ขึ้นชื่อว่าวันหยุดยาวทั้งที ผู้ชายอย่างเราก็คงนึกออกแต่การบุกน้ำลุยป่าหรือตะลอนไปไหนไกล ๆ ในที่ที่ไม่เคยไป ถึงจะเรียกว่าการพักผ่อนสไตล์ลุย ๆ แต่หลายทีที่ทำงานก็หนักมากแล้ว วันหยุดก็ไม่ได้ยาวขนาดนั้น แถมไม่อยากไปเบียดเสียดกับใครให้วุ่นวายอีกด้วย แพลนวันหยุดเลยจบลงที่การนอนอืดอยู่บ้าน แต่ UNLOCKMEN เชื่อว่าแม้แต่การนอนตีพุงอยู่บ้านก็สามารถคูลขึ้นได้แค่เรามองมันให้ต่างออกไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราพามาทำความรู้จักกับ “StayCation” (การผสมคำระหว่าง Stay กับ Vacation) หรือการอยู่กับบ้านนี่แหละ แต่ทำตัวให้เหมือนกับว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางอยู่ในบ้านของตัวเอง! ดังนั้นแม้จะเป็นวันหยุดที่เราได้นอนอยู่บ้านก็จริง แต่ฟีลลิ่งเหมือนได้ไปเจออะไรใหม่ ๆ ให้วันหยุดอย่างไรอย่างนั้น ออกไปสำรวจเมืองที่เราอยู่กัน ลองนึกภาพเวลาเราไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างบ้านต่างเมือง สิ่งที่เราทำอยู่เสมอคือเราจะมองสิ่งนั้นสิ่งนี้รอบ ๆ ตัวเราอย่างตื่นตาตื่นใจเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยเอาซะเลย แต่ในทางกลับกันคุณคิดว่าคุณรู้จักพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ดีแค่ไหน ? สถานที่สำคัญ ๆ ในกรุงเทพฯ คุณคิดว่าคุณไปมาหมดแล้วหรือยัง ? การพักผ่อนโดยการยังอยู่ในเมืองเดิมจะตื่นเต้นอีกระดับ ถ้าเราลองสมมติตัวเองว่าเป็นนักท่องเที่ยวดู แล้วไปตามสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเขาไปกัน สวบบทเป็นคนที่ไม่เคยรู้เคยเห็นรายละเอียดของที่นี่มาก่อน แล้วสนุกกับมันซะ! กินอาหารร้านใหม่ ๆ ที่ไม่เคยลอง การไปต่างที่ต่างถิ่นแล้วเรารู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลาอีกอย่างหนึ่ง ก็คือการที่เราจะได้ลิ้มลองอาหารรสชาติแบบที่ไม่เคยกินมาก่อนนั่นเอง Staycation ก็ทำได้เช่นกัน ด้วยการลองเฟ้นหาร้านที่เราไม่เคยกินมาก่อนแล้วก็ไปลุยกันมันซะ บางทีก็อาหารชนิดเดิมนี่แหละ แต่แค่คนละร้านด้วยบรรยากาศและรสชาติที่ไม่เหมือนกันก็จะให้ความรู้สึกใหม่ ๆ
“คนชอบเก็บแผ่นหนังมือสองเยอะมาก แต่มีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่จะสะสมโปสเตอร์ด้วย” คำพูดจากเจ้าของร้านโปสเตอร์ย่านสยามที่คอหนังหลายคนอาจคุ้นเคยกันดีเมื่อเดินผ่านไปมาแถว ๆ ลิโด้ สะกิดใจให้นึกถึงความเป็นจริงในตอนนี้ หลายคนแม้ว่าจะชอบดูหนัง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสะสมโปสเตอร์ไปด้วย ของสะสมเกี่ยวกับภาพยนตร์ในทุกวันนี้มีออกมาหลายรูปแบบมากกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็น แผ่น BOXSET เสื้อ ฟิกเกอร์ หรือจะเป็นของสะสมจากโรงภาพยนตร์ จนโปสเตอร์กลายเป็นเพียงใบปิดโฆษณาหน้าโรงหนังเท่านั้น วันนี้ UNLOCKMEN จะพามาพูดคุยกับคุณ “สันติ ตันติภัณฑรักษ์” เจ้าของร้านโปสเตอร์หนังที่ชื่อ “หนังคลาสสิค” ถึงความเป็นมาเป็นไปของร้านและความยากที่จะต้องทำให้ของสะสมชนิดนี้ยังยืนหยัดอยู่ได้แม้โลกจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแค่ไหนก็ตาม ร้านนี้เปิดในปีเดียวกับที่ภาพยนตร์เรื่อง “Titanic” ได้รางวัล “Best Picture” คือปี 1997 หรือพ.ศ. 2540 และยังคงดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นเวลานานมากสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจแรกในชีวิตของใครสักคน ใช่แล้ว นี่เป็นการหันมาจับธุรกิจครั้งแรกของพี่ติ เจ้าของร้าน ก่อนจะมาเป็นร้านโปสเตอร์ “ชีวิตก่อนจะมาเปิดร้านนี้เนี่ยค่อนข้างหนักหนามาก ตอนทำงานประจำตอนนั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายศิลป์บริษัทนึงแล้วโดนซื้อตัวไปอีกที่นึง เลยซื้อบ้านใหม่ ลงทุนไปกับบ้านแปดแสน แต่เป็นแปดแสนในสมัยนั้นนะ ลองคิดดู พอเดือนเมษายนผมโดนออกจากงาน เลยต้องทิ้งบ้านหลังนั้นไป เพราะมันเป็นภาระ ได้เงินเดือนสี่เดือนที่เขาจ้างออกมาเป็นทุนทำร้านนี้นี่แหละ” จุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาเปิดร้านโปสเตอร์ “ปี 40 เป็นปีที่เกิดวิกฤติในประเทศไทย บริษัทล้มละลาย ธุรกิจเจ๊ง คนต้องออกจากงาน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เราก็เรียนมาแค่ปวช. แต่เรารู้ว่าเราชอบดูหนัง ชอบเก็บโปสเตอร์หนัง