเรามาเรียนรู้วิธีทำงานให้ได้เงินกันดีกว่า ขอไม่นับงานประจำนะเพราะเชื่อว่าทุกคนก็คงมีกันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยู่ในช่วงว่างงานจะเอาไอเดียด้านล่างที่เราแจกไว้หาเงินไปใช้เป็นงานหลักก็ได้ไม่ว่ากัน การมีเงินเก็บเยอะ ๆ มันสบายใจดีเพราะเราสามารถซื้อในสิ่งที่ทุกคนต้องการได้ แต่รู้ไหม อะไรที่ทำให้เศรษฐีกับคนธรรมดาต่างกัน ทั้งหมดมันอยู่ที่ช่องทางการหาเงินและการคว้าโอกาสที่อยู่รอบกายไว้ และนี่คือ 5 โอกาสสร้างรายได้ที่เราแนะนำ ลองเลือกที่เหมาะกับคุณดู เลือกได้มากกว่าหนึ่งอย่าง แล้วจะรู้ว่าดีกว่านั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ แน่ ๆ อดทนหน่อยแล้วไปเหนื่อยกับการนับเงินทีหลังมันชื่นใจกว่ากันเยอะ ปล่อยบ้านให้เช่าระยะสั้น ทำงานประจำอาจจะต้องใช้เวลาทั้งเดือน แต่ถ้าบ้านมีที่เหลือ การปล่อยพื้นที่บ้านเราให้คนอื่นเช่าผ่านเว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง Airbnb.com, VRBO.com, Homeaway.com หรือ FlipKey.com ชั่วคราวแค่ 3-5 วันหรือมากกว่านั้นเล็กน้อยอาจเป็นบ่อเงินให้เราได้ง่ายกว่าที่คิด วิธีนี้คือการจับเสือมือเปล่า เพราะการลงทะเบียนฝากที่ปล่อยเช่าผ่าน Airbnb ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย เว้นแต่เมื่อมีคนจองแล้ว ทาง Airbnb จะเรียกเก็บค่าบริการราว 3% จากเราเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่เราต้องทำเพื่อแลกการทำงานนี้คือการลงทะเบียนโปรโมตฟรี และทำความสะอาดบ้านก่อน-หลังคนเข้าพักให้น่าอยู่ ส่วนนี้ถ้าคิดเสียว่าทำความสะอาดบ้านตัวเองเรื่องนี้ก็ไม่ลำบากอะไร สำหรับใครที่ยังคิดภาพไม่ออกว่าการปล่อยเช่าผ่าน airbnb เป็นแบบไหน ลองเข้าไปดูได้ใน https://th.airbnb.com/s/Thailand ขายของที่เก็บไว้ในบ้านแต่ไม่ได้ต้องการ ข้าวของแปรเป็นเงินสดได้เสมอ บางครั้งเราลืมนึกไปว่ามีของในบ้านเยอะแยะที่ไม่สร้างประโยชน์ ไม่ได้ใช้งาน
เรื่องฟ้องระหว่างพนักงานกับนายจ้าง ปกตินายจ้างเองไม่ค่อยจะฟ้องกัน ขณะที่พนักงานเองถ้าฝั่งบริษัทผิดต่อตัวเองแต่อะลุ่มอล่วยได้ก็จะนิ่งเฉย เพราะรู้สึกว่าฟ้องไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ ฟ้องไปก็เสียเวลา เสียเงิน จนไม่คุ้มจะลงมือ แต่บางครั้งการฟ้องมันก็มีความหมายมากกว่าเรื่องการฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย เพราะมันคือการฟ้องเพื่อขีดเส้นบอกว่า “ข้อกำหนดที่พูดมาน่ะของจริง” เช่นเดียวกับข่าวตอนนี้ที่ Apple กำลังฟ้องอดีตพนักงาน Gerard Williams ที่ลาออกมาเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ออกมาเปิดบริษัท Nuvia บริษัทสตาร์ตอัปชิปเซิร์ฟเวอร์น้องใหม่สำหรับใช้ในศูนย์ข้อมูลไปเรียบร้อย Gerard William ชายผู้มีชื่ออยู่ในสิทธิบัตรหลายใบของ Apple จริง ๆ ถ้าเป็นคนตัวเล็กธรรมดา คิดจะมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วไปอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ Gerard Williams ถือเป็นคนสำคัญด้านการพัฒนา Chipset ที่ทำโพรเซสเซอร์ที่ใช้ใน iPhone และ iPads เขาผลิตชิปเซตโปรดักส์ของ Apple หลายตัว ตั้งแต่ Apple A7 ชิป 64-bit ตัวแรก จนกระทั่ง Apple A12X ทรัพย์สินทางปัญญาหลายชิ้นมีชื่อของเขาอยู่ในสิทธิบัตรการพัฒนาของ Apple ด้วย (CPU /
คุณยังจดจำการ์ตูนเรื่องโปรดได้ไหม? ยังจำรถยนต์ในฝันเมื่อตอนเป็นเด็กได้หรือเปล่า? TOFUYA Studio เกิดขึ้นจากการรวมตัวของ คุณบุ๊ง ศิวกร Owner: Garage Cube/คาเฟ่ตึกแถว/นักจัดหานักแสดงสายงานโฆษณา, คุณกี้และคุณบอย Owner: Inner Car Dress Up, คุณวิท, คุณนัท ช่างภาพ และสมาชิกอีกหลายคนที่หลงใหลในสิ่งเดียวกันคือวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะการ์ตูน ภาพยนตร์ สถานที่สักแห่งในความทรงจำ รวมไปถึงรถซิ่งยุค 90 หากเราไม่บอกคุณว่าที่นี่คือ ประเทศไทย คุณคงคิดว่าภาพที่เห็นอยู่นี้คือ ประเทศญี่ปุ่น จากพื้นที่ที่เคยเป็นปั๊มน้ำมันร้าง ถูกเนรมิตให้กลายเป็นปั๊มน้ำมันสุดวินเทจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่น คุณบุ๊ง: เราโตมากับการ์ตูน หนังที่เราดู อาหารการกิน การไปเที่ยว แล้วเราเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ เราชอบสะสมของ มันก็เลยถูกซึมซับและหล่อหลอมมาในสิ่งที่เราชอบ ตอนเด็ก ๆ เราไม่ได้เป็นครอบครัวที่มีเงินเยอะเป็นชีวิตปกตินั่นแหละ มันเหมือนฝังใจ พอเราทำงานหาเงินเองได้เราก็จะตอบสนองตัวเองในสิ่งที่เราต้องการ มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่น มีโอกาสได้ซื้อของเล่น มีโอกาสได้ซื้อของสะสม เริ่มเล่นคนเดียว แต่งโรงรถคนเดียว จากการเริ่มต้นสะสมของ เริ่มแต่งโรงรถที่บ้านตัวเอง โรงรถของบ้านเพื่อน การเปิดคาเฟ่แห่งแรก คุณบุ๊ง: พอทำให้เพื่อนหลาย
Whoever Said Money Can’t Buy Happiness Just Never Bought the Right Car. Dream Car คือความฝันลูกผู้ชายทุกคน แต่ถ้าถามเรื่องการเงิน เรื่องกู้เงินมาซื้อรถ คนส่วนใหญ่อาจจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน เราเป็นคนประเภทไหน เหมาะกับการกู้แบบไหน ถ้าไม่ได้มีเงินสดพร้อมโอน เราควรต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อรถได้ หรือจะดูยังไงว่าไหวไม่ไหว ใครที่อยากเตรียมตัวซื้อรถ หรือเล็ง ๆ ไว้อยู่ UNLOCKMEN ขอเปิดวิชาเป็นหนี้คร่าว ๆ ให้ทุกคนเรียนรู้กัน ไม่ใช่ว่าอยากจะให้เป็นเศรษฐีเงินผ่อน แต่ถ้ามัวรอเงินก้อนกว่าจะซื้อ บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าความชราที่มาพร้อมเงินเฟ้อมันจะทำให้พวกเราหมดสิทธิ์มีรถในฝัน 3 คำเตือนต้องรู้ก่อนซื้อ ไม่ไหวอย่าบอกไหว คำเตือนข้อ 1: เห็นตัวเลขผ่อนน้อย ผ่อนยาว อย่าเพิ่งโดดไปผ่อนเพราะคิดว่าหักจากเงินเดือนก็ยังพอกิน หนี้มันไม่ได้จบแค่ตัวเลขที่มองเห็น แต่มันยังมีตัวเลขแฝงอื่นอีก ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถ ค่าทางด่วน เฉลี่ยใน กทม. ประมาณ 3,000 บาท / เดือน ขึ้นอยู่กับระยะทาง
เก่งก็ดี แต่สิ่งที่รักษาไว้ยากกว่าคือชื่อเสียงกับตำแหน่งหลังจากนั้น เพราะยิ่งคุณเป็นคนเก่ง คนยิ่งจับตาเรื่องความคลีนที่คุณมี หลังจากเจอข่าวดราม่าเรื่อง CEO Nissan เจอรวบตัวจนเป็นคดีให้ติดตามหลายสื่อ บางคนอาจจะตามทันบ้างไม่ทันบ้าง UNLOCKMEN จึงอยากย้อนอดีตและมัดรวมคดีของท็อป CEO จากค่ายยนตรกรรมผู้โด่งดังมาแบ่งกันอ่านให้เห็นอีกมุมกันบ้าง เพราะความสำเร็จที่สั่งสม…ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันพร้อมจะสูญทันทีถ้าก้าวพลาด CARLOS GHOSN / Renault-Nissan คนล่าสุด ไม่พูดถึงไม่ได้ต้องยกให้ Carlos Ghosn เจ้าพ่อผู้กู้หน้าในธุรกิจ Nissan อดีต CEO ผู้มีคดีพ่วงหลังเรื่องยักยอกทรัพย์จากญี่ปุ่นตามตัวไปอีก ความเก่งของ Carlos นี่ถือว่าอยู่ในระดับพระกาฬ เขากอบกู้วิกฤตของ Renault-Nissan จนกลับมายืนอย่างภาคภูมิในวงการยานยนต์อีกครั้ง ช่วงที่เขาเข้ามาดูแล Renault ตอนนั้น เขาทำงานหนัก บริหารจนจากตัวเลขแดง ๆ ของ Renault กลับมาเป็นสีเขียวอีกครั้งจากการปิดโรงงานในเบลเยียมและปลดพนักงานกว่า 3,000 คน จนได้รับฉายาว่า “นักฆ่าต้นทุน” (Le Cost Killer) จากนั้นนำกำไรจาก Renault ซึ่งอยู่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกับ Nissan ไปอุ้ม