ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ UNLOCKMEN ทำต่อเนื่องกันเป็นประจำทุกปีกับการจัดอันดับที่สุดในสาขาต่าง ๆ บางครั้งเราก็รวบรวมอันดับเทรนด์แฟชั่นของโลก รวม 5 ภาพยนตร์ที่ใคร ๆ ต่างโหวตว่าดีที่สุด หรือจัดอันดับเหตุการณ์เด่นที่เกิดขึ้นในปีนั้น ๆ สำหรับปี 2019 เราก็ไม่พลาดที่จะเลือกเรื่องราวของเหล่าสุภาพบุรุษที่ UNLOCKMEN ได้มีโอกาสไปนั่งพูดคุย รู้จักตัวตน ล้วงลึกถึงประเด็นน่าสนใจ เรื่องราวจิกกัดแบบแสบ ๆ หรือความล้มเหลวก่อนก้าวสู่ความสำเร็จ จากบุคคลหลากสาขาหลากอาชีพที่รวมอยู่ใน ZERO TO HERO และเลือกให้เหลือ 5 บุคคลที่เราชื่นชอบและประทับใจในเรื่องราวของพวกเขา รังสรรค์ จันทร์วรวิทย์ ราชา ZIPPO เมืองไทย ไม่ใช่ทุกคนจะจับความชอบของตัวเองให้กลายเป็นธุรกิจแล้วทำให้มันประสบความสำเร็จ แต่ด้วยแพสชันอย่างแรงกล้าต่อความหลงใหลไฟแช็ก Zippo ของ ‘แต๋น-รังสรรค์’ ทำให้เขากลายมาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานชมรม Zippo Club Thailand และถูกผู้คนเรียกว่าเป็นราชา Zippo ของเมืองไทย หลายคนในวัยเด็กต่างก็เห็นผู้ใหญ่ใกล้ตัวพกไฟแช็ก Zippo ตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงรุ่นพ่อ เพราะไฟแช็กทรงเหลี่ยมที่มีเสียงอันเอกลักษณ์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแทนความเท่ของผู้ชายที่อยู่มาทุกยุคทุกสมัย และคุณแต๋นที่เห็นลุงใช้ Zippo มาตั้งแต่เด็กก็ชื่นชอบจนอยากมีไว้เป็นของสะสมเช่นกัน แต่กลายเป็นว่าความชอบของเขาถูกผู้คนมองว่าไร้สาระ
ถึงเว็บไซต์ของเราจะเป็นเว็บไซต์ไลฟ์สไตล์ผู้ชาย สัมภาษณ์ผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เรามีโอกาสพูดคุยด้วยแล้วหลงรักทัศนคติกับความน่ารักพวกเธอ ส่งท้ายปลายปีทั้งที UNLOCKMEN คิดว่าต้องมีอะไรดี ๆ รวบรวมมาส่งต่อให้สดชื่นสักหน่อย จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับสาว ๆ ทั้ง 5 คนที่เราเคยไปเจอมากับตัว เฟ้นมาแล้วเน้น ๆ ว่าทำให้ใจสั่นและ Made My Day สุด ๆ แต่จะเป็นใครบ้างและเพราะอะไรเราถึงเลือกเธอมา ลองมาดูไปพร้อมกัน GENA DESOUZA แรปเปอร์สาวที่ไม่ชอบปาร์ตี้ ไม่ดื่ม แต่รักฮิปฮอปเข้าไส้ เริ่มต้นด้วยสาวแสบที่เราหลงรักในปีนี้อย่าง “จีน่า เดอซูซ่า” กันบ้าง เธอคนนี้คือแรปเปอร์สาวที่หลงใหลเสียงดนตรีแนวเดียวกับพวกเราอย่างฮิปฮอป ร้องแร็ปได้ กล้าแต่งตัวแฟชั่นจัดจ้าน เตะตาอย่างมั่นใจ แต่มีเสน่ห์แบบเปรี้ยว ซ่า ไม่เน้นความวาบหวาม มองภายนอกคุณอาจจะคิดว่าเธอปาร์ตี้เก่ง แต่ถ้าได้คุยและทำความรู้จักแล้วบอกเลยว่าต้องตกใจ เพราะเธอแทบไม่ปาร์ตี้หรือดื่มเลย แค่เป็นสาว Energy สูงที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความ Alert ล้วน ๆ ไลฟ์สไตล์คอนทราสต์จัดแบบนี้แหละที่น่าค้นหาและชวนให้หลงรัก นอกจากความรู้สึกด้านบวกที่แผ่กระจายออกมาจากบทสนทนา ความเข้มข้นของฮิปฮอป เธอก็ไม่เป็นสองรองใคร เพราะเธอเข้าใจไปถึงวัฒนธรรมเลยพูดคุยได้ถูกคอสุด ๆ “ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปหมด
คุณคิดว่าบริษัทระดับโลกต้องเป็นที่อุดมของคนหัวกะทิ เป็นนักริเริ่มทำโน่นทำนี่ใหม่ตลอด คุณคิดว่าแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ หาเงินได้เยอะ ๆ และต้องมี DNA งานของผู้นำลงไปอยู่ในนั้นสักที่ ถ้าคุณเคยคิดแบบนั้น ลืมมันไปให้หมดเถอะ เพราะหลังจากที่ UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับ Ray Chan หนึ่งในผู้ก่อตั้ง 9GAG แพลตฟอร์มฮาข้ามชาติในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 แล้ว ดูเหมือนสูตรนี้มันใช้ไม่ได้ผลสักนิด ก่อนจะไปเจาะว่า ทำไม “9GAG” ถึงเปลี่ยนจากแพลตฟอร์มขำ ๆ เป็นงานอดิเรกที่ทำหลังเลิกงานก้าวไปจริงจังในระดับระดมทุนที่ซิลิคอนวัลเลย์ ดินแดนสวรรค์ของสาย Tech จนวันนี้มีพนักงานมากกว่า 40 ชีวิตและวิธีการทำงานของ Ray Chan เป็นอย่างไร เราขอเริ่มต้นด้วย 4 เรื่องที่วันนี้คนส่วนใหญ่อาจยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับ 9GAG 1. ซีอีโอคอนเทนต์ตลกไม่ใช่คนตลก เรื่องนี้ Ray Chan พูดมาทุกสื่อเลยว่าเขาไม่ใช่คนตลกนะ อย่ามาให้เขายิงมุกเลย กระทั่งวันที่เราไปสัมภาษณ์เขาก็ยังยืนยันคำพูดนี้ กระทั่งยิ้ม หัวเราะให้กล้องเขายังขอปฏิเสธ แต่นั่นแหละ
ตอนอายุ 16 คุณฝันถึงอะไร? มีผู้ชายอายุ 16 ปี คนหนึ่ง ฝันอยากทำทีมฟุตบอลของตัวเอง ตอนอายุ 23 คุณกำลังทำอะไร? มีผู้ชายอายุ 23 ปี คนหนึ่ง ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลและเป็นประธานสโมสรฟุตบอล ผู้ชาย 2 คนนี้คือคนเดียวกันและเป็นคนเดียวกับที่เคยถูกตราหน้าว่า “ก็แค่ลูกเศรษฐีทำทีมฟุตบอลแหละวะ” ใช่ เขาคนนี้ยังเป็นคนเดียวกับผู้ชายอายุ 33 ปี ที่พาสโมสรฟุตบอลซึ่งปลุกปั้นมากับมือผงาดคว้าแชมป์ไทยลีก 2019 ได้เป็นครั้งแรก “ฮั่น-มิตติ ติยะไพรัช” คือชื่อของชายคนนั้น หลายคนอาจคุ้นชื่อนี้จากข่าวกีฬา หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อนี้จากข่าวการเมือง เขาคืออดีตประธานสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ ปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษาสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (ควบการเป็นผู้ช่วยโค้ช) ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์มาหมาด ๆ การเป็นลูกเศรษฐีมาทำทีมฟุตบอลมันง่ายอย่างที่ใคร ๆ ว่าจริงไหม? หัวใจสำคัญของการพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรคืออะไร? หาคำตอบได้จากการดำดิ่งไปในเรื่องราวของเขา พร้อมกันกับเรา จากความฝันที่ไปไม่ถึง สู่จุดเริ่มของการทำอีกภารกิจยิ่งใหญ่ คุณเคยฝันไหม? ฝันอยากเป็นอะไรบางอย่าง อยากไปถึงบางสิ่ง
โลกจดจำคนส่วนใหญ่จากความสำเร็จที่เขาได้ทำไว้ บางคนถูกพูดถึงเป็นร้อย ๆ ครั้งจากผลงานอันโดดเด่น บางคนถูกสังคมยกย่องด้วยความสำเร็จที่น่าประทับใจ แต่น้อยครั้งนักที่ผู้คนจะหันกลับมามองจุดเริ่มต้นก่อนจะก้าวสู่ความสำเร็จ ด้วยเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้ที่ว่าในโลกใบนี้ไม่มีใครประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เกิด ทำให้ UNLOCKMEN ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ คุณม่อน หรือ อุทิศ เหมะมูล นักเขียนรางวัลซีไรต์จากวรรณกรรมเรื่อง ‘ลับแล, แก่งคอย’ ที่ผู้คนมองว่าเขา ‘ประสบความสำเร็จ’ ด้านงานเขียนในงาน Zero to Hero Talk : The Art of Not Giving Up ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้สร้างบทสนทนาเน้นความสำเร็จ เราอยากรู้ถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่อุทิศจะต้องยอมแลกเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะก่อนใครสักคนจะกลายเป็นฮีโร่ล้วนต้องเริ่มจากศูนย์ไม่ต่างกัน จุดเริ่มต้นจากการค้นพบว่าเราไม่เก่งอะไรเลย เล่าเรื่องราวในวัยเด็กให้ฟังหน่อย ว่าก่อนที่จะมีอุทิศ เหมะมูล นักเขียนรางวัลซีไรต์ เรามีวัยเด็กแบบไหน ? ตอนเด็กผมค้นพบว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่ทำอะไรดีสักอย่าง เมื่อเราพูดถึงสิ่งที่เด็ก ๆ ทำได้ดี ก็คงจะต้องเป็นเด็กที่เรียนเก่ง แล้วเราก็จะถูกพ่อแม่บอกตลอดว่าถ้าสอบได้คะแนนติดอันดับ 1-3 จะมีของขวัญให้ ผมเลยรู้ว่าความดีของเรามันถูกวัดอยู่กับความสามารถในระบบการศึกษา ผมไม่ใช่คนที่จะเป็นเด็กดีในระบบการศึกษาเพราะคะแนนวิชาภาษาไทยผมก็ไม่ได้เรื่อง ทั้งที่ตอนนี้ผมเขียนวรรณกรรมแต่เคยสอบตกภาษาไทย คณิตศาสตร์ก็ไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้
ถ้าพูดถึงกีฬา ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมผสานหรือ Mixed Martial Arts (MMA) ภาพที่หนุ่ม ๆ หลายคนคิดออก คงจะเป็นภาพของนักสู้ 2 คนยืนประจันหน้ากันบนสังเวียนกรง 8 เหลี่ยม ก่อนจะใช้ศาสตร์การต่อสู้ที่ฝึกฝนมาเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจเป็นภาพลักษณ์ที่ดูรุนแรงหากมองผิวเผินจากมุมมองของคนภายนอก แต่สำหรับชายที่ชื่อ “ปลาย-จิติณัฐ อัษฎามงคล” ผู้ใช้ชีวิตกับ MMA มานานกว่า 20 ปี กลับมองเห็นสิ่งที่มนุษย์ได้จากศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมผสานในมุมที่ต่างออกไป โดยนับตั้งแต่วันแรกที่ตัวเขามีโอกาสรู้จักกับศาสตร์การต่อสู้ที่เรียกว่า Mixed Martial Arts ตัวเขาก็ได้รู้จักโลกอีกแง่มุม รวมถึงมีโอกาสได้รับรู้แนวคิดที่นำมาปรับใช้ในชีวิต จนกระทั่งนำพาเขาขึ้นมายืนในจุดปัจจุบัน ในฐานะประธานของ ONE Championship ประเทศไทย คนเราได้อะไรจะจากศาสตร์กีฬาการต่อสู้? อะไรที่เปลี่ยนเด็กชายที่มักโดนข่มเหงรังแกเพราะตัวเล็กกว่า ให้ตัดสินใจเดินเข้าสู่สังเวียนการต่อสู้ของ MMA วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปหาคำตอบจากเรื่องราวที่น่าสนใจของเขาคนนี้ไปพร้อมกัน แนะนำตัวหน่อยครับ สวัสดีครับผมปลาย จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธานของ One Championship ประเทศไทยครับผม ONE Championship คือองค์กรเกี่ยวกับอะไร และก่อตั้งขึ้นมาโดยมีจุดมุ่งหมายอะไร?
คุณขี้อิจฉาไหม? คุณอยากดังหรือเปล่า? คุณอยากเป็นคนที่เมาเละได้ แต่ก็เป็นคนมีของ มีความสามารถซ่อนอยู่หรือไม่? เป็นคำถามแปลกประหลาดที่เรามั่นใจว่าต่อให้ถามใครหลายคน ก็คงไม่มีใครหาญกล้าตอบกลับมาง่าย ๆ โดยเฉพาะในบทสัมภาษณ์กับสื่อแปลกหน้า แต่ไม่ใช่กับ “เป๋ง-ชานนท์ ยอดหงษ์” อาร์ตไดเรกเตอร์ที่เราพยายามหาคำมานิยามเขาแล้ว แต่ก็หาได้ยากเหลือเกิน จนกระทั่งเขานิยามตัวเอง และเรารู้สึกว่า โห! ใช่ว่ะ เขาเป็นแบบนี้แหละ “เลอะเทอะ เมาเรื้อนอะไรก็ได้ แต่ผมต้องมีความสามารถที่ทำให้คนอื่นเห็นว่ากูก็มีของ ถึงกูจะเหลวแหลกแต่ก็มีอะไร” เรื้อนแต่เทพ เมาแต่มีของ เหลวแหลกแต่ก็มีอะไร จะมีใครกล้านิยามตัวเองแบบนี้ คงมีแค่เขาที่อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าคนที่รู้จักเขา หรือแม้แต่ตัวเขาเองรู้ว่าคำเหล่านี้ไม่ใช่คำเชิงลบอะไรต่อตัวเขาก็เพราะเขารู้ดีว่าความจริงคืออะไร และงานออกแบบจากสมองและสองมือของเขานี่แหละที่โดดเด่นยิ่งกว่า สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าอาร์ตไดเรกเตอร์คนนี้มีของอะไร เทพแบบไหน เราอยากเล่าสั้น ๆ ว่าเขาเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ด้านเพลงที่หาตัวจับยาก เด่น ๆ คือการออกแบบปกซิงเกิ้ล ปกอัลบั้มของค่าย genie records ทั้ง BMW Be My World Project, Bodyslam, Big Ass, Paradox, Ebola , Sweet Mullet
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการฟังเพลงของผู้คน สองหนุ่มวง “Dept” เบนซ์ (กีตาร์/ร้องนำ) และ ลุค (คีย์บอร์ด) เพื่อนคู่หูจากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งนี้เช่นกัน พวกเขาเริ่มต้นจากการช่วยกันทำเพลงเอง ปล่อยเพลง โปรโมตตัวเอง แบบที่ไม่ได้คาดหวัง ต่อมาเมื่อวันเวลาล่วงเลย โชคชะตาและ WiFi ก็พายอดวิวเพลงของพวกเขาขึ้นจากหลักหมื่นเป็นหลักล้าน จนมาถึงวันที่ค่ายอินดี้แถวหน้าอย่าง Smallroom ได้ชักชวนให้พวกเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN มาทำความรู้จักกับ Dept ให้มากขึ้น พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วไปไงมาไงถึงได้ร่วมงานกับค่าย Smallroom บทสนทนานี้มีคำตอบ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ‘เพลงของ Dept ฟังสบายเช่นไร ตัวตนของพวกเขาก็สบาย ๆ เช่นนั้น’ ชื่อวง Dept มาจากไหน? ลุค: มาจาก Johnny Depp ครับ แต่เปลี่ยนตัว P ข้างหลังให้เป็นตัว T เบนซ์: ตอนแรกคิดไม่ออก แต่ไปเจอ Fact
เราเชื่อว่าผู้ชายแทบทุกคนคงต้องมีสิ่งของสักอย่างที่รัก หวง และหลงใหลคลั่งไคล้จนแทบอยากเก็บบูชาเอาไว้บนหิ้ง แต่ถ้านั่งนับนิ้วดูดี ๆ จะรู้ว่าในบรรดาของสะสมทั้งหมด มีไม่กี่อย่างที่มอบทั้งคุณค่าและมูลค่าให้กับเราในเวลาเดียวกัน แล้ว ‘นาฬิกา’ ก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งของไม่กี่อย่างที่ว่านั้น เพราะนอกจากจะมีมูลค่าตามราคาแล้ว นาฬิกายังมีคุณค่าพิเศษบางอย่างในสายตาของนักสะสมที่หลงรักมันเสียยิ่งกว่าอะไร ถึงจะรู้ว่าการเก็บสะสมของสักชิ้นต้องเกิดจากความหลงใหล แต่ความหลงใหลจะพาใครสักคนเดินไปได้ไกลขนาดไหนกัน? เราเลือกเก็บคำถามนี้ไว้ในหัว ก่อนจะเดินไปคุยกับ “ตุ้ย อัฐวุฒิ” ชายที่ใช้ความหลงใหลเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมนาฬิกา และความหลงใหลที่ว่าก็พาเขามาไกลจนถึงขั้นเก็บรวบรวมนาฬิกาหายากไว้กว่า 100 เรือน ผศ.ดร. อัฐวุฒิ ปภังกร หรือ คุณตุ้ย เป็นหนึ่งในนักสะสมนาฬิกาตัวยง ที่ควบตำแหน่งที่ปรึกษาด้านบัญชีและอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา เขาชื่นชอบนาฬิกาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี จากนั้นก็เริ่มฝันว่าอยากมีนาฬิกาดี ๆ ใส่สักเรือน เพราะเชื่อว่านาฬิกาบ่งบอกความเท่ สะท้อนตัวตน และช่วยเสริมบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี คุณตุ้ยจึงเก็บสะสมนาฬิกาเรือนที่ชอบมาเรื่อย ๆ จากนั้นวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมากว่า 20 ปี แต่ความหลงใหลในนาฬิกาของเขาก็ยังหมุนวนรอบหน้าปัดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เหมือนเข็มวินาทีที่ไม่เคยหยุดเดิน “นาฬิกาไม่ใช่แค่เครื่องบอกเวลา ผมว่ามันมีคุณค่ามากกว่านั้น” ผมคิดว่าของสะสมสำหรับผู้ชายส่วนใหญ่มีแค่สองอย่าง หนึ่งคือรถยนต์ สองคือนาฬิกา แล้วสมัยวัยรุ่นการถือเงินสดมันก็ร้อน มันร้อนมือจนเราอยากเอาไปใช้ซื้ออะไรสักอย่าง แต่ถ้าเอาไปซื้อรถก็คงยังไม่มีปัญญาและถ้าซื้อมาก็ไม่รู้จะเก็บไว้ตรงไหนไม่ให้พ่อแม่รู้ แต่นาฬิกานั้นไม่เหมือนรถ ผมสามารถซื้อนาฬิกาจำนวนมากเก็บไว้ที่บ้านได้โดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น
เราแก่ลงทุกวัน ความแก่เอาอะไรไปจากเราพอสมควร และดูเหมือนสิ่งจะเอาไปได้มากที่สุดคงเป็นความมั่นใจกับความภาคภูมิใจในการใช้ชีวิตต่อโดยไม่เป็นภาระใคร เคยลองจินตนาการไหมว่าถ้าเกษียณ ถ้าแก่ลง ไม่มีงานประจำให้ทำอีกต่อไป เราอยากจะเป็นคนแบบไหน อยากทำอะไร บางคนคิดว่าไกลตัวเลยไม่เคยวางแผนและคิดเอาล่วงหน้าว่าพลังที่โดนรีดจากความชราคงทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างริบหรี่ “ลุงซึมเศร้ามาปีเลยนะ นั่งจนโซฟาหักเป็นตัว ๆ ดูไร้ค่า เพื่อนก็ไม่มี คนที่ทำงานอยู่ร่วมกันน่ะ เวลาออกมาแล้วเราเหมือนคน ๆ เดียวเลย อยู่แต่บ้านทุกวัน ๆ ลูกก็ดูแลเราตลอดเวลาไม่ได้ เพราะว่าเขาต้องทำงานถูกไหม ซึมเศร้านะ น้อยใจ เหมือนเกลียดตัวเองไปเลยว่าไม่มีค่าอะไรเลย สุขภาพก็จะแย่ลง ๆ” นี่คือประโยคที่ชายคนหนึ่งเคยพูดไว้ในวันที่หลายคนอาจจะมองว่าการเกษียณเพื่อให้ลูกหลานเลี้ยงดู เราจะสบาย พอใจกับค่านิยมนั่ง ๆ นอน ๆ ที่เราปลูกฝังกันมา แต่ความจริงปลายทางของคนเราไม่ได้มีแบบเดียว และ “ความแข็งแรง” อาจไม่ใช่อุปสรรคชีวิตอย่างที่คิด ก่อนจะไปถึงวันที่เราแก่กันมากกว่านี้ เราอยากให้คุณลองไปทำความรู้จักผู้ชายคนเดียวกันกับที่พูดประโยคด้านบน เขาเพิ่งมาโด่งดังในวัยเกษียณ มาลุกทำตามฝัน และมาบอกกับเรากว่า “ความแก่” ไม่ใช่สิ่งที่จะมาหยุดพลังการใช้ชีวิตของเรา เขาคนนี้คือคนในวงการโมเดลที่ความคิดไม่ได้แก่ลงตามวัย “ลุงติ๊กสเกล – ส.ท. พงศ์กาณฑ์ โกมลกนก” จากรปภ. เกษียณถึงศิลปินและครู คน