ปัญหาโลกแตกของความสัมพันธ์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบุคคลที่สาม ที่หลายครั้งเป็นเหมือนปัจจัยภายนอกที่เราไม่อาจควบคุมได้ แต่หลายครั้ง มันคือปัจจัยที่อีกคนดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมือของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นมือที่สามที่มาในสารพัดสถานะ คนเคยคุย เพื่อนมัธยม เพื่อนที่ทำงาน และน่าปวดหัวจี๊ดที่สุดคงจะเป็น แฟนเก่า นั่นเป็นปัญหาที่แก้ตกไม่ตก เพราะคงไม่มีใครอยากอยู่ใต้เงาของใครไปตลอด หากคุณเกิดสะกิดใจกับท่าทีของอีกฝ่ายขึ้นมา UNLOCKMEN จะพามาดู 10 สัญญาณบ่งบอกว่าแฟนของคุณ ยังไม่ลืมคนเก่าของเธอ มักจะบอกบ่อย ๆ ว่าเธอทำนู่นทำให้แฟนเก่า เธอมักจะบอกเล่าเสมอว่าเธอทำหน้าที่แฟนได้ดีแค่ไหน ด้วยการพูดถึงสิ่งที่เธอเคยทำให้คนเก่าของเธอ ที่สำคัญคือบอกโดยที่เราไม่ได้ถามก่อน และไม่อยากรู้นี่แหละ เรียนรู้กันจากการทะเลาะ ปรับความเข้าใจกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นแหละโว้ย! ส่วนมากมักจะมาในรูปแบบของชีวิตประจำวันที่พวกเขามักเคยทำด้วยกันในสมัยก่อน ว่าเขาเคยมีคืนวันอันหวานชื่นเพราะเธอมักจะทำนู่นนี่ ยื่นความช่วยเหลือให้เขาเสมอ บางครั้งเธออาจจะอยากตั้งใจโชว์ความทุ่มเทของเธอในฐานะของคนรักที่ดี แต่การพูดถึงแฟนเก่า มันไม่ใช่อะไรที่ฟังลื่นหูนัก ไม่เรียกคนนั้นด้วยชื่อ แต่เรียกด้วยสถานะ ในกรณีที่เป็นต้องพูดถึงคนนั้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะการเล่าเรื่อง เป็นเพื่อนกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ ตามปกติแล้วถ้าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ก็คงจะใช้สรรพนามที่เป็นชื่อของคนนั้นใช่มั้ย ? เหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ของเธอ แต่ถ้าหากเธอเรียกคนนั้นด้วยสรรพนามที่บ่งบอกถึงสถานะอย่าง “แฟนเก่า” นั่นแหละ ระวังเอาไว้เลย เหตุผลหลัก ๆ คือ เพราะเธอไม่กล้าเอ่ยชื่อของเขาตรง
ไม่รู้ใครเป็นคนต้นคิดว่า “ผู้หญิงงี่เง่าเท่ากับผู้หญิงน่ารัก” เพราะนี่มันไม่ใช่ความจริงหนึ่งเดียวของจักรวาลที่ผู้ชายอย่างเราต้องยอมรับหรือเอาแต่คิดว่าที่เธอวอแวใส่เรานั้นเป็นเพราะเธอรักเรามาก ความรักมันไม่จำเป็นต้องทำร้ายกัน ทะเลาะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ พอทำความเข้าใจได้ แต่ถ้าเธอทำ 5 สิ่งนี้ใส่คุณเมื่อไหร่ UNLOCKMEN ขอตะโกนบอกว่า “หนีไปปป!” เนื่องจากมันคือสัญญาณว่าคุณกำลังตกอยู่ใน Toxic Relationship หรือความสัมพันธ์ที่เป็นพิษจนถึงขั้นเป็นภัยต่อสุขภาพจิตใจเลยทีเดียว “หนูเป็นคนง่าย ๆ อะไรก็ได้ค่ะ” (แต่ถ้าเราเลือกผิดกลับโดนเหวี่ยงถึงตาย!) “อะไรก็ได้ค่ะ” สาวคนไหนพูดวลีนี้ติดปาก เราได้ยินแรก ๆ ก็รู้สึกหลงใหลเพราะเธอช่างดูเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่เรื่องมากเสียจริง ๆ ถ้าเธอพูดว่าอะไรก็ได้ แล้วเราเลือกอะไรก็ได้ให้เธอไป แล้วเธอก็โอเค ก็แฮปปี้จริง ๆ มันไม่มีปัญหาเลย คบต่อไป คุณได้สาวเรียบง่ายอย่างที่ใจหวังแล้ว ดีใจด้วย! แต่มันจะมีมนุษย์แฟนประเภทหนึ่งที่ปากบอกว่าอะไรก็ได้ แต่พอเราเสนออะไรไป หรือเลือกอะไรผิดแผกแปลกไปจากที่เธอจินตนาการเอาไว้ แล้วเธอก็เหวี่ยงบ้านแตก อันนี้ UNLOCKMEN บอกเลยว่ามันคือสัญญาณอันตราย เพราะเธอกำลังคาดหวังว่าเราจะต้องรู้ใจเธอและเดาใจเธอออกทุกอย่าง ยิ่งเราเลือกอะไรผิดแล้วเธอดุด่าเหมือนเราไปฆ่าคนตายมาให้รีบหนีไปให้ไกลนี่เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังบงการความสัมพันธ์แบบเบ็ดเสร็จ เพราะแทนที่จะคุยกันว่าเธอต้องการอะไร เราต้องการอะไร แต่ดันมาโยนภาระหน้าที่ให้เราเลือก แถมไม่พอใจในผลการเลือกนั้นแล้วสร้างมลภาวะทางใจให้เราอีก
“You always hurt the one you love, The one you shouldn’t hurt at all.” เป็นเนื้อเพลงที่มันไม่ได้เกินจริงไปสักเท่าไหร่ เพราะหลาย ๆ ครั้งที่ผู้ชายอย่างเราอยู่กับความเคยชินที่มีอีกคนอยู่ข้าง ๆ กันมานาน เพราะความรำคาญ ความขี้โมโห หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ เรามักจะเผลอตัวทำร้ายความรู้สึกอีกคนไป แบบที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องราวมันเลวร้าย ไม่ได้ตั้งใจให้มีใครต้องเจ็บปวดเพราะอีกคน แต่ด้วยความที่เราเป็นมนุษย์ เราไม่เพอร์เฟ็กต์ เราทำผิดพลาด แต่การแก้ไขที่ดีที่สุดคือการปรับปรุงตัว และไม่ทำผิดซ้ำสอง UNLOCKMEN ขอชวนหนุ่ม ๆ มาดู 5 หนังให้ความรู้สึกหน่วง ๆ แต่อิมแพคมากพอที่จะให้เรามองย้อนกลับไปดูตัวเอง ว่าที่ผ่านมา และตอนนี้ เราทำหน้าที่คนรักได้ดีหรือยังวะ หรือจะเป็นหนุ่มโสดก็สามารถดูได้ เอาไว้เตือนใจตัวเองก็ยังได้ แต่ก็อย่าได้เก็บไปเครียดกันเกินไป ดูไว้เป็น Case Study ก็พอ Blue Valentine (2010) Director : Derek Cianfrance เมื่อความรักมันไม่ใช่เหตุผลเดียวที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ อะไรเดิม
การกอด คงเป็น Skinship ที่หลายคนยกให้เป็นอันดับต้นในใจ เหนื่อย ๆ มาทีไร การกอดคงเป็นการฮีลที่ทำได้ง่ายแต่ได้ผลมากที่สุดอีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะกอดคนรัก พ่อแม่ เพื่อน หมาแมว ก็ล้วนแต่ฮีลได้ทั้งนั้น เหมือนปัญหาที่มันคั่งค้างอยู่ในหัวได้ไหลออกไปหมดแล้ว ตอนที่อ้อมแขนของเราได้โอบใครสักคนไว้ ปกติแล้วตามสัญชาตญาณของผู้ชายอย่างเรา คงจะเคยชินกับการเป็นฝ่ายที่มอบอ้อมกอด แต่ฝ่ายที่ชอบถูกกอดก็อย่าเพิ่งน้อยใจไปว่าตัวเองไม่ได้แมนเต็มร้อย UNLOCKMEN ขอกระซิบว่า คุณน่ะมีโอกาสเป็นคู่รักที่ดีกว่าฝ่ายที่ชอบกอดซะอีก เพราะอะไรนั้น มาหาคำตอบกัน Give Me A Spoon Hug ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Spoon Hug กันก่อนดีกว่า ถ้านับกันแบบภาษาสากลที่ทุกคนจะเข้าใจตรงกัน การกอดใครสักคนจากด้านหลังในท่านอน เราจะเรียกว่า Spoon นึกภาพเวลาเราสองคนนอนอยู่ในเตียงในท่าตะแคงแล้วกอดกันดูสิ มันเหมือนช้อนสองคันซ้อนกันอยู่ไงล่ะ เราเลยเรียกการนอนกอดแบบนี้ว่า Spoon รวมไปถึงท่าของเซ็กซ์อีกด้วย เราก็เรียกท่านี้ในชื่อเดียวกัน โดยฝ่ายที่เป็นคนกอดจะเรียกว่า Big Spoon ส่วนฝ่ายถูกกอดจะเรียกว่า Little Spoon ช่างเป็นอะไรที่อบอวลไปด้วยความรักเสียจริง ต่อไปเรามาดูเหตุผลที่ทำให้หนุ่มที่ชอบเป็นฝ่ายถูกกอดในท่า Spoon ดันกลายเป็นหนุ่มที่เป็นคู่รักสุดเวิร์คกันดีกว่า ว่าเขาจะมีไม้เด็ดอะไรที่แตกต่างจากผู้ชายที่ชอบการกอดแบบทั่ว ๆ ไป
ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนมีบทบาทกับทุกคนและผู้ชายอย่างเรา ๆ มากมายราวกับเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายหรือปัจจัยที่ 5 ของการดำรงค์ชีวิต ทั้งใช้เพื่อเลื่อนดู feed บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชทติดต่อทั้งเรื่องการและหยอดคำหวานให้สาว ๆ รวมถึงใช้แอปฯ หลากหลายทั้งที่มีประโยชน์และเพื่อความบันเทิง โดยหลายอย่างที่เราทำในยุคดิจิทัลนี้แทบจะจบครบทั้งหมดบนหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือเรา และมันทำให้ทุกคนติดหนึบจนแทบไม่อยากวาง แต่ก็อย่างว่า ทุกอย่างในโลกนี้ถ้ามันไม่พอดีก็อาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ การใช้โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน ถ้าเราหลงใหลมันจนถึงขั้นเสพติดก็จะส่งผลกระทบมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องพฤติกรรม และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวที่อยู่เคียงข้างคุณ โดยจากการสำรวจดูความเห็นตามกระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดมือถือของผู้ชายพบว่า ร้อยทั้งร้อยรู้สึกเซ็งถึงเซ็งสุด ๆ เวลาที่เธอเห็นผู้ชายของเธอสนใจไอ้มือถือถือในมือมากกว่าคนที่เดินจูงมือด้วย เช่นเดียวกับสาว ๆ ทีมงาน UNLOCKMEN ที่ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา “เวลาที่ออกไปเดทกันจะเช็กเฟซบุ๊ก ไอจีบ้างก็ไม่ว่ากัน แต่ช่วงเวลาที่คุยกันก็ควรจะโฟกัสกับเรา แต่ถ้าไม่สนใจเราเลย มัวแต่ติดมือถือก็จะรำคาญ เรามีคนที่พร้อมจะสนใจเราอีกเยอะ ทำไมต้องรอ” – PSYCAT “ไม่ค่อยชอบ ถ้าอยู่ด้วยกันควรจะใช้เวลาด้วยกันเต็มที่ ถ้าเขามัวแต่ติดมือถือเวลาอยู่กับเรา เราก็คงจะไม่สนใจเขาบ้าง” – APRIL “ถ้าเกิดคนที่เราเดทด้วยทำตัวติดมือถือมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาเจอกันดีกว่ามั้ง กลับบ้านไปเลยดีกว่า” – ANONYMK
“อกหักครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ แล้วผ่านมันมาได้อย่างไร?” ไม่ว่าตอนนี้จะเป็นผู้ชายที่กำลังอกหัก ผู้ชายที่กำลังมีความรัก หรือผู้ชายที่โสดอย่างเป็นสุข UNLOCKMEN ก็เชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านช่วงเวลา “อกหัก” มาแล้วเท่านั้น จำได้ไหมว่ามันโคตรทรมานแค่ไหน ทั้งคิดถึง ทั้งอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทั้งโหยหา เราแค่อยากจะบอกว่าอาการเหล่านั้นไม่ใช่จินตนาการมั่ว ๆ ของเราเอง แต่ เฮ้ย มันมีเหตุผลที่เกี่ยวกับกลไกในสมองมาเกี่ยวด้วยว่ะ Guy Winch นักจิตวิทยาเจ้าของหนังสือชื่อ How to Fix a Broken Heart บอกเลยว่าอาการอกหักไม่ใช่อาการมั่ว ๆ แต่เป็นอาการคล้ายกับการ “ลงแดง” จากการเสพยา เพราะเมื่อเราถูกตัดขาดจากความสัมพันธ์สุดโรแมนติก กลไกในสมองเราจะไปกระตุ้นการทำงานแบบเดียวกับสมองของคนที่เลิกยาเสพติดอย่างโคเคนเลยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ทางออก แม้จะถูกสาวทิ้งจนแทบลงแดงตาย UNLOCKMEN ก็ยังอยู่ข้างกายผู้ชายทุกคนเสมอ และนี่คือหนทางเอาตัวรอดจากการลงแดง เอ้ย การอกหักที่เรานำมาฝากกัน ปาโซเชียลมีเดียทิ้งไป เป็นผู้ชายแมน ๆ อย่าให้ความคิดเกี่ยวกับ “เธอผู้เป็นอดีต” คนนั้นมาทำให้เราเสียสมาธิได้ และหนทางที่จะทำให้ผู้ชายอย่างเราเสียสมาธิมากที่สุดหนทางหนึ่งก็คือการส่องโซเชียลมีเดียของคุณเธอคนนั้นซ้ำ ๆ อย่าว่าแต่ส่องซ้ำ ๆ เลย ส่องครั้งเดียวก็เป็นภัยอันตรายขั้นสุดยอด เพราะมันจะทำให้เราก้ามผ่านช่วงเวลาแห่งการคิดถึง
ใครที่มีความรักแบบ Long Distance จะเข้าใจดีว่าระยะทางที่ไกลกัน ทำให้ไม่อาจได้เจอกันบ่อยอย่างคู่อื่นเวลาไม่ตรงกันบ้าง ได้คุยกันน้อยบ้าง ความเข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญในการประคับประคองความรักระยะไกลให้ยังคงหอมหวานอยู่เสมอ แม้จะไม่ได้สัมผัสกันแบบจริง ๆ แต่ความต้องการเรื่อง SEX มันยังไม่หายไปไหน วันนี้ UNLOCKMEN ขอเสนอเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับความรักทางไกล ให้คงความวาบหวิวในเรื่อง SEX ได้แม้อยู่ไกลกัน ลอง SEXY VDO Call การคุยกันผ่านตัวหนังสือก็ช่วยให้เราคลายความคิดถึงได้ แต่ถ้าหากได้เห็นหน้ากันมันย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้เรามีช่องทางการสื่อสารมากมายที่ช่วยให้เราได้เห็นหน้ากัน ผ่านการ VDO Call แบบฟรี ๆ ลองเพิ่มความเซ็กซี่ด้วยการชวนสาวใส่ “ชุดวันเกิด” “ชุดนอนไม่ได้นอน” ตอนคอลกัน สักวันละนิดวันละหน่อย เพื่อให้อีกฝ่ายยังรู้สึกถึงความต้องการของเราอยู่เสมอ และเราพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน Jessica O’Reilly แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศกล่าวว่า “จากการสำรวจ พบว่าคู่รักหลายคู่ พึงพอใจกับการได้คุยกันแบบเห็นหน้ากันมากกว่า เพราะได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งสองอย่าง คือการมองเห็นและการได้ยิน เพราะทำให้รู้สึกเชื่อมโยงถึงกันมากกว่าการคุยผ่านเสียง” SEX TOYS ที่สั่งงานได้จากทางไกล เพิ่มรสชาติด้วยของเล่นสุดสยิว ฟังดูอาจน่าเบื่อแต่บอกก่อนว่าเดี๋ยวนี้ SEX TOYS ไปไกลชนิดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องใช้คนเดียว
เมื่อมีกิจกรรมเข้าจังหวะ มันก็ต้องมีเพลงประกอบ การเลือกเพลงที่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ร่วมในกิจกรรมนั้น ๆ ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง การมีเซ็กส์ก็เช่นกัน ถ้าได้เพลงเหมาะ ๆ มาช่วยบิวท์ จะทำให้การชีวิตบนเตียง (หรือที่อื่น ๆ ) ของคุณมีรสชาติมากขึ้น ถือเป็นท่าไม้ตายที่ช่วยบรรเลงให้คุณและเธอเร่าร้อนด้วยกันจนสุดทาง ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำเสนอเพลงที่จะช่วยให้คุณและเธอกอดรัดกันอย่างมีความสุขมากขึ้น แต่ละเพลงจะเหมาะกับสไตล์ของการร่วมรักที่แตกต่างกันออกไป หรือจะเรียงเป็นเพลย์ลิสต์สำหรับทั้งคืนก็ได้นะ (ถ้าไหว) 1 . Melody – Serge Gainsbourg แนวเพลง : Rock เหมาะกับเซ็กส์แบบไหน : เนิบ ๆ , เข้มข้น เพลงนี้อาจะไม่ใช่เพลงที่ฟังปุ๊ปติดเครื่องปั๊ป แต่มันจะค่อย ๆ บิวท์ด้วยจังหวะช้า ๆ และท่วงทำนองเร้าอารมณ์ ช่วยเติมความรู้สึกลึกซึ้ง แถมเพลงนี้ยาวกว่า 7 นาทีด้วยนะ หวังว่าหนุ่ม ๆ จะไม่จบก่อนเพลงจบนะ 2. Underworld Soundtrack แนวเพลง : OST
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวข้างหน้าไปทุกวัน ช่องทางการหาคู่เดทสมัยนี้ง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้วแตะเปิดสารพัดแอปพลิเคชันหาคู่ขึ้นมาก็มีโอกาสได้เจอสาวมากหน้าหลายตาให้เลือกคุยกันแล้ว ถึงแม้จะเฟิล์ทสาวได้สะดวกแค่ไหน แต่สิ่งที่อย่าลืมเด็ดขาดคือความเป็น Gentleman ทั้งในจอและชีวิตจริง นอกจากดูดีแบบสุด ๆ แล้วยังช่วยเรียกคะแนนจากสาว ๆ ได้อีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN นำเทคนิคดี ๆ ช่วยเพิ่มความเป็น Gentleman ให้คุณได้ออกเดทกับสาวแบบมือโปรกัน 1. อย่าขายของไม่ตรงปก! แม้จะเคยเป็นหนุ่มเฮล์ทตี้กล้ามแน่น เข้ายิมเช้าเย็นมาก่อน แต่หากตอนนี้คุณกลายเป็นซานต้าคลอสบวมเบียร์ก็ควรใช้รูปที่ตรงปกและเป็นปัจจุบันที่สุด อัพรูปไลฟ์สไตล์ที่ทำตอนนี้ จะดูดีกว่าอัพรูปตอนปีนเขาเมื่อสามปีที่แล้วที่ไม่คิดจะกลับไปแตะมันอีก ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่เท่ ไม่หล่อ ไม่ attractive แล้วจะมีคู่ไม่ได้ แค่การใช้รูปที่มันไม่เป็นตัวเองตอนนี้เอาซะเลยมันก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกขายของแบบไม่ตรงปก นึกถึงใจสาวเวลาเจอตัวจริงแล้วแทบหงายหลัง การโกหกกันตั้งแต่เริ่มดูจะไม่ใช่การเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีซักเท่าไหร่หรอกนะ 2. ให้เรื่องที่ชอบ คอยปลุกปลอบช่องว่างระหว่างการคุย ไม่ต้องพะวงเกินไป หากคุณเริ่มต้นสานสัมพันธ์ด้วยการชวนคุยอยู่ฝ่ายเดียว หรือการที่สาว ๆ ช่างตอบมาน้อยเสียเหลือเกิน เป็นปกติมากหากจะเกิดช่วงเวลา awkward เวลาเริ่มต้นคุยกับใครใหม่ ๆ สาว ๆ เองก็อาจเป็นแบบนั้นเหมือนกัน บางครั้งเธออาจนิ่งเพื่อรอดูท่าที หรือกำลังประหม่ากับการคุยกับใครใหม่ ลองถามถึงความชอบของเธอ เพื่อจะได้มีเรื่องที่ชอบเหมือนกันแล้วคุยกันได้แบบยาว ๆ การที่อีกฝ่ายเห็นว่าเรามีรสนิยมเดียวกัน ยิ่งเป็นการบวกคะแนนให้แบบฟรี
เรารู้ว่าว่ามันยากที่จะใช้ชีวิตโสด ๆ ผ่านช่วงเทศกาล แถมอีกไม่นานก็จะวันวาเลนไทน์แล้ว ความเหงามันก็เริ่มเร้าเข้ามา เวลาไปแฮงเอาท์หรือออกทริปเขาก็ไปเป็นคู่ ส่วนเราก็กลายเป็นคี่ที่โดดเดี่ยวในจักรวาล แบบนี้รีบหาใครสักคนเลยดีไหม ? นี่คงไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป เพราะการมุ่งมั่นหาแฟนใหม่มาแทนที่คนเก่ามันอาจทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง แม้จะหาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่คุณก็จะพบว่าความเปลี่ยวมันไม่สามารถหายได้เลยในทันที ถ้างั้นแทนที่จะพยายามเอาชนะความโสดบนโลกใบนี้ เรามาโฟกัสกับวิธีการทำให้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างยั่งยืน และมีความสุขกับชีวิตโสดด้วยวิธีเหล่านี้กันดีกว่า ถามตัวเองว่าต้องการอะไร มันจะยากหน่อยนะถ้ายังเศร้าอยู่ แต่อยากให้ลองตั้งสติและตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะทำอะไรต่อไป ? เราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ? อะไรที่เราทำแล้วมันจะสร้างความสุขความมันส์ให้กับเราในตอนนี้ ? และก้าวต่อไปทางไหนดีที่จะทำให้ชีวิตเรามันเจ๋งขึ้น ? พอได้คำตอบแล้วก็ทำมันซะตั้งแต่ตอนนี้ ชีวิตของพวกเราเกิดมาเพื่อพัฒนาตนเองให้คุ้มกับที่ลืมตาดูโลกมา ไม่ใช่แค่การมองหาแต่คู่เดท เอ้า เริ่มได้ ! ใส่ใจคนรอบข้าง ตอนเรามีคู่ เรามักจะคาดหวังให้ผู้หญิงข้าง ๆ เป็นแทบทุกอย่างในชีวิต ทั้งคนรัก, เพื่อน, กำลังเสริม, คนคอยเตือน, คนให้กำลังใจ และคู่นอน จริงอยู่ว่าความต้องการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ แต่ยิ่งตั้งความหวังยิ่งทำให้เครียด และทำให้เราเริ่มห่างหายจากคนรอบข้าง ในฐานะที่โสดโอกาสนี้แหละที่เราจะให้ความสำคัญกับครอบครัวและบรรดามิตรสหายที่พร้อมจะอยู่กับเราเสมอ อย่างที่เขาว่ากันว่า “ที่ตรงไหนเหมาะกับเรา สังเกตง่าย ๆ ที่ตรงนั้นเราจะมีตัวตน” แล้วเราจะรู้สึกเติมเต็ม แฮปปี้ สุขภาพจิตดี