มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเหมือนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือประสบการณ์การทำงานที่เริ่มต้นจากตำแหน่งเล็ก ๆ ไปจนถึงหัวหน้าที่มีความรับผิดชอบระดับสูง ซึ่งเติบโตตามประสบการณ์และอายุ ความแตกต่างน่าจะอยู่ที่ว่า “ใครไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ก่อนกัน” เท่านั้นเอง ว่ากันตามตรงแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนที่อยู่ในช่วงตำแหน่งเล็กถึงกลาง อาจจะกำลังทำงานแบบมึน ๆ ไร้เป้าหมายในการทำงาน เพราะยังไม่เจอสิ่งที่ตัวเองชอบทำจริง ๆ หรืออาจจะไม่มีไฟ เพราะถ้ามองไปถึงตำแหน่งใหญ่ ๆ ตัวเลขรายได้ที่ต้องการ มันช่างอยู่ห่างออกไปไกลอีกหลายปีเหลือเกิน ทำให้หลายคนเกิดอาการ “ช่างแม่งละกัน” หมดอารมณ์ทำงานขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะคนเราชอบอะไรที่ง่าย เห็นผลเร็ว อยากตื่นขึ้นมาแล้วเงินเดือนเพิ่มแตะหลักแสนภายในข้ามคืน ไม่ว่าคุณจะหมดไฟ หรือมีไฟแต่ไม่รู้จะเน้นโชว์ศักยภาพจุดไหนดี จะได้เปล่งรัศมีกระแทกตาหัวหน้าจนต้องรีบแจกโบนัส อัพเงินเดือน โปรโมตตำแหน่งกันเร็วไว แต่โชคดีแล้วที่คุณคลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาเผย 3 คุณสมบัติหลักที่หัวหน้าทุกบริษัทมองหาจากคุณ นี่เป็นคำแนะนำจากปากผู้บริหารบริษัทชั้นนำหลายแห่ง ที่เราไปนั่งพูดคุยอย่างใกล้ชิด และนำมาสรุปให้เข้าใจง่าย โดยใช้หลัก rating จากสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด 1. Give a damn พื้นฐานเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หลายคนลืมหรือมองข้ามหัวมันไป การ Give a damn คือการมีเอาใจใส่ มีส่วนร่วมกับคนในทีม และในทุกกิจกรรมของบริษัท ไม่ใช่ใครรวมกลุ่มทำอะไร
คงไม่มีใครชอบการทำงานอืดเอื่อยสุดล่าช้าของคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นคนในทีมด้วยกัน หรือลูกน้องที่คอยรับคำสั่งจากเรา เพราะการทำงานต้องการการเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่เสมอ จะให้มานั่งรอคนคนเดียวคงไม่ส่งผลดีแน่ แต่ในทางกลับกันคนในองค์กรที่ทำงานอย่ารวดเร็ว ฉับไว เพื่อให้ได้ชื่อว่า ‘ทำงานเสร็จรวดเร็ว’ ทั้ง ๆ ที่การทำงานนั้นบางครั้งเกิดข้อผิดพลาด หรือสร้างความบกพร่องรุนแรงไว้ให้กับองค์กรอย่างไม่ทันรู้ตัวก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน ปัญหาก็คือผู้คนในองค์กรต่างชื่นชมการทำงานอย่างเร่งด่วนรวดเร็วราวกับคนคนนั้นเป็นฮีโร่ขององค์กรอยู่เสมอ แม้ผลที่ออกมาจะมีความผิดพลาดตามมาก็ตาม แต่เราก็จะยกย่องว่าการทำงานรวดเร็วคือสุดยอดความเจ๋ง แถมไม่แม้แต่จะมองว่านี่แหละคือปัญหาขององค์กรอีกปัญหาหนึ่ง! ก็แน่ล่ะใครจะมองว่าการที่พนักงานคนหนึ่งหรือคนหนึ่งในทีมรีบทำงานให้เสร็จลุล่วงจะถูกนับเป็นปัญหาการจัดการในองค์กรไปด้วย แต่จากรายงานเปิดเผยว่าแต่ละองค์กรต้องสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับการตัดสินใจหรือทำอะไรอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้ชื่อว่าเสร็จ ๆ ไปก่อน แต่ทิ้งความผิดพลาดเอาไว้ อย่างไรก็ตามคนในทีมที่ทำงานแบบเร่งด่วนก็มักจะเป็นคนคนเดียวกับที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นเราก็ต้องระมัดระวังการบอกเขามากที่สุดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทีมเช่นกัน วิธีต่อไปนี้จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยจัดการคนในทีมที่ออกแนวด่วนแต่สะเพร่าได้ดีพอสมควร ช่วยให้เขามองเห็นว่าการกระทำของเขามีผลต่อคนอื่นอย่างไร หลายครั้งที่คนทำงานด่วน งานเร็ว มองเห็นแต่เป้าหมายของตัวเอง จนอยากรีบทำทุกอย่างให้เสร็จ ๆ ไปเพื่อให้ได้ชื่อว่าทำงานเสร็จ แล้วปัดงานนั้นให้พ้นตัวเพื่อให้คนอื่นนั้นรับช่วงงานต่อต่อไป การทำแบบนั้นไม่ได้มีอะไรผิดต่อการทำงานส่วนตัวแต่อย่างใด (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด) แต่ในฐานะการทำงานเป็นทีมการทำแล้วปัด ๆ ส่งไปไม่มีผลดีต่อความร่วมมือกันเป็นแน่ ดังนั้นต้องทำอย่างไรเพื่อให้เขาเห็นว่านี่คือการทำงานเป็นทีม เป้าหมายคือเป้าหมายของทีมร่วมกันไม่ใช่งานของเขาคนเดียวที่ทำแล้วจบไป ที่สำคัญคนในทีมต้องรู้จักชมผลงานของเขาในแง่กระบวนการการทำ ไม่ใช่ชมแค่ผลงานของเขาที่เขาทำเสร็จแล้ว และชี้ให้เห็นว่าการทำงานของเขาไม่ได้มีค่าแค่ต่อตัวเอง แต่ส่งผลในฐานะความเป็นทีมอย่างไร ให้เขาระบุผลของการกระทำของเขาออกมา บางทีการชี้ให้เห็นอาจไม่มากเพียงพอ เราอาจต้องช่วยกระตุ้นให้เขาเห็นว่าการกระทำของเขาส่งผลกระทบอะไรตามมาบ้าง เพราะเขาอาจเห็นแต่ข้อดีที่ทุกคนชมเขา (หรือเขาเห็นเอง) ว่าเขาทำงานเสร็จเร็ว ตัดสินใจได้ด่วนกว่าคนอื่น แต่เขาไม่เคยมองเห็นว่าข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานเร็วเกินไปคืออะไร ดังนั้นเราต้องกระตุ้นให้เขาหาให้เจอให้ได้ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันคืออะไร มันเกิดจากอะไร