ในสมรภูมิคอนเทนต์ออนไลน์ที่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดชื่อของสื่อออนไลน์อย่าง The MOMENTUM เป็นอีกชื่อที่เด่นชัดขึ้นมา แต่ภายใต้ความเชื่อที่ว่าข่าวหรือคอนเทนต์ออนไลน์ต้องไว ต้องจัดจ้านและดึงดูด “นิ้ว-อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา” บรรณาธิการบริหาร The MOMENTUM กลับยืนยันหนักแน่นว่า “ต้องคิดตลอดว่าถ้าเราเขียนอะไรไปในวันนี้มันอาจจะถูกแชร์ไปในวันอื่นก็ได้ แล้วเราต้องคิดว่าถ้ามันถูกแชร์ไปในวันอื่น คอนเทนต์จะต้องยังอ่านได้” คอนเทนต์ออนไลน์ของ The MOMENTUM จึงไม่ได้ว่าด้วยความไว แต่เป็นคอนเทนต์ที่ออกมาเร็วปานกลาง แต่หนักแน่น เข้มขม เต็มไปด้วยการตั้งคำถามและเปิดกว้างชวนให้คิดตาม แถมมีน้ำเสียงเฉพาะตัวภายใต้ฝีมือบรรณาธิการบริหารอย่าง “นิ้ว-อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา” UNLOCKMEN ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับเธอในวันที่สื่อออนไลน์ถูกตั้งคำถามว่าฉาบฉวยจริงไหม? มาไวแล้วจะไปไวด้วยจริงหรือเปล่า? ในวันที่ The MOMENTUM ถูกทิ้งไปและเธอตั้งใจว่าจะไม่ทำงานบริหารแล้วอะไรทำให้เธอเลือกเดินเข้ามา? ในฐานะบรรณาธิการบริหาร เราคิดว่า The MOMENTUM ในปัจจุบัน ทั้งภาพลักษณ์ ตัวตน วิธีคิด เมื่อเทียบกับ The MOMENTUM เดิม มันเติบโตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เราค่อนข้างเปลี่ยนเยอะ แต่ต้องบอกก่อนว่าเราชื่นชมใน The MOMENTUM ตั้งแต่ตั้งต้น ตอนปี 2016 ที่มีทั้ง The
อาชีพ โอกาส ความทันสมัย ความสะดวกสบาย สิ่งเหล่านี้คือเหตุผลหลัก ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางของความฝัน เป็นจุดศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่มากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนพื้นถิ่นชาวกรุงโดยกำเนิด รวมถึงผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ที่เข้ามาใช้ชีวิตไล่ล่าความสำเร็จร่วมกันอยู่ที่นี่ ภายใต้ความแตกต่างของรูปแบบชีวิตที่ถูกให้คำจัดกัดความด้วยคำว่า “Urban Lifestyle” หรือวิถีชีวิตคนเมือง ถ้าฟังแค่ชื่อวิถี Urban Lifestyle ภาพแรกที่ฉายขึ้นมาในหัวคือชีวิตที่รายล้อมไปด้วยความสะดวกสบาย ทันสมัย เต็มไปด้วยอาชีพหน้าที่การงาน โอกาสในการสร้างธุรกิจนับไม่ถ้วน ซึ่งมันช่างดูโก้เก๋เท่ไม่ใช่เล่น แต่จริง ๆ แล้วเรามั่นใจว่าเหล่า Urban Men ทั้งหลายน่าจะรู้ซึ้งถึงความวุ่นวายในการใช้ชีวิตที่ต้องประสบพบเจอในแต่ละวันเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการแข่งขันกับเวลา ต้องหัวปั่นอยู่กับความเร่งรีบ ซึ่งทุกนาทีที่หมุนไปอย่างรวดเร็วนั่นคือเวลาที่เป็นเงินเป็นทองที่ไม่มีใครอยากให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และเมื่อลองมาทบทวนดี ๆ จะเห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าวิถีชีวิตแบบคนเมืองนั้นกลับกลายเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตซึ่งแทบจะไม่มีเวลาเหลือให้ได้ “ใช้ชีวิต” อย่างมีความสุขแบบที่มนุษย์ควรจะเป็น และต้องยอมรับว่าสิ่งนี้กำลังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาวะความเครียดของผู้คนในสังคมเมือง ซึ่งฟังดูแล้วหลายคนคงรู้สึกขยาดวิถีคนเมืองจนอยากจะเปลี่ยนรูปแบบชีวิต พาตัวเองย้ายสำมะโนครัวหนีไปจากเมืองใหญ่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในความเป็นจริงเชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้ดีว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่เราอยากบอกว่ามันก็ไม่ได้ยากที่จะหาทางออก ในการปรับตัว ปรับวิธีคิดเพื่อให้มี Urban Lifestyle ที่มีความสุขอย่างแท้จริง ด้วยวิธีง่าย ๆ แค่ 2 วิธีเท่านั้น