คุณมีความฝันไหม? เราเชื่อว่าในหนึ่งชีวิตไม่สั้นไม่ยาวของเราแต่ละคนล้วนมีความฝัน บางฝันอาจใหญ่ บางฝันอาจเล็ก บางฝันไกลเกินเอื้อม แต่บางฝันใกล้แสนใกล้ขอเพียงแค่ลงมือทำ แล้วสิ่งที่เราฝันถึงนั้นเป็นจริงไปแล้วกี่อย่าง? สามอย่าง สองอย่าง หนึ่งอย่าง หรือต่อให้คำตอบคือยังทำความฝันให้เป็นจริงไม่ได้สักฝันก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น วันนี้คุณลงมือทำตามความฝันไปแล้วกี่อย่าง? แต่คำตอบคือว่างเปล่า ไม่เคยลงมือทำ เราอยากชวนคุณมารู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งไปด้วยกัน “สำหรับผมมันมีแค่สองอย่างทำหรือไม่ทำ ผมไม่ได้คิดว่ามันจะผ่านไปหรืออะไร ถ้าเราได้ทำแล้ว เราไม่รู้ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ขอให้ได้ทำ ลงมือทำไว้ก่อน อันนี้ผมว่ามันสำคัญกว่า” นี่เป็นประโยคสั้น ๆ ได้ใจความจากปาก JIGSAW หรือ จีน–ชัยกำพล จันทรักษ์ ที่เราจำขึ้นใจ หลายคนอาจจำเขาได้ในฐานะแรปเปอร์ฝีมือแพรวพราวผู้ผ่านเข้าไปถึงรอบ 3 คนสุดท้ายของรายการ Show Me The Money Thailand รายการเฟ้นหาสุดยอดแรปเปอร์ของเมืองไทย นอกจากนั้นเขายังมีบทบาทเป็น Hair Stylist อาชีพที่เขาก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ลึกลงไปจากภาพฝันที่ใครหลายคนเห็นอยู่ตอนนี้ เบื้องหลังเขาคือชายหนุ่มที่หลงใหลเพลงฮิปฮอปตั้งแต่ยังเด็ก ฝันอยากเป็นนักร้องที่มีคอนเสิร์ตของตัวเอง เขาเลือกกระโจนลงไปหาสิ่งที่ฝัน ลงมือทำเพลง แต่หัดแรปครั้งแรกเหมือนคนท่องอาขยาน ขอฟีทฯ เพลงกับใครก็มีแต่คนปฏิเสธ ลึกลงไปจากภาพฝันที่ใครหลายคนเห็นอยู่ตอนนี้ เบื้องหลังเขาเคยทุกข์ทรมานกับการตัน สร้างสรรค์ทรงผมใหม่ ๆ
กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการมาได้ 2 เดือนแล้ว ใครหลายคนคงกำลังเผชิญกับสายฝนและความหงอยเหงาหม่นเทาที่ไม่อาจควบคุมได้ ค่ำนี้ก็เช่นกัน คืนฝนพรำ น้ำฉ่ำนอง ท้องฟ้าหม่น คนก็ต้องเหงาเป็นธรรมดา แต่บนโลกนี้มีคนไม่กี่คน ของไม่กี่อย่าง ความรู้สึกไม่กี่แบบที่จะสามารถเปลี่ยนวันฟ้าหม่นฝนพรำให้กลายเป็นวันสดใสได้ในพริบตา “เฟรนด์-จิราวรรณ แสงทินทอง”FOXY LADY คนที่ 8 ของเราเป็นหนึ่งในคนนั้น คนที่เพียงชวนมาสนทนากันสั้น ๆ ในวันฟ้าหม่นฝนพรำก็ทำให้โลกรอบตัวเรากลับถูกฉาบทาให้สดใสและเต็มไปด้วยเสน่ห์ขึ้นได้ เพราะเราเชื่อว่าการอยู่ใกล้คนที่เต็มไปด้วยพลังบวกและ Friendly สามารถเติมพลังที่ร่อยหรอของเราให้กลับมาเต็มได้เหมือนเดิม และเฟรนด์-จิราวรรณ ก็เป็นสาว Friendly สมชื่อ จนเราอยากชวนทุกคนมารู้จักเธอเพื่อแบ่งพลังความสดใสเต็มเปี่ยมไปเยียวยาความหม่นเทาของฤดูฝนอันยาวนานไปด้วยกัน “เป็นคนโพสิทีฟค่ะ เพราะว่าถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเข้ามา จะคิดว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้” เฟรนด์เริ่มเล่าเรื่องตัวเองแข่งกับเสียงฝน แม้จะเริ่มสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่เราเชื่อว่าเป็นประโยคสั้น ๆ ที่บอกความเป็นเธอไว้ได้ครบ เพราะเธอฝ่าฝนมาเจอเราได้โดยไม่บ่นสักคำ แถมรอยยิ้มยังเป็นสิ่งแรกที่เธอมอบให้ เราจึงเชื่อหมดจดว่าสำหรับเธอ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ และผ่านไปได้อย่างงดงามด้วย เราคุยกันเรื่อยเปื่อยตามปริมาณหยาดฝนที่รินลงมาเรื่อย ๆ ก่อนมาถึงคำถามที่ว่าคิดว่าเสน่ห์ของเฟรนด์อยู่ตรงไหน? “เป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ถ้าอยู่กับเพื่อนสนิทไปเลย จะเป็นคนตลกเฮฮา มีโจ๊กที่เล่นกันเองตลอด แต่ถ้าเป็นลักษณะภายนอกที่คนอื่นบอกคือขี้แมลงวัน” เราอดเห็นด้วยไม่ได้ว่าเสน่ห์ของเฟรนด์มีทั้งสิ่งที่อยู่ภายนอกและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย
ผู้หญิงท่าทางก๋ากั่นที่เดินผ่านตาเราไปเมื่อกลางวัน ผู้ชายดูสุภาพกลิ่นน้ำหอมอวลรอบกายอ่อน ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เราเห็น ไม่ว่ามนุษย์คนไหนที่เรามอง เราไม่ได้แค่เห็นภาพลักษณ์ภายนอกจากใครคนนั้น แต่หลายครั้งที่เราเผลอคิดไปว่าเรารู้จักโลกภายในของคนนั้นด้วย “แต่งตัวเนี้ยบขนาดนี้คงเป็นคนมีรายละเอียด”, “ดูห้าวขนาดนี้คงเป็นคนลุย ๆ “, “น้ำหอมหอมขนาดนี้คงเป็นคนพิถีพิถัน” สารพัดความคิดที่ฟุ้งอยู่กับเรา แต่จะมีกี่ครั้งที่เราได้ก้าวเข้าไปในโลกภายในของใครคนนั้นเพื่อทำความรู้จักเขาจริง ๆ ? “มายด์-วรัทยา ว่องชยาภรณ์” อีกหนึ่งสาว FOXY LADY ที่ผ่านเข้ามาในสายตาเรา ใช่ วินาทีแรกที่เธออยู่ตรงหน้า “สวยหวาน” คือนิยามที่เรามอบให้เธอ แต่ IN MY MIND ที่ลึกลงไปในตัวเธอคนนี้คืออะไรกันแน่ ? มันจะเป็นความสวยหวานอย่างที่สายตาสดใสเป็นประกายของเธอบอกเราไว้ หรือมันจะกลายเป็นโลกอีกใบที่น่าค้นหาไม่แพ้กัน ? เพราะโลกทั้งใบของใคร ตัดสินจากแค่ที่เห็นไม่ได้ เราถึงเลือกมาสนทนากับเธอ มายด์-วรัทยา สาวหวานผู้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2555 มาครอง ปัจจุบันมีผลงานการแสดง เดินแบบอย่างต่อเนื่อง แต่ใช่ เราจะไม่ตัดสินโลกทั้งใบของเธอจากบทบาทที่เธอเคยเป็น เราจะรู้จักเธอที่นี่ ตรงนี้ วินาทีต่อจากนี้ไป … WHO IS MIND ?
การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถือเป็นเรื่องชวนให้หัวใจผู้ชายอย่างเราเต้นแรงในหลากหลายเหตุผล บางหัวใจเต้นแรงเพราะนี่คือการเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิต บางหัวใจเต้นแรงเพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 5 ปี ในขณะที่บางหัวใจก็เต้นแรงเพราะสมรภูมิการเมืองครั้งนี้มีเรื่องชวนให้ขบคิดและน่าสนใจกว่าหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา “คนรุ่นใหม่” คืออีกกุญแจสำคัญที่ทำให้หัวใจผู้ชายหลายคนเต้นแรง การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่วิธีคิดเดิม ๆ ว่ามีแต่คนมีอายุเท่านั้นที่จะทำงานการเมืองได้ถูกปัดตกไป เพราะพรรคการเมืองหลายพรรคเลือกชูคนรุ่นใหม่มาเป็นอีกทางเลือกในสนามการเมืองครั้งนี้ “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” เองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถ้าพูดถึงการเมืองกับคนรุ่นใหม่แล้ว คงขาดเขาไปไม่ได้ บางคนจดจำเขาในฐานะชายหนุ่มที่มีศักยภาพพร้อมทำงานการเมืองเต็มเปี่ยม บางคนนึกถึงเขาในฐานะคนหนุ่มฐานะดี การศึกษาพร้อม แต่สมัครใจเป็นทหารเกณฑ์ และไม่ว่าจะพยายามหนีอย่างไรก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบางคนเห็นเขาเป็นหลายชายหนุ่มรูปหล่อของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การเป็นลูกหลานคนดัง บางคนมองเห็นเป็นบันได ถีบไต่ตัวเองขึ้นสูงกว่าเดิมได้ แต่บางคนก็เห็นเป็นหลุมพราง ล่อลวงให้คนที่ยังไม่ทันรู้จักเขาดีตกไปในหลุมแห่งความชอบหรือไม่ชอบได้ ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นอย่างหลัง ก่อนที่คุณจะตัดสินเขาจากหน้าตาหรือการเป็นหลานชายของใคร UNLOCKMEN อยากชวนมารู้จักตัวตนของเขาไปพร้อม ๆ กัน หลังจากบทสนทนานี้จบลงแล้ว ค่อยตัดสินเขาก็ยังไม่สาย แต่ที่แน่ ๆ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม New Dem และผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางกะปิ – วังทองหลาง (แขวงพลับพลา) คนนี้ประกาศชัดเจนว่า “สำหรับผมแล้วผมต้องการพิสูจน์ สิ่งที่ผมเคยทำมาได้ ไม่ได้เป็นเพราะผมเป็นลูกหลานใครและผมจะมุ่งมั่นต่อไป” มาพิสูจน์ตัวตนและทัศนคติของเขา ผ่านบทสนทนานี้ไปพร้อม ๆ กัน … ตั้งแต่ตัดสินใจทำงานการเมือง ไลฟ์สไตล์การแบ่งเวลา
“ความสำเร็จ”คืออะไร ? รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน ? ถามคำถามนี้กับใครก็ยากที่คนตรงหน้าจะระบุรูปลักษณ์ที่แน่นอนของสิ่งนามธรรมอย่างความสำเร็จออกมาได้ โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาววัย 20 ต้น ๆ ที่มักกำลังตามหาความหมายอะไรบางอย่างของชีวิต เราก็ทึกทักเอาเองว่าคนจะมีพวกเขาน้อยคนนักที่จะสามารถนิยามความหมายของคำว่าความสำเร็จของตัวเองได้ แต่ไม่ใช่กับ “มานะ-มนพร ศรีศุทธยานนท์” หรือ MANA DKK นักวาดภาพประกอบสาวที่เรามีโอกาสสนทนาด้วย เธอนิยามความสำเร็จในแบบของเธอเองได้อย่างแจ่มชัด บางความสำเร็จของบางคนอาจหมายถึงเกียรติยศ ชื่อเสียง หรือเงินทอง แต่สำหรับเธอความสำเร็จอาจหมายรวมถึงการได้ตื่นขึ้นมาในแต่ละวันและยังสามารถทำสิ่งที่เธอรักอย่างการวาดรูปได้อย่างมีความสุขนั่นก็เพียงพอจะเป็นความสำเร็จแล้ว ไม่ใช่แค่นิยามของความสำเร็จของมานะเท่านั้นที่ดูชัดเจน แน่วแน่ แต่ในฐานะนักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ ผลงานและตัวตนของมานะก็โดดเด่นน่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับใครที่เคยอ่านสื่อออนไลน์อย่าง The MATTER มาบ้าง ก็ดีใจด้วย เพราะคุณอาจเห็นงานภาพประกอบสีสันสดใสของมานะที่ผนวกรวมเข้ากับเนื้อหาหนักแน่นได้อย่างกลมกล่อม แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นตัวเธอแต่อย่างใด ยิ่งเห็นภาพสีสันสดใส แต่เต็มไปด้วยตัวตนเหล่านั้น เรายิ่งอยากทำความรู้จักเธอ … ตอนที่เรากำลังอยากรู้จักเธอมากขึ้นก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่มานะกลับมาไทยช่วงสั้น ๆ เพราะตอนนี้เธอกำลังเรียนปริญญาโทด้าน Visual Development ที่สหรัฐอเมริกา เธอเรียนมา 2 ปีเต็ม ๆ แล้วและยังเหลืออีกปีกว่า ๆ ก่อนจะจบการศึกษาอย่างเป็นทางการ “เรียนมาสองปีแล้ว เหลืออีกปีกว่าจะจบ แต่เราค้นพบว่ามันใช่มาก ชอบมาก แต่ก็น่าจะหางานยากด้วย เพราะในไทยก็มีงานด้านนี้น้อย
เราเชื่อว่าไม่ใช่เราแค่คนเดียวที่จำภาพสาวน้อยตาหยีกับเสียงหวานใสราวกับมีมนตร์สะกดวัย 16 ปีบนเวทีเดอะวอยซ์ไทยแลนด์เมื่อ 4 ปีก่อนได้ติดตา ไม่ใช่แค่เสียงหวานใส ความตั้งใจและความน่ารักเท่านั้นที่ทำให้เธอมีความหมายในความทรงจำของเรา แต่เพราะยิ่งกาลเวลาผ่านไป ยิ่งเธอเติบโต เรายิ่งเห็นว่าภายใต้กรอบแว่น เสียงหวานใสยังเต็มไปด้วยตัวตน วิธีคิดและการมองโลกที่หนักแน่นน่าสนใจ ใช่ เรากำลังหมายถึง “อิมเมจ-สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ” หญิงสาวผู้หลงใหลการร้องเพลงและรู้สึกโชคดีทุกครั้งที่ได้จับไมค์และเปล่งเสียงเล่าเรื่องราวออกมาผ่านเสียงดนตรี วันนี้อิมเมจไม่ใช่สาวน้อยคนเดิมบนเวทีเดอะวอยซ์ แต่คือหญิงสาววัย 20 ปีที่มาพร้อมความฝันเต็มเปี่ยม บางฝันดูไม่ยากจะคว้ามา บางฝันดูห่างออกไปหน่อยแต่เธอก็พร้อมฝ่าไป ที่แน่ ๆ ปีนี้เธอมาพร้อมการออกซิงเกิลอย่างเป็นทางการของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต ถ้านับว่าเธอร้องเพลงตั้งแต่อนุบาล เริ่มแต่งเพลงตั้งแต่ ม.3 ซิงเกิลสองซิงเกิลแรกในชีวิตของเธอนี้ก็นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่เราเองก็อยากบันทึกความเป็นเธอไว้ในรูปแบบบทสนทนาในฐานะคนที่เฝ้ามองการเติบโตของเธอมาตลอด เราเจอกันในวันแดดจ้า ตาหยี ๆ ของอิมเมจหรี่ลงจากแสงแดดจัด แต่กลับส่องประกายสดใสมาที่เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมที่เธอได้พักจากการเรียน สีหน้าเธอบ่งบอกถึงความสุขของคนเพิ่งสอบเสร็จมาหมาด ๆ แต่ในมหาวิทยาลัยชีวิตและการทำเพลงเหมือนตอนนี้เพิ่งจะเป็นปีการศึกษาใหม่อันหอมหวาน จนเราอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าอิมเมจแบ่งเวลาในมหาวิทยาลัยจริง ๆ กับมหาวิทยาลัยแห่งการทำงานอย่างไร ? “อิมแบ่งไม่ได้ อิมทำได้ดีที่สุดคือจัดตารางให้งานไม่ชนเวลาเรียน เพราะอิมเป็นคนขี้เกียจ ไม่ค่อยได้ทบทวนบทเรียน แต่ก็พยายามเอาตัวรอด” เราชอบเธอตั้งแต่คำตอบแรก หมายถึงชอบมากกว่าที่ชอบอยู่แล้วไปอีก เพราะบางทีการที่เราจะสามารถจะจัดการอะไรได้ มันอาจต้องเริ่มต้นที่เรากล้าจะยอมรับก่อนว่าเราจัดการไม่ได้ เราขี้เกียจ
ไม่ว่าพวกเราจะทำงานผ่านมากี่ที่ แต่เชื่อว่าความรู้สึกช่วงสัมภาษณ์ก็ยังเป็นโมเมนต์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเราอยู่ดี บางครั้งเรียกได้ว่านาทีต่อนาทีที่ตอบโต้กันระหว่างเรากับผู้สัมภาษณ์เราก็แทบทำนายได้แล้วว่าเราจะได้งานนี้หรือชวดต้องไปสัมภาษณ์ครั้งหน้า เพื่อให้ผู้ชายอย่าง เราสามารถโต้กลับการสัมภาษณ์ได้แบบไม่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว วันนี้ UNLOCKMEN ได้รวบแทคติคจิตวิทยาเพิ่มโอกาสพิชิตการสัมภาษณ์งานที่เขาทดสอบกันมาว่าพาวินกันนักต่อนัก จาก 5 สิ่งต่อไปนี้ให้ไปลองเลือกใช้กัน นัดเวลาสัมภาษณ์ให้อยู่ช่วงวันอังคาร 10.30 5 วันทำการโอกาสจะทำให้ HR มีแรงดลใจนัดเราในวันอังคารอาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้าเลือกได้ก็ลองระบุเวลานี้กันดู เพราะเขาว่ากันว่าเวลานี้จะเป็นช่วงที่ให้การสัมภาษณ์รีแลกซ์ เนื่องจากยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เร่งรีบเท่ากับต้นสัปดาห์และไม่ปั่นเหมือนวันสุดสัปดาห์ ส่วนเรื่องเวลาเน้นหลีก 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงเช้าไว้ เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงที่หลายบริษัทกำลังประชุมกันซึ่งเขาจะเอาเวลาช่วงนั้นไปโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำอยู่ กับช่วงบ่ายคล้อยเย็นไว้ด้วย เพราะคนสัมภาษณ์เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วนอกจากอยากกลับบ้าน อย่าสัมภาษณ์ช่วงต่อจากผู้แข่งขันตัวเป้ง เราอาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นคู่แข่งที่โหดสุดในการสัมภาษณ์ แต่ถ้าบังเอิญรู้เข้าก็ให้เลี่ยงการประเมินในช่วงใกล้กันไว้ เพราะมันเสี่ยงมากที่เราจะโดนปัดออกจากสนามแข่งแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากนักวิจัยพบว่าผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่วางบรรทัดฐานการประเมินจากพื้นของผู้สมัครแต่ละคนในวันสัมภาษณ์นั้น จากการวิจัยของ University of Pennsylvania และ Harvard University จึงเผยความจริงหนึ่งว่า ระยะเวลาอันตรายของการสัมภาษณ์โดยมีผู้สมัครม้ามืดมาเป็นคู่เทียบซึ่งเราควรหลีกเลี่ยงนั้น นับตั้งแต่สัปดาห์เดียวกันผู้สมัครคนนั้นมาเหยียบบริษัทในฝันเราเพื่อสัมภาษณ์ ยาวต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์ต่อไป ใครที่งงก็ให้จำไว้ว่าไปสัมภาษณ์อาทิตย์ที่ 3 หลังจากที่ไอ้ตัวเต็งนั่นมาสัมภาษณ์แหละที่ปลอดภัย เลือกเนื้อผ้าให้เหมาะกับเนื้องาน ไม่ใช่แค่สุภาพอย่างเดียวเท่านั้นที่จะชนะใจ แต่เรื่องสีเสื้อมันก็มีการวิจัยเช่นกันว่ามีผลกับการให้คะแนนของผู้สัมภาษณ์ โดยจากการสัมภาษณ์เพื่อเก็บสถิติของ Career Builder
เรียนจบสักที ดีใจโว้ย ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว ต่อไปก็หางานทำ มีงาน มีเงิน ชีวิตสบายขึ้น ใช่ซะที่ไหนล่ะ ตื่นจากฝันก่อน! ทันทีที่รับใบปริญญา ชีวิตคุณก็จะเข้าสู่โลกแห่งความจริง ทุกอย่างไม่มีอะไรง่ายอย่างที่คิด งานที่ตอนแรกคิดว่าจะหาง่ายกลับกลายเป็นเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร ยื่น Resume ไปเป็น 10 ที่ มีแค่ที่เดียวที่ติดต่อกลับมาสัมภาษณ์ และผลลัพธ์การสัมภาษณ์ครั้งนั้นก็ดันแห้วเสียอีก หรือบางคนอาจจะโดนเรียกไปสัมภาษณ์เยอะหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เราทำอะไรพลาดไป? คำตอบของคำถามเหล่านี้อาจจะอยู่ที่พฤติกรรมตอนสัมภาษณ์ซึ่งเราเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว และมันดันไม่ถูกใจกรรมการ ดังนั้นเรามาแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวกัน คุณดริฟต์จนยางไหม้ สีข้างถลอก เพราะการดริฟต์ไม่ได้มีแค่ในการแข่งรถ แต่ในการพูดคุย โดยเฉพาะการสัมภาษณ์งานก็เกิดการดริฟต์ขึ้นบ่อยครั้งเช่นกัน จุดเริ่มต้นส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากการที่เราโดนคนสัมภาษณ์ถามคำถามวัดความรู้ ซึ่งเรารู้ดีว่านี่คือคำถามสำคัญ อาจเป็นตัวตัดสินชะตาว่าเราจะได้งานหรือไม่ แต่เราดันตอบคำถามนี้ไม่ได้ สมองว่างเปล่า ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเราจึงพยายามจับแพะชนแกะ ดริฟต์ซ้าย แถขวา ตอบออกไปให้เราดูเหมือนมีความรู้ที่สุด เราคิดว่าเรารอดแล้ว แต่เปล่าเลย เพราะความเป็นจริงคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์และความรู้มากกว่าเราหลายเท่าตัว เขารู้ตั้งแต่คำแรกที่เราตอบไปแล้วว่าเราไม่ได้มีความรู้จริง ๆ ดังนั้นถ้าเราไม่รู้ก็อย่าดริฟต์ อย่าแถ แค่ตอบไปว่า “เรื่องนี้ผมไม่ทราบครับ แต่จะกลับไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมแน่นอนครับ” คุณพูดมากเกินไป แน่นอนว่าการให้ผู้สัมภาษณ์หรือบริษัทเข้าใจตัวตนของเราที่สุดคือเป้าหมายสูงสุดของการสัมภาษณ์งาน เราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะทำงานนี้ได้ เหมาะสมกับตำแหน่งหรือเงินเดือนที่เราต้องการ
ในวันที่ประเด็นเรื่องกัญชาถูกหยิบยกมาพูดคุยกันในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในแง่การใช้เพื่อรักษาโรค การใช้เพื่อสันทนาการ การทำให้ถูกกฎหมาย รวมถึงมูลค่ามหาศาลในระบบเศรษฐกิจ ฯลฯ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างเศร้า ๆ ว่าในไทยนั้น เรายังพูดถึงกัญชากันได้ไม่เปิดกว้างและหลากหลายนัก นอกจากกฎหมายแล้วก็อาจเพราะหมวกศีลธรรมที่เราถูกครอบไว้แบบแนบสนิท ไปจนถึงการตีตราว่าคนที่สนใจจะพูดเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากพวกหมกมุ่นเรื่องยาเสพติด ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน ตอนที่ประเด็นเรื่องกัญชายิ่งถูกพูดถึงอย่างเป็นเหตุเป็นผลน้อยกว่านี้และถูกมองว่าเลวร้ายกว่านี้อีกหลายเท่า “ไกด์-รัฐพล แสนรักษ์”กลับเป็นอีกคนที่สนใจเรื่องกัญชาอย่างจริงจัง และเขาไม่อยากปล่อยให้กัญชาถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายเพียงเพราะผู้คนได้รับข้อมูลจากสื่อ จากรัฐ หรือจากการยัดเยียดตีตราเพียงด้านเดียว เขาจึงทำเพจ “กัญชาชน” ขึ้น เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเรื่องกัญชาในแบบที่เขาเชื่อว่าไม่มีใครพูดถึงในขณะนั้น กัญชาไม่ใช่แค่ความบันเทิง: จุดเริ่มต้นการศึกษาอย่างจริงจัง “กัญชา”สามารถนำไปใช้ได้หลายจุดประสงค์ แม้คนส่วนใหญ่ในไทยมักจะมองว่า เฮ้ย มึงก็ใช่แค่เคลิ้ม ๆ เยิ้ม ๆ เพลิน ๆ หรือเปล่า ? ไกด์เองก็ยอมรับว่าแรกสุดเขาก็รู้จักกัญชาในฐานะอะไรบางอย่างที่ใช้เพื่อการสันทนาการเท่านั้น แต่ทุกอย่างย่อมมีจุดพลิกผันเสมอ และจุดเปลี่ยนนั้นเริ่มตอนที่เขามีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ ที่ที่กัญชาเพื่อการแพทย์เป็นสิ่งถูกกฎหมาย “ก่อนที่จะทำเพจนี้ เล่าย้อนกลับไปก่อนว่าคือเบื้องต้น พื้นฐานของครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่เป็นโรคมะเร็งหมดเลยทั้งบ้าน พ่อก็เสียจากโรคมะเร็ง ปู่-ย่า ก็เสียจากโรคมะเร็ง พอเรียนจบเราก็เหลือเรากับแม่แค่ 2 คน พอทำงานได้ซักพักนึงเราก็ไปเรียนต่อที่ America ไปเรียนอยู่ที่ California
“เหี้ย” คำสั้น ๆ ที่พูดเบา ๆ ก็เจ็บ เถียงสิว่าถ้ามีใครมาพูดใส่หน้าเราว่า “เหี้ย!”แบบไม่รู้สี่รู้แปดแล้วเราจะไม่หัวร้อนขึ้นมา ? เพราะ “เหี้ย” ในสังคมไทยเป็นทั้งคำด่า เป็นภาพตัวแทนความไม่ดีสารพัดรูปแบบ แถม “ตัวเหี้ย”ยังเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่รูปลักษณ์ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าพิสมัย จนเราแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีใครสักคนที่หลงใหลในเหี้ยลงไปได้อย่างไร ? แต่เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย วันนี้ UNLOCKMEN จึงสบโอกาสได้พบกับ “ไผ่-ปรเมศร์ ตรีวลัยลักษณ์” นักวิชาการด้านสัตว์เลื้อยคลานที่ยอมรับแบบสบาย ๆ ว่าหลงใหลในเรื่องเหี้ยและสัตว์เลื้อยคลานสารพัดประเภท แม้ตอนที่เขายอมรับกับเราจะดูชิล ๆ แต่ความหลงใหลในเหี้ยและสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆ พาเขาไปสู่การศึกษาวิจัยที่หนักแน่นจริงจังที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต UNLOCKMEN เชื่อว่าในหนึ่งชีวิตนี้เราคงมีโอกาสเจอคนที่หลงใหลในเหี้ยและสัตว์เลื้อยคลานได้ไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แปรความหลงใหลไปสู่การลงลึกศึกษาจนถึงขั้นปลดล็อกเพดานความรู้ความเชื่อเดิม ๆ เรื่อง “เหี้ย”ได้ บทสนทนาระหว่างเรากับเขาวันนี้ จึงว่าด้วยชีวิตของมนุษย์ผู้หลงใหลและศึกษาตัวเหี้ย รวมถึงบรรดาเรื่องเหี้ย ๆ ที่ไม่ได้เหี้ยอย่างที่คิด เหี้ยจะทำให้คุณทึ่งเหี้ย ๆ เลย เรารับรอง ความหลงใหลในเหี้ย: เพราะเหี้ยก็มีความงามของมัน ผู้ชายอย่างเรา ๆ หรือจะเพศสภาพไหน ๆ ในโลกนี้ก็ตามอาจมีน้อยคนที่จะออกปากยอมรับได้เต็มปากเต็มคำว่า “เฮ้ย