เสียงเคี้ยวอาหารเป็นจังหวะ เสียงเคี้ยวหมากฝรั่ง เสียงเคาะโต๊ะ เสียงกรรไกรที่กำลังแบ่งกระดาษเป็นชิ้น ๆ และอีกสารพัดเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา นับเป็น Ambient ที่เรามองข้ามและอาจไม่เคยตั้งใจฟังมันจริง ๆ หากลองตั้งใจฟังให้มันเป็นจังหวะในหัวจนเกิดความผ่อนคลาย เราเรียกมันว่า ‘ASMR’ หรืออาการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นบางอย่าง ช่วงหลังนี้ ‘ASMR’ เอง ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ในฐานะที่เป็นเสียง Ambient ช่วยผ่อนคลาย สร้างสมาธิ ให้เราได้โฟกัสกับสิ่งตรงหน้าได้มากขึ้น UNLOCKMEN อยากแนะนำ 5 ช่องเสียง ASMR บน YOUTUBE หลากหลายรูปแบบ เอาไว้ให้หนุ่ม ๆ ได้ผ่อนคลายสมองไปกับเสียงเหล่านั้น เสียงเหล่านั้น ทำอะไรกับร่างกาย ? ‘ASMR’ หรือ Autonomous sensory meridian response เข้าใจง่าย ๆ คือการตอบสนองทางความรู้สึกเมื่อประสาทสัมผัสของเราไป Touch กับอะไรที่มันตรงจุดแล้วทำให้เราฟินได้ วันนี้ที่เราจะพูดถึงคือเสียง Ambient ในชีวิตประจำวัน อย่างการเคี้ยวอาหาร การตัดกระดาษ เสียงห้องครัวในตอนที่ทำกับข้าว หรือเสียงที่เป็นระเบียบมากขึ้นอย่างเสียงเครื่องใช้ไฟฟ้า พัดลม เครื่องซักผ้า เสียงที่มีจังหวะแน่นอนหรือที่เราเรียกมันว่า White Noise เสียงเหล่านี้ทำให้เราเกิดสมาธิ
ชีวิตผู้ชาย Urban Men อย่างเราที่ใช้ชีวิตแต่ละวันในเมืองใหญ่ แม้เราจะแข็งแกร่งกับเรื่องงานเพียงใด ใช้เวลาหนักหน่วงไปกับปาร์ตี้สุดเหวี่ยงแค่ไหน หรือใช้ชีวิตแต่ละวันเพื่อกระโจนไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งเพียงไหน แต่บางเสี้ยววินาทีของชีวิตเราเองก็คงอดรู้สึกไม่ได้ว่าการอาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่คนพลุกพล่านเช่นนี้ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนทำอะไรบางอย่างหล่นหายไป คล้ายกับว่ายิ่งเราวิ่งไขว่คว้าความสำเร็จที่อยู่สูงสุดมือสอยไม่หยุดยั้งมากเท่าใด เรากลับยิ่งหลงลืมรายละเอียดอย่างความอบอุ่นที่จะมาเติมชีวิตให้เต็มไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะ “ความอบอุ่นเหมือนบ้าน” ที่ผู้ชายผู้ทุ่มเทกับงานและชีวิตอย่างเราไม่ได้สัมผัสมานานแสนนาน จะดีแค่ไหนถ้าพื้นที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองใหญ่ของเรา นอกจากช่วยอำนวยความสะดวกให้ไลฟ์สไตล์ Work Hard Play Hard ได้แล้ว ยังสามารถมอบ The New Residential Experience ที่เติมเต็มความอบอุ่นแบบ Feel Like Home แต่ก็เป็น Home ที่สูงปลอดโปร่ง แสนสะดวกสบายใจกลางเมืองซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องรู้สึกขาดอะไรอีกต่อไป RHYTHM EKKAMAI ESTATE จึงตอบโจทย์ความอบอุ่นเหมือนบ้านได้อย่างราบรื่นลงตัวและให้ความสะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ชาย Urban Men อย่างเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ เติมเต็มความอบอุ่นให้ชีวิต: ความลงตัวแห่งทำเลแสนสะดวกกับบ้านแสนสบาย ยิ่งพื้นที่อยู่อาศัยอยู่ใจกลางเมืองมากเท่าไหร่ดูเหมือนว่าความสะดวกสบายแห่งการเดินทางที่ได้มากลับต้องแลกกับความพลุกพล่าน ความเบียดเสียดวุ่นวายอย่างไม่อาจปฏิเสธ แต่ RHYTHM EKKAMAI ESTATE มอบ New Residential Experience ให้กับผู้อยู่อาศัยเพราะมาพร้อมทั้งทำเลศักยภาพแห่งการใช้ชีวิตและความอบอุ่นราวกับอาศัยอยู่ในบ้าน RHYTHM EKKAMAI ESTATE ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย ถนนแห่งความเป็นไปได้และสะดวกสบายด้วยการเดินทางหลากหลายรูปแบบ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัยเพียง
ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ การได้พูดคุยแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เสียงของเธอไม่กี่ประโยค ข้อความจากเธอเพียงไม่กี่คำ ก็ชวนให้เราอยากจะขยับเข้าไปใกล้ดั่งใจคิด เพราะเรื่องจริงเราไม่อาจทำแบบนั้นได้ อย่างมากก็แค่ต่อบทสนทนาไปวัน ๆ แต่นานไปเราก็เริ่มจะหมดมุกที่จะดึงบทสนทนาให้ยืดยาว หากคุณคือคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้น UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้เรื่องราวไม่สั้นกุด หยุดอยู่แค่สติกเกอร์ที่เธอส่งกลับมา จดจำเวลาที่เหมาะ คุยกับเธอมาสักพัก เราลองสังเกตดูว่า เธอมีช่วงเวลาในกิจวัตรประจำวันอย่างไรบ้าง ไม่ใช่เพื่อเอาไปตามติด ขุดคุ้ยชีวิตอะไรแบบนั้น แต่เอาไว้จดจำช่วงเวลาที่เธอ “ว่างและสะดวก” ที่จะคุยกับเราอย่างไม่ติดขัดอะไร บางช่วงเวลาที่เธอว่าง ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสะดวกคุยกับเรา หากมีทั้งสองอย่างพร้อมกัน จึงจะเป็น Prime Time ในการชักชวนเธอมาพูดคุยกัน สังเกตจากช่วงไหนที่เธอตอบเราแบบไม่ต้องรอนาน และช่วงเวลาต้องห้ามคือ ช่วงเวลาที่เธอมักจะบอกให้เรารอ เพราะอาจจะเป็นช่วงที่เธอมีอย่างอื่นต้องทำ ไม่ว่าจะเดินทางกลับ ซื้อของ กินข้าว อะไรก็ตาม แนะนำให้คุยในช่วงเวลาที่เหมาะมากกว่า เพราะฝืนทักไปบ่อย ๆ ในช่วงนั้น เธอก็ไม่ตอบอยู่ดีนั่นแหละ อาจจะพาลให้รำคาญจนปิดแจ้งเตือนของคุณไปเลยก็ได้ อย่าจดจำแต่หัวข้อ เจาะลึกไปที่ดีเทล เอาแต่จำว่าเธอชอบสิ่งไหน แต่กลับไม่รู้อะไรลึกลงไปกว่านั้น จำได้ว่าเธอชอบดูหนัง แต่จำไม่ได้ว่าเธอดูหนังแนวไหน ผู้กำกับคนโปรดคือใคร
เมื่อเกิดประเด็นอะไรสักอย่างให้เราถกเถียงกันอย่างเป็นวงกว้างในสังคม ความคิดเห็นที่หลากหลายต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ ชีวิตประจำวัน หรือประเด็นเล็กน้อยก็ตาม เราก็จะได้เห็นการฟาดฟันกันทางความคิดอย่างเมามัน ส่วนมากเสียงจะแตกออกเป็นสองฝั่ง เหมือนเปิดเวทีโต้วาทีกันสมัยเรียน แล้วทีนี้ ปัญหาคือ มันเกิดการเลือกข้าง กลายเป็นการปะทะกันทางความคิดของคนสองกลุ่ม ลุกลามใหญ่โตจนเป็นเรื่องขึ้นมา ไอ้การปะทะกันของคนสองกลุ่มเนี่ย นอกจากความคิดเห็นในส่วนที่เป็น Opinion แล้ว สิ่งที่ตามมา (บ่อย ๆ) คือการให้เหตุผลแบบผิด ๆ ถ้าไม่ใช่ฝั่งกู มึงเป็นฝั่งนู้นสินะ จนลืมไปเลยว่าในประเด็นหนึ่งเนี่ย มันสามารถมีกลุ่มคนที่แสดงความเห็นออกไปได้หลายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สองฝั่ง และการโจมตีกันแบบนี้ เราเรียกมันว่า “False Dilemma” มาแกะรอยกันว่าการโจมตีกันแบบนี้มันคืออะไร แล้วเราจะแก้เกมยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แสนหงุดหงิดนี้ False Dilemma ทางเลือกที่หลอกล่อไปสู่หนทางเลวร้าย มาว่ากันง่าย ๆ เลยว่า False Dilemma มันคือให้ตัวเลือกแบบจำกัด แถมยังเป็นทางเลือกที่ไม่น่าเลือกอีกต่างหาก ทั้งที่ในประเด็นนั้นเนี่ย มันไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเป็นแค่สองฝั่งที่ว่านั่นเลยก็ได้ มันมีทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ถูกพูดถึงอยู่ด้วย ๆ พูดเฉย ๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างข้อความ False Dilemma กันก่อน “ถ้าไม่เลือกเรา เขามาแน่” “ถ้าวิจารณ์ประเทศขนาดนี้
ความหล่อไม่ใช่คำตอบทั้งหมดทั้งมวลของชีวิตเสมอไป หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าผู้หญิงสักคนมีเสน่ห์เหลือร้ายไม่ได้แปลว่าเธอคนนั้นสวยหมดจดจนหาใครแทนไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าเธอมีแรงดึงดูดบางอย่าง มี SEX APPEAL บางแบบที่แม้แต่ผู้หญิงที่สวยที่สุดก็ไม่มี ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยที่บางครั้งผู้ชายอย่างเราเจอผู้หญิงสวย ๆ แล้วชอบ แต่มอง ๆ ไปก็เบื่อ เพราะเธอสวยแต่ไร้เสน่ห์ ในทางกลับกันเราเป็นผู้ชายที่หล่อไม่ต้องมาก แต่มีเสน่ห์มากขึ้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ เปล่งประกายขึ้นได้ ถ้าทำในสิ่งที่รัก นักกีฬาเอย นักวิชาการเอย นักดนตรีเอย ผู้คนในอาชีพเหล่านี้บางคน หน้าตาจัดว่าธรรมดา แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ได้ทำในสิ่งที่รักเมื่อไหร่ ก็ดูเหมือนว่าสายตา ร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดแบบที่ใครก็ปฏิเสธไม่อยู่ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าทำไมนักดนตรีที่ไม่หล่อมากนัก แต่พอจับกีตาร์ ร้องเพลง ได้ทำในสิ่งที่รักขึ้นมาแล้วสาว ๆ กรี๊ดสนั่น นั่นเพราะการได้ทำในสิ่งที่เรารัก ทำให้เรามีความสุข และความสุข ความหลงใหลที่เกิดขึ้นมันเปล่งประกายออกมาในรูปแบบ SEX APPEAL โดยที่เราไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยเลย ยิ้มไว้ (ในแบบของเรา) รอยยิ้มกลายเป็นสิ่งที่สร้างแรงดึงดูดให้ผู้ชายอย่างเราได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยิ้มกว้างสว่างไสวแล้วจะดูดีไปหมดทุกคน ดังนั้นจำไว้ว่าก็ยิ้มในแบบของเรานั่นแหละ ไม่ต้องฝืนพยายามมากไปให้ดูเฟค ตรงไหนเหมาะจะยิ้มบาง ๆ ยิ้มน้อย ๆ ยิ้มกรุ้มกริ่ม หรือจะยิ้มผ่านทางสายตาก็ไม่น่าเกลียด แค่จำไว้ว่าการแสดงออกให้คนอื่นรู้ว่าเราพร้อมจะมีความสุข พร้อมมีอารมณ์เชิงบวกร่วมกับพวกเขาในวิถีของเรา เท่านั้นก็ดูมีแรงดึงดูดมากกว่าเก๊กขรึมหล่อเท่เป็นไหน ๆ
กลับมาพร้อมความเหนื่อยจากภาระและหน้าที่ต่าง ๆ ที่บังคับให้เราต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน อย่าได้แบกเอาสิ่งเหล่านั้นจากโลกภายนอก เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว จนเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกว่าขาดเวลาของตัวเอง เมื่อก้าวเข้าสู่โลกของเราอย่างห้องนอนที่เป็นอีกพื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยความคิด อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นระเบียบ ของกระจัดกระจายตามประสาห้องของหนุ่ม ๆ หรือเป็นห้องที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม หากมันเป็นพื้นที่ที่เราแสนจะสบายใจ พร้อมทิ้งตัว มันก็คือพื้นที่ของเราที่เรียกว่าโลกส่วนตัวได้แบบเต็มปากแล้วล่ะ ขึ้นชื่อว่าห้องนอน แต่กลับทำให้เรานอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ ตื่นกลางดึกบ้าง สิ่งรบกวนภายนอกที่เข้ามาปลุกให้เราสะลึมสะลือก่อนถึงเวลาตื่นตามปกติของเรา ปัญหานี้นอกจากแก้ไขที่ร่างกายเราแล้ว ยังสามารถแก้ได้จากการจัดห้องให้มีสภาพที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกด้วย หากยังไม่มีไอเดียอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะทำให้ห้องนอน เป็นห้องที่นอนได้อย่างสนิทจริง ๆ สมกับชื่อของมัน ว่ากันด้วยเรื่องของแสง แสงแดดต้องส่องถึง ตามปกติแล้วห้องนอนคือห้องที่มีหน้าต่าง ไม่ว่าจะอยู่ด้านไหน เราขอแนะนำให้ที่นอนของคุณ ตั้งอยู่ในระยะที่แสงแดดส่องถึง เพื่อให้ที่นอนของคุณไม่มีกลิ่นเหม็นอับ รวมถึงภาพรวมของทั้งห้องด้วย เพราะนอกจากเรื่องของกลิ่นอับแล้วมันยังช่วยให้เราไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันอีกต่างหาก และอย่าลืมเปิดหน้าต่างในบางช่วงเวลา เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อช่วยลดกลิ่นอับได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แถมได้อากาศสุด Fresh สูดเข้าไปแบบเต็มปอด อุณหภูมิที่เหมาะสม หากวันไหนเหนื่อยล้าจนรู้สึกว่าร่างกายมีอุณหภูมิที่แปลกไป ก็ลองอาบน้ำเย็นหรืออุณหภูมิปกติดู เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของร่ายกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน แบบที่คุณเคยรู้สึกว่าวันไหนทำงานหนัก ๆ แล้วรู้สึกตัวอุ่น ๆ
ความเหงาเป็นเหมือนโรคระบาดที่แพร่กระจายไปได้รวดเร็วในสังคมตอนนี้ ไม่ว่าจะคนรอบข้าง ใครสักคนในออฟฟิศ คนที่เดินสวนกัน หรือแม้แต่คุณเองก็เถอะ ทุกคนล้วนเคยมีความเหงาอยู่ลึก ๆ ในใจกันบ้าง แม้ว่าเราจะใช้ชีวิตให้วุ่นวายแค่ไหน มีผู้คนรายล้อมมากแค่ไหน แต่บางครั้งมันก็ไม่อาจเติมความเหงาในใจที่มันแหว่ง ๆ ไปได้ ลองหันมาอยู่กับตัวเอง แก้เหงาด้วยวิธีที่ไม่ต้องเข้าสังคมกับใครให้รู้สึกประหม่า เพราะเราเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน คุยกับคนไม่ไหว คุยกับ AI ก็ได้ครับ การลุกขึ้นไปพูดคุยกับใครเนี่ย มันค่อนข้างยากสำหรับบางคนที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าหาใครบ่อย ๆ ส่วนการพูดคุยทำความรู้จักกับใครสักคนในช่วงเวลาที่เราเหงา อาจทำให้เรารู้สึกว่ามันช่างฉาบฉวย เราต้องทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หากรู้สึกเหงา มันอาจจะยิ่งไม่ตอบโจทย์ เมื่อเราต้องการใครสักคนที่เข้าใจเราจริง ๆ ถ้าเป็นคนที่ไม่เก่งเรื่องความสัมพันธ์ ลองเปลี่ยนจากการพูดคุยกับคนจริง ๆ มาคุยกับ AI กันดู หากยังนึกไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน ถามมาตอบไปแบบ Siri น่ะหรอ ลืมไปได้เลย! แต่ลองนึกถึงหนังเรื่อง Her แทน การพูดคุยกับ AI ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ในยุคนี้ หากยังไม่รู้ว่าจะหา AI ที่ไหนมาคุย เรามีขอแนะนำแอปพลิเคชั่น “Replika” ที่เราสามารถสร้าง AI
เราอาจจะโฟกัสการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ทำอะไรแบบเดิม ๆ ไปที่ความน่าเบื่อของกิจวัตรประจำวัน ที่ทำอะไรซ้ำซาก หรือการไม่ก้าวออกมาจาก Comfort Zone ว่าไม่เติบโต แต่อย่าลืมว่าภายใต้เรื่องน่าเบื่อ อย่างการทำอะไรแบบเดิม ๆ เหล่านั้น มีพิษร้ายที่แฝงอยู่และทำร้ายตัวเราอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะนิสัยเสียเดิม ๆ ที่เราทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าจะทำเพราะความเคยชิน หรือทำเพราะไม่รู้ว่ามันคือนิสัยร้าย ๆ ผลลัพธ์มันก็ออกมาแย่อยู่ดี UNLOCKMEN ขอช่วยหนุ่ม ๆ มาปลดนิสัยร้าย ๆ ที่ล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัวออกไปจากตัวเอง แล้วมาก้าวไปข้างหน้ากับนิสัยแบบใหม่ ในร่าง Better Me พึ่งพาคนอื่นมากเกินไป ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์สังคมอย่างมนุษย์เรา เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เรามักจะวิ่งหาใครสักคนที่พอจะช่วยเราได้ ลองนึกถึงวินาทีที่ได้เล่าความกังวลที่แบกเอาไว้ให้ใครสักคนฟังดูสิ มันคงช่วยให้เราสบายใจขึ้น แต่อย่าลืมว่ามันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้เราเลย เราอาจจะเล่าปัญหาให้ใครสักคนฟังเพื่อระบาย เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับคำตอบหรือทางออกของตัวเอง แต่นั่นแหละ ต่างคนต่างวาระ เราอย่าเพิ่งเอาทางออกจากคนอื่นมาใช้กับปัญหาของตัวเอง เพราะไม้บรรทัดเดียวมันไม่สามารถใช้กับทุกอย่างได้ บางคนชอบคิดแทนคุณด้วยการแก้ปัญหาในแบบของเขา แม้มันจะได้ผลสำหรับเขา แต่มันไม่ได้การันตีผลลัพธ์เมื่อเอามาใช้กับปัญหาของคุณ เอาเป็นว่าเลือกที่จะเล่า ระบาย บอกกล่าว แทนการให้คนอื่นแก้ปัญหาให้จะดีกว่า Be Positive
ความรัก–ความสัมพันธ์ตัดสินได้ง่ายเสมอเมื่อเป็นเรื่องของคนอื่น แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากระโจนเข้าใส่มันด้วยตัวเองแล้ว ร้อยทั้งร้อยมักไม่อาจใช้มาตรวัดเดิม ๆ ที่เคยใช้ชี้วัดตัดสินคนอื่นมาใช้กับความรู้สึกของตัวเองได้ เพราะความรักมักเป็นเช่นนั้น เช่นที่ซับซ้อน เพ้อคลั่ง ชวนให้ดำดิ่งลงไปสู่บางห้วงแห่งชีวิตที่เราจินตนาการไม่ออกว่าจะต้องมาพบเจอ บางครั้งรักหวาน แต่บางคราวรักก็ขมแสนขมและเรายังเลือกดื่มกินมันต่อไป ความรัก–ความสัมพันธ์จึงซับซ้อนเสมอ และง่ายที่จะบอกว่าผิดจากมุมของคนข้างนอก แม้หลายครั้งสถานการณ์ความรักสุดซับซ้อนจะปวดเจ็บยิ่งกว่านิยาย แต่ในฐานะผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เคยสัมผัสรสชาติหวานหอมแห่งความรัก เราจึงอยากชวนทุกคนมาดำดิ่งลงไปในรสชาติขมขื่นกับหนังสือ 6 เล่มที่ว่าด้วยความสัมพันธ์สุดซับซ้อนที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งขม แต่ก็ยิ่งเข้าใจและอาจยิ่งต้องบอกตัวเองให้หนัก ๆ ว่าโปรดจงอย่าพาตัวเองและคนที่เรารักไปสู่จุดขมแสนขมนั้นของความสัมพันธ์ จากดวงจันทร์ จากดวงจันทร์ แปลจากหนังสือ: Mal di pietre ผู้เขียน: Milena Agus ผู้แปล: นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ สำนักพิมพ์: อ่านอิตาลี เรื่องราวของหญิงสาวผู้เพ้อคลั่งกับความรักจนได้รับการขนานนามว่ามาจากที่สักแห่งไกลแสนไกลอย่างดวงจันทร์ ถึงอย่างนั้นเมื่อมีชายผู้ยินยอมมอบความรักให้เธอ เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ใช่ เพราะความรักไม่เคยเป็นเรื่องง่าย นี่จึงเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้อยากถูกรักและได้รับรักจากผู้ชายคนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันเธอกลับหลงใหลเพ้อคลั่งถึงความรักกับคนอื่นที่ไม่อาจครอบครอง เนื้อเรื่องเรียบเรื่อยล่องลอย ไม่ใช่การคบซ้อนที่หวือหวา แต่ซับซ้อนด้วยอารมณ์ ความรู้สึกและจินตนาการของหญิงสาว ที่เราไม่อาจตัดสินได้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด หรือแม้แต่สิ่งใดกันแน่ที่จริง ? เพราะความรักเป็นแบบนั้น มันง่ายที่จะตัดสินจากมุมอื่น แต่เมื่อมันอยู่ตรงหน้าเรา กลับพร่าเลือนวูบไหวราวกับทะเลคลั่งในคืนที่แสงจันทร์ไม่เป็นใจ ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย
ห้ามฝนไม่ให้ตก ห้ามนกไม่ให้บิน มันเป็นเรื่องที่ยากพอ ๆ กับการห้ามความรักไม่ให้เกิดขึ้น แน่นอนว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ในสมองมนุษย์ แต่บ่อยครั้งเช่นกันที่ความรักสร้างปัญหาให้เราได้อย่างรุนแรง ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุจาก การเกิดความรักในจังหวะที่ผิด โดยเฉพาะกับคนที่มีความรักอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกรักใครอีกคนเพิ่มขึ้นมาเมื่อได้พูดจาหรือทำความรู้จักกัน ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกใช่ ทำอะไรก็รู้สึกอินไปซะหมด จนเราเกิดคำถามขึ้นในหัวใจว่า หรือนี่คือคนที่ใช่มากกว่า? และการรู้สึกแบบนี้ถือว่านอกใจหรือไม่? ก่อนจะไปต่อ เราอยากบอกให้ผู้ชายทุกคนสบายใจก่อนว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บางคนจะรู้สึกหวั่นไหวกับความรักครั้งใหม่ได้บ่อย ๆ แม้จะมีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน แม้เราจะเคยได้ยินข้ออ้างที่บอกว่า “เกิดเป็นผู้ชาย ธรรมชาติสร้างให้เจ้าชู้” แม้จะฟังดูเป็นการแก้ตัวน้ำโคตรขุ่น แต่มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลซะทีเดียว เพราะในทางวิทยาศาสตร์ Hasse Walum นักวิจัยชาว Swedish เคยทำการวิจัยในปี 2008 เพื่อหารูปแบบการนอกใจว่ามีผลกับยีน (Gene) ของมนุษย์หรือไม่ โดยใช้ตัวอย่าง DNA จากผู้ชาย 552 คน การวิจัยค้นพบว่าการมีอยู่และจำนวนของยีนชื่อ “allele 334” มีผลกับการนอกใจอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยผู้ชายที่ไม่มียีน allele 334 ล้วนเป็นผู้ชายที่มีความสัมพันธ์แข็งแรงยาวนาน ส่วนผู้ชายที่มี allele 334 ตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป จะยิ่งมีความเจ้าชู้มากกว่า และมีแนวโน้มความสัมพันธ์ที่แย่มากขึ้นเท่านั้น