ถ้าให้นึกถึงของดีฝั่งธนแบบไว ๆ คุณจะคิดถึงอะไร ? ให้เวลาคิด 15 วิ … หมดเวลา ! และไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร แต่ของเรามันคือ P.Sherman The Enjoyable Ground ร้านแฮงเอาต์ของเรากับแก๊งเพื่อน ที่สามารถเริ่มต้นเจอกันตั้งแต่เช้า และปิดวันนั่งจิบเบา ๆ (รึเปล่า) ได้เลย ! บทความที่ชาว UNLOCKMEN กำลังได้อ่านอยู่นี้ ถูกเขียนขึ้นในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันศุกร์ โดย Content Creator ใส่แว่นคนหนึ่งที่ก็กำลังปั่นงานอยู่ในร้านโปรดที่เป็นหัวใจหลักของคอนเทนต์นี้อยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าร้านนี้เหมาะกับการนั่งทำงานด้วยเหมือนกัน และเป็นอะไรได้อีกหลายอย่าง ที่เราจะขอป้ายยาทุกคนในบรรทัดถัดไปกันเลย จาก ‘โรงงานเย็บผ้า’ สู่พื้นที่แห่งความหลากหลายของวัยมันส์ ร้าน P.Sherman The Enjoyable Ground ซ่อนตัวอยู่ในย่านอรุณอมรินทร์ ระบุชัด ๆ เลยคือซอยอรุณอมรินทร์ 39 ในอดีตที่นานมากแล้ว กว่า 10 ปีก่อน ตึกแห่งนี้เคยเป็นโรงงานเย็บผ้ามาก่อน ซึ่งเอาจริง
ขอเข้าเรื่องแบบไม่รีรอ คอนเทนต์นี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำ 3 ร้านกิน ดื่ม ชิล ที่ต้องไปให้ได้ในช่วงเวลาที่ลมหนาวเดือนธันวาคมยังคงอยู่กับประเทศไทย เลื่อนลงไปอ่านแล้วโทรนัดเพื่อนออกมาเลย เพราะลมหนาวใกล้จะไปแล้ว ! Everyday Mookrata & Cafe (Riverside) : ตอนเช้า American Breakfast / ตอนบ่ายเอ็นจอยหมูกระทะ / ตอนกลางคืนจิบเบา ๆ ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “หมูกระทะกินกับอะไรก็อร่อย” ไม่มีอะไรจะถูกต้องไปกว่าคำพูดข้างบนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งช่วงท้ายของปีอากาศของลมหนาวพัดผ่านร่างก็ยิ่งตอกย้ำความถูกต้องในความอร่อยของหมูกระทะมากขึ้นไปอีก และไม่มีร้านหมูกระทะไหนจะสไตล์จัดได้เท่ากับ Everyday Mookrata & Cafe (Riverside) ที่เขาเพิ่งเปิดสาขาใหม่เมื่อเดือนธันวาคมนี่เอง โดดเด่นด้วยการเป็นร้าน 3 in 1 เป็นทั้งคาเฟ่ บาร์ ร้านหมูกระทะ แถมยังอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา วิวหลักล้านเห็น Icon Siam อยู่ฝั่งตรงข้าม ให้เราได้มองพระอาทิตย์ตกดินไปด้วยกัน ข้อดีของ Everyday Mookrata & Cafe
คุณมองเสน่ห์สีสันของ ‘ชีวิตกลางคืน’ (night life) เป็นแบบไหน คือสีของแสงจากเสาไฟที่สาดถนนอันว่างเปล่า สีของไฟแช็คที่จุดขึ้นก่อนถูกกลบอบอวลด้วยควันของบุหรี่ หรือสีของแก้วเหล้าที่ถูกรังสรรค์ส่วนผสมในการชงอย่างดีจากบาร์เทนเดอร์คนโปรด เหตุผลข้อหลังสุดพาเรายืนอยู่หน้าร้าน WYNN WOOD florist studio ในซอยทองหล่อ 61 ร้านซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของ Midsummer Night’s Dream Bar บาร์ค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทละครโศกของ Shakespear ทั้งชื่อเดียวกัน การตกแต่ง ไปจนถึงเครื่องดื่มที่ถูกคิดสูตรมาอย่างดี เรานัดเจอกับ ‘ออย-วรีวรรณ ยอดกมล’ ผู้เป็น Bar Manager ของที่นี่ และเธอเพิ่งได้รับคำพ่วงชื่อต่อท้ายอันใหม่ด้วยคำว่า ‘คนไทยคนแรกที่สามารถเข้ารอบ 2 ของการแข่งขัน Hennessy My Way ปี 2022’ ก่อนที่จะได้แข่งชงค็อกเทลกับบาร์เทนเดอร์ฝีมือฉกาจ 400-500 คนจากทั่วทุกมุมโลกใน Hennessy My Way 2022 คุณออยเป็นบาร์เทนเดอร์มากว่า 15 ปีแล้ว เธอหลงใหลในชีวิตกลางคืน
3 สิ่งที่นึกถึง เมื่อคุยกับเพื่อนเรื่องนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Haruki Murakami ก็คือ (1) บุหรี่ (2) แมว และ (3) เพลงแจ๊ซ โดยอย่างหลังน่าจะเป็นภาพจำที่ฝังอยู่ในหัวของใครหลาย ๆ คนมากที่สุด ทุกครั้งที่อ่านงานของเขา เราจะต้องได้ยินเสียงของเพลงแจ๊ซลอดออกมาจากตัวอักษรเสมอ และแน่นอนว่า ความสามารถในการเขียนพรรณาถึงความสุนทรีย์ในเพลงแจ๊ซของมูราคามิเกิดจากประสบการณ์ตรง ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเปิดบาร์แจ๊ซจริง ๆ มาก่อน และนั่นคือ 4 ปีก่อนหน้าช่วงเวลาของการเริ่มเขียนนิยายเล่มแรก เราจะลงเข็มไวนิลชีวิต ย้อนกลับไปที่ร่องแรกของมูราคามิกัน จุดเริ่มต้นของบาร์แมว ฮารูกิ มูราคามิ เป็นคนที่เกลียดการทำงานเป็นพนักงานบริษัทมาก ซึ่งความคิดนี้เป็นชนวนเล็ก ๆ อันนำไปสู่ไอเดียของการอยากมีร้านที่ผู้คนสามารถมาชิล กิน ดื่ม และแน่นอนฟังเพลงแจ๊ซกัน โดยที่ไม่ได้เป็นผลดีต่อลูกค้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ร้านจะเป็นผลดีต่อตัวเขาเอง ที่จะได้ทำงานพร้อมซึ่งสามารถฟังเพลงแจ๊ซ ที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่อายุ 15 ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ปี 1974 หลังจากทำงานอย่างหนักหน่วงตลอด 3 ปีเพื่อสร้างร้านแห่งความฝัน เขากับภรรยา (ที่พบและแต่งงานกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย) ก็นำเงินเก็บทั้งหมดที่มีเปิดร้านเล็ก ๆ ที่เป็นคาเฟ่ในช่วงเช้า และเป็นบาร์ในตอนกลางคืนชื่อ
อากาศดี ๆ ลมเย็นพัดสบายแบบนี้ เป็นโอกาสดี ๆ ที่จะพาสาว ๆ ไปดื่มด่ำบรรยากาศ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ชมพระอาทิตย์ตก มองดูแสงสีของเมืองในบรรยากาศ Rooftop วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมสถานที่ Rooftop Bar ที่เราชื่นชอบมาแนะนำเป็นไอเดียสำหรับช่วงวันหยุดยาวนี้ 360 – Millennium Hilton Bangkok เหนือจากพื้นขึ้นไป 32 ชั้นที่โรงแรม Millennium Hilton Bangkok คือหนึ่งใน Rooftop Bar ที่มีวิวสวยที่สุดในประเทศไทย เพราะคุณจะสามารถมองเห็นกรุงเทพมหานครทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรีพร้อมกันได้อย่างเต็มตาโดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นกลาง และด้วยที่นั่งที่ไล่สโลปลงไปเป็นชั้น ๆ ประกอบการตกแต่งที่เน้นบรรยากาศร่มรื่นเป็นหลัก ทำให้การมา Rooftop Bar แห่งนี้คุณจะรู้สึกเหมือนมาสวนลอยฟ้าซึ่งโดนโอบล้อมด้วยป่าคอนกรีตที่ชื่อ ‘กรุงเทพมหานคร’ นอกจากพระจันทร์เต็มดวงสดสวยที่คุณจะมองเห็นได้เต็มสองตาในคืนลอยกระทงแล้ว ถ้าคุณไปเร็วสักนิด คุณจะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่เห็นแล้วยากจะเชื่อว่านี่คือในกรุงเทพฯ หนุ่ม ๆ คนไหนกำลังหาที่พาคนรู้ใจไปเดตอยู่ละก็ รับรองว่าที่ 360 – Millennium Hilton Bangkok จะสร้างบรรยากาศเป็นใจสำหรับคุณได้อย่างแน่นอน Location: ชั้น 31-32
สุดสัปดาห์มาถึง พร้อมบรรยากาศวันลอยกระทงของปี 2020 ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมพอดิบพอดี ถึงหลายปีที่ผ่านมาเราจะออกไปลอยหรือไม่ลอยกระทงบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำนั้นช่วยเยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าจากการงานมาทั้งสัปดาห์ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะคืนลอยกระทงที่พระจันทร์สว่างนวล มีแสงเทียนจากกระทงวิบไหวให้เราได้ผ่อนคลาย อย่ามัวนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ลองดู 5 บาร์ที่เราอยากชวนไปรู้จัก รับรองว่าลมแม่น้ำ แสงจันทร์สะท้อนคลื่น และกลิ่นเฉพาะของเจ้าพระยาจะช่วยปลอบโยนหัวใจและร่างกายแสนเหนื่อยล้าได้แน่นอน Samsara Bar ถ้าจะมีสักพื้นที่ในเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้ที่เป็นเหมือนสถานที่พักใจ สถานที่ที่เวลาเดินช้าลง และทำให้เราได้อยู่กับแต่ละวินาทีตรงหน้าอย่างเต็มอิ่มที่สุด เราขอยกให้ Samsara Bar เป็นหนึ่งในสถานที่นั่น การที่ที่ตั้งบาร์ซ่อนตัวอยู่ในซอกซอยที่ต้องเดินผ่านอู่ซ่อมรถเข้ามา ยิ่งทำให้เหมือนเราได้เดินทางเข้าไปสู่อีกโลก พร้อมกับที่บรรยากาศของ Samsara Bar อยู่ชิดแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับที่ได้ยินเสียงคลื่นแม่น้ำซัดฝั่งทุกครั้งที่เรือแล่นผ่าน ชวนให้หัวใจสงบอย่างประหลาด ที่นี่บริการเครื่องดื่มหลายประเภท รวมถึงอาหารที่พอกินแบบหอมปากหอมคอ (ถ้าไม่อิ่ม เดินไปกินต่อที่เยาวราชได้อย่างอิ่มหนำ) ที่สำคัญในร้านมีแมวคอยเดินนวยนาดเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศที่เวลาเดินช้าลง ห้ามพลาด Location: 1612 ถนน ทรงวาด แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร Open: 5.00 pm – 12.00 am
เย็นวันศุกร์เวียนมาอีกหน สายชิล สายดื่มที่ทำงานมาทั้งสัปดาห์จะให้นั่งร้านเดิม ๆ ในย่านธุรกิจกลางเมืองก็ดูจะไม่พิเศษเอาเสียเลย UNLOCKMEN อยากชวนคุณออกจากคอมฟอร์ตโซน กระโจนเข้าหาย่านเมืองเก่าที่วันปกติธรรมดาเราคงไม่ได้ปรายตามองบ่อยนัก แต่อย่าลืมว่าเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์มาเยือน ลองไปใช้เวลาอย่างที่อยากใช้ดูก็ไม่เสียหาย ที่สำคัญตอนนี้ MRT ก็พาเราไปเยือนย่านเมืองเก่าง่ายขึ้น ที่สำคัญ 5 บาร์ย่านเมืองเก่าเคล้าบรรยากาศสุดคลาสสิกที่บาร์กลางเมืองอาจให้คุณไม่ได้ มาดื่มด่ำแสงเงา เมามายกับเครื่องดื่มรสชาติยวนใจไปด้วยกัน Buddha & Pals “นางเลิ้ง”นับเป็นย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยของกินรสเด็ดเจ้าเก่าสารพัดร้าน แต่ใครจะรู้ว่ามุมหนึ่งของตึกแถวเก่าแก่ของย่านนี้มี บาร์หนึ่งตั้งอยู่อย่างกลมกลืน Buddha & Pals คือสถานที่ที่กลางวันเป็นคาเฟ่เสิร์ฟชา กาแฟ และขนมรสชาติละมุนลิ้น แต่ทันทีที่ตะวันคล้อยต่ำ ความมืดคืบคลาน เมื่อนั้นเองที่ Buddha & Pals เดียวกันนั้นก็จะแปลงกายเป็นบาร์แสงสลัวที่บรรยากาศคลาสสิกอย่าบอกใคร เสน่ห์ของ Buddha & Pals คือการตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณอายุราว 80 ปี ที่ผ่านการเก็บรักษาสภาพบางส่วน และรีโนเวตบางส่วนอย่างลงตัว จากโรงงานผลิตน้ำมันมวยยี่ห้อที่เราคุ้นเคย สู่อาคารที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันน่าหลงใหล สำหรับใครที่ชอบเพลงแจ๊ซ ที่นี่มีดนตรีแจ๊ซบรรเลงสดทุกวันพฤหัส ศุกร์ และเสาร์ ตั้งแต่ 2
สารภาพตามตรงว่าตั้งแต่ Covid-19 เข้ามามีบทบาทในชีวิต ดูเหมือนว่าการพาตัวเองไปดื่มด่ำสุนทรียภาพกลายเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่เราแทบใส่ใจ ไหนจะงาน ไหนจะเงิน ไหนจะความสัมพันธ์ คล้ายว่ามีเรื่องสำคัญ ๆ อยู่อีกมากรอให้เราดูแล เดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว จนกระทั่งสี่เดือนกว่าที่เราเคร่งขึงตึงเครียดกับชีวิต จนในที่สุดเราก็ถามตัวเองว่าใจดีกับตัวเองได้บ้างหรือยัง? คิดได้แบบนั้นก็อยากพาตัวเองไปดื่มด่ำบรรยากาศ ผ่อนคลายกับเครื่องดื่มให้ชื่นใจ และสนทนากับใครสักคนในบาร์สักแห่งที่แสงสลัวแปลกตา ราวกับว่าได้หลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริงไปชั่วขณะ Tai Soon Bar คือคำตอบของวันนี้ บาร์แสงสลัวที่เราอยากพาตัวเอง และชาว UNLOCKMEN ไปหลงใหลดื่มด่ำด้วยกัน ตึกรามเก่าแก่ย่านเมืองเก่า คลาคล่ำไปด้วยรถราและร้านอาหารเด็ดเจ้าดังที่ดึงดูดคนจากทั่วสารทิศ สองข้างทางมีผู้คนที่ดั้นด้นมาลิ้มรสของอร่อย นี่คือบรรยากาศของย่านประตูผีที่ใครหลายคนคุ้นเคย แม้บาร์คราฟต์เบียร์แสงสลัวจะดูโดดเด่นออกมาจากสิ่งอื่น ๆ แต่ทันทีที่เราเดินทางมาถึงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะ Tai Soon Bar ทั้งโดดเด่นแต่ก็กลมกลืนด้วยดีไซน์ที่เจ้าของเลือกรีโนเวตอาคารที่เคยเป็นร้านขายยาจีนเก่าแก่ของตระกูล ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโครงสร้างที่ยังคงความเก่าแก่ ความดิบ คู่ไปกับบรรยากาศที่เหมาะแก่การปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคืนค่ำได้อย่างดี “ไท้ซุ่นตึ๊ง” ป้ายชื่อร้านยาเดิมยังตระหง่านอยู่เหนือประตูทางเข้า พร้อมป้าย “Tai Soon Bar” สีแดงสดที่ดึงดูดให้เราเข้าไปค้นหา ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป กำแพงปูนสึกกร่อนดึงสายตาเราไว้ บางส่วนหลุดลอกเป็นลวดลายเฉพาะ บางส่วนเผยให้เห็นอิฐเก่าสีส้มเรียงตัว เป็นความตั้งใจของเจ้าของที่อยากให้
เจริญกรุง อีกหนึ่งย่านเก่าแก่อันที่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แต่ขณะเดียวกันย่านเก่าแก่แห่งนี้ก็แฝงบาร์ คาเฟ่และร้านอาหารหลากหลายบรรยากาศจนกลายเป็นอีกโซนที่หนุ่ม ๆ หลายคน เลือกเป็นสถานที่สำหรับแฮงเอ้าท์หลังจากช่วงเวลาเลิกงานรวมทั้งคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ To More หนึ่งในบาร์ค็อกเทลย่านเจริญกรุง ที่แม้โลเคชั่นของร้านอาจจะเป็นสถานที่คุ้นเคยของหนุ่มหลายคนผู้เคยมาเยือน Soul Bar ในอดีต ปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงเป็นบูทีคบาร์ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโรงละครมูแลงรูจ (Moulin Rouge) เติมเต็มอารมณ์ด้วยพื้น ผนังไม้สีดำและผ้าม่านสีแดงที่ประดับประดาไว้อย่างลงตัว สร้างความรู้สึกเสมือนหลุดเข้ามาในโรงละครตามความตั้งใจของหุ้นส่วนร้านทุกคน ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจากบาร์แจ๊สรูปแบบเดิมสู่บาร์ค็อกเทลที่สามารถดูโชว์และดนตรีได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ไม่ว่าคุณจะหอบกันมาเป็นหมู่คณะหรืออารมณ์เปลี่ยวอยากมาจิบคนเดียวก็รู้สึกเอนจอยกับรสชาติของเครื่องดื่มจากแก้วในมือและการแสดงต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไม่เขินอาย นอกจากสไตล์อันเป็นเฉพาะตัวของร้านและโชว์ที่มีไม่ซ้ำกันของแต่ละวันแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญแน่นอนว่าคือค็อกเทลสูตรเฉพาะของ To More ที่รังสรรค์โดยเฮดบาร์เทนเดอร์และหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอย่างพี่เบิ้ล-ปรัชญา ไชยเมือง ที่มาโชว์ฝีมือในการปรุงค็อกเทลแก้วพิเศษให้เราได้ลิ้มชิมรสกันในคืนนี้ King And I เริ่มต้นกันที่แก้วแรกสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ต้องการค็อกเทลรสเข้มมาเป็นแก้วเปิดวันกับ King And I ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมส่วนผสม ที่มีทั้งซินนาม่อนและใบซิการ์ซึ่งสร้างกลิ่นรัญจวนใจในทันทีที่เผาไหม้ส่งกลิ่นควันหอมอบอวลคลุ้งไปทั่วบาร์ จนเราแอบอดใจที่จะลิ้มลองรสชาติของแก้วนี้ไม่ไหว แต่ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อวินาทีที่รอคอยการปรุงแต่งรสชาติและหน้าตาสิ้นสุดลง ความรู้สึกคุ้มค่ายืนยันด้วยกลิ่นสโมคของใบยาสูบจากซิการ์และซินนามอนที่ผสมเข้ากันได้อย่างลงตัวกับกลิ่นของมะพร้าวและเบสจากรัม ก่อนออนท็อปด้วยน้ำส้มสดเพื่อตัดรสชาติไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป จนเกิดเป็นความเข้มและหนักแน่นในแบบของผู้ชาย ผนวกรวมเข้ากับความสดชื่นได้อย่างลงตัว Cinderella ต่อกันด้วยค็อกเทลสีขาวนวลที่ดูก็รู้ว่าเหมาะจะสั่งให้กับสาวที่มาด้วยกันซึ่งเข้ากันเป็นอย่างดีกับแสงเทียนละมุนตา Cinderella มาพร้อมเบสหลักเป็นจินกับไฮเนทไซรัปและน้ำมะนาวสร้างสีสันเรืองสวยเด่น ก่อนออนท็อปด้วยเปลือกเลมอน ทันทีที่เรายกแก้วขึ้นมาเพื่อสัมผัสรสชาติก็รู้ได้ทันทีว่าสุภาพสตรีทุกคนจะต้องตกหลุมรักค็อกเทลแก้วนี้จากรสชาติเปรี้ยวที่มอบความสดชื่นของมัน
“ยานัตถุ์หมอมี แก้ฝีแก้หิด ยานัตถุ์หมอชิตแก้หิดแก้ฝี” ประโยคทดสอบการอ่านที่เราพูดเล่นกันมาตั้งแต่เด็กประโยคนี้ คงทำให้ผู้ชายหลายคนพอคุ้นชื่อ “หมอมี” กันอยู่บ้าง แม้ยานัตถุ์จะไม่ได้มีสรรพคุณช่วยแก้หิดหรือแก้ฝี แต่หมอมีที่ปรากฏในประโยคชวนลิ้นพันนี้มีตัวตนอยู่จริง หมอมีคือหมอยาชื่อดังผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาสมุนไพรจีนในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งตอนนี้บ้านเก่าแก่อายุร่วม 125 ปีของเขา ถูกเนรมิตให้กลายเป็นร้านอาหารไทยชาววังที่ซ่อนบาร์ลึกลับเอาไว้ในชั้นใต้ดิน Philtration สปีกอีซี่บาร์ในห้องปรุงยาเก่าของหมอมี ใต้โครงสร้างบ้านไม้สีขาวของร้านอาหารบ้านหมอมี เป็นที่ตั้งของ ‘Philtration’ บาร์ลับในห้องใต้ดินที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของหมอมีและศาสตร์แห่งการปรุงยาของเขา ก้าวแรกที่ผลักประตูไม้เก่าเข้าไปด้านในก็สัมผัสได้ถึงความมืดมิดและแสงไฟสลัวรางที่รอต้อนรับเราบริเวณทางเดินทรงเกือกม้า แต่เมื่อเดินงมไปตามแสงไฟส้มริบหรี่จนสุดทางกลับไม่พบประตูทางเข้าแต่อย่างใด พบเพียงชั้นไม้ปริศนาที่ดูมีเงื่อนงำ เรายืนนิ่งพินิจพิเคราะห์อยู่สักพักและใช้เวลาไม่นานนักก็หาวิธีเข้าไปข้างในได้สำเร็จ ภายในร้านเป็นห้องโถงไม้เก่าแก่ที่ดูลึกลับไม่ต่างจากทางเข้า โดดเด่นด้วยแสงไฟสีเหลืองอมส้มส่องสว่างท่ามกลางความมืด พื้นห้องมีกระเบื้องลายแปลกที่นำเข้าจากอิตาลีเมื่อหลายร้อยปีก่อนทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า บวกกับผนังบางส่วนที่บอกร่องรอยแห่งกาลเวลาได้อย่างดีเยี่ยม ทว่ามีเพดานทรงโค้งแบบสมัยใหม่เข้ามาช่วยรับน้ำหนักของโครงสร้างเดิม และเสริมกลิ่นอายร่วมสมัยจากเฟอร์นิเจอร์หนังและบาร์ไม้ทอดยาวที่ตั้งตระหง่านกลางร้าน จากตำรายาสมุนไพรสู่สูตรค็อกเทลที่ไม่เหมือนใคร เมนูค็อกเทลของ Philtration ถ่ายทอดตัวตนของหมอยาเลื่องชื่อคนนี้ออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เพราะทางร้านจะเน้นเสิร์ฟ herb cocktails ที่ครีเอตขึ้นจากสมุนไพร เครื่องเทศ และผลไม้เป็นหลัก ปริมาณเหล้าที่ใช้จึงไม่ได้หนักแน่นหัวรุนแรงมากนัก หากสร้างสมดุลให้รสเหล้าและหลากวัตถุดิบอย่างลงตัว เพื่อให้ค็อกเทลแต่ละแก้วคงสรรพคุณทางยาที่เอื้อประโยชน์ต่อสุขภาพของนักดื่ม เราประเดิมแก้วแรกด้วย ‘Sam Kok’ ค็อกเทลวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลกที่ได้ Saint James Rum เป็นเบส สมทบด้วยบรั่นดีรสเข้ม Giffard Apricot