หากเราจะเปรียบตำรวจเป็นสีใดสีหนึ่ง สี ๆ นั้นย่อมไม่ต่างกับสีขาวบริสุทธิ์ เพราะโดยหน้าที่และภาพลักษณ์นั้นของตำรวจที่ตั้งตัวอยู่ในฟากฝั่งแห่งความยุติธรรม เป็นที่พึ่งพาของประชาชน อยู่ตรงข้ามกับเหล่าอาชญากรผู้ร้ายอย่างสิ้นเชิง แต่มีหนังเรื่องหนึ่ง ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจอย่างเผ็ดร้อน สะท้อนความตกต่ำถึงขีดสุดของอาชญากรในคราบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างเข้มข้น จนตัวละครตัวนี้กลายเป็นหนึ่งในตัวร้ายบนโลกภาพยนตร์ที่เหี้ยมโหด ชั่วร้าย ใช้ช่องว่างทางกฏหมายในมือเปลี่ยนดำให้เป็นขาวอย่างเลือดเย็น บวกกับการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์จนคว้ารางวัลใหญ่ไปครอบครองมาแล้ว มาทำความรู้จักกับวายร้ายที่รักคนล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสุดเท่และโคตรโหด agent Alonzo Harris แห่งหนัง Training Day (2001) หนังอาชญากรรมคลาสสิคที่หยิบเอาโลกสุดดาร์คของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเปิดเผยให้พวกเราได้เห็น บทบาทที่ส่งให้ Denzel Washington คว้ารางวัลออสการ์ไปครอง สะท้อนให้เห็นว่าตำรวจสีเทาเข้มจนดำสนิทนั้นโฉดและโหดเหี้ยมแค่ไหน หนึ่งวันแห่งการฝึกฝน เปลี่ยนจากคนให้กลายเป็นปีศาจ เสียงนาฬิกายามเช้าปลุกให้ตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง Jake Hoyt (นำแสดงโดย Ethan Hawke) ออกปฏิบัติการในฐานะตำรวจปราบปรามยาเสพติด วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้พบกับตำรวจรุ่นพี่อย่าง Alonzo Harris (นำแสดงโดย Denzel Washington) สายสืบตัวเก๋ามากประสบการณ์ ที่แววตาและท่าทางดูน่ากลัวตั้งแต่แรกเห็น แค่วันแรก เขาก็พา Jake ไปพบกับโลกแห่งความเป็นจริงของการเป็นตำรวจ อำนาจที่สามารถเปลี่ยนผิดเป็นชอบ กฎหมายสามารถเปลี่ยนดำให้เป็นขาว พร้อมจะหยิบยื่นความตายให้ใครสักคนได้ด้วยจำนวนเงินที่มากพอ เพียงแค่
“A Man Went Looking for America and Couldn’t Find It Anywhere” คำโปรยบนโปสเตอร์หนัง Easy Rider ที่มีพล็อตแสนเบาบาง เพียงแค่ 2 นักบิดที่เพิ่งขายโคเคนได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ออกเดินทางจากลอสแองเจลิสไปยังนิวออร์ลีนส์ถึงฟลอริดา เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายกับในช่วงสงครามเวียดนามที่คุกกรุ่น แต่พล็อตเบาบางนี้กลับทำกำไรมหาศาล และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการหนังอเมริกัน จนกลายเป็นตำนานหน้าสำคัญแห่งยุคสมัย และเป็นจุดเริ่มของหนัง American Indie มาย้อนทำความรู้จักหัวขบวนแห่งการขบถครั้งยิ่งใหญ่บนแผ่นฟิล์ม ที่คลอเคล้าไปด้วยบรรยากาศฮิปปี้ ความเมามาย และหมุดหมายแห่งอิสระเสรีที่เปลี่ยนสังคมไปตลอดกาล ขบถแห่งการต่อต้านวัฒนธรรม “Easy Rider” คือหนังที่สร้างขึ้นในปี 1969 ปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในสังคมอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของยาน Apollo 11 ไปจนถึง เหตุการณ์ Woodstock เทศกาลทางดนตรีแห่งสันติภาพที่มีคนร่วมงานเกิน 500,000 คน จนนำไปสู่การชุมนุมประท้วงที่วอชิงตันดี.ซี.ในจำนวนคนที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีเดียวกันนี้ “Easy Rider” ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญไม่แพ้กัน หนังนำแสดงโดย Peter Fonda รับบท “Wyatt”
ก่อนหน้านี้มีข่าวการกลับมาของการ์ตูนระดับตำนานอย่าง Slam Dunk ในรูปแบบ Anime Movie ภายใต้การสร้างโดย Toei Animation ล่าสุดมีการปล่อย Teaser แรกออกมาแล้ว พร้อมระบุช่วงเวลาเข้าฉายภายในปี 2022 Slam Dunk Anime Movie เวอร์ชั่นล่าสุดนั้นผ่านการเขียนบทและกำกับเนื้อหาโดยอาจารย์ Takehiko Inoue ผู้สร้างดั้งเดิมที่เขียนลง Weekly Shonen Jump ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 1990 ก่อนจะสิ้นสุดในวันที่ 17 มิถุนายนปี 1996 เป็นมังงะ 31 เล่มจบ เป็นตำนานการ์ตูนบาสเกตบอลที่ยาวนานถึง 6 ปี ทำยอดขาย manga เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นได้มากถึง 120 ล้านเล่ม และผ่านการปรับเป็นเวอร์ชั่น anime ในช่วงปี 1993 – 1996 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้กัน ผลงานของอาจารย์ Inoue นั้นก้าวผ่านไปไกลกว่าการเป็นแค่การ์ตูนสำหรับความบันเทิง
ขึ้นชื่อว่า “ตัวร้าย” ก็คงไม่ต้องขยายความมากมายถึงวีรกรรมความโหดเหี้ยม ที่ทำให้คนดูพาลกันจงเกลียดจงชัง และเอาใจช่วยให้เหล่าร้ายนั้นได้รับผลกรรมหรือจุดจบที่สาแก่ใจ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่ตัวร้ายมักจะถูกเสนอเพียงด้านมืดเพื่อขับความสว่างของตัวฮีโร่ให้ขาวสะอาดยิ่งขึ้น หากแต่เมื่อโลกค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เราจะได้เห็นการสลับขั้วจากฮีโร่กลายเป็นผู้ร้าย และไม่แปลกใจเช่นกัน ที่เห็นเหล่าวายร้ายกลายร่างมาอยู่ข้างความยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือเรื่องจริง และเพื่อต้อนรับหนัง The Suicide Squad หนังรวมมหาวายร้ายที่กลายมาเป็นฮีโร่ในโรงภาพยนตร์ เรามาย้อนดูการย้ายข้างจากฟากฝั่งสุดร้าย แต่กลายมาเป็นฮีโร่คนดีบ้างว่ามีใครบ้าง และดีกรีความโฉดของพวกเขานั้นอยู่ในระดับไหน Loki Laufeyson หนึ่งในวายร้ายที่คุ้มดีคุ้มร้ายแห่งจักรวาลมาร์เวลที่เต็มไปด้วยความกะล่อน ปลิ้นปล้อน และมีความชั่วร้ายร้ายกระหายในอำนาจอย่างไม่มีวันสิ้นสุด จากจุดเริ่มต้นในฐานะบุตรบุญธรรมที่เทพ Odin นำมาเลี้ยงดูยังดาวแอสการ์ด แม้จะเติบโตพร้อมกันกับพี่ชายต่างสายเลือดอย่าง Thor แต่เพราะความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และรู้สึกว่า Thor พี่ชายของตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในหนัง Thor (2011) ที่เปิดตัวคาแรคเตอร์นี้จึงระเบิดพลังแห่งความโหดร้าย จนทำให้อาณาจักรแอสการ์ดต้องปั่นป่วน หลังจากนั้น Loki ก็ไปสร้างความวิบัติต่อบนโลกจนเหล่าฮีโร่ต้องมารวมพลกันใน The Avengers (2012) ก่อนจะค่อย ๆ คลี่คลายและเผยให้เห็นด้านดีขึ้นเรื่อย ๆ ในภาคต่อไป Loki นับเป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับจักรวาลมาร์เวล
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และคนไทยเองก็รู้จักหลายอย่างของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ดนตรี หรือ แม้แต่นักรบยุคคลาสสิกอย่าง ‘ซามูไร’ ก็ยังแสดงความเท่ให้พวกเราเห็นผ่านภาพยนตร์ หรือ มังงะ อยู่เสมอ UNLOCKMEN จึงอยากจะมาแนะนำหนังซามูไร 5 เรื่องที่มีเนื้อหาน่าสนใจ และมีความสนุกสนานมากพอที่จะทำให้เราอินกับวิถีแห่งดาบมากขึ้นหลายเท่า ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง Twilight Samurai (2002) หนังซามูไรเรื่องแรกที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก คือ Twilight Samurai ผลงานชิ้นโบว์แดงของ โยจิ ยามาดะ ผู้กำกับหนังซามูไรที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยหนังเรื่องนี้จะเล่าถึงญี่ปุ่นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 (ก่อนหน้ายุคฟื้นฟูเมจิ) ผ่านตัวละครหลักที่ชื่อว่า อิงุจิ เซเบย์ ซามูไรยศต่ำต้อย ผู้มีฝีไม้ลายมือในการฟันดาบที่ยอดเยี่ยม และมีความจงรักภัคดีต่อโชกุนอย่างมากคนหนึ่ง Twilight Samurai ถือเป็นหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพการันตีจากการกวาดรางวัลงาน Japanese Academy Awards ได้มากถึง 12 รางวัล ควรค่าแก่การดูสักครั้งในชีวิต The Blind Swordsman: Zatoichi (2003) เรื่องต่อมา
เพราะโลกใบนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันตรายแต่ก็มีเสน่ห์น่าค้นหา ที่เย้ายวนใจให้ผู้ชื่นชอบความเสี่ยงได้ลองไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ “ความท้าทาย” อาจจะเป็น “ความท้าตาย” แทนที่จะได้ประสบการณ์อันตื่นเต้น กลับได้เป็น “ประสบการณ์เฉียดตาย” โดยที่คุณไม่รู้ตัว มีภาพยนตร์มากมายนำความตื่นเต้นของสถานที่ หรือสถานการณ์สุดดิบเถื่อนนี้มาทำเป็นภาพยนตร์เพื่อเติมเต็มทุกความสะใจ หรือไม่ก็เป็นการส่งสัญญาณบอกคนดูกลาย ๆ ว่า มันคือสถานที่อันตราย…ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เรามาดูกันว่ามีที่ไหนกันบ้างที่คุณไม่ควรจะไป Chernobyl Diaries (2012) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน คืออนุสรณ์สถานที่สะท้อนความหละหลวมของรัฐในการจัดการรับมือเหตุร้าย เมื่อเกิดเหตุระเบิดโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี กลายเป็นหายนะที่กลืนกินชีวิตของผู้อาศัยในย่านนั้นที่ต่างพากันบาดเจ็บล้มตาย จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 4,000 ราย และเป็นสถานที่รกร้างที่ห้ามทุกคนเข้าไป แม้เหตุการณ์จะผ่านไปกว่า 35 ปีแล้วก็ตาม แต่มันกลับเป็นสถานที่ยอดฮิตที่กลุ่มวัยรุ่นท้าตายชอบพาตัวเองไปสัมผัสความอันตรายนี้โดยไม่สนใจข้อห้ามใด ๆ และ Chernobyl Diaries คือหนังที่เล่าถึงแก๊งวัยรุ่นทั้ง 6 ที่ชอบออกเดินทางไปรอบโลก โดยมีเชอร์โนบิล เป็นหนึ่งใน The Bucket List ที่อยากไปสัมผัสความเสียวสยองด้วยตาตนเอง พวกเขาและเธอจ้างไกด์เถื่อนให้พาไปยังเมืองร้างที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง กะจะแค่ถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลแล้วกลับ แต่ความซวยก็เกิดเมื่อรถของไกด์เถื่อนเกิดเสีย และค่ำคืนนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมันยากจะอธิบายว่ามันเป็นผีหรืออะไร ปัจจุบัน
ยังเป็นอีก 1 เดือน ที่โรงหนังปิดจากโรคระบาดที่ไม่มีแผ่ว ทำให้ Netflix ยังคงเป็นสตรีมมิ่งคู่ใจคนรักหนังที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเหมือนเช่นเคย และเดือนสิงหาคม ก็ยังเป็นอีกเดือนหนึ่ง ที่eอุดมไปด้วยหนังเจ๋ง ๆ ทั้งจาก Netflix Original เอง และหนังที่นำมาฉายที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป มีเรื่องอะไรบ้าง อย่ารอช้า เช็คลิสต์ของเดือนนี้กันได้เลย Blood Red Sky งูบนเครื่องบินก็มีมาแล้ว / ผู้ก่อการร้ายบนเครื่องก็มีบ่อยๆ ทำไมจะมีแวมไพร์บนเครื่องบินไม่ได้ และ Blood Red Sky ก็ทำให้คอหนังได้สมหวัง เมื่อแม่เลี้ยงเดี่ยวพาลูกนั่งเครื่องบินที่ผู้ก่อการร้ายบุกจี้และฆ่าเธอ หารู้ไม่ว่าเธอเป็นอมตะ…เธอเป็นแวมไพร์กระหายเลือดที่พร้อมจะจัดการเหล่าเดนคนบนเครื่องบินให้สิ้นซาก หนังเต็มไปด้วยความระทึก ทั้งระทึกบนเครื่อง ระทึกกับการอาละวาดของแวมไพร์ Blood Red Sky จึงเป็นหนังไฮบริดลูกผสมที่ทั้งลุ้นทั้งสยอง และเปี่ยมล้นด้วยดราม่าความรักของแม่ที่เสียสละเพื่อลูกได้ถึงใจจริงๆ รับชมได้แล้ววันนี้ Sweet Girl การสูญเสียภรรยาสุดที่รักของ Raymond “Ray” Cooper (นำแสดงโดย Jason Momoa แห่ง Aquaman)
ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสที่ทำลายทุกวงการ โดยเฉพาะวงการภาพยนตร์ที่ต่างต้องหยุดฉายเลื่อนวันกันจนเสียขบวน จากสถานการณ์ที่ส่งผลให้โรงหนังในประเทศไทยถูกปิดอย่างไม่มีกำหนด แต่วิกฤตที่ว่าหนักหน่วงนี้ ก็ไม่อาจปิดกั้นประกายแห่งความสำเร็จและความยอดเยี่ยมของผู้กำกับสายเลือดไทย ที่ได้ออกไปสร้างชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ในต่างแดน ในฐานะผู้นำพาความภาคภูมิใจ และประจักษ์แก่ฝีมือว่าฟิล์มเมคเกอร์ไทยนั้นมีฝีมือไม่แพ้ขาติใดในโลก UNLOCKMEN ขอนำคุณไปรู้จักกับผู้กำกับสุดยอดฝีมือทั้ง 3 ท่าน ที่มีผลงานคว้ารางวัลระดับโลก และขึ้นอันดับ 1 หนังทำเงินอย่างสมภาคภูมิ และมาดูกันว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้นำไปปรับใช้ได้สำหรับทุกคน เริ่มจากผู้กำกับที่หลักไมล์ในวงการหนังไทยอาจดูน้อยเมื่อเทียบกับผู้กำกับท่านอื่น ๆ เนื่องจากมีผลงานที่ผ่านตากับหนังเรื่องยาวเพียง 2 เรื่องเท่านั้น นั่นคือ Countdown (2012) และ ฉลาดเกมส์โกง (2017) แต่เพราะผลงานหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกง ได้สร้างรูปแบบเฉพาะตัว จนกลายเป็นงานเปี่ยมล้นด้วยสไตล์ที่ล้ำสมัยและสื่อสารทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้อยู่หมัด ทำให้ชื่อของ “บาส นัฐวุฒิ” กลายเป็นฟิล์มเมคเกอร์รุ่นใหม่ที่ฝีไม้ลายมือเป็นที่กล่าวขานในระดับสากล โดยที่หนัง ฉลาดเกมส์โกง หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Bad Genius ได้สร้างชื่อเสียงในระดับอินเตอร์โดยเฉพาะประเทศจีนที่สามารถทำรายได้ระดับปรากฏการณ์ ทำให้ชื่อของบาส ทำลายกำแพงภาษา เป็นที่เตะตาของผู้สร้างระดับโลกที่อยากจะชวนเขามาร่วมงานด้วย และผู้โชคดีที่ได้ร่วมโปรเจกต์หนังเรื่องต่อมาของบาสก็คือ ผู้กำกับผู้ทรงอิทธิพลของคนยุคใหม่อย่าง หว่องการ์ไว (Wong Kar-wai) นั่นเอง ใน One for the
กลับมาอีกครั้งกับเดือนกรกฎาคมที่ยังคงคุกรุ่นด้วยความทะมึนของไวรัสและวัคซีน เป็นอีกเดือนที่โรงหนังยังคงปิดเช่นเคยแถมร้านอาหารก็ยังมาปิด เราเลยไม่พลาดที่จะคัดโปรแกรมหนังเด็ด ๆ จาก Netflix ประจำเดือนกรกฎาคม 2021 ที่จะช่วยให้คุณลืมความเครียดในช่วงเวลานี้ไม่มากก็น้อย Kingdom: Ashin of the North กำหนดฉาย 23 กรกฎาคม เริ่มกันด้วยไฮไลท์ประจำเดือนนี้ จากซีรีส์ K-Zombie ชื่อดัง กับ Side Story ที่เล่าถึงมือปราบซอมบี้แห่งเผ่าเหนือ ที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตผีดิบออกอาละวาดไม่แพ้ตำหนักวังหลวง โดยหนังเรื่องนี้เล่าถึงเด็กสาวอาชิน ที่สูญเสียครอบครัวจากโศกนาฏกรรมปริศนา ทำให้เธอต้องเติบโตอย่างโดดเดี่ยวและแข็งแกร่ง พร้อมรอวันล้างแค้นและล้างบางกองทัพผีดิบนี้ สิ่งที่พิเศษสำหรับหนังภาคแยกนี้คือการมารับบทบาทของยัยตัวร้าย ชอน จี ฮยอน ที่ทั้งสวย เด็ด เผ็ด ดุ กับบทบาทมือปราบซอมบี้สาวสุดแกร่งที่พกแรงแค้นรอวันชำระ ซึ่งมั่นใจได้ว่า สนุก มันส์ ระห่ำ เลือดกระฉูดจอ อย่างแน่นอน Fear Street Trilogy (1994 / 1978 / 1666) กำหนดฉาย
“เพราะการเดินทาง คือการเติมเต็มชีวิต และค้นหาตัวตน” ใครบางคนเคยกล่าวคำเท่ ๆ เอาไว้ ถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังถิ่นเมืองแปลก จะด้วยการไปเพื่อผ่อนคลายหรือไปเพื่อผจญภัยก็ตาม แต่คนที่กล่าวอาจจะไม่ทันได้คิดว่าโลกจะเข้าสู่วิกฤตโรคระบาด ที่รุนแรงถึงขั้นมนุษย์ไม่อาจจะเดินทางไปไหนได้ไกลจากรั้วบ้าน ซึ่งมันก็ผ่านไปปีกว่าแล้ว ยังคงไร้วี่แววที่เราจะแพ็คกระเป๋าออกเดินทางไหนได้เลย เราเข้าใจในความอึดอัดนี้ จึงขอแบ่งปันหนังเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวที่เราคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุด อย่างน้อยก็ได้เที่ยวทิพย์ผ่านการดูหนังก็ยังดี โดยเราแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อความชอบตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป ถ้าพร้อมแล้วก็หยิบรีโมทค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช่ แล้วออกเดินทางแบบเที่ยวทิพย์ไปพร้อมๆกันเลย Wild (2014) เรื่องราวที่สร้างจากชีวิตจริงของ Cheryl Strayed ผู้ทิ้งความหดหู่ของชีวิตในเมืองใหญ่ ตัดสินใจแบกเป้เดินเท้ากว่า 1,100 ไมล์ เพื่อออกตามหาความหมายของชีวิต หนังกล่าวถึงการต่อสู้ในจิตใจสับสนจากอดีตอันแสนช้ำตรม เพื่อมาสัมผัสธรรมชาติที่แม้จะโหดร้าย แต่กลับช่วยเยียวยาจิตใจ และช่วยให้เข้าใจความหมายอันถ่องแท้ของชีวิต Wild สร้างและแสดงนำโดย Reese Witherspoon หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือ Wild: From Lost to Found on the Pacific Crest Trail บทบันทึกที่เล่าถึงการเดินทางไปยัง “แปซิฟิก เครสต์ เทรล” ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าตามสันเขาที่ทอดยาวตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐ