หากให้พูดถึงวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากวงหนึ่งในช่วงที่กระแสดนตรีอีโมเบ่งบาน (2003-2007) คงต้องยกให้ My Chemical Romance วงอีโมพังก์จากเมืองนิวอาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ฟอร์มวงตั้งแต่ปี 2001 ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในระดับเมนสตรีมกับอัลบั้มที่ 2 “Three Cheers for Sweet Revenge” และเพลงที่เป็นตัวชูโรง จนทำให้ใครหลายคนถวายจิตวิญญาณเป็นสาวกพวกเขา คงต้องยกให้กับเพลง “Helena” “Helena” ถูกหยิบมาโปรโมตเป็นซิงเกิ้ลที่ 3 ในอัลบั้มต่อจากเพลง “I’m Not Okay (I Promise)” และ “Thank You For Your Venom” โดยแรงบันดาลใจการสร้างเพลงนี้มาจากการเสียชีวิตของ Elena Lee Rush ซึ่งเป็นคุณยายของ Gerard Way นักร้องนำของวง เขามีความผูกพันธ์เป็นอย่างมาก เพราะคุณยายเป็นคนสอนการวาดรูป, การร้องเพลง รวมไปถึงยังซื้อรถคันแรกให้กับ Gerard ซึ่งรถคันนั้นคือรถตู้สีขาวที่ปรากฏใน MV เพลง “I’m Not Okay (I
การเลือกซื้อรถแต่ละคันถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราต้องผูกพันใช้งานกันนานหลายปี มีแฟนเพจปรึกษาเข้ามากันเยอะว่า จะซื้อรถรุ่นไหนดีในงบประมาณ 3 ล้านบวกลบ มองหารถคันหลักของบ้านที่มีความหรูหรา นุ่มนวล ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย และให้ความภูมิใจในภาพลักษณ์ที่ดี สำหรับโจทย์นี้ เราขอแนะนำ 2022 Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport เป็นรถที่เหมาะสมและตอบโจทย์นี้มากที่สุด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ครับ ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย และขับง่ายกว่าที่คิด พื้นที่ในห้องโดยสารของ 2022 Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งทั้งผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง แม้รถจะดูคันใหญ่จากภายนอก แต่ตำแหน่งการนั่งขับออกแบบได้ดีมาก ช่วยให้กะระยะรถยนต์รอบคันได้ง่าย ตัวแอดมินสูง 178 cm. นั่งตำแหน่งคนขับยังมี headroom เหลือเฟือ แผงคอนโซลหน้าออกแบบให้มีความโค้ง ช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น เบาะนั่งที่ให้มาโอบกระชับและนุ่มสบาย ส่วนด้านหลังผู้โดยสารมี legroom และ headroom เยอะมาก ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวแม้จะมีผู้โดยสารนั่งหลัง ลองให้ลูกกับภรรยาขึ้นไปนั่งสักที รับรองว่าทุกคนต้องติดใจจนสนับสนุนให้ควักเงินจ่ายค่ามัดจำแน่นอน Cruise in
ช่วงนี้กระแส Y2K ฮอตฮิตเป็นอย่างมากไปทั่วโลก มันเป็นปลุกไลฟ์สไตล์หลาย ๆ อย่างในปี 2000 ในกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากนัก เพราะแฟชั่นพอผ่านไปจุดหนึ่งมันก็จะถูกนำกลับมาเล่าใหม่อีกครั้งอยู่เป็นประจำ แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่ากระแสดังกล่าวที่ได้เกิดขึ้น มันก็มีส่วนทำให้เรานึกถึงอดีตที่เคยสนุกสนานกันในปี 2000 รวมไปถึงนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ในยุคนี้ไม่สามารถทำได้แบบเดิมแล้ว และยังทำให้เรานึกถึงบทเพลงในยุคนั้นเช่นกัน ซึ่ง 1 ในเพลงที่สร้างปรากฏการณ์ในช่วง Y2K ไปทั่วโลก มันคือ “In The End” ของวง Linkin Park นั่นเอง “In The End” คือผลงานจาก “Hybrid Theory” อัลบั้มแรกของวง Linkin Park ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2000 ซึ่งมันก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวร็อกและแฟนเพลงในยุคนูเมทัลเป็นอย่างมาก เพราะวง Linkin Park สามารถเบลนด์เอาความหนักหน่วงเข้ากับสัดส่วนของเพลงป๊อปได้อย่างลงตัว แต่ละเพลงในอัลบั้มล้วนฟังง่ายแต่ไม่ทิ้งความมันส์ รวมไปถึงสามารถฟังได้ทุกเพศทุกวัย เพราะในอัลบั้มนี้ปราศจากคำหยาบ ทำให้ผู้ปกครองสบายใจที่จะปล่อยให้ลูกหลานได้ฟัง “In The End”
Skid Row คือหนึ่งในวงดนตรียุคแฮร์แบนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังไม่แพ้วง อย่าง Guns N’ Roses หรือ Motley Crue แต่อย่างใด สาเหตุไม่ได้มาจากความฟลุ๊ค แต่มันมาจากฝีมือทางดนตรีอัดยอดเยี่ยมของพวกเขา วง Skid Row มีสกิลในการสร้างสรรเพลงเร็วได้อย่างถึงใจชาวเฮฟวี่เมทัล แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างเพลงช้าสไตล์บัลลาดที่บาดใจคอเพลงร็อกทั่วโลกได้ไม่น้อยหน้ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลง “18 And Life” ผลผลิตจากอัลบั้มแรกของ Skid Row ที่ใช้ชื่อเดียวกับวง ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 มกราคม ปี 1989 โดยพวกเขาเลือกเปิดตัวด้วยเพลง “Youth Gone Wild” ที่เป็นเพลงเร็วและมีจังหวะที่ฮึกเหิมเร้าใจ ซึ่งก็ได้รับความสนใจพอประมาณ จนกระทั่งเดินทางมาถึงซิงเกิ้ลที่ 2 ในการโปรโมต นั่นก็คือ “18 And Life” ดนตรีในเพลงนี้มีความกระชับเป็นอย่างมากด้วยเวลาที่บรรเลงเพียง 3:50 นาทีเท่านั้น แต่แค่เท่านี้ก็เพียงพอที่วง Skid Row จะสามารถสื่อสารทุก ๆ สิ่งที่ต้องการออกมาได้อย่างครบเครื่อง ลงตัว
Iconic Piaget Polo ปี 2023 เพียเจต์ โปโล ปลดล็อกความท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยการคิดค้นและสร้างสรรค์ Piaget Polo Perpetual Calendar Ultra-thin ขึ้น โดยเรือนเวลาที่ไม่ธรรมดาชิ้นนี้ นอกจากขับเคลื่อนด้วยกลไกเพรียวบางชุดใหม่อย่าง Calibre 1255P เมซงยังผนวกคอมพลิเคชั่นมูนเฟสเข้ามาในโมเดลนี้อีกด้วย หากย้อนรอยความสำเร็จเพียเจต์ โปโล ยุคก่อนไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนสีทอง หรือ สตีล ถือเป็นหนึ่งในไอเท็มคู่ใจที่ปรากฏอยู่บนข้อมือไอคอนระดับตำนานหลายคน อาทิ Ursula Andress, Roger Moore, Andy Warhol ไปจนถึง Bjorn Borg ด้วยรูปทรงสะดุดตา ดีไซน์แบบยูนิเซ็กส์ ลุคสปอร์ตที่ไม่ตกยุค ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จที่ว่านี้จะยกเครดิตให้ใครไม่ได้นอกจาก มร.อีฟ เพียเจต์ ด้วยความที่เป็นนักเดินทางตัวยง บวกกับความหลงใหลในสุนทรียภาพทางศิลปะเช่นเดียวกับที่ลุ่มหลงในงานฝีมือ ประสบการณ์ทั้งหมดจึงถูกนำมาหลอมรวมเป็นเพียเจต์ โปโล เรือนเวลาที่แทบไม่มีใครเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ The emblematic Perpetual Calendar นับเป็นครั้งแรกสำหรับคอลเลกชั่นเพียเจต์ โปโล ที่ถูกเติมเต็มด้วยระบบกลไกปฏิทินถาวร –
Phum Viphurit เริ่มต้นด้วยการเป็น New Blood ในยุคที่ Rats Record กำลังจะเปลี่ยนกระแสดนตรีไทยให้รุ่งเรืองด้วยภาษาสากล จากเพลงกลิ่นอายโฟล์คในอัลบั้มเต็ม Manchild (2017) เดินทางสู่เพลงเจือส่วนผสมของ Funky Soul ในอีพี Bangkok Balter Club (2019) ที่ Lover Boy เปลี่ยนให้เขากลายเป็นหนุ่มที่ทั่วโลกต่างรักเขาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง อัลบั้มล่าสุด The Greng Jai Peice ปี 2023 คือการเติบโตที่เอาทุกอย่างที่พูดถึงในบรรทัดก่อน โยนส่วนผสมใส่ครกตำจนละเอียด จนเกิดเป็นเครื่องเทศเจือกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างพอเหมาะ ในแบบแนวดนตรีและวิธีการเล่าเรื่องของ Phum Viphurit อย่างเต็มเปี่ยม อัลบั้มที่พาร์ท Music เล่าถึงความหลงใหลในดนตรียุค 70s-80s ผ่านเมโลดี้ ซาวด์กีตาร์ ซาวด์เบสและการดีไซน์เสียงสังเคราะต่าง ๆ ผ่านเรื่องเล่าของเสียงซึ่งสะท้อนอยู่ในหัวของตัวเอง ที่เขาให้สัมภาษณ์กับ NME เอาไว้เมื่อปีที่แล้ว “เพลงในอัลบั้มนี้คือเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากชีวิตของผม ผสมกับความคิดถึงที่มีให้กับอดีต (nostalgia)
แม้ว่าวงการดนตรีไทยจะถูกครองโดยค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนในการโปรโมต ซึ่งสามารถยึดพื้นที่สื่อจนทำให้ใครหลายคนคิดว่าแนวทางของวงดนตรีไม่ได้หลากหลายแต่อย่างใด แต่ความจริงแล้วยังมีวงดนตรีอิสระอีกมากที่เลือกจะนำเสนอผลงานในสไตล์ตัวเองแบบ 100% เพียงแต่ว่าสปอตไลท์อาจจะส่องแสงไปไม่ถึงพวกเขานั่นเอง ทาง Unlockmen จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 5 วงเมทัลสายโหดแห่งโลกอันเดอร์กราวน์ไทย ให้ทุกคนได้ลองเสพผลงานกัน *คำเตือนใครหูไม่แข็งแกร่งอาจจะเหวอเอาได้ง่าย ๆ NARAKA Naraka เป็นวงดนตรีสไตล์เทคนิคัล เดธเมทัล ที่มีทั้งความโหดและความซับซ้อนทางดนตรี พร้อมด้วยเทคนิคที่แพรวพราว วงดนตรีวงนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดย “ออกัส ดีล่า” ลูกชายของ “บ๊อบ ดีล่า” มือกลองระดับตำนานของประเทศไทย (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ออกัสเองก็มีผลงานในฐานะมือกลองมาอย่างล้นแก้ว เขาเคยร่วมงานกับวง In Vein, Heretic Angels, Macaroni, Splattered Orgasm, Cadaver Not Talk, Neverland, The Ginkz และ Tragedy Of Murder แต่สำหรับกับ Naraka เขาได้เลือกเปลี่ยนบทบาทจากมือกลองกลายมาเป็นตำแหน่งร้องนำ/มือกีตาร์แทน แถมยังอัดเครื่องดนตรีทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นเบส และกลองเองทั้งหมดอีกด้วย รวมถึงเป็นคนคิดเพลงของตัวเองทั้งหมดด้วยเช่นกัน จัดว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรีโดยแท้จริง ปัจจุบัน Naraka
อีกขั้นของตำนานความแรงจาก Alpina ที่ได้กลายเป็นผ้าผืนเดียวกับ BMW ไปแล้วเรียบร้อย นี่คือ B5 BT โมเดลที่แรงที่สุดเท่าที่สำนัก Alpina เคยมีมา ปรับแต่งเครื่องยนต์ BMW 4-liter bi-turbo V8 ให้แรงถึง 624 horsepower 850 Nm of torque ทำความเร็วถึง 100 km/h ใน 3.4 seconds ความเร็วสูงสุด 328 km/h ภายนอกต้องมีล้อ Alpina Classic แบบ 20-spoke ขนาด 20 นิ้ว ประจำการเพิ่มความหล่อแบบคลาสสิกโชว์ Brembo calipers สีเดียวกับตัวรถ ชุดท่อไอเสียของใหม่ที่สร้างแบบ custom made สำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ ปลายท่อสีดำเคลือบ titanium เสริมความดุดันให้สมกับสมรรถนะอย่างสมน้ำสมเนื้อ BMW Alpina B5 BT
Brancott Estate แบรนด์ไวน์จากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ริเริ่มปลูกไร่องุ่น ทำไวน์ในเขต Marlborough จนสร้างชื่อให้กับไวน์ Sauvignon Blanc ที่มีสไตล์เฉพาะตัวของนิวซีแลนด์ไปทั่วโลก ขอชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสกับค่ำคืนสุดพิเศษ ด้วยดินเนอร์แบบ Chef’s Table and Wine Pairing ทั้งหมด 4 คอร์ส ภายใต้แนวคิด Taste Life on the Flip Side ที่ร้านอาหาร Lobster & Oyster ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ความพิเศษของอีเวนต์นี้ คือการได้ Jamie Marfell นักทำไวน์คนเก่งของแบรนด์ บินตรง มาจากนิวซีแลนด์ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำไวน์กับทุกท่านอย่างใกล้ชิด พร้อมจับคู่ไวน์กับมื้ออาหารชั้นเลิศผ่านฝีมือของเชฟ Marian Baranek “King of The Ocean & Grill”จากเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ก่อนที่จะกดจองโต๊ะเข้าสู่คืนพิเศษของงานกัน UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวของ Winemaker กับ Chef