‘ศิลปะ’ เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดอีกแขนงหนึ่งของโลกที่ไม่เพียงสะท้อนความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ และแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานของศิลปิน หากยังเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกรายละเอียดยิบย่อยในชีวิตเราล้วนมีศิลปะเกี่ยวพันอยู่เสมอ แม้ศิลปะจะไม่เคยหยุดอยู่กับที่และถูกนิยามความหมายใหม่ในบริบทที่แตกต่างกัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังจำกัดศิลปะไว้เพียงในแกลเลอรีและพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ติดภาพจำเดิม ๆ ว่าศิลปะต้องเป็นภาพวาดหรืองานประติมากรรมที่ตั้งตระหง่าน แต่ในความเป็นจริงแล้วศิลปะกว้างขวางมากกว่านั้น แล้วความสงสัยใคร่รู้ด้านศิลปะแขนงใหม่ก็พาเราเดินดุ่มมาหาคุณ ‘เบียร์-พันธวิศ’ คอลเลกเตอร์มือทองควบตำแหน่งพ่อมดแห่งวงการอีเวนต์ที่เชื่อเหมือนเราว่า ศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่ในแกลเลอรีเสมอไป มุมมองของคนเล่นของและศิลปะนอกแกลเลอรี “เบียร์-พันธวิศ” ถ้าเอ่ยชื่อนี้ในวงการอีเวนต์ เชื่อว่าหลายคนคงพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง เพราะเขาคือหนุ่มนักสร้างสรรค์ที่มีไอเดียในหัวพลุ่งพล่านไม่รู้จบ เป็นเจ้าของบริษัทด้าน New Media & Interactive Media, บริษัทตกแต่งภายใน, บริษัทร่วมทุนรับเหมาก่อสร้าง หรือแม้แต่ดิจิทัลเอเจนซี่น้องใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ นอกจากตำแหน่งงานในหลากมิติอุตสาหกรรม สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือคุณเบียร์ พันธวิศ ลวเรืองโชค เป็นหนึ่งในคอลเลกเตอร์ตัวยงที่รวบรวมของสะสมไว้เต็มโกดัง เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้คือศิลปะอย่างหนึ่งที่แตกแขนงแยกย่อย “ศิลปะมันไม่ใช่อะไรที่สูงส่ง แค่เป็นสิ่งที่คนเข้าถึงได้” “ตั้งแต่เด็ก ๆ มาจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าคนที่ทำงานในแวดวงศิลปะกำลังถูกละเลย ไม่ว่าจะนักออกแบบ ศิลปิน หรืออาชีพอะไรต่อมิอะไร เพราะหากพูดถึงงานศิลปะ ผู้คนมักจะนึกถึงภาพวาดและงานประติมากรรมเท่านั้น แต่แก้วน้ำ เสื้อผ้า จานชาม ผ้าห่ม หรือเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นศิลปะเหมือนกัน หากอยู่ใกล้ตัวมากไปจนผู้คนมองข้าม แค่นั้นเอง” แรงบันดาลใจที่เปลี่ยน ‘คนเล่นของ’
แหล่งน้ำกำลังโดนทำลาย หลอดพลาสติกทำร้ายสัตว์น้ำ แก้วพลาสติกใช้เวลาหลายปีเพื่อย่อยสลาย เรื่องนี้เรารู้กันมาเป็นชาติตั้งแต่ยังเรียนประถมแล้ว แต่ปัญหาหลายอย่างยังไม่ค่อยได้รับการแก้ไข และเมื่อมันทยอยลุกลามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้จึงถึงเวลาที่แต่ละฝ่ายออกมามีส่วนร่วมปลุกกระแสการรณรงค์รักษ์โลกในรูปแบบของตัวเอง วันนี้ UNLOCKMEN นำเรื่องราวเสื่อมโทรมที่บอกเล่าผ่านมุมมองทางศิลปะแสนสวยถ่ายทอดได้กระแทกใจกลับมาส่งต่ออีกครั้ง แม้ว่าทั้ง 3 นิทรรศการนี้จะจบลงแล้ว แต่เราคิดว่าควรแบ่งปันเพราะเนื้อหาของมันไม่เก่าเลย Popsicles project ผลงานชิ้นนี้เกิดขึ้นจาก 3 นักศึกษาชาวไต้หวันที่ร่วมมือกับโครงการที่ดูแลเรื่องน้ำเสีย นำเสนอโปรเจกต์รวบระหว่างการเสพสุนทรียภาพทางศิลปะและการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ด้วยการนำน้ำจากแหล่งน้ำเสีย 100 แห่งในไต้หวันมาและนำไปคงรูปในรูปแบบของแท่งไอติม ไอติมน้ำเสีย 1 แท่ง 1 สถานที่ ที่เขาใช้วิธีทำพิมพ์หล่อเรซินไว้สำหรับโชว์ จากนั้นสร้างแพ็กเกจสีสันสดใสห่อหุ้มไว้ เห็นแล้วอยากจะหยิบกิน แต่เมื่อแกะซองออกมาเห็นเนื้อไอติมใส ด้านในกลับมีมลพิษมากมายเจือปนอยู่ การนำเสนอโครงการแบบดักตีหัวอย่างนี้ไม่เพียงสนุก น่าสนใจ และเป็นไวรัลเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนว่าวันนี้สังคมเรามองข้ามเรื่องน่าเกลียดและปัญหาต่าง ๆ ที่มีจากการไปโฟกัสมุมอื่นที่สวยงามมาแทนที่ด้วย 100%純污水製冰所 完整版形象影片來囉!!!好看=好吃?我們親自取臺灣100個污染水源地的水後,將其製成冰棒,因冰棒不易保存所以我們將他們再復刻成1:1的poly模型做展示,透過美麗包裝與內容物的反差感來傳達純淨水的重要,最後以圖鑑來呈現。那麼我們想問問大家的是:【這麼美的冰棒,你敢吃嗎?】設計團隊: 洪亦辰 、 郭怡慧 、鄭毓迪( Yudi Jheng)新一代設計展🏊↣ 台北世貿一館 / 編號D07(臺藝大)↣ 05.19(五) – 05.22(一)↣
รอยยิ้มคือตัวแทนความรู้สึกที่ครอบคลุมอารมณ์หลากหลาย อย่างที่รู้กันดีว่าแต่ละรอยยิ้มล้วนมีนิยามต่างกัน แต่มีอยู่รอยยิ้มหนึ่งที่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครกล้านิยามความหมาย รอยยิ้มของสุภาพสตรีที่แฝงไปด้วยปริศนา รอยยิ้มอันโด่งดังที่ทำให้คนงุนงงและครุ่นคิดมากว่า 5 ศตวรรษ เป็นรอยยิ้มที่ถูกจารึกไว้บนหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาพวาดที่ทิ้งความสงสัยเอาไว้หลายชั่วอายุคน เจ้าของรอยยิ้มที่ว่าคือโมนาลิซา สตรีแห่งเมืองฟลอเรนซ์ที่ปรากฏกายอยู่บนภาพเขียนของ เลโอนาร์โด ดา วินชี ภาพเขียนสีน้ำมันบนพื้นไม้ภาพนี้มีความสูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร และถูกขนานนามว่าเป็นภาพที่ล้ำค่าที่สุดในโลก ด้วยความเย้ายวนชวนหลงใหลจากทักษะการสร้างสรรค์เฉดสีให้ออกมาคลับคล้ายคลับคลามนุษย์ตัวเป็น ๆ บวกกับอัตราส่วนทองคำที่สร้างความสมดุลและสมบูรณ์ให้กับภาพ พร้อมฝีมือการสะบัดฝีแปรงอย่างประณีตบรรจงของจิตรกรเอกแห่งยุค ทำให้โมนาลิซากลายเป็นภาพวาดที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 และเป็นตัวแทนของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (The Renaissance Period) จากรอยยิ้มปริศนาที่ฝากเอาไว้บนภาพนี้ แม้จะถูกวาดมาแล้วกว่า 500 ปี แต่ก็ทำให้ภาพเต็มไปด้วยคำถามและน่าค้นหาอยู่เสมอ ในขณะที่รอยยิ้มของโมนาลิซาถูกวิเคราะห์และตีความไปต่าง ๆ นานา เหล่านักประสาทวิทยากลับมองว่ารอยยิ้มของเธอเป็นรอยยิ้มจอมปลอม เมื่อโมนาลิซาไม่ได้มีรอยยิ้มจริงใจ Dr. Luca Marsili, Dr. Lucia Ricciardi และ Matteo Bologna สามนักประสาทวิทยาที่ศึกษาโครงสร้าง การเจริญเติบโต และระบบประสาทของมนุษย์ ร่วมกันทำวิจัยเพื่อตรวจสอบความสมมาตรของริมฝีปากและกล้ามเนื้อบนใบหน้าของโมนาลิซา หวังจะเพิ่มความเข้าใจเชิงลึกให้คนรุ่นหลังได้รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของงานศิลปะคลาสสิก
ถ้าพูดถึงศิลปะ หลายคนจะมองว่าเป็นเรื่องของอารมณ์งานสร้างสรรค์ หรือสุนทรีย์ที่เข้าไม่ถึง แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวสุดระห่ำรวมถึงความเหลวแหลก และความตายก็เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะด้วยเช่นกัน วันนี้ UNLOCKMEN สนใจเรื่องราวของจิตรกรผู้แต่แผ่ความดิบเถื่อนออกมาเป็นรูปภาพของมิเกลลันเจโล คาราวัจโจ ศิลปินใจนักเลงผู้นิยมความรุนแรง และถ่ายทอดมันออกมาเป็นศิลปะ Michelangelo Merisi da Caravaggio คือชื่อเต็มที่แสนจำยากของคาราวัจโจ จิตรกรชาวอิตาลีที่โลดแล่นอยู่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เดิมทีเขาเป็นชายตัวคนเดียวเพราะพ่อเสียชีวิตด้วยกาฬโรคตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนแม่ก็เสียตามไปอีก ถึงแม้จะเป็นเด็กกำพร้าแต่ก่อนหน้านี้คาราวัจโจคลุกคลีอยู่กับสีและผืนผ้าใบ เพราะก่อนแม่เสียชีวิตเคยส่งเขาไปเรียนศิลปะเป็นเวลาเกือบ 4 ปี และได้เทคนิคเกี่ยวกับศิลปะติดตัวมาด้วย ปี 1592 คาราวัจโจวัย 21 ปี เดินทางไปยังกรุงโรมเพื่อหางานทำตามแบบศิลปินหน้าใหม่ด้วยสภาพตัวเปล่า ไร้เงิน ไร้งาน และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินโดยการเป็นผู้ช่วยของจิตรกรที่มีชื่อในช่วงเวลานั้น และรอวันที่สปอตไลต์จะฉายแสงมายังเขา แสงเงาสื่ออารมณ์รุนแรง การสร้างสรรค์ที่จิตรกรในยุคเดียวกันไม่กล้าทำ สามปีหลังจากเป็นผู้ช่วยจิตรกรอยู่กรุงโรม คาราวัจโจเริ่มสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองขึ้นมาโดยเริ่มต้นจากการวาดภาพสีน้ำมัน บอกเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของผู้คน แต่สิ่งที่ทำให้งานของเขาโดดเด่นขึ้นมาเพราะการบอกเล่าชีวิตสุดธรรมดาแต่ใช้เทคนิคสุดพิเศษด้วยแสงและเงาบนผลงานของเขานั้นคม จับใจ และสื่ออารมณ์อย่างรุนแรง ผลงานยุคเริ่มต้นของเขามีหลายชิ้นที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะกับภาพ The Cardsharps ที่เก็บรายละเอียดครบถ้วน เช่น หน้าตาสื่ออารมณ์ของคนในวงไพ่ที่พยายามเล่นกลโกงอะไรบางอย่าง และเน้นรายละเอียดไปยังรอยขาดบนถุงมือ นักวิจารณ์หลายคนกล่าวว่าผลงานชิ้นนี้มีความซับซ้อนทางจิตวิทยาเป็นอย่างมาก แถมผลงานของเขายังเข้าตาจิตรกรชื่อดังในโรม และอนุญาตให้คาราวัจโจไปนั่งทำงานที่บ้านของเขาเมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กหนุ่มต้องการอีกด้วย
ประเทศอังกฤษไม่ได้โด่งดังแค่วัฒนธรรมการจิบชายามบ่ายและตำนานสยองขวัญของ Jack The Ripper เท่านั้น แต่ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมตัวของศิลปิน ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและการออกแบบอีกด้วย UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ ออกไปเสพงานอาร์ตที่ London Craft Week 2019 นิทรรศการที่รวบรวมงานคราฟต์เท่ ๆ จากทั่วทุกสารทิศ โดยฝีมือของนักออกแบบ ช่างฝีมือ ตลอดจนครีเอทีฟจากแบรนด์และแกลเลอรีต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 240 แห่งเอาไว้อย่างจุใจ London Craft Week 2019 ในปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8-12 พฤษภาคม 2562 นับเป็นปีที่ 5 ของนิทรรศการสุดสร้างสรรค์ภายใต้ฉากหลังของกรุงลอนดอน เนื่องจากเป็นนิทรรศการที่ไม่พึ่งพาทุนสาธารณะ สถานที่จัดแสดงผลงานจึงกระจายตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยทั่วลอนดอน ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สตูดิโอ หรือพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ครอบคลุมตั้งแต่ Mayfair ถึง Shoreditch และ Greenwich ถึง Hampstead แถมนิทรรศการกว่าครึ่งยังเข้าร่วมได้ฟรีและไม่ต้องจองล่วงหน้าอีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN เลยรวมงานคราฟต์เจ๋ง
การเลือกดูหนังสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้และหลายครั้งที่ตัวตนของเราถูกประกอบสร้างขึ้นมาจากหนังสักเรื่อง หากคุณเบื่อหนังบล็อกบัสเตอร์วันนี้เรามีหนังอาร์ต 11 เรื่อง มาเป็นทางเลือกให้ แม้หนังเหล่านี้จะไม่ได้ใช้นักแสดงชื่อดังหรือใช้ทุนมหาศาล แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าหนังที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้อาจจะทำให้คุณหันมาหลงรักหนังอาร์ตอย่างไม่อาจถอนตัว ที่สำคัญการคัมแบ็คของเหล่าผู้กับหนังแนวอินดี้ชื่อดังอย่าง Olivier Assayas Mia Hansen-Løve และ Simon Amstell ก็การันตีได้ในระดับหนึ่งเลยว่า คุณจะไม่ผิดหวังที่เสียสละเวลามาให้หนังแนวนี้บ้างอย่างแน่นอน TOO LATE TO DIE YOUNG (Dominga Sotomayor) จากผู้สร้าง Call me by your name สู่ TooLate to die young ภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นประเทศชิลี ซึ่งย้อนไปในปี ค.ศ.1990 ประเทศชิลีกลับมารวมตัวเป็นประชาธิปไตยอีกครั้งหลังจากการล่มสลายทางอำนาจของนายพล Augusto Pinoche โซเฟีย (Demian Hernández) สาวน้อยวัย 16 ปี อาศัยอยู่ในชนบทที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงซันติอาโก เธอมักจะมีปัญหากับพ่ออยู่ตลอดเวลา ท าให้เธอมีความฝันที่อยากจะย้ายไปอยู่กับแม่ของเธอที่เป็นนักดนตรีในเมืองหลวง LONG DAY’S JOURNEY INTO NIGHT
‘ศิลปะ’ คือหนึ่งในคำที่มีความหมายกว้างที่สุดในโลก ไม่มีคำนิยามตายตัว มีมากมายหลายแขนง บ้างก็มีไว้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ บ้างก็มีไว้เพื่อสื่อความหมายอะไรบางอย่าง บ้างก็มีไว้เพื่อตีความ แต่ศิลปะแขนงที่เราจะพูดถึงวันนี้ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เพียงแต่ต้องใช้ความสามารถขั้นสูงของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ‘Hyper Realistic’ คือศิลปะที่มุ่งเน้นความสมจริง เน้นรายละเอียดทุกรูขุมขน จนยากที่จะแยกออกว่ามันคือภาพวาดหรือภาพถ่าย ศิลปะแขนงนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากยุค 70 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและภาคพื้นยุโรปโดยศิลปินผู้บุกเบิกคือ Carole Feuerman, Duane Hanson, และ John De Andrea บนหลักการแห่งสุนทรียศาสตร์ของแสงเสมือนจริงเพื่อแสดงออกถึงความเคลื่อนไหวของศิลปินหัวขบถสมัยใหม่ วันนี้ UNLOCKMEN มีภาพตัวอย่างบางส่วนมาให้ดู รับรองว่าเห็นแล้วตกตะลึงแน่นอน Pencil Drawings by Diego Fazio Acrylic Paintings by Jason de Graaf Oil Paintings by Pedro Campos Oil Paintings by Robin Eley Sculptures by Ron Mueck Oil Paintings by
การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกของจิตรกรแต่ละคนผ่านผ้าใบ พู่กัน สี และความคิดสร้างสรรค์จนเกิดเป็นผลงานระดับพรีเมียมทำให้ศิลปินหลายคนกลายเป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลต่อศิลปะตะวันตก วิธีเดียวที่จะได้เสพผลงานของศิลปินตะวันตกที่ชื่นชอบคือต้องบินไปยังทวีปยุโรป แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันการเสพงานศิลปินที่เราหลงรักอาจไม่ยากเหมือนก่อนแล้ว เพราะผลงานมาสเตอร์พีซของศิลปินในลัทธิต่าง ๆ ถูกยกมาที่กรุงเทพฯ ในนิทรรศการที่มีชื่อว่า From Monet to Kandinsky นิทรรศการ From Monet to Kandinsky ก่อนหน้านี้จัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีและประสบความสำเร็จล้นหลาม โชคดีที่คิวต่อจากกรุงเบอร์ลินคือกรุงเทพฯ โดยถือเป็นที่แรกของเอเชียที่ได้จัดแสดงนิทรรศการของโครงการนี้ พร้อมกับผลงานจิตรกรรมกว่า 1,500 ชิ้น ผ่านโปรเจกต์เตอร์ที่เคลื่อนไหวได้ รอให้ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะมารับชมงานศิลป์แบบ 360 องศา ผลงานที่ถูกนำมาจัดแสดงล้วนมาจากฝีมือยอดจิตรกรทั้ง 16 คน ที่เมื่อเห็นชื่อของจิตรกรและผลงานของเขาหลายคนจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เริ่มตั้งแต่ศิลปินผู้มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะตะวันตกอย่าง Claude Monet กับผลงาน Impression Sunrise หรือความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้นที่ชื่อของภาพนี้กลายมาเป็นชื่อลัทธิ Impressionism นอกจากนี้ยังมีผลงานของ Edger Degas ที่โดดเด่นเรื่องการวาดภาพประวัติศาสตร์ และ Pierre August Renoir กับศิลปะอ่อนช้อยสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกลึกซึ้ง ซึ่งศิลปินทั้งสองคนก็อยู่ในลัทธิ Impressionism ด้วยเช่นกัน ถัดจากลัทธิ
มันต้องมีสักครั้ง ที่เราเดินเข้าไปดูงานจัด Gallery Art แนว Abstract แล้วซึมซับสุนทรียภาพข้างหน้าพร้อมความรู้สึกสงสัยว่า “เฮ้ย ! ทำไมงานนี้เป็นงานดังระดับโลกวะ?” หรือรู้สึก “เข้าไม่ถึงความงามระดับสากล” ที่หลายคนชื่นชม ความสงสัยนี้ถูกเก็บงำมานับศตวรรษ การประเมินค่าความงามที่ไม่อาจตีความให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพราะ “ความสวย” เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่เรื่องทั้งหมดนี้ได้รับการอธิบายด้วยผลวิจัยล่าสุดจาก Columbia Business School ว่า ทั้งความเก่งกาจและความครีเอทีฟเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้ศิลปิน เพราะปัจจัยที่ช่วยเป็นป๋าดันพวกเขาโด่งดังมันมาจาก “CONNECTION” ต่างหาก Connection กับแวดวงศิลปะ แม้คอนเนคชั่นฟังแล้วอาจจะดูเป็นเรื่องของธุรกิจมากกว่าศิลปะ แต่การศึกษาวิจัยเรื่อง Fame as an Illusion of Creativity: Evidence from the Pioneers of Abstract Art หยิบ “ชื่อเสียงและความสำเร็จ” แบบนามธรรมในวงการศิลปะ มากางและวิเคราะห์จนพบต้นตอของชื่อเสียงเหล่านั้นว่า นอกจากความเก่งแล้ว สิ่งที่ดันให้พวกเขาโดดเด่นขึ้นมาเหนือศิลปินคนอื่น ๆ คือกลุ่มคนที่พวกเขาคบหา การวิจัยครั้งนี้ใช้ชื่อศิลปินสาย Abstract ที่อยู่ในยุค
ปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ศิลปะยังคงเบ่งบานทั่วกรุง หลายแห่งแข่งขัน ประชัน เชิญชวนให้เรานั่งไม่ติด ต้องลุกเป็นเป็นส่วนหนึ่งของงาน ในวันที่ศิลปะเบิกบาน เมื่อศิลปะถูกจับมาเขย่าแล้วทอดลงบนย่านต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ทุกที่ที่ได้รับเลือกให้เป็นแลนด์มาร์กจะเกิดเป็นสีสัน เหมือนดอกไม้บานปลุกให้ผู้คนเข้ามามาเยี่ยมชมเล่นสนุกกันในย่านน้ัน แต่พอเทศกาลสิ้นสุดลงตามกำหนดการ ความเห่อที่ไม่กรุ่นในหน้าโซเชียลอีกต่อไป สิ่งที่ย่านเหล่านั้นเหลืออยู่คืออะไรกันแน่ เราเชื่อว่าหลายคนคงตั้งคำถาม เพื่อไม่ให้การเดินเท้าครั้งนี้เป็นแค่การเดินอย่างผู้มาเยือนเหมือนเคย เราจึงเลือกเข้าไปดูงาน Bangkok Design Week 2019 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มกราคม 2562 – 3 กุมภาพันธ์ 2562 ในย่านตลาดน้อยกับตาตัวเองเพื่อตอบคำถาม “งานศิลปะก็ดีนะ แต่เราอยากให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมกับงานศิลปะมากกว่านี้” เป็นหนึ่งในความเห็นของคนที่เคยมาชมงานในหน้าโซเชียล ยิ่งเร้าความสงสัยเราเข้าไปอีก คนในพื้นที่เขารู้สึกอย่างไรกับงานเหล่านี้กันแน่ และเมื่อมันเข้าไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเขามันเกิดผลกระทบอย่างไร เหตุผลหนึ่งที่เราเลือก “ตะลัคเกียะ” หรือตลาดน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ของการจัดงานครั้งนี้เพื่อเดินเท้าดูศิลปะ เพราะย่านนี้เป็นชุมชนจีนที่เกิดจากการขยายตัวของสำเพ็งช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อยู่ในพื้นที่เมืองที่เดินทางได้สะดวก เราเองก็เดินทางผ่านย่านนั้นบ่อยแต่อาจจะเลยผ่านไป ทั้งที่ความน่าสนใจจากส่วนผสมของหลายวัฒนธรรมนั้นไม่ได้น้อยหน้าใคร เรียกได้ว่าแม้จะไม่ถือเป็น Big place อย่างเยาวราชแต่ก็ไม่ได้เบาบางเสียจนสามารถมองข้ามไปได้ ย่านเก่าแก่ที่มีวัฒนธรรมจีน ไทย แถมยังมีโบสถ์และการใช้ชีวิตของคนหลากหลายเจนเนอเรชั่นเดินขวักไขว่ เราลองมาดูของจริงไปพร้อมกันว่าเจ้าของพื้นที่เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับงานศิลปะที่จัดวางอย่างไร IS ART