“เมทัล”อาจไม่ใช่แนวดนตรีที่ผู้ชายไทยอย่างเรา ๆ คุ้นเคยมากนัก แต่ไม่ว่าเราจะเคยฟังเพลงแนวนี้มาอย่างจริงจังหรือฟังแบบผ่าน ๆ สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจแน่ ๆ คือดนตรีเมทัลเต็มไปไปด้วยความดุเดือด หนักแน่น กระทั้นกระแทก โน้ตแต่ละตัวทำปฏิกิริยาต่อโสตประสาทจนเราแทบจะจินตนาการได้เลยว่าคนที่ฟัง ร้อง เล่น หรือคลุกคลีอยู่กับดนตรีแนวเมทัลนี้จะต้องมีตัวตนที่เดือดพล่านทะลักทลายไม่แพ้กับตัวดนตรีเลย จึงแทบไม่แปลกที่เรามักจะมีภาพในหัวว่าใครสักคนที่หลงใหลในเพลงเมทัลต้องเป็นผู้ชายไลฟ์สไตล์ดุดัน ๆ เท่านั้น แต่เพราะโลกแห่งดนตรีมันไม่มีเขตกั้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากพามาปลดล็อกความเคยชินเก่า ๆ เพราะดนตรีดุเดือดอย่างเมทัลไม่ได้เป็นแค่เรื่องของผู้ชายเท่านั้น แต่เพศไหน ๆ ก็เข้าถึงได้ แต่ถ้าจินตนาการไม่ออกว่าสาว ๆ ที่หลงใหลในเสียงเพลงเมทัลจะมีตัวตนแบบไหน แข็งกร้าวอย่างที่เราเคยคิดไหม ? หรือวิธีคิดเดือดพล่านแค่ไหน ? เราอาสาพามาทำความรู้จัก Adabel Band วงดนตรีเมทัลที่มีสมาชิกในวงเป็นผู้หญิงล้วน ๆ ต่างกับภาพจำเดิม ๆ เรื่องวงเมทัลในหัวเราแบบฟ้ากับเหว แต่ไม่ว่าในหัวคุณจะสงสัยอะไรเรารับรองว่าหลังจากอ่านบทสนทนานี้จบคุณจะต้องหลงรักพวกเธอแน่นอน เรื่องราวของ Adabel Band เริ่มต้นอย่างไม่ซับซ้อน เมื่อโซเชียลมีเดียนำพาให้พวกเธอมาเจอกันในกรุ๊ปที่รวมคนหลงใหลในเรื่องดนตรีเอาไว้ แต่เฉพาะเจาะจงไปอีกขั้นตรงที่เธอทั้ง 4 ต่างสนใจในดนตรีเมทัลเหมือนกัน วงดนตรีเมทัลแบบเดือด ๆ วงนี้จึงเริ่มต้นตรงที่แพสชั่นเรื่องดนตรีเมทัลและความกล้าที่จะลองล้วน ๆ วินาทีที่
ย้อนกลับไปในยุคที่คำว่า indie หรือ indy เป็นคำที่โคตรเท่เเละศักดิ์สิทธิ์สุดขีดสำหรับใครหลาย ๆ คน ในยุคนั้นความอินดี้แทบจะเป็น Culture หลัก ๆ ของคนกลุ่มใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพเเวดล้อมไปจนถึงวัฒนธรรมที่เคยฮิตก็เลือนหล่นจางหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันคำว่า “อินดี้” ดูจะเป็นคำเอาไว้เเซะคนอื่นมากกว่าจะเป็นคำที่เอาไว้พูดในเชิงชื่นชมอย่างเมื่อ 9 – 10 ปีที่เเล้ว ในห้วงเวลาปัจจุบันที่วงดนตรีอินดี้เกิดขึ้นใหม่เยอะมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับวงดนตรีอินดี้สุดฮอตในขณะนี้ temp. วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่มาพร้อมแนวดนตรีที่พวกเขานิยามว่ามันคือ “Tropical Pop” กลิ่นดอกไม้สายลมเเละแสงแดด UNLOCKMEN จะพาไปเจาะลึกเรื่องราววงการเพลงยุคอินดี้เฟื่องฟูถึงยุคปัจจุบันจากมุมมองของวงอินดี้อย่างพวกเขา temp. มีสมาชิก 5 คนวันนี้เราขาด อุณ (มือกีต้าร์) เพราะติดธุระ เราเลยได้เจอเเค่ นิค (ร้องนำ, กีต้าร์) แปม (กลอง) น๊อต (เบส) เเละ แดน (ทรัมเปต) วง temp. โด่งดังจาก single “Moonshine” ความละมุน ละไม ของเสียงร้องเเละดนตรีที่เย้ายวน ชวนให้อยากทำอะไรบางอย่าง
ใครที่อยู่ในแวดวงสื่อโฆษณา ชื่อของ “VGI” หรือ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) คงเป็นชื่อแบรนด์อันดับต้นที่ติดหูในฐานะผู้ครองสื่อนอกบ้านรายใหญ่ที่ร่ำรวยเรื่องพื้นที่โฆษณานอกบ้านโดยมีสัมปทานโฆษณาบริเวณรถไฟฟ้า BTS อยู่เต็มกำมือแถมยังเหลือมืออีกข้างรวบตึงการลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท MACO หรือบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านเครือข่ายป้ายโฆษณามือเก๋าที่ปีนี้มีอายุครบ 29 ขวบแล้ว และล่าสุดคือการประกาศเสริมใยเหล็ก โดดมาถือหุ้นถึง 23 % ธุรกิจ logistic สุดบูมอย่าง Kerry Express ช่วงต้นปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย เบื้องหลังอาณาจักรสื่อใหญ่เนื้อหอมของประเทศที่คนวงการโฆษณาทุกคนอยากมีโอกาสเข้าไปร่วมงานด้วย แน่นอนว่าความแข็งแกร่งต้องมาจากผู้บริหาร ครั้งนี้ UNLOCKMEN ได้รับโอกาสพิเศษร่วมพูดคุยปลดล็อกวิสัยทัศน์และไลฟ์สไตล์ของ เนลสัน เหลียง CEO คนปัจจุบันของบริษัท VGI ชายหนุ่มที่หลายคนอยากรู้จักเขามากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ เพราะเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งหมาด ๆ คุณเนลสัน เหลียง คือหนุ่มชาวฮ่องกง ลุคขี้เล่นซึ่งทลายกำแพงภาพลักษณ์ผู้บริหารหลายคนที่เรารู้จัก แถมทำเอาทีมงานเราเข้าใจผิดเรื่องอายุเสียสนิทเพราะใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์กับความเฟิร์มของรูปร่าง ใครจะเชื่อว่าหนุ่มคนนี้อายุ 43 ปีแล้ว
เราต่างมีวิธีหอบร่างกายและชีวิตไปข้างหน้าในรูปแบบของเราเอง บางคนรู้สึกว่าชีวิตกำลังก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จากการทำเพื่อคนอื่น บางคนรู้สึกว่าชีวิตก้าวไปข้างหน้าจากการตามหาความฝัน ในขณะที่บางคนรู้สึกว่าชีวิตกำลังก้าวไปข้างหน้าเพราะการได้ทำสิ่งที่ตัวเองหลงใหลและเรียนรู้มันไปแบบไม่มีวันจบ “แพร-รัมภาพร วรสีหะ” เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่เชื่อว่าการจะพาชีวิต ร่างกายและหัวใจแกร่ง ๆ ก้าวไปข้างหน้าได้คือการได้ทำในสิ่งที่หลงใหลแบบสุดจิตสุดใจ พร้อม ๆ กับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากสิ่งนั้นไปด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเชื่อในพลังของการถ่ายภาพเสมอ “เราถ่ายรูปโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกว่าถ่ายอะไรไปบ้าง แต่พอเราจับรูปมาเรียงกัน มันจะบอกตัวตนเราหมดเลย” นั่นคือประโยคที่เราจำขึ้นใจ ใช่ นอกจากรูปถ่ายจะพาเธอก้าวไปข้างหน้าแล้ว รูปถ่ายมันยังร้อยเรียงกันจนเล่าเรื่องตัวตนของมนุษย์คนหนึ่งได้จริง ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ UNLOCKMEN กระหายที่จะคุยกับเธอ ช่างภาพสาวที่เชื่อว่ารูปถ่ายคือการร้อยเรียงตัวตนและเชื่อว่าการถ่ายภาพมันพาชีวิตเธอก้าวไปข้างหน้าได้ ส่วนเราจะเชื่อแบบเธอหรือไม่ก็ตาม อย่าเพิ่งเค้นคำตอบตัวเองตอนนี้ ดำดิ่งกับบทสนทนาไปพร้อม ๆ กับเราก่อน เสพติดรูปถ่ายจนหยุดดูไม่ได้คือจุดเริ่มต้น แม้วันนี้ใครหลายคนจะรู้จักแพร-รัมภาพรในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพและช่างภาพอิสระ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ จุดเริ่มต้นในการจับกล้องของเธอก็ชวนให้เราเข้าใจวลีที่ว่า “หลงใหลจนเข้าขั้นเสพติด” “ชอบจริง ๆ ก็น่าจะเป็นตอนมัธยมปลาย มีเว็บบอร์ดหนึ่งที่จะมีคนเข้ามาโพสต์รูปถ่ายทุก ๆ วัน โพสต์รูปใบไม้ ต้นไม้ ไปเที่ยว เราเข้าไปดูเสร็จปุ๊บแล้วรู้สึกว่าติดมาก”เธอลากเสียงยาวจนเราอดอมยิ้มไม่ได้ “ติดในที่นี้ คือเราเลิกดูไม่ได้
ผู้ชายอย่างเรามักจมอยู่กับความคิดที่ว่าผู้หญิงต้องอ่อนหวาน น่ารัก และปกปิดเรือนร่างตัวเองเพื่อจะดูเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับเรา แต่ถ้าลองคิดทบทวนดูอีกทีการเปิดเผยเรือนร่างของผู้หญิงก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แถมเป็นสิทธิเหนือเรือนร่างที่พวกเธอต้องได้เลือก ได้ตัดสินใจเองด้วยซ้ำ แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังอดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้ว่า “มันจริงหรอวะ?” UNLOCKMEN อยากพาผู้ชายหัวดื้ออย่างคุณมาชมนิทรรศการ This is not cute นิทรรศการครั้งที่ 4 ของ “ปก-ปกฉัตร วรทรัพย์” ช่างภาพสาวที่เลือกจะถ่ายภาพเปลือยผู้หญิง ไม่ใช่แค่นั้นแต่เราจะชวนจับเข่านั่งคุยให้รู้กันไปเลยว่าตกลงผู้หญิงจำเป็นต้องทำแต่อะไรน่ารัก ๆ อย่างที่ผู้ชายคิด หรือจริง ๆ แล้วพวกเธอควรมีสิทธิเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการ อย่างที่ “ปก-ปกฉัตร” เลือกหาญกล้าท้าทายสังคมด้วยการถ่ายภาพ NUDE มาอย่างยาวนานกันแน่ ? จากกล้องคอมแพคสู่การเรียนเพื่อหาตัวตน ปกฉัตรเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ที่กำลังง่วนกับการจัดงานแสดง This is not cute นิทรรศการของตัวเอง แต่ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้น เธอเริ่มถ่ายภาพมาตั้งแต่มัธยม เริ่มต้นจากกล้องคอมแพคเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่น ๆ ถ่ายเล่น ๆ ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญคือการได้เข้าเรียนคณะสถาปัตยกรมศาสตร์ ภาควิชานิเทศศิลป์ สาขาถ่ายภาพ ซึ่งได้เรียนสารพัดเทคนิคการถ่ายภาพ“เราต้องเรียนเพื่อเป็นพื้นฐาน เพื่อให้ต่อยอดงานไปข้างหน้าได้” เธอบอกกับเราด้วยสายตามุ่งมั่น แต่ดูเหมือนว่าการจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจะทำให้ปกฉัตรค้นพบตัวเองแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น การเรียนต่อปริญญาโทจึงเป็นการค้นหาตัวตนในอีกระดับ
ทุกวันนี้วิวัฒนาการด้านการถ่ายภาพมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หากย้อนกลับไปวันที่พวกเราเป็นแค่เด็กชายที่ทำได้เพียงเต๊ะจุ๊ยยิ้มอยู่หน้ากล้องตอนพ่อแม่เรียก หลายคนคงไม่คิดว่าจากกล้องฟิล์มกระดาษที่เคยใช้ป๊อกแป๊ก วันหนึ่งการถ่ายภาพจะเปลี่ยนจากฟิล์มไปเมมโมรี่ในกล้อง compact, DSLR, mirrorless จนถึงกล้องมือถือที่ความละเอียด จับชัตเตอร์สปีดไม่ทิ้งกล้องตัวใหญ่ แถมภาพเคลื่อนไหวก็บันทึกได้คมชัดพร้อมตัดต่อ ทว่าระหว่างการพัฒนาระดับความเร็วแสงที่นับวันจะแข่งกันมาให้เลือกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆ มันก็ดันมีปรากฏการณ์ Come back ของการ “สะพายกล้องฟิล์ม” กลับมาอีกครั้ง UNLOCKMEN จึงตัดสินใจไปตามหาผู้รู้ช่วยไขคำตอบเหล่านี้กันที่ LUCKROOM แล็บครอบจักรวาลด้านการถ่ายภาพที่เพิ่งเปิดเซอร์วิสล้างสแกนฟิล์มน้องใหม่แกะกล่องผุดขึ้นมาในย่านลาดพร้าว ซึ่งมีเจ้าของเป็นแก๊งหนุ่มช่างภาพต่างคาแรคเตอร์ทั้ง 4 คน ซึ่งหนึ่งใน 4 คนนี้ยังเป็นช่างภาพมือเก๋าของพวกเราทีม UNLOCKMEN ด้วย (หนนี้ยอมมาเผยตัวหน้ากล้องกับเขาสักที) WHAT THE LUCK(ROOM)? ก่อนจะไปถามกันมันส์ ๆ ให้เกียรติป้ายกระจกที่แปะสติ๊กเกอร์หน้าร้านว่า “LUCK” สักเล็กน้อย ว่าชื่อนี้มีที่มาจากไหน “มาจากคำว่า Lucky ครับ ผสมกับคำว่า Luck ในภาษาอังกฤษมันพ้องเสียงกับคำว่า ‘รัก’ ภาษาไทย จะเอามาวางหน้าคำไหนก็ได้ความหมายดี เรา 4 คนเลยตกลงกันว่าจะใช้คำนี้” การจะจับช่างภาพ
เเทบจะ 99% ของผู้ชายอย่างเรา ๆ ไม่ว่าจะวัยไหน น่าจะโตมากับดนตรี POP Music เเนวดนตรีที่เป็นที่นิยมของผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลก คำว่า POP Music ก็ถูกเเยกออกไปได้หลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้เราขอเอ่ยถึงเเนวดนตรีที่รวมบรรยากาศของ ทะเล เสียงคลื่น สายลม เเละเเสงแดด จนกลายเป็นความลงตัวที่ Surf Music ถือกำเนิดขึ้น ถ้านึกถึงดนตรีเเนวนี้ ศิลปินระดับโลกเบอร์ต้น ๆ ที่เรานึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น Jason Mraz นักร้องนักเเต่งเพลงชาว American ที่มีเพลงฮิตมากมายและทำให้ดนตรีเเนวนี้โด่งดังไปทั่วโลก เกริ่นมาขนาดนี้ ถ้าในไทยศิลปินเเนว Surf Music ที่ทุกคนต้องคิดถึงเป็นชื่อเเรก ก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหน “สิงโต นำโชค” คือชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี และในวันนี้เรามีนัดพาทุกคนไปพูดคุยกับสิงโต นำโชค ชายหนุ่มที่มาพร้อมรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ สร้างภาพจำจาก Ukulele เเละบทเพลงอันเป็นมิตรของเขาซึ่งครองใจพวกเรามาอย่างยาวนาน เราเริ่มออกเดินทางประมาณเที่ยงกว่า ๆ วันนี้แดดน้อยมากเหมือนฝนจะตก เรานัดพี่สิงโต ที่ Slow Cafe (Room111) สีลมซอย 7 ร้านกาแฟ กึ่ง CO-Working Space ที่ชั้นล่างเป็นโซนนั่งชิล ส่วนชั้นบนเป็นห้องประชุมหรือจะนัดมีตติ้งพบปะแบบส่วนตัวกับเพื่อน ๆ ก็ยังไหว ไม่นานเราก็ถึง Slow Cafe ยังคงกังวลอยู่นิด ๆ ที่อากาศออกจะครึ้ม ๆ เพราะวางแผนว่าอยากถ่ายรูปพี่สิงโตกลางเเจ้งด้วย แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความกังวลจำต้องหมดลง เพราะไม่นานนักพี่สิงโตก็มาถึง เราทักทายกันอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะพาพี่สิงโตขึ้นไปชั้นบนของร้านซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ พี่สิงโต ดูยิ้มเเย้มเเจ่มใสเป็นกันเองจนความกังวลเรื่องบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนมลายหายไป ก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ คำถามเเรกที่เราถามพี่สิงโต “ตอนนี้เป็นไงบ้างครับพี่” พี่สิงโตยิ้มเเล้วตอบกลับมาว่า “สบายดีสิ สบาย ๆ สบายดีครับ” เราแปลกใจที่คำว่า สบายดี ของพี่สิงโต ดูสบายดีจริง ๆ เเววตา เเละรอยยิ้มที่มีความสุข เปล่งประกายออกมา ความใสซื่อ เเละจริงใจ เป็นบุคลิกที่หาได้ยากจริง ๆ
“เห็นเธอทีไรแล้วใจมันสั่น” บางทีคำพูดนี้เราก็ไม่ได้หมายถึงสาว ๆ แต่หมายถึงวัตถุร่อนลม เคลือบสีบอดี้มันปลาบ รับด้วยฐานล้อแม็กซ์เฉียบเงา มียางหุ้มพร้อมบดพื้นกับตัวเครื่องแรง ๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างใน ฟังดูอาจจะไม่น่าเชื่อ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่คงรู้ดีว่าตัวเลขที่เราเรียกว่า “แรงม้า” มันโคตรเซ็กซี่ไม่แพ้คัพทรวงอกของสาว ๆ อย่างไรอย่างนั้น เพื่อไปให้สุดทุกเรื่องกับความสนใจที่บุรุษทุกคนและทีมงาน UNLOCKMEN มี วันนี้เราจัดแมทช์พิเศษตะลุยอู่รถสปอร์ตที่คนส่วนใหญ่อยากไปดูแต่ยังไม่เคยได้เข้าไปเพื่อล้วงลึกชีวิตผู้ชายที่น่าอิจฉาที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย แม็ก – อดิสรณ์ เจริญศักดิ์ พี่ชายเจ้าของฉายาเจ้าพ่อพันม้าผู้เป็นเจ้าของกิจการ MACTEC GROUP ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาทั้งในสนามแข่งและแชแนลเกี่ยวกับรถสปอร์ต นับจากย่อหน้านี้เป็นต้นไปเรามั่นใจว่าอ่านจบเมื่อไรคุณจะต้องพูดว่า “พี่แม่งแน่จริง ๆ!” สมควรแก่การยกมือขึ้นคารวะให้เอาเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจทั้งเรื่องงานและความคิด “สุดของผมคือชาวบ้านไม่มี ที่เหนือกว่าคนทั่วไปนั่นคือสุดของผมนะ” นั่นไง…แล้วชีวิตพวกเราล่ะเคยทำอะไรสุดกับเขาบ้างหรือยัง LIFE INSPIRE: “รถ” ไว้ก่อนพ่อสอนไว้ หลังทัวร์รอบอู่ให้น้ำลายหก พวกเราทีมงาน UNLOCKMEN ได้รับคำเชื้อเชิญให้เข้ามาคุยกับพี่แม็กในห้องทำงานด้านบนชั้น 2 ที่เป็นห้องกระจก ห้องที่มีความโอ่โถงฉบับห้องของผู้บริหาร มีเก้าอี้พร้อมโต๊ะไม้กว้างวางอยู่ด้านหนึ่งและกลุ่มโซฟาหนังที่วางอยู่ใกล้ประตูอีกด้านหนึ่ง ด้วยความเป็นผู้บริหารสายลุยเขาบอกกับเราว่าปกติไม่ได้อยู่ในห้องด้านบนนี้เท่าไรแต่มักจะอยู่ด้านล่างทำงานกับลูกน้องมากกว่าพร้อมกับชวนให้นั่งคุยกันที่โซฟาอย่างเป็นกันเอง ทำไมพี่ถึงมาชอบรถได้? “เอาจริง ๆ เหมือนโดนปลูกฝังซึมซับตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อเป็นคนชอบแต่งรถ แต่ว่าไม่ได้ลึกแบบนี้นะ คือแต่งของเขาเล่น
ในรอบปีที่ผ่านมา คงไม่มีศิลปินกลุ่มไหนเป็นกระแสไปมากกว่า BNK48 กลุ่มศิลปินไอดอลสัญชาติญี่ปุ่นแต่เชื้อชาติไทย ความโด่งดังของพวกเธอสร้างปรากฏการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งในแง่วัฒนธรรมที่เกิดคำใหม่ ๆ ที่สังคมไทยไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น โอตะ โอชิ เซ็มบัตสึ เคงคิวเซย์และอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้เรียนรู้ ทั้งในแง่ธุรกิจที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อรูป SSR (Super Special Rare ซึ่งเป็นรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของสมาชิกที่จะมีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้นและไม่มีการผลิตเพิ่ม) ของมิวสิคหนึ่งในสมาชิกวง มีผู้ประมูลไปในราคาสูงถึง 450,000 บาทเลยทีเดียว แต่นอกจากในหมู่โอตะที่คลั่งไคล้แล้ว แน่นอนว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ที่เห็นได้ชัดเลยในกรณีที่ อร BNK48 โดนชาวเน็ตจำนวนหนึ่ง Cyber Bully ใส่ จนเกิดเป็นเรื่องดราม่าในโลกออนไลน์อย่างที่ได้ทราบข่าวกัน หรือกรณีดราม่าใหญ่โตครั้งล่าสุดที่แคนถูกพักงาน ดังนั้นในบทความนี้เราจึงสัมภาษณ์คน Gen-Y ซึ่งถือว่าเป็นคนเจนหลักเจนหนึ่งในบรรดาโอตะ โดยแต่ละคนก็ต่างอาชีพต่างที่มา แต่จะมาตอบคำถามเดียวกันว่า “คุณคิดอย่างไรกับ BNK48 และ BNK48 มีความหมาย รวมถึงส่งผลอะไรต่อคุณบ้าง?” “ผมเป็นโอตะคนหนึ่ง ถ้าถามว่าคิดยังไงก็คงต้องตอบว่าชอบอยู่แล้วครับ ผมไม่เคยรู้จัก AKB48 มาก่อน
“เราจะไม่พยายามบอกใครว่ารักผมเถอะครับหรือแบบชอบงานผมหน่อยนะ” คือคำพูดที่ “เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ผู้กำกับหนุ่มบอกกับเรา จึงไม่น่าแปลกใจที่งานกำกับทุกชิ้นของเขาออกมามีอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เรียกร้องให้ใครมารัก แต่ใครหลาย ๆ คนก็ตกหลุมรักกันไปแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ในโลกของผู้กำกับอย่างนวพลที่ไม่ได้เอาจำนวนผู้ชมมหาศาลเป็นตัวชี้วัดว่าหนังตัวเองประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่กลับใช้ความรักในสิ่งที่ทำ ความเป็นตัวของตัวเองและขอแค่คนจำนวนเพียงไม่มากที่เชื่อมโยงถึงกันได้เป็นตัวบ่งบอก UNLOCKMEN ว่าโคตรน่าสนใจ เราถือโอกาสแห่งความน่าสนใจนี้ชวนเขามาพูดคุยกัน พร้อมโปรเจ็กต์ใหม่ที่ทำร่วมกับเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตยที่นวพลถึงกับออกปากว่า “เหมือนได้เจอเทพเจ้า” วินาทีแรกที่อยากเป็นผู้กำกับ? มันมีวินาทีนั้นอยู่จริงไหม หรือไม่ได้คิดอะไรอยู่ ๆ ก็เป็นขึ้นมาเอง มันน่าจะมีวินาทีนั้นที่อยากเป็นผู้กำกับอยู่นะ แต่คิดว่ามันน่าจะค่อย ๆ เกิดมากกว่า เพราะตอนแรกหมายถึงสมัยก่อน เด็ก ๆ เลยอยากวาดการ์ตูน แต่ว่าก็ลองแล้วมันก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะเราไม่เก่งเท่าเพื่อน แล้วมันก็เริ่มดูหนังมากขึ้น เราก็เลยรู้สึกว่าหนังมันอาจจะตอบสนองสิ่งที่เราอยากเล่าได้มากกว่า แต่ตอนเด็ก ๆ มันก็ไม่ได้รู้ว่ามันเป็นภาพและเสียงอะไรหรอก มันเป็นแค่แบบ รู้สึกว่า หนังมันเหมือนเอาจินตนาการมาทำให้เกิดขึ้นจริงบนจอ แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากทำอะไรแบบนั้นมากกว่าวาดการ์ตูน สำหรับเราหนังมันไปได้ตรงความต้องการกว่าการวาดการ์ตูน ไปได้ไกลกว่า ตอบสนองสิ่งที่เราอยากเล่าได้จริง ๆ เราโตมากับยุคพวก CG หนังแบบจูราสิคพาร์คภาคหนึ่งเลยมั้ง มันเลยตื่นตาตื่นใจ ก็เลยรู้สึกว่าค่อย ๆ เริ่มอยาก และก็เริ่มคราวนั้น จากนั้นก็เริ่มดูหนังมาเรื่อย