หากวันหนึ่งสงครามนิวเคลียร์ที่ใครหลายคนหวาดกลัวได้เกิดขึ้นจริง หรือเหตุไม่คาดฝันอย่างที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl เมื่อปีค.ศ. 1986 ได้อุบัติขึ้นอีกครั้งในสถานที่ ๆ ใกล้ตัวคุณ ข่าวดีก็คือคุณรอดจากแรงระเบิดได้ ทว่าข่าวร้ายก็คือผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ที่รุนแรงไม่แพ้กับแรงระเบิดในตอนแรกเลย หลายคนเริ่มตื่นตัวหรือทราบข้อมูลเรื่องราวของ Chernobyl และความน่ากลัวของปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่นที่มีผลต่อร่างกายว่ามันร้ายแรงขนาดไหน แต่หลายอาจจะยังไม่เข้าใจว่า มันไปสร้างผลกระทบอะไรให้ร่างกาย วันนี้เราจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย เมื่อปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่นได้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากนิวเคลียสของยูเรเนียมหรือพลูโตเนียมแตกออกเป็นธาตุที่เล็กลง ทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานและนิวตรอนจำนวนมากออกมา โดยมันสามารถทำให้อิเล็กตรอนถูกปลดปล่อยเป็นอิสระจากอะตอมหรือโมเลกุลได้ เรียกกันว่ารังสีก่อไอออนหรือ “Ionizing radiation” ซึ่งมีอยู่มากมายหลากหลายชนิด ไล่ตั้งแต่ รังสีคอสมิก, อัลฟ่า, เบต้า, แกมมา, X-ray และอื่นๆ อีกมากมาย อันตรายที่ตามมาก็คือปริมาณของรังสีเหล่านี้ที่ร่างกายได้รับเข้าไป ซึ่งสามารถวัดได้โดยใช้หน่วยเกรย์ (Gy) หรือหน่วยซีเวิร์ต (Sv) โดยอันที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราล้วนแต่แผ่รังสีออกมาหมดทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่คุณเองด้วย กล้วย 1 ลูกแผ่รังสีออกมา 98 nSv หรือเท่ากับ 0.000000027 Sv และปริมาณสูงสุดที่นักบินอวกาศของ NASA จะได้รับนั้นต้องไม่เกิน 1 Sv ตลอดอาชีพของเขา ซึ่งนั่นก็มาพอที่จะทำให้เจ็บป่วย และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้แล้ว
ไม่ต้องเป็นสายลับก็สามารถจับโกหกได้ เพราะคนโกหกมักมีสัญญานบางอย่างที่แสดงความลุกลี้ลุกลนออกมาจนเราสามารถสัมผัสได้เองว่าคนคนนี้ไม่ได้พูดความจริงกับเราอยู่ หรือถ้าโกหกมาจนเทพแล้วก็ไม่ต้องกังวลไป UNLOCKMEN สรรหา 12 สัญญานจากที่จะบ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้าเรานั้นกำลังโกหกเราอยู่แน่นอน! 1.ขยับหัวไปมาอย่างรวดเร็ว ดร. Lillian Glass ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาษากาย ผู้เขียนหนังสือ The Body Language of Liars บอกว่าคนโกหกมักจะขยับหัวอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาถูกคาดคั้นให้ตอบคำถาม อาจจะเป็นการก้มหัว เอียงข้าง ขยับซ้าย หรือขยับขวา แต่มันจะเกิดขึ้นทันทีอย่างรวดเร็วเมื่อถูกยิงคำถามเข้าใส่ 2.เปลี่ยนจังหวะการหายใจซะอย่างนั้น ปฏิกริยาตอบสนองที่ชัดเจนที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือจังหวะการหายใจ คนโกหกจะเริ่มมีจังหวะการหายใจที่หนักขึ้น ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเมื่อคนเราโกหก เราก็จะรู้สึกตื่นเต้น กดดัน จังหวะการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของเลือดก็เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นอาจจะมีอาการร่วมอย่างหัวไหล่ที่ยกตัวสูงขึ้น น้ำเสียงก็จะเปลี่ยนไปด้วย 3.พูดซ้ำ ๆ วน ๆ อาการพูดซ้ำ ๆ วน ๆ เกิดขึ้นเพราะคนโกหกจะพยายามชักจูงเราให้เชื่อในสิ่งที่เขาพูด รวมถึงเป็นการโน้มน้าวให้ตัวเองเชื่อในสิ่งที่พูดเองด้วย ไม่เพียงแค่นั้นการพูดซ้ำ ๆ ด้วยคำเดิม หรือวลีเดิมก็เป็นการประวิงเวลาให้คิดว่าจะพูดอะไรต่อดี หรือถ้าถูกถามคำถามก็ต้องประวิงเวลาให้คิดตอบแบบเฟค ๆ ขึ้นมา 4.เอามือกุมส่วนที่เปราะบางของร่างกาย ถ้าใครสักคนยกมือขึ้นมาปิดคอ หน้าอก หัว หรือหน้าท้องตัวเอง
เคยสังเกตไหม เวลาที่เรานั่งรถไปเรื่อย ๆ เรามักจะมองเห็นตึกแถวติดป้าย “โรงรับจำนำ” ตัวเป้ง ๆ ตั้งแทรกอยู่ตามถนนหนทาง อักษรสีขาวตัดกับพื้นหลังสีแสดมองเห็นได้แต่ไกลคุ้นตาแบบนี้อยู่มานานตั้งแต่รุ่นอาม่าอากง และไม่ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลงแค่ไหน “โรงรับจำนำ” ก็ดูเหมือนจะเป็นอมตะ ธุรกิจแมว 9 ชีวิตที่ฆ่าไม่ตายอยู่มาได้เรื่อย ๆ ตัดกลับมาที่ทีมเรา แค่พูดคำว่า “โรงรับจำนำ” ก็ยอมรับพร้อมกันว่าไม่เคยเข้า เรารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก มีแค่ภาพลาง ๆ จากสื่อตามรายการที่เคยดู รู้แค่ว่าเป็นสถานที่ “ตึ๊ง” ของแก้ขัดสน ‘ของวาง เงินมา’ ยื่นหมูยื่นแมว พร้อมตั๋วรับจำนำและต้องปั๊มลายนิ้วมือเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราสงสัยและคิดว่าไม่ควรเก็บปริศนานี้ไว้กับตัวจนแก่ เราจึงค่อย ๆ หาข้อมูลและเข้าไปพูดคุยกับ คุณชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์ เจ้าของกิจการ Money Cafe Group ซึ่งมีโรงรับจำนำที่มีอายุกว่า 40 ปีและอยู่ระหว่างรีแบรนด์ดิ้ง ขยายสาขาเพิ่ม! แถมยังมีไลน์ธุรกิจเพิ่มอย่าง Brand Off หรือแบรนด์เนมมือสองจากญี่ปุ่นที่ปักหลักอยู่ในสยาม ถ้าลองไปหาข้อมูลมาจะรู้ทันทีว่า “โรงรับจำนำสำราญราษฎร์” คือโรงรับจำนำแห่งแรกที่เกิดขึ้นในไทย มีอายุมากว่า 153 ปีและปัจจุบันยังคงอยู่ แต่ที่เราตั้งใจมาพูดคุยกับโรงรับจำนำ
จริงอยู่ที่เซ็กซ์และท่วงท่าบนเตียงของผู้ชายแต่ละคนจะพัฒนาขึ้นตามอายุและประสบการณ์ แม้หนุ่มรุ่นใหญ่จะมีประสบการณ์เต็มเปี่ยม แนบมาพร้อมเคล็ดวิชาร้อยลีลา แต่ปัญหาหนักที่พวกเขาต้องเจอคือเมื่อเล้าโลมสำราญรักจนถึงจุดสุดยอด ไอ้เจ้าลูกชายกลับหลั่งน้ำรักออกมาเพียงน้อยนิด บ้างก็ซึมออกมาเหมือนก๊อกน้ำรั่วจนทำให้พ่อเสียหน้า สร้างความหนักใจยิ่งกว่าเดิมเวลาสาว ๆ จ้องมองมาที่เจ้าโลกของคุณหลังเสร็จภารกิจ พร้อมแสยะยิ้มเบา ๆ ให้กับความห่วยแตกของไอ้หนูสุดที่รัก แม่งเป็นอะไรที่โคตรเซ็งและเหมือนเกียรติของชายชาตรีอย่างเราถูกเหยียบย่ำจนเละป่นปี้ แต่ไม่ต้องห่วง! เพราะวันนี้ UNLOCKMEN เอาเคล็ดลับที่ทำให้นกเขาของหนุ่ม ๆ กลับมาขันดังจนปรอทแตกแบบพุ่งกระฉูดมาฝากทุกคน จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลยครับ หนุ่ม ๆ หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่า เมื่ออายุเพิ่มขึ้นฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเตอโรนที่ร่างกายผลิตได้จะน้อยลง ซึ่งฮอร์โมนที่ว่านี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเนื้อเยื่อของระบบสืบพันธุ์ชาย และผลสำรวจก็พบว่าผู้ชายสูงวัยมีระดับฮอร์โมนตัวนี้ต่ำลง เนื่องจากความใคร่อยากที่ลดลงและไม่มีเซ็กซ์ดุเดือดเลือดพล่านเหมือนสมัยรุ่น ๆ เมื่อตัวเลขบอกอายุเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย กระบวนการผลิตน้ำอสุจิของเราก็เปลี่ยนไปโดยปริยาย มีงานวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 52 ปีขึ้นไปจะมีน้ำอสุจิอยู่ที่ 1.8 มิลลิลิตร ในขณะที่หนุ่ม ๆ วัยรุ่นนั้นมีปริมาณน้ำอสุจิมากถึง 3.2 มิลลิลิตรต่อการหลั่งหนึ่งครั้ง เพิ่มความอึดลดความถี่ Erik Wibowo ผู้เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคชายจากมหาวิทยาลัยโอทาโกของนิวซีแลนด์ เผยว่าการพุ่งทะลักออกมาอย่างรวดเร็วของน้ำอสุจิช่วงวินาทีที่ถึงจุดสุดยอด แสดงถึงสมรรถภาพทางเพศที่ดีสำหรับผู้ชาย ถ้าหนุ่ม ๆ คนไหนมีการหลั่งน้ำออกมาน้อยก็ควรจะลดความถี่ของการหลั่ง เพราะถ้าช่วยตัวเองหรือมีเซ็กซ์บ่อย ๆ น้ำอาจจะผลิตออกมาไม่ทันใช้งาน ไม่ก็เลื่อนเวลาการหลั่งน้ำในระหว่างที่มีเซ็กซ์ อาจจะกลั้นเอาไว้แล้วไปทำกิจกรรมอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยมาซ้ำต่ออีกรอบ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเพิ่มความอึดถึกทนให้กับไอ้หนูของคุณ
ถ้าพูดถึงสารหล่อลื่น หรือ เจลหล่อลื่น คงดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ชายหลายคน เรามักจะคิดว่าการมีเซ็กซ์ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้ เนื่องจากในช่องคลอดของผู้หญิงก็มีน้ำหล่อลื่นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องใช้เจลหล่อลื่นด้วยล่ะ? ถึงแม้การเล้าโลมและกระตุ้นจุดสำคัญของผู้หญิงจะช่วยเพิ่มความเสียวซ่านและมีผลต่อการหลั่งน้ำหล่อลื่นในช่องคลอด แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะหลั่งน้ำออกมามากพอจนทำให้การสอดใส่เป็นไปอย่างสันติ ฉะนั้นสารหล่อลื่นก็ยังจำเป็นต่อการมีเซ็กซ์ของหนุ่ม ๆ เสมอ นอกจากจะช่วยลดแรงเสียดทานและอาการบาดเจ็บขณะมีเซ็กซ์ ยังทำให้ฉากรักบนเตียงของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นอีกด้วย UNLOCKMEN เลยอยากพาทุกคนย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของสารหล่อลื่นที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อน ถือเป็นตัวช่วยสุดคลาสสิกที่ทำให้เซ็กซ์ราบรื่นไม่สะดุด ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ตาม จุดเริ่มต้นของสารหล่อลื่น ว่ากันว่าสารหล่อลื่นกำเนิดขึ้นในยุคเดียวกับที่มนุษย์คิดค้นเกวียน ในขณะที่สร้างเกวียนเพื่อการขนส่ง บรรพบุรุษเรากลับพบว่าตัวฮับของล้อที่ช่วยลดอาการส่าย ถูกเผาไหม้จากความร้อนและแรงเสียดทานจึงหาวิธีทำให้ฮับเย็นลงด้วยการใช้ ไขมัน น้ำมันมะกอก น้ำ และของเหลวชนิดอื่น ๆ จนท้ายที่สุดพบว่าของเหลวที่มีความหนืดอย่างน้ำมันมะกอก ช่วยกระจายความร้อนได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้ฮับเสียดสีจนดำเป็นตอตะโก แถมยังทำให้ล้อหมุนได้อย่างอิสระมากขึ้น นักวิชาการจึงคาดว่าการค้นพบครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของสารหล่อลื่นที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน น้ำมันมะกอก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่าสารหล่อลื่นมีมาตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน หรือราว 350 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งผู้คนตอนนั้นนิยมใช้น้ำมันมะกอกเป็นตัวช่วยเพิ่มความลื่นไหลให้เซ็กซ์ นักวิชาการจึงเชื่อว่าน้ำมันมะกอกคือสารหล่อลื่นยอดนิยมที่ชาวกรีกและโรมันใช้ในตอนนั้น สาหร่ายทะเล Ryan Drum นักพฤกษศาสตร์ชื่อดังผู้คร่ำหวอดในแวดวงสมุนไพร เผยว่าคนจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใช้สารสกัดที่ได้จากสาหร่ายทะเลมาผลิตเป็นสารหล่อลื่นนานนับ 1,000 ปี โดยนำสาหร่ายแดงมาต้มเพื่อให้กลายเป็นของเหลวที่ข้นหนืดและได้ออกมาเป็นคาราจีแนน (Carrageenan) ที่มีลักษณะคล้ายเมือกวุ้นและมีคุณสมบัติเหมือนกับเจลาติน แต่ไม่เหนียวและยืดหยุ่นเท่า งานวิจัยยังยืนยันว่าการใช้สารสกัดจากสาหร่ายทะเลช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิด HPV
แม้อายุอานามจะล่วงเลยมาจนใกล้จะย่างเข้าเลขสี่ แต่เรื่องความฟิตปั๋งเต็มเปี่ยมด้วยพลังช้างสารเหมือนหนุ่มเอ๊าะกลัดมันเราต้องขอยกให้กับชายที่ชื่อว่า ‘Ken Shimizu’ หรือหลายคนอาจรู้จักเขาในนาม ‘Shimiken’ แต่เราเชื่อว่าผู้ชายทั้งหลายคงไม่คุ้นทั้งชื่อจริง และชื่อในวงการของพี่คนนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คงคลับคล้ายคลับคลา คุ้นหน้าคุ้นตารวมถึงท่วงท่าลีลาของพี่เขาจากหนัง AV เรื่องโปรดที่ถูกเก็บอยู่ใน HDD กันเสียมากกว่า ซึ่งเหตุผลที่ต้องยอมยกนิ้วให้ในเรื่องความฟิตของพี่แกก็เพราะว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีของอาชีพพระเอก AV ยอดชายนาย Shimiken คนนี้ รับเล่นหนังมาแล้วกว่า 7,000 เรื่อง ผ่านการโจ๊ะพรึมพรึมกับหญิงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7,500 นาง จัดได้หมดทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยหน้าใสอดีตไอดอล, สาวต่างชาติพลังสูง หรือแม้กระทั่งคุณยายแฝดวัย 72 ปี ก็ยังผ่านมาได้อย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาของตากล้อง ช่างไฟ เด็กถือไมค์บูม และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เจ้า Shimiken น้อยก็ไม่เคยงอแง ยังคงแข็งขันพร้อมรบอยู่เสมอ จนได้รับการขนานนามว่า ‘King of Porn’ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน ในวัย 38 ปี คุณพี่ Shimiken ก็ยังไม่มีทีท่าจะแขวนพวง(สวรรค์)
หากผู้ชายที่ใช้ชีวิตสุดขีดอย่างเราจะพูดถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและใต้วงแขนสำหรับผู้ชาย เชื่อเลยว่าชื่อของ “นีเวีย เมน” ต้องเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดเข้ามาในหัวของพวกเรา เพราะผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวผู้ชาย และความเข้าใจในความต้องการของผู้ชาย ไม่ว่าจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน จึงไม่แปลกใจเลยที่นีเวีย เมน ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเรื่องผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและใต้วงแขนสำหรับผู้ชาย ครั้งนี้ “นีเวีย เมน” ฉลองการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเรื่องผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและใต้วงแขนสำหรับผู้ชายโดยยกสถานที่ลับรวมตัวแห่งใหม่ของแก๊งผู้ชายไทยหลากหลายไลฟ์สไตล์อย่าง “SAFEHOUSE” มาตั้งไว้ใจกลางกรุงเทพฯ ไม่เพียงแค่นั้นนีเวีย เมนยังเผยโฉมแพคเกจจิ้งใหม่ที่ดูทันสมัย สะดุดตาเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ชายอย่างเรามากขึ้น ที่สำคัญยังมี 4 หนุ่ม 4 สไตล์ที่เป็นตัวแทนของการดูแลผิวที่แตกต่างกันของผู้ชายทั้ง ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่กอดคอมาพร้อมกับ กรรณ-สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, ไอซ์-พาริส และ เดอะ ทอยส์ โดย 4 หนุ่มก็ได้เผยเคล็ดลับการดูแลตัวเองตามสไตล์ของแต่ละคนที่เลือกใช้นีเวีย เมน เพื่อความมั่นใจในแบบของตัวเอง “นีเวีย เมน จัดงานมันส์ ๆ แบบนี้ขึ้นเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่โดนใจชายไทยในเรื่องผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและใต้วงแขน โดยมาในธีมของ SAFEHOUSE ที่เปรียบเสมือนห้องลับของแก๊งเพื่อนผู้ชาย เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ที่หลายหลายของ นีเวีย เมน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของกลุ่มลูกค้า ผ่านพรีเซ็นเตอร์ที่มีบุคคลิกที่แตกต่างกันทั้งสี่คน แต่ยังคงความเป็นหนุ่มสไตล์นีเวีย เมน ให้ได้เห็น” คุณเขมชาติ เติมวิวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโส
หนังยาง ไอเทมเด็ดที่ผู้ชายไทยอย่างเราพบเห็นได้ทั่วไปตามถุงแกงอาหาร และบ่อยครั้งที่เราโยนมันทิ้งโดยไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่สำหรับเมืองที่เคร่งเรื่องกฏหมายและความสะอาดในที่สาธารณะอย่างสิงคโปร์ การทิ้งหนังยางลงพื้นสามารถทำให้คุณต้องเสียค่าปรับอย่างน้อย $300 ดอลลาร์สิงคโปร์เลยทีเดียว ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชื่อ @khrluffy โพสต์ภาพใบค่าปรับ ซึ่งระบุความผิดไว้ว่าเขาได้ทิ้งหนังยางไว้บนท้องถนน และผิดกฏหมายมาตราที่ 17(1)(A) ของพระราชบัญญัติด้านสาธารณสุขของสิงคโปร์ ซึ่งระบุว่าผู้กระทำความผิดครั้งแรกจะถูกปรับ $300 ดอลล่าร์สิงคโปร์ หากทิ้งขยะลงบนท้องถนน ไม่ว่าขยะนั้นจะเป็นสิ่งใดก็ตาม นอกจากนั้นข้อมูลของ National Environment Agency หรือ NEA ในปี 2018 ก็ระบุว่ามีการปรับผู้กระทำความผิดไปแล้วมากกว่า 39,000 ครั้ง และค่าปรับนั้นก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ $300 ดอลลาร์สิงคโปร์เท่านั้น เพราะหากคุณทิ้งก้นบุหรี่ลงจากตึกระฟ้า (และเจ้าหน้าที่เห็นคุณทำผิด) ก็จะโดนปรับสูงถึง $19,800 ดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือเทียบเป็นเงินไทยก็คือสูงถึง 450,000 บาทด้วยกัน ถ้านั่นยังเลวร้ายไม่พอ สิงคโปร์ก็ยังมีมาตรการที่ให้คุณมาบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ นั่นก็คือการทำความสะอาดท้องถนน พร้อมกับใส่เสื้อกั๊กสะท้อนแสงสีเหลืองและชมพู ซึ่งจะถูกมอบให้กับผู้ทำผิดโดยการทิ้งขยะลงท้องถนนเท่านั้น โดยมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จำนวนผู้ทำผิดเพิ่มขึ้นจากปี 2017 ถึง 30% ด้วยกัน และมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ที่คิดจะกระทำผิดยั้งคิดให้ดีเสียก่อนจะโยนอะไรทิ้ง แม้กฏของสิงคโปร์ดูค่อนข้างรุนแรง แต่นี่คือสิ่งที่จะส่งผลดีต่อสาธารณะ รวมทั้งโลกของเราอีกด้วย
เคเอฟซี ประเทศไทย แบรนด์ร้านอาหารบริการด่วน (QSR) อันดับหนึ่งในประเทศไทย เดินหน้าโชว์ความเป็นที่หนึ่ง เปิดตัว ‘ดับเบิ้ลดาวน์ (Double Down)’ เมนูยอดฮิตที่หนึ่งในโลกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการจับมือ “คานิวัล (Carnival)” แบรนด์สตรีทแฟชั่นชื่อดังของไทย ร่วมสร้างสรรค์คอลเลคชั่นผ่านแบรนด์ไอคอนของเคเอฟซี พร้อมเสริฟแล้ววันนี้ ณ ร้านเคเอฟซีทุกสาขาทั่วประเทศ ผลิตจำนวนจำกัดและจำหน่ายเฉพาะวันที่ 30 พ.ค. – 26 มิ.ย. นี้ เท่านั้น นายเศกไชย ชูหมื่นไวย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่าย Brand Strategy and Integration เคเอฟซีประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (YRIT) กล่าวว่า ตลอดกว่า 35 ปีของเคเอฟซีในประเทศไทย เราได้สร้างภาพลักษณ์ในเรื่องความเป็นผู้เสิร์ฟไก่ทอดที่อร่อย คุณภาพสูง จนกลายเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคคนไทยตลอดมา ถึงแม้วันนี้เทรนด์ตลาดอาหารจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เคเอฟซี ยังคงยึดมั่นในตัวตน ตอกย้ำความเป็นตัวจริงเรื่องไก่ทอดไม่เคยเปลี่ยน
ความทรงจำเป็นหน่วยความจุที่ซ่อนอยู่ในสมองสิ่งมีชีวิตอย่างเรา เป็นเหมือนเทปที่ถูกบันทึกและฉายภาพออกมาเมื่อมีสิ่งเร้าให้นึกถึง แม้จะรู้ว่าสมองแบ่งเป็น 4 ส่วนและส่วนฮิปโปแคมปัสคือศูนย์รวมของความจำ แต่เราก็ไม่สามารถกลับไปลบ แก้ไข หรือเพิ่มความทรงจำใหม่ได้ตามใจชอบ ยิ่งไปกว่านั้นคือการใช้ชีวิตที่ถูกพันธนาการด้วยความทรงจำเชิงลบ มีเรื่องแย่ ๆ หลายเรื่องล่อลวงให้เราหวนกลับไประลึก ก่อนจะตลบหลังแล้วเอาหอกแหลม ๆ ทิ่มแทงจนมิดด้าม นอกจากความทุกข์ ความเศร้า และความปวดร้าว ยังมีภาพความจำเลวร้ายตามหลอกหลอนเราอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย มีงานวิจัยยืนยันว่าความทรงจำแง่ลบที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามค้นหาวิธีการลบความทรงจำบางส่วนเพื่อลดผลกระทบที่กระเทือนต่อจิตใจมนุษย์ สมองไม่ได้ฉลาดเสมอไป เชื่อว่าหนุ่ม ๆ ทุกคนคงมีทั้งความทรงจำหอมหวานและขมขื่นผสมปนเปกันอยู่ภายใต้รอยหยักลูกกลม ๆ ถึงหลายงานวิจัยจะสรรเสริญความชาญฉลาดของสมองมนุษย์ แต่ต้องยอมรับบางครั้งมันก็ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิด เรื่องที่เราอยากยัดลงไปในส่วนของความจำ สมองกลับลืมมันไปอย่างง่าย แต่กับบางเรื่องที่ยิ่งตั้งใจจะลืมมากแค่ไหน ดูเหมือนจะสมองจะขับเน้นให้เราจดจำมันได้ละเอียดและถาวร แม้ความมุ่งมั่นที่จะลืมเดินทางไปถึงประตูทางออก แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองจะเดินไปเฉกเช่นความคิด คงไม่แปลกมั้งถ้าจะพูดว่า “สมองมันไม่ได้ฉลาด” เพราะบางความทรงจำที่อยากลืม เรายังทำให้เลือนรางหรือจางหายไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ยากล่อมประสาทมีผลต่อหน่วยความจำ งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances เผยว่าโปรโพฟอล (Propofol) หรือยาชา ช่วยลบความทรงจำเชิงลบออกไปจากหน่วยความจำของเราได้ มันจะทำให้ระบบประสาทและสมองทำงานช้าลง ผ่อนคลาย ไร้พันธะทางความรู้สึก และสามารถหลับไปได้อย่างรวดเร็ว แถมยาชายังเชื่อมโยงกับความทรงจำในระยะสั้นซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของบรรดานักวิทยาศาสตร์ เพราะพวกเขาเชื่อว่ากลไกการทำงานของยากล่อมประสาทชนิดนี้จะช่วยลบความทรงจำเลวร้ายออกไปได้ คล้ายกับการขโมยไฟล์ออกจากตู้เก็บเอกสาร นำมาตรวจสอบและใส่มันกลับไปยังที่เดิม ทีมนักวิจัยจึงทดลองเปิดสไลด์โชว์ที่มีเนื้อหาเชิงลบให้อาสาสมัคร
“สมบูรณ์แบบ” คือนิยามของชีวิตที่ Urban Men อย่างเราตามหา โดยเฉพาะการได้ทำงานให้สมบูรณ์แบบควบคู่ไปกับการได้พักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบซึ่งจะนำผู้ชาย Work Hard Play Hard อย่างเราไปสู่การใช้ชีวิตที่ลงตัวอย่างที่คาดหวัง แต่การทำงาน การพักผ่อน ไปจนถึงการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าพื้นที่อยู่อาศัยและย่านที่อยู่อาศัยไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้เราได้ ย่านที่อยู่อาศัยจึงควรเป็นทั้งความสมบูรณ์แบบ ความหลากหลายแห่งไลฟ์สไตล์ ความเรียบหรูเหนือระดับและพรั่งพร้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวเพื่อเยียวยาร่างกายและจิตใจ FIFTH AVENUE: แก่นแห่งความสมบูรณ์แบบอันเหนือระดับ หากจะมีสักย่านบนโลกที่เติมเต็มได้ยิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบ “Fifth Avenue”ถนนสายไลฟ์สไตล์เรียบหรูตัวแทนแห่งความพรีเมียมเกินใคร ณ เมือง Manhattan ใจกลางนคร New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นคำตอบลำดับต้น ๆ ในใจใครหลาย ๆ คน ถนน Fifth สายนี้เป็นความฝันใฝ่ของขาช้อปทั่วทุกมุมโลกที่จะต้องแวะมาดื่มด่ำกับสินค้าไฮเอนด์สารพัดชนิดจนได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งการชอปปิง” โดยห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยสไตล์ที่ยากจะหาใครเหมือน อย่างทาคาชิมาย่า หรือห้างดังอย่างแซคส์อเวนิว ผู้คนสามารถเลือกใช้เวลาแห่งความสุขได้เต็มอิ่มตลอด 24 ชั่วโมง หากย้อนกลับไปในอดีต Fifth Avenue ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสต์ เนื่องจากย่านนี้ถือเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเศรษฐี ทั้งสองฟากถนนเต็มไปด้วยคฤหาสน์อันประณีตวิจิตรโดยปัจจุบันเศรษฐีเหล่านี้ได้ย้ายไปยังย่านอัพทาวน์ นอกจากนั้น Fifth Avenue
ชีวิตผู้ชาย Work Hard Play Hard เต็มไปด้วยสารพัดสิ่งที่เราต้องจัดการ ทั้งงานล้นมือ กิจกรรมล้นชีวิต ปาร์ตี้ล้นเวลาที่มี ความสัมพันธ์ล้นเกินจะจัดการ ทั้งหมดนี้เราอาจคืบคลานผ่านมันไปอย่างยากลำบากถ้าปราศจาก “เทคโนโลยีสุดล้ำ”มาช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เพราะเทคโนโลยียิ่งล้ำก็ยิ่งช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่มาในรูปแบบการรวมหลายฟังก์ชันซับซ้อนมาไว้ในหนึ่งเดียว น้อยแต่มาก จิ๋วแต่แจ๋ว เล็กแต่เร็ว จะช่วยให้สารพัดสิ่งที่เราต้องจัดการง่ายขึ้น ยิ่งชีวิตผู้ชาย Urban Men ที่ต้องการความเร็ว ความสะดวกและความคล่องตัวสูง นอกจากสัญชาตญาณและไลฟ์สไตล์ที่ (พยายาม) เร่งรีบแล้ว การมี “เทคโนโลยีจิ๋วแต่แจ๋ว”อยู่เคียงข้างคอยช่วยก็มั่นใจได้เลยว่าชีวิตจะง่ายไร้ขีดจำกัดอย่างที่เราต้องการได้แน่นอน “แคปซูล” เป็นอีกความน้อยแต่มากที่ช่วยเหลือผู้ชายมาหลายยุคหลายสมัยในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ ด้วยความจิ๋วแต่แจ๋ว พกพาฟังก์ชั่นหลากหลายไว้ในหนึ่งแคปซูลจึงทำให้แคปซูลกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ชีวิตผู้ชายทั้งง่าย ไวและคล่องตัวขึ้นอย่างมหัศจรรย์ แคปซูลจิ๋วแต่แจ๋ว: ชีวิตกินยาได้ง่ายขึ้นด้วย“ยาแคปซูล” คุณเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมเผชิญหน้ากับโลกทั้งใบอย่างไม่หวาดหวั่น แต่รู้สึกว่าการต้องกลืนยาเม็ดในวันป่วยหนักช่างยากเย็นเหลือเกินหรือเปล่า? ถ้าใช่ ลองจินตนาการดูสิว่าหากปราศจาก “ยาแคปซูล” แล้วเราต้องมานั่งชั่ง ตวง วัด ปริมาณยาผงที่ถูกต้องเป็นมิลลิกรัม ๆ ด้วยตัวเอง แถมรสชาติยังชวนสยองพองขน ขมหนักจนมะระยังต้องหลีกทางให้ การกินยาของเราคงเป็นเรื่องยากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า ส่วนถ้าคุณรู้สึกว่าการกินยาไม่ยากอยู่แล้วก็ยิ่งต้องขอบคุณ “ยาแคปซูล”ที่จิ๋วแต่แจ๋วตัวนี้ ย้อนกลับไปในปี 1833 ซึ่งเป็นปีที่ยาแคปซูลอ่อนถือกำเนิดขึ้นโดย Mothes