ถึงแม้ Oasis จะไม่ได้กลับมารวมวงกันเหมือนก่อนเก่าอย่างที่ชาวเราเฝ้าภาวนา แต่ปี 2019 นี้ ก็นับว่าครึกครื้นมากทีเดียว เพราะทั้ง Noel Gallagher คนพี่ และ Liam Gallagher คนน้อง ต่างปล่อยงานเพลงใหม่ ๆ กันออกมาทั้งคู่ ถึงแม้ทั้งสองคนจะยัง #ตัดพี่ตัดน้อง (เอ๊ะ) ไม่ยอมพูดจาภาษาดอกไม้ใส่กัน แต่การปล่อยเพลงออกมาใน Timeline ใกล้ ๆ กันก็นับว่าพอยาใจแฟนคลับได้บ้าง (แต่จะชื่นใจกว่านี้ถ้าพี่ ๆ ยอมรียูเนียนเพื่อผม!) Black Star Dancing – Noel Gallagher’s High Flying Birds โดยทาง Noel Gallgher ก็เพิ่งปล่อย 3 เพลงใหม่ Black Star Dancing, Rattling Rose และ Sail On ออกมา ฟังจากดนตรีแล้วก็บอกได้เลยว่าคนพี่ตั้งใจจะเดินหน้าทำดนตรีแนวใหม่
วันหยุดแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการพักผ่อนหย่อนใจ เปิดเพลงนุ่ม ๆ สบายหู บางคนก็อาจจะออกไปชมนกชมไม้ให้ธรรมชาติช่วยเยียวยา ซึ่ง ‘ธรรมชาติ’ มีพลังในการบำบัดจิตใจมนุษย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดนตรีที่ธรรมชาติก็เช่นกัน ในยุคที่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ครองเมือง จะเปิดฟังศิลปินคนไหนก็ล้วนแล้วแต่มีซาวด์สังเคราะห์เข้ามาเกี่ยวข้อง เราไม่ได้จะบอกว่าอิเล็กทรอนิกส์เป็นเพลงที่ไม่ดี แต่บางครั้งเพื่อจะได้เข้าถึง ‘การพักผ่อน’ ที่แท้จริง คุณอาจต้องการเสียงดนตรีที่มีความเป็นธรรมชาติมากกว่านั้น และดนตรี Folk (โฟล์ก) คือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับโจทย์นี้! เพราะขึ้นชื่อว่าโฟล์กแล้วจะยุคเก่าหรือใหม่ ความธรรมชาติของเครื่องดนตรีคือปัจจัยสำคัญ อีกทั้งเรายังได้เสพเนื้อเพลงดี ๆ ที่มักจะแฝงปรัชญาชีวิตด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เรามีเพลงโฟล์กที่น่าสนใจมาแนะนำ ให้คอเพลงได้สุขใจสบายหู ตลอดช่วงวันหยุดนี้ NFWMB – Hozier ถ้าใครเคยฟังทั้ง 2 อัลบั้มของ Hozier แล้วพบว่าไม่มีเพลงนี้ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะ NFWMB ถูกแยกออกมาใน EP อัลบั้ม Nina Cried Power แค่กีตาร์ตัวเดียว เสียงคีย์บอร์ดคลอเบา ๆ กับเสียงร้องของเขาก็ทำให้เพลงดู ‘เต็ม’ โดยไม่ได้รู้สึกขาดอะไรไป รับประกันว่าเป็นมิตรต่อหูแน่นอน ส่วนคำว่า NFWMB ในที่นี้ ถูกย่อมาจาก Nothing
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ‘การแข่งขัน’ กับ ‘วงการดนตรี’ ล้วนแล้วแต่อยู่คู่กันมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะแข่งบนเวทีประกวด, แข่งกันทำเพลงให้ฮิตติดชาร์ต, แข่งยอดวิวบน Youtube จนมาถึงแข่งยอด Streaming อย่างในปัจจุบัน ไหนจะบรรดานักวิจารณ์ที่ขยันออกมาตีตรางานเพลงกันเป็นว่าเล่น ใครโชคดีก็ถูกยกยอ หากโชคร้ายก็ถูกสาปจนยับเยิน ฟังดูอาจจะไม่ยุติธรรม เพราะไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรวัดสิ่งนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ศิลปินแทบทุกคนต้องพบเจอ SOMKIAT (สมเกียรติ) 5 หนุ่มอินดี้อารมณ์ดีวงนี้ก็เช่นกัน ทั้ง โบ๊ท (ร้องนำ), บอส (กีตาร์), นนท์ (กีตาร์), นัท (เบส) และ ยิ้ม (กลอง) ก้าวแรกในวงการเพลงของพวกเขาเกิดขึ้นพร้อมกัน นั่นก็คือการแข่งขัน Coke Music Awards ปี 2010 ถึงจะได้รางวัลชนะเลิศ แต่กว่าจะได้ออกซิงเกิลแรกกับค่าย Smallroom ก็ผ่านไปแล้วถึง 2 ปีให้หลัง วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากชวนคุณ มาย้อนรอยเส้นทางสายดนตรีที่ไม่เรียบง่ายของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน จากวงดนตรีนักศึกษาบนเวทีประกวด สู่ศิลปินมืออาชีพในค่ายอินดี้แถวหน้าของเมืองไทย พวกเขายังต้องแข่งอะไรอีกบ้างจนถึงทุกวันนี้
นอกจากความเพลิดเพลินและอรรถรสที่ได้รับชมภาพยนตร์ อีกสิ่งหนึ่งที่ตื่นเต้นเร้าใจไม่แพ้กัน คือการคอยลุ้นว่าพล็อตของหนังเรื่องนี้จะเป็นไปตามที่เราคิดไว้หรือเปล่า แล้วฉากเริ่มเรื่อง กลวิธีการเล่า ตลอดจนฉากจบจะสร้างความประทับใจได้มากน้อยขนาดไหน? แต่เราเชื่อว่าคงมีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกว่าตนถูกหลอก เปลี่ยนบริบทจากเซียนหนังผู้คร่ำหวอดในแวดวงจอเงินให้กลายเป็นคนโง่ใบ้ ตามไม่ทัน สังเกตไม่เห็น และคิดไม่ถึงกับเรื่องราวและฉากจบที่ดูจะสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมันดันมาจบเรื่องในแบบที่คุณไม่เคยวาดฝันไว้มาก่อน คำเตือน! ภาพยนตร์ดังต่อไปนี้ไม่มีการสปอยล์ฉากจบของเรื่องแต่อย่างใด THE SIXTH SENSE “I See Dead People” ประโยคดังที่หลุดออกจากปากเด็กชายผู้มองเห็นวิญญาณ ในภาพยนตร์บิดเบี้ยวอัดแน่นซาวด์ผีอลังการ THE SIXTH SENSE ที่เคยปล่อยความหลอน เครียด และกดดันกระโจนเข้าใส่จิตใจของผู้ชมมานับล้าน เนื้อเรื่องเล่าถึงเด็กชายผู้มองเห็นผีและนักบำบัดที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเด็กคนนี้ แต่น่าแปลกที่เคสเล็ก ๆ ของเด็กคนเดียวดันกระทบกระเทือนไปยังครอบครัวของนักบำบัดรายนี้ด้วย บทบาทการแสดงของเด็กหนุ่มที่ดูน่ารักพร้อม ๆ กับน่ากลัว และนักบำบัดที่เชื่อว่าเด็กเห็นผีจริง แต่ก็มิอาจสัมผัสได้ถึงวิญญาณเหล่านั้น หนุ่ม ๆ จึงจะได้ซึมซับความสนุกสนานไปพร้อมกับการพัฒนาของตัวละคร แต่ด้วยมุมมองกล้อง การตัดต่อ และกลการเล่าอาจทำให้คุณไม่สามารถจินตนาการถึงตอนจบของมันได้เลย MEMENTO จะเป็นยังไงถ้าคุณตื่นมาแล้วต้องรับรู้ว่าตัวเองความจำเสื่อม จนไม่อาจจดจำเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นได้แม้แต่เล็กน้อย ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่ตัวละครเอกในเรื่อง MEMENTO ต้องพบเจอ แต่ที่แย่กว่านั้นคือเขากำลังค้นหาฆาตกรที่ฆ่าข่มขืนภรรยาของเขา ทั้งที่ตนสูญเสียความทรงจำ
Jake Gyllenhaal เป็นนักแสดงชายในฮอลลีวูดที่แจ้งเกิดจากหนังสูตรสำเร็จและก้าวเข้าสู่หนังอินดี้และหนังอื่น ๆ เพื่อท้าทายความสามารถทางด้านการแสดงของตัวเอง ก่อนที่จะหวนกลับเข้าสู่แวดวงภาพยนตร์ Blockbuster อีกครั้งกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่อง Spider Man: Far From Home (2019) กับบทบาท Mysterio ด้วยมาดเท่ ๆ กับดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ รวมถึงฝีมือการแสดงที่มากความสามารถจนได้เข้าชิงรางวัลจากเวทีมากมายหาตัวจับยากนี้ ทำให้ UNLOCKMEN อยากจะชวนทุกคนไปย้อนดูหนัง 5 เรื่องที่เขาเคยฝากผลงานไว้ ลองมาดูไปพร้อมกันว่าภาพยนตร์เรื่องไหนของ Jake Gyllenhaal บ้างที่คุณไม่ควรพลาด SOURCE CODE (2011) เวลา 8 นาทีใช้ทำอะไรได้บ้าง ฟังเพลง เดินกลับบ้าน หรือเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล ? ค้นหาคำตอบของเวลาไปกับ Jake Gyllenhaal ในภาพยนตร์แอกชัน-ไซไฟ ที่สอดแทรกความโรแมนติกไว้อย่างแยบยลกับเรื่อง Source Code (2011) เมื่อทหารนายหนึ่งตื่นขึ้นมาบนรถไฟพร้อมกับความมึนงงเพราะเขาตื่นขึ้นมาในร่างของคนอื่น เขาจะเริ่มนึกถึงตัวตนว่าเขาถูกส่งข้ามเวลามาด้วยเครื่องที่ชื่อว่า Source Code พร้อมกับภารกิจใหญ่เพื่อหยุดยั้งการระเบิดของรถไฟ โดยการย้อนเวลาแต่ละครั้งจะมีเวลาแค่ 8
บทเพลงและเสียงดนตรีเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความสุขของมนุษยชาติที่ขาดไปไม่ได้ คนเราฟังเพลงเพื่อหาความรื่นรมย์ในหัวใจ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกเรายึดปฏิบัติมาช้านาน แต่ใครจะเชื่อว่าวันหนึ่ง ‘เพลง’ ที่จรรโลงใจจะกลายเป็นอาวุธในการขับไล่หรือทรมานคนได้ แล้วยิ่งถ้าบอกว่าเพลงนั้นคือเพลงสำหรับเด็กอย่าง ‘Baby Shark’ ฟังดูก็ยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าเพลงพ่อแม่ลูกฉลามนี้ถูกนำมาเปิดเพื่อขับไล่คนแล้วจริง ๆ ! เพลง Baby Shark เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ย่าน West Palm Beach ในรัฐ Florida เมื่อมีกลุ่มคนไร้บ้านจำนวนมากถูกทางการขับไล่ไม่ให้นอนบริเวณอาคาร Lake Pavillion ซึ่งเป็นอาคารกระจกใสริมน้ำที่เปรียบดั่งทำเลทองของเมือง แถมยังถูกใช้เป็นสถานที่จัด Event ต่าง ๆ มากกว่า 160 งานในปีที่ผ่านมา โดยวิธีขับไล่ที่ว่าก็สุดแสนจะอหิงสา ไม่ได้ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใดทว่าเป็นการเปิดเพลง Baby Shark และ Raining Tacos เพลงฝึกร้องสำหรับเด็กเล็กที่แสนติดหู วนลูปซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าพวกเขาจะนอนไม่ได้แล้วลุกหนีไป ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้แม้มันจะดูไม่ได้รุนแรงยังไง แต่ในสายตาของนักรณรงค์ หรือคอเพลงที่ก็อดรู้สึกเฟลเพราะความไร้มนุษยธรรมแถมยังนำเพลงยอดฮิตในหมู่เด็กไร้เดียงสามาใช้กับจุดประสงค์ที่โหดร้ายไม่ได้ เพลง It’s Raining Tacos ทำไมถึงต้องลุกมาทำแบบนี้ คนพวกนี้ผิดอะไร?
เข้าสู่หน้าฝนแล้ว แม้บรรยากาศรอบตัวจะเย็นสบายขึ้น แต่อากาศเย็น ๆ และเสียงฝนพรำ ๆ ก็คงทำให้ชาว UNLOCKMEN หลายคนที่ติดฝนอยู่บ้านรู้สึกเหงาใจอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้ UNLOCKMEN มีวิธีคลายเหงากับตัวช่วยชั้นยอดอย่าง Netflix ผู้นำด้านความบันเทิงบนอินเทอร์เน็ตระดับโลก ที่ไม่ต้องห่วงเลยว่าอยู่ที่ไหนเพราะสามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านหน้าจออุปกรณ์ใดก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ให้คุณได้เพลิดเพลินในฤดูฝนนี้ไปกับ 5 ซีรีส์ หนัง หลากสไตล์ที่จะเป็นเสมือนเพื่อนคู่ใจให้ทุกคนก้าวผ่านฤดูแห่งความเหงานี้ไปพร้อมกัน My First First Love เริ่มต้นกันด้วย My First First Love (วุ่นนัก รักแรก) ซีซั่น 2 ที่จะมาสานต่อเรื่องราวความสนุกสนานจากมิตรภาพและความรักของเหล่าวัยว้าวุ่น นำแสดงโดย จีซู จองแชยอน จินยอง ชเวรี และ คังแทโอ เรื่องราวของหนุ่มสาวที่มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน โดยในซีซั่น 2 นี้จะดำเนินเรื่องต่อจากซีซั่นแรก มาร่วมติดตามความสัมพันธ์อันคุกกรุ่นและอารมณ์ความรู้สึกทีอันสับสนของตัวละคร ซึ่งทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ความหมายว่า “รักแรก” ที่แท้จริงคืออะไร Queer Eye ต่อกันด้วย Queer Eye (เควียร์
มันคงต้องมีกันบ้างที่คอเพลงชายฉกรรจ์ทั้งหลาย อยากจะสลับมาเสพของสวย ๆ งาม ๆ ให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาย Hardcore หรือนักรันวงการ Hiphop มาด Swag มาจากไหน บางเวลาคุณก็อยากจะพักผ่อน ฟังเสียงใส ๆ มองหน้าสวย ๆ ของเหล่าศิลปินสาวกันบ้างแหละ ซึ่ง UNLOCKMEN เข้าใจความรู้สึกดี! วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเพลงหลากหลายแนวจากเหล่าศิลปินสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม แถมเพลงยังพริ้มพราว ไว้ให้คุณได้เพิ่มเข้าเพลย์ลิสต์ หรือคลิกไปดู MV ให้ชื่นใจกันเล่น ๆ เผื่อจะมีคนที่คุณยังไม่เคยรู้จัก หรือรู้จักแล้วแต่ยังไม่เคยฟัง มาดูกันดีกว่าว่ามีใครบ้าง Bad Guy – Billie Eilish หลายคนอาจจะรู้จัก Billie Eilish สาวน้อยอเมริกัน วัย 17 ปีคนนี้กันแล้ว เพราะเธอกลายเป็นป๊อปสตาร์ดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ประจำปีนี้ก็ว่าได้ เพลงของเธอเป็นอิเล็กทรอนิกส์ป๊อป ถึงเสียงร้องจะใส แต่อารมณ์ในเพลงค่อนข้างจะหม่นและลึกลับ จึงถูกใจแฟนเพลงทั้งชายและหญิงที่ไม่ถนัดเพลงสายหวานกันถ้วนหน้า หากคุณนิยมเพลงเร็ว เบสหนัก ๆ ก็อาจจะถูกใจเพลงฮิตอย่าง Bad Guy
ย้อนไปในปี 1986 ภาพยนตร์เรื่อง TOP GUN ได้สร้างตำนานให้กับจอเงินแบบที่คนทั่วทั้งโลกลืมไม่ลง ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ครบรสและถูกกับจริตแมน ๆ ของผู้ชายเราเป็นที่สุด นอกจาก TOP GUN จะทำให้ Tom Cruise แจ้งเกิดในวงการฮอลลีวูดอย่างเป็นทางการ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังอัดแน่นด้วยฉากแอ็กชันเอฟเฟกต์ผาดโผนบนอากาศ นำเครื่องบินรบและเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ มาเข้าฉากลำเป็น ๆ ให้ได้เห็นกันเต็มสองตา แถมสไตล์ความเนี้ยบเท่ของพระเอก Maverick ที่รับบทโดย Tom Cruise ก็กลายเป็นกระแสนิยมของผู้ชายในยุคนั้นด้วย ทั้งการสวมแว่นตากันแดดทรงหยดน้ำ ขี่บิ๊กไบค์คันเท่ หรือแม้แต่ใส่แจ็คเก็ตหนังหล่อ ๆ ล้วนเป็นแฟชั่นอมตะแห่งยุค 80s ที่ยังคงมีให้เห็นจวบจนทุกวันนี้ TOP GUN (1986) ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของเสืออากาศรหัสลับ Maverick นักบินขับไล่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่สงครามเหนือน่านฟ้าของอเมริกาและโซเวียตกำลังคุกรุ่น จนวันหนึ่งที่ Maverick ขับเครื่องบินขับไล่รุ่น F-14 Tomcat ทำภารกิจกับคู่หูตามปกติ แต่แล้วดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เข้าต้องเข้าร่วมการฝึกในศูนย์ฝึกสอนยุทธการทางอากาศ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ‘TOP GUN’ สุดยอดโรงเรียนที่เคี่ยวกรำเหล่านักบินขับไล่ให้เชี่ยวชาญการรบทางอากาศ ที่ Naval Air
หากพูดชื่อ Flume คอเพลงที่ไม่ใช่สายดีเจอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่หากลองเปิดเพลงฮิตอย่าง Never be like you, Say it (feat.Tove Lo) หรือ Drop The Game ฟังก็อาจจะพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง รู้หรือไม่ว่าในเวลาสั้น ๆ จากปี 2011 จนถึงปัจจุบัน และด้วยวัยเพียง 28 ปี เท่านั้น เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศิลปินสายอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รางวัลการันตีมากมาย แถมยังอยู่เบื้องหลังผลงานศิลปินชั้นนำระดับโลกหลายต่อหลายคน วันนี้ UNLOCKMEN จะขุดเอาเบื้องลึกเบื้องหลังของชายผู้นี้มาตีแผ่ให้คุณได้รู้จัก เขาเป็นใคร เก่งมาจากไหน เราจะได้รู้ไปพร้อม ๆ กัน! WHO IS FLUME? Flume มีชื่อจริงว่า Harley Streten อายุ 28 ปี เติบโตมาในย่าน Northern Beaches มหานคร Sydney ประเทศ Australia ที่มาของชื่อ ‘Flume’ นี้เขานำมาจากชื่อเพลง Flume
ตั้งแต่ภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody ปลุกกระแสวง Queen และเพลงร็อก 70 ให้กลับมาฟีเวอร์อีกครั้ง บรรดาหนัง Biopic ของศิลปินคนอื่น ๆ ก็ถูกประกาศสร้างตามกันมาเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะ The Dirt หนังสารคดีวง Motley Crue ที่ลงฉายทาง Netflix, Rocketman หนังสารคดีชีวิต Elton John ล่าสุดก็เพิ่งมีการประกาศทำหนังสารคดี Elvis Presley ไปหมาด ๆ เรียกได้ว่าเป็นยุคที่อุดมหนังเพลงจริง ๆ แล้วแบบนี้จะขาดเรื่องราวของวงดนตรียิ่งใหญ่ตลอดกาล ผู้ไม่เคยถูกใครโค่นได้อย่าง ‘The Beatles’ ไปได้อย่างไร? อย่าเพิ่งเข้าใจผิด สี่เต่าทองยังไม่มีหนัง Biopic แต่หากคุณเป็นแฟนเพลงตัวยงของพวกเขา Yesterday อาจเป็นภาพยนตร์ดี ๆ อีกหนึ่งเรื่องที่คุณไม่ควรพลาด “เมื่อวานนี้ ทุกคนรู้จัก The Beatles แต่วันนี้ มีเพียงแจ็คเท่านั้นที่จำเพลงของพวกเขาได้” นี่คือภาพยนตร์แฟนตาซีที่นำบทเพลงและเรื่องราวของ The Beatles มาร้อยเรียงถ่ายทอด ผ่านพล็อตสดใหม่สุดแสนจะน่าสนใจ เรื่องราวของ
Robbie Williams จัดว่าเป็นป๊อปสตาร์แถวหน้าของโลก เขาคือหนึ่งในสมาชิก Take That วงบอยแบนด์ที่เฟื่องฟูอันดับต้น ๆ แห่งยุค 90 อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว มีสตูดิโออัลบั้มเป็นของตัวเองมากถึง 11 อัลบั้ม และเป็นเจ้าของเพลงฮิตมากมายทั้ง Feel, Angel, Millenium รวมไปถึง Better Man ที่โด่งดังในบ้านเราพอสมควร (น่าจะเป็นผลพวงจากการเปิดบ่อยในคลื่นวิทยุยุค 2000) จากอุปนิสัยกวนโอ๊ย พูดตรง ไม่ยอมใคร กับวีรกรรมแสบยาวเป็นหางว่าว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ต้องจดจำไปแสนนานในปี 2018 ที่เขาไปชูนิ้วกลางใส่กล้องตอนขึ้นแสดงพิธีเปิดฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตไปอย่างสาหัส แม้การกระทำจะดูคล้ายไม่แคร์ผู้คนหรือโลกใบนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความป่วนกับการเป็นตัวแสบของวงการ เขาต้องทนทุกข์กับโรค Agoraphobia หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ‘โรคกลัวชุมชน’ มาเป็นเวลากว่า 3 ปี Robbie Williams ได้ให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร The Sun ครั้งล่าสุดว่าเขาเคยมีอาการ Agoraphobia หรือ ‘โรคกลัวชุมชน’ (โรควิตกกังวลขั้นรุนแรงชนิดหนึ่ง มักจะรู้สึกไม่สบายหรือไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน) ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงปี ค.ศ. 2006 –