คงไม่มีใครหน้าไหนชอบหรืออยากพบเจอกับอารมณ์ “โกรธ” ไม่ว่าจะเป็นการโดนเหวี่ยงโวยวายจากอารมณ์โกรธของผู้อื่น หรือแม้กระทั่งยามที่อารมณ์โกรธก่อตัวขึ้นในจิตใจของเราเอง ซึ่ง “Short Fuse” คือคำที่ใช้เรียกเมื่อมนุษย์ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกด้านลบภายในตัวเองได้ และอาจสร้างผลลัพธ์ทางลบกับตัวเราโดยไม่รู้ตัว แต่ทราบหรือไม่ว่าพลังงานด้านลบของอารมณ์โกรธ ก็มีประโยชน์ในทางบวกเช่นกัน หากรู้จักใช้อย่างถูกวิธี แถมยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้โหมดเลือดร้อนของเรา แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อสร้างสรรค์อะไรเจ๋ง ๆ ให้กับตัวเองได้อีกด้วย ด้านบวกที่ซ่อนอยู่ ในช่วงเวลาแห่งความโกรธ เราพบเจอความโกรธได้จากสัตว์บนโลกทุกชนิดรวมทั้งมนุษย์ เพราะนั่นคือสัญชาตญาณ “เอาตัวรอด” ตามธรรมชาติในการตอบสนองความต้องการมีชีวิตอยู่ เมื่อถูกข่มขู่หรือปองร้ายจากปัจจัยรอบตัว นักวิจัยชื่อ Jenifer Lerner และ Dacher Keltner ได้ศึกษาผลกระทบจากความโกรธ พบว่าในระหว่างที่มนุษย์กำลังโกรธอยู่นั้นจะมีความรู้สึกอย่างนึงที่โดดเด่นขึ้นมา นั่นก็คือ “ความกล้าได้กล้าเสีย” ความรู้สึกอยากลองเสี่ยงเช่นนี้ถือเป็นเรื่องดีที่จะสามารถนำมาใช้เป็นแรงผลักดันชีวิตได้ ความลับในการใช้ความโกรธทางบวก ทักษะที่ควรลองฝึกฝนตัวเองหากต้องการใช้งานพลังด้านบวกจากความโกรธคือ ควรเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง ไม่ใช่ภายนอก ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราขับรถออกไปทำงานในตอนเช้า แต่กลับพบว่าบนถนนมีรถติด ทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดหรือโมโห ซึ่งปกติคนเรามักจะโทษปัจจัยภายนอกว่าเป็นสาเหตุ เช่น คนอื่นขับรถแย่ทำให้รถติด จำนวนรถยนต์มีมากเกินไปทำให้รถติด การบริการจราจรที่ห่วยแตกทำให้รถติด แต่การเปลี่ยนแปลงจากภายในคือ เมื่อโกรธ ให้สำรวจที่ตัวเองก่อนว่าเราคือต้นเหตุหรือไม่ เช่น เราตื่นสาย จึงออกมาทำงานช้าเกินไป จนต้องเจอกับรถติด ทำให้มีแรงจูงใจเพื่อพัฒนาตัวเองไปในทางดีขึ้น เพื่อการตื่นเช้าและขับรถในขณะที่การจราจรยังไม่โหดร้าย หรือเราโกรธ ที่เพื่อนยืมเงินเราแล้วไม่คืน
ยุคนี้ชื่อของ Ronaldo อาจทำให้หลายคนนึกถึง Cristiano Ronaldo กองหน้าชาวโปรตุเกสและสโมสร Manchester United แต่หากย้อนไปในความทรงจำของคอฟุตบอลในยุค 90’s ทุกคนจะต้องนึกถึง Ronaldo “R9” สุดยอดกองหน้าทีมชาติบราซิลเจ้าของฉายา “The Phenomenon” (ปรากฏการณ์) อย่างแน่นอน แม้ชื่อเสียงของ Ronaldo จะถูกยกย่องในวงการฟุตบอลไปทั่วโลก แต่อุปสรรคหลาย ๆ อย่างก็ทำให้เจ้าตัวต้องพบกับปัญหามากมาย โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่เล่นงานจนทำให้เราไม่ได้เห็นฝีเท้าของเขาไปนานนับปี รวมไปถึงเรื่องของน้ำหนักตัวที่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวถึงต้องตัดสินใจยุติการค้าแข้งไวกว่าที่ใครคาดคิดเอาไว้ ทิ้งการเรียนมาลงถนนเพื่อเตะฟุตบอล Ronaldo Luis Nazario de Lima ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1976 ณ กรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล ชีวิตของเขาผูกพันกับลูกฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดสำหรับคนบราซิล เพราะบางคนเกิดมาก็ได้รับของขวัญเป็นลูกฟุตบอลแล้ว รวมไปถึงคนส่วนใหญ่ในประเทศเชื่อว่ากีฬาชนิดนี้จะทำให้พวกเขาหนีออกจากความยากจนซึ่งเป็นปัญหาของประชากรส่วนใหญ่ไปได้ อย่างไรก็ตามครอบครัวของ Ronaldo ไม่ได้ยากจนขนาดนั้น และสามารถส่งเขาเรียนหนังสือได้อย่างสบาย ๆ แต่ตอนที่ Ronaldo มีอายุได้ 11
ใครคือนักเต้นที่ดังที่สุดในประเทศไทย? อาจจะเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่ถ้าถามว่าใครคือนักเต้นที่อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก รับรองว่าเราจะต้องเห็นชื่อ ‘Les Twins’ สองพี่น้อง duo นักเต้นจากฝรั่งเศสเจ้าแห่ง new-style hip-hop dancing ปรากฎอยู่ในระดับหัวแถวแน่นอน “Les Twins” คือชื่อทีมสุดขลังระดับ Icon ของวงการ Street Dancers ที่โด่งดังทะลุไปถึงในวงการ Design และ Entertainment ทั่วโลก ประกอบด้วยสองพี่น้องฝาแฝดชาวฝรั่งเศส Laurent และ Larry Bourgeois aka “Lil Beast” and “Ca Blaze” คู่หูที่ปัจจุบันคำว่านักเต้นอาจจะน้อยเกินไป เราขอเรียกว่าเป็น “Urban Movement Creators” ศิลปินที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวให้กลายเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉีกกรอบความสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัดจะเหมาะสมกว่า Laurent และ Larry Bourgeois สองนักเต้นฝาแฝด Les Twins เกิดในปี 1988 และเติบโตในเมืองทางตอนเหนือของปารีส พวกเขาไม่เคยเข้าคอร์สเรียนเต้นอย่างจริงจังมาก่อนเลย แต่ใช้วิธีเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการสังเกตนักเต้นคนอื่น
ทุกวันนี้ เรื่องราวของเทคโนโลยีบล็อกเชน, เหรียญคริปโตต่าง ๆ นา ๆ ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้คนทั่วไปมากขึ้น รวมไปถึงการซื้อขายผลงานศิลปะในรูปแบบของ NFT (Non-Fungible Token) ที่ก่อให้เกิดศิลปินหน้าใหม่ขึ้นมากมาย ด้วยความเปิดกว้างของตลาด ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะสร้างงานแนวไหน ใช้เทคนิคอะไรยากง่ายไม่เกี่ยง ขอแค่เหล่านักสะสม หรือนักลงทุนถูกใจก็มีสิทธิ์ปล่อยผลงานออกไปในราคางาม และท่ามกลางศิลปินจำนวนมากที่เริ่มเข้ามาชิมลางกับการสร้างงาน NFT หนึ่งในนั้นยังมีชายที่ชื่อว่า ‘วีระชัย ดวงพลา’ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในนาม ‘THE DUANG (เดอะ ดวง)’ นักวาดการ์ตูนชาวไทย ที่มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา กับผลงานการ์ตูนรวมเล่มฮิต ๆ และงานวาดภาพประกอบเจ๋ง ๆ มากมาย อีกทั้งยังเคยคว้ารางวัลใหญ่อย่าง Silver Award จากเวทีประกวดรางวัลการ์ตูนนานาชาติ ที่ประเทศญี่ปุ่น มาแล้ว แต่อะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้หันมาตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลก NFT แม้จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งในตลาดซึ่งชื่อเสียงที่สั่งสมมาในโลกจริง ไม่อาจการันตีว่างานของคุณจะขายได้ วันนี้เรามาพบคำตอบเหล่านั้นจากปากของ ‘THE DUANG – วีระชัย ดวงพลา’ ไปพร้อมกัน ก่อนจะเป็น THE DUANG ก่อนจะไปถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นในวงการ NFT
ผ่านเวลามายังไม่ทันจะครบ 2 เดือน เราเชื่อว่า ณ ตอนนี้ หลายคนคงยังจำความรู้สึกภาคภูมิใจกับการที่ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยได้ไปสร้างชื่อเสียงระดับโลกในกีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุด ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นอย่างดี และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการคว้าเหรียญโอลิมปิกแรกในประวัติศาสตร์มวยสากลหญิงไทย นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดตราตรึงใจพี่น้องชาวไทยในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งที่ผ่านมา คอลัมน์ ZERO TO HERO วันนี้ จึงอยากนำเสนอเรื่องราวความมุ่งมั่นตั้งใจของ ‘แต้ว-สุดาพร สีสอนดี’ นักชกมวยสากลหญิงทีมชาติไทย ผู้เป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกประวัติศาสตร์เหรียญที่เราได้กล่าวถึงในตอนต้น ย้อนไปตั้งแต่ก้าวแรกสู่สังเวียนมวยในวัยเด็ก แม้จะมีเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เธอผู้นี้ก็ยังคงมุ่งมั่นอดทนฟันฝ่า จนถึงวันที่ประสบความสำเร็จเป็นฮีโร่ที่สร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลก เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนสามารถไปสู่เป้าหมายในเวทีชีวิตของตัวเองได้เช่นกัน ก่อนจะมีชื่อเสียง เกียรติยศ รวมถึงเงินรางวัลอัดฉีดจำนวนมากมายอย่างทุกวันนี้ หากย้อนไปราว ๆ 20 กว่าปีที่แล้ว นั่นคือช่วงเวลาที่ ‘แต้ว-สุดาพร’ ยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ที่บังเอิญได้มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับสังเวียนผ้าใบใน “สุดยอดการช่าง” ค่ายมวยไทยเล็ก ๆ ที่คุณพ่อของแต้วเปิดขึ้นมาเพื่อฝึกมวยให้กับเด็ก ๆ ที่อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี บ้านเกิดของเธอ จากความซุกซนตามประสาเด็ก ที่เห็นการปะทะหมัดมวยเป็นเรื่องสนุก จนอยากซ้อม อยากออกหมัด โดยมีคุณพ่อเป็นครูมวย และกระสอบทรายเป็นคู่ซ้อม ในที่สุดเมื่ออายุย่างเข้า 11
สำหรับหนุ่ม ๆ Urban Men ที่มีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับย่านใจกลางเมืองเป็นส่วนใหญ่ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘สาทร’ ย่านธุรกิจที่มีเสน่ห์ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ตึกออฟฟิศ หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ เพียงเท่านั้น ย่านสาทรเป็นเหมือนศูนย์กลางของ Urban Lifestyle ที่สะดวกสบายทั้งการเดินทาง และการใช้ชีวิต รายล้อมไปด้วยร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์, ห้างสรรพสินค้า, คาเฟ่บิสโทรสุดชิค รวมไปถึงสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานทูต และโรงแรมระดับ 5 ดาว มากมาย นอกจากอาคารสำนักงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ที่ครบครัน ‘สาทร’ ยังเป็นโลเคชั่นซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตใจกลางมหานครได้อย่างสมบูรณ์แบบ กับโครงการ TAIT Sathorn 12 (เทตต์ สาทร ทเวลฟ์) ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปทำความรู้จักในทุกแง่มุมของคอนโดมิเนียมโครงการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เลือกคอนโดใหม่ที่พร้อมตอบสนองวิถีชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว โครงการ TAIT Sathorn 12 เป็นคอนโด High Rise ระดับ Luxury ความสูง
ในชีวิตนี้เราคงผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขมามากมาย เช่น ตอนที่ได้ของขวัญวันเกิด ตอนที่ได้รางวัลใหญ่ ตอนที่จีบสาวติด หรือ ตอนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เหตุการณ์เหล่านั้นคงทำให้หลายคนเกิดอาการดีใจเบิกบาน ร่าเริง และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตไปอีกหลายวัน แม้ความสุขดูจะเป็นสิ่งที่ดีจนทำให้หลายคนพยายามตามหามัน แต่วิทยาศาสตร์กลับบอกเราว่า การให้ความสำคัญกับความสุขมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อเราได้ในหลายด้านเหมือนกัน เช่น ทำให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาได้แย่ลง ทำให้เราไม่มีความสุข ร้ายที่สุดมันอาจทำให้เราตายไวขึ้นด้วย ความสุขที่มากเกินไปอาจไม่ดีต่อหัวใจ ความสุขที่มากเกินไปอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจของเราอ่อนแรงลงได้ไม่ต่างจากคนอกหัก ทีมวิจัยจาก University Hospital Zurich พบว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขอาจทำให้เราเกิด ภาวะใจแหลกสลาย (Takotsubo syndrome) หรือ ภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงแบบเฉียบพลันได้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย Takotsubo syndrome จำนวน 485 ราย แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยจำนวนกว่า 96% มีเหตุการณ์เศร้าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ ส่วนอีก 4% มีอาการจากเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาดีใจสุดขีด งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ความเศร้าที่เป็นภัยต่อหัวใจ แต่ความสุขก็ทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตรายได้เหมือนกัน ความสุขที่มากเกินไปอาจทำให้เราแก้ปัญหาได้แย่ลง แม้ความปิติยินดีจะเป็นแรงผลักดันให้เราใช้ชีวิต และทำให้เราทำอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้น แต่ถ้าเราถูกครอบงำด้วยความสุขมากเกินไป ผลที่เกิดขึ้นอาจมีร้ายมากกว่าดี งานวิจัยเมื่อปี 2008 ได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ คือ
“นอนน้อยแต่นอนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยนอนชดเชย” แนวคิดที่คนส่วนใหญ่วันนี้เชื่อเหมือนกันทั่วโลก แต่หลายคนอาจสังสัย ทำไมนอนยาว ๆ มาหลายคืน แต่ตื่นเช้ามากลับไม่รู้สึกสดชื่นแจ่มใสเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังเหนื่อยล้าสะสมจนกระทบทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจกลายเป็นคนห่อเหี่ยว ทั้งหมดเกิดจาก “ปัญหาการนอน” ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตของคน 45% ในโลกมีปัญหา บอกก่อนเลยว่าปัญหานี้ไม่เกี่ยวกับอายุ แม้จะมีความเชื่อผิด ๆ ว่าวัยรุ่นมีพลังการฟื้นตัวที่ดีกว่าผู้ใหญ่ เพราะในผลวิจัย “Observing changes in human functioning during induced sleep deficiency and recovery periods” ทดลองกับวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่มีเวลานอนพักผ่อนน้อยกว่ามาตรฐานราว 30% เป็นเวลา 10 คืนต่อเนื่อง พบว่ามีผลข้างเคียงคือสติและการประมวลผลมีประสิทธิภาพต่ำกว่าปกติ สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย ไม่สามารถรับอะไรใหม่ ๆ เข้าหัวได้ คิดอะไรสร้างสรรค์ไม่ออก ความสามารถในการแก้ปัญหาและตัดสินใจไม่เฉียบคมเหมือนปกติ แม้จะนอนให้เพียงพอเพื่อชดเชยถึง 7 วันแล้ว ก็ยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นเหมือนเดิมได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงรู้สึกง่วงไร้เรี่ยวแรงตลอดเวลา ในขณะที่บางคนมีพลังงานเต็มถังอยู่เสมอ ตามรายงานจาก US
นับเป็นการแจ้งเกิดในวงการเทนนิสที่สร้างความฮือฮามาก ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ นักกีฬาเทนนิสหน้าใหม่ปรากฎตัวในการแข่งขันระดับโลกแค่ไม่กี่ครั้งคนหนึ่ง จะสามารถโค่นล้มนักกีฬามืออาชีพได้แบบขาดลอย และคว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่นหญิงเดียวมาครอบครองได้ในที่สุด สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้มีชื่อว่า Emma Raducanu นักเทนนิสสาววัย 18 ปี ที่มาพร้อมกับความสามารถอันโดดเด่น ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นดาวรุ่งในวงการเทนนิสอย่างรวดเร็ว UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปรู้จักกับเธอให้มากขึ้นกัน พื้นเพและผลงานของ Emma Raducanu Emma Raducanu เกิดเมื่อปี 2002 ในบ้านเกิดที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ครอบครัวของเธอเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในต่างแดน พออายุได้ 2 ขวบ เธอก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงลอนดอนพร้อมกับครอบครัว ทำให้เธอได้รับ 2 สัญชาติ (ได้แก่ แคนาดา และ บริติช) ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ในวัยเด็กเธอได้เล่นกีฬาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ แข่งรถคาร์ท สกี ขี่ม้า รวมถึง บัลเล่ต์ และ แท็ปแดนซ์ ส่วนเทนนิส เธอเริ่มเล่นมันตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนกระทั่งในปีอีกสิบปีต่อมา หลังจากที่เธอฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านเทนนิสมานมนาน
ผู้ชายอย่างเรามักมีภาระกองเท่าภูเขา ไหนจะภาระค่าใช้จ่าย ภาระครอบครัว หรือ ภาระเรื่องงาน ปัญหาเหล่านี้มักทำให้เราปวดหัว เกิดอาการกังวลจนทำตัวไม่ถูกกันอยู่บ่อย ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยเทคนิค การจัดลำดับ (Scheduling) เราจะรับมือกับพวกมันได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน Scheduling คือ ทักษะในการเรียงความสำคัญของกิจกรรมที่เราต้องทำในแต่ละวัน มันจะทำให้เรารู้ว่าควรทำอะไรก่อนและควรทำอะไรหลัง และสามารถลงมือทำอย่างเป็นลำดับที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด หลายคนอาจคุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว เช่น การทำตารางเวลา หรือ จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันในรูปแบบของ to-dolist แม้ Scheduling จะทำได้ง่าย และหลายคนทำเป็นอยู่แล้ว แต่มันก็มีทิปที่เราควรรู้ไว้ เพื่อให้เราทำมันได้ดีขึ้นเหมือนกัน UNLOCKMEN อยากมาแนะนำเทคนิคที่ช่วยพัฒนา Scheduling เพื่อชีวิตที่จัดการได้อย่างราบรื่นมากขึ้น กำหนดเวลาที่เราจะเริ่มคิด schedule ทุกวัน ก่อนนอนควรเป็นช่วงเวลาที่เราพร้อมสำหรับการพักผ่อน ถ้าช่วงนั้นหัวเราไม่โล่ง เต็มไปด้วยความกังวลถึงเรื่องต่าง ๆ เราจะมีปัญหาเรื่องการนอน และตื่นมาในสภาพนอนไม่พอได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรทำ to-dolist ก่อนนอน แต่ควรทำก่อนหน้านั้น เพื่อไม่ให้ความกังวลรบกวนการนอนของเรา เราอาจเริ่มทำมันตอนที่สมองเรายังพร้อมรับความกังวลอยู่ เช่น ช่วงก่อนเลิกงาน 10 นาที