เหลือเพียงชื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ ‘Toys R Us’ หนึ่งในร้านขายของเล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา Toys R Us ได้ตัดสินใจยุติการทำตลาดในอเมริกาด้วยการปิดร้านทั้ง 735 สาขาทั่วประเทศเนื่องจากประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก นอกจากนี้บนหน้าเว็บไซต์ทางการของแบรนด์ยังขึ้นข้อความ ‘Don’t ever grow up. Play on!’ หรือ ‘อย่าลืมความเป็นเด็ก มาเล่นกันเถอะ’ เรียกได้ว่าใครเป็นลูกค้าขาประจำของร้านขายของเล่นในตำนานนี้คงใจหายน่าดู แต่อย่าเพิ่งเศร้าขนาดนั้นเพราะ Toys R Us ไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิง ล่าสุดบริษัท Fairfax Financial ได้เข้าซื้อกิจการของ Toys R Us ในประเทศแคนาดาและจะยังดำเนินธุรกิจต่อไป เช่นเดียวกับในบ้านเราที่ Toys R Us จะยังเป็นบ้านหลังที่สองของเหล่าคนรักของเล่นอยู่ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในแง่ธุรกิจ Toys R Us อยู่ในช่วงวิกฤต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงที่ธุรกิจของเล่นกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ดูได้จากผลประกอบการของบริษัทอย่าง Lego, Hasbro, Hot Toys, Bandai ที่เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แล้วทำไม Toys R Us จึงดิ่งเหวขนาดนี้
เมื่อการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มในศึกฟุตบอลโลก 2018 หนนี้ผ่านพ้นไปแล้ว นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น Luka Modric, Harry Kane , Diego Godin แต่พวกเขาเหล่านี้กลับไม่ใช่นักเตะที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เพราะนักเตะที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดเป็นนักเตะของทีมชาติอาร์เจนตินา และคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์อย่าง Lionel Messi ด้วย แต่เป็นนักเตะที่ใครหลายคนคงเพิ่งเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เขาคนนั้นคือ ‘Maximiliano Meza’ Who is Maximiliano Meza? Maximiliano Meza ปัจจุบันอายุ 26 ปี สัญชาติอาร์เจนตินา ตำแหน่งถนัดคือมิดฟิลด์ด้านข้าง แต่ในบางครั้งก็สามารถขยับขึ้นสูงไปเล่นเป็นปีกได้ สมัยยังเด็กเขาเป็นเด็กฝึกของสโมสร Gimnasia y Esgrima ทีมในลีกประเทศบ้านเกิด และสามารถพัฒนาตนเองขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ โดยลงเล่นในลีกไปทั้งหมด 100 นัดพอดิบพอดี ยิงไป 12 ประตู ซึ่งถือเป็นฟอร์มการเล่นที่ดีจนเตะตาสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกอย่างทีม Independiente และสามารถคว้าตัว Meza ไปร่วมทีมได้สำเร็จในปี 2016 นับตั้งแต่ตอนนั้น Meza ลงเล่นในลีกให้กับ Independiente ไปทั้งหมด 44
กลายเป็นว่าทีมเต็งต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนใครในฟุตบอลโลก 2018 สำหรับขุนพลอินทรีเหล็กเยอรมัน หลังจากกิมจิติดคอพ่ายให้กับทีมชาติเกาหลีใต้ 2-0 หยุดเส้นทางไว้แค่รอบแบ่งกลุ่มโดยจบอันดับสุดท้าย แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมดีกรีแชมป์เก่าพลิกล็อกตกรอบแบ่งกลุ่ม เพราะเหตุการณ์เช่นนี้มีให้เห็นบ่อย ๆ โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก 5 ครั้งหลัง ทีมแชมป์เก่าตกรอบแบ่งกลุ่มถึง 4 ครั้งด้วยกัน นี่จึงเปรียบเสมือนอาถรรพ์หนึ่งในฟุตบอลโลก วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอพาไปย้อนรอยตั้งแต่ปี 2002 ว่ามีทีมแชมป์เก่าทีมไหนตกรอบแรกบ้าง และมันคืออาถรรพ์จริง ๆ หรือเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ทีมชาติฝรั่งเศส – ฟุตบอลโลก 2002 หลังจากคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จเมื่อฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ 4 ปีต่อมาฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วม ทีมตราไก่ฝรั่งเศสกลับมาอีกครั้งพร้อมขุมกำลังนักเตะระดับโลกเต็มทีม สื่อหลายแห่งยกให้เป็นถึงเต็ง 2 เป็นรองแค่ทีมชาติบราซิลเท่านั้น แต่แค่นัดเปิดสนามเรื่องช็อกโลกก็เกิดขึ้น เมื่อทีมแชมป์เก่าพ่ายแพ้ต่อทีมชาติเซเนกัลซึ่งในขณะนั้นเป็นแค่ชาติโนเนม ได้สิทธิ์มาแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกไป 1-0 และวิบากกรรมของทีมตราไก่ยังไม่จบลงเท่านี้เพราะอีก 2 นัดต่อมาพวกเขาก็ทำได้เพียงเสมอกับทีมชาติอุรุกวัย 0-0 จากนั้นก็ส่งท้ายด้วยการแพ้ทีมชาติเดนมาร์ก 2-0 รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ตกรอบไปแบบไม่มีใครคาดคิด ที่สำคัญคือยิงประตูไม่ได้เลยสักประตูเดียว มันเกิดอะไรขึ้น? ถ้าตัดเรื่องความเชื่อหรืออาถรรพ์ออกไป หนึ่งสาเหตุที่พอจะเข้าเค้าคือนักเตะตัวหลักของทีมชุดนี้อายุเยอะเกินไป
การ์ตูนมักถูกมองว่าเป็นสื่อให้ความบันเทิงสำหรับเด็กมาโดยตลอด แต่จริง ๆ แล้วนั่นคือความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะการ์ตูนหลายเรื่องมีเนื้อเรื่องเข้มข้น จริงจัง มืดมนยิ่งกว่าภาพยนตร์รางวัลแนวดราม่าเสียอีก และมีการ์ตูนจำนวนไม่น้อยที่แฝงเรื่องการเมืองเอาไว้ โดยเฉพาะการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ ที่อ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้เขียนได้มาเก็บข้อมูลจากโลกนอกการ์ตูนแน่นอน ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN นำเอา 5 การ์ตูนเกี่ยวกับเผด็จการเรื่องเยี่ยมที่อยากให้ทุกคนรีบไปหาอ่านกัน ก่อนที่อาจจะหาอ่านไม่ได้ในอนาคต One Piece Written by Eiichiro Oda เนื้อเรื่องหลักอาจจะดูเหมือนการ์ตูนแอ็กชั่นพลังมิตรภาพตามสไตล์โชเน็นทั่วไป ว่าด้วยการเดินทางผจญภัยในท้องทะเลของโจรสลัดหมวกฟาง มังกี้ ดี ลูฟี่ และผองเพื่อนโดยมีเป้าหมายคือการเป็นจ้าวแห่งโจรสลัด แต่แท้จริงแล้ว One Piece เป็นการ์ตูนที่แฝงเรื่องการเมืองไว้เยอะมาก ชัดเจนที่สุดเลยคือประเด็นเรื่อง ‘เผ่ามังกรฟ้า’ เผ่ามังกรฟ้าคือมนุษย์ชนชั้นสูงที่สุดในโลก One Piece ลักษณะเด่นของเผ่านี้คือจะสวมหน้ากากใส ๆ เอาไว้ตลอดเวลาเพราะไม่อยากหายใจร่วมกับมนุษย์ที่ต่ำต้อยกว่า มีสัตว์เลี้ยงเป็นมนุษย์ด้วยกัน ฆ่ามนุษย์ชั้นต่ำเหมือนมดปลวกโดยไม่มีความผิด ส่วนสถานที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็อยู่บนนครศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้านามว่า ‘แมรี่จัวร์’ ไม่ได้อาศัยร่วมกับมนุษย์ธรรมดาบนพื้นโลก สาเหตุที่เผ่ามังกรฟ้าสามารถทำได้ขนาดนี้เนื่องจากมีรัฐบาลโลกซึ่งควบคุมกำลังรบ คอยให้การสนับสนุนอยู่ พวกเขาสามารถสั่งการรัฐบาลโลกให้หันซ้ายหันขวาได้ตามใจ เรียกว่าควบคุมโลกทั้งใบไว้ในกำมือก็ว่าได้ ต่อให้เป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าเผ่ามังกรฟ้าก็ยังต้องยอมสยบ ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ลูฟี่พระเอกของเรานี่เอง ที่ครั้งหนึ่งเคยโชว์วีรกรรมสุดห้าวปล่อยหมัดซัดใส่เผ่ามังกรฟ้าเต็มหน้าจนกระเด็นไปไกล สร้างชื่อให้โจรสลัดหมวกฟางเลื่องลือถึงรัฐบาลโลก
จากเหตุการณ์ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ติดอยู่ในถ้ำหลวงฯ จังหวัดเชียงราย ทำให้เราได้เห็นบทบาทของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งปกติเราแทบจะไม่รู้จักพวกเขาเลย อาจจะเคยได้ยินแค่ชื่อผ่าน ๆ เท่านั้น นั่นก็คือหน่วย Seal หรือ มนุษย์กบนั่นเอง ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์สุดโหดภายในถ้ำหลวง ภารกิจให้ความช่วยเหลือนี้จึงเป็นหน้าที่ของมืออาชีพอย่างหน่วย Seal เท่านั้น และจริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นใคร ผ่านการฝึกมหาโหดขนาดไหนจึงสามารถปฏิบัติภารกิจแสนทรหดขนาดนี้ได้ ? ตัวตนและหน้าที่ หน่วย Seal หรือชื่อเป็นทางการในประเทศไทยคือหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) เป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่สังกัดอยู่ในกองทัพเรือ ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อทำภารกิจสุดโหดที่เหนือกว่าทหารเรือทั่วไป โดยภารกิจหลัก ๆ ของพวกเขาคือการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ดำเนินการทางด้านข่าวกรองลับ การก่อวินาศกรรมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ ทำลายวัตถุระเบิด การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล คุ้มครองบุคคลสำคัญ และปฏิบัติภารกิจพิเศษอื่นๆ โดยมีคติสำคัญคือ ‘กำลังรบขนาดเล็ก ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และไม่ให้ข้าศึกรู้ตัว’ เนื่องจากแต่ละภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นทั้งโหด ทั้งหิน จำเป็นต้องใช้ความสามารถทั้งทางกายทางใจสูงกว่ามนุษย์ทั่วไป จึงต้องได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี โปรแกรมฝึกเหนือมนุษย์และสัปดาห์นรก 3 สัปดาห์แรกจะเป็นการฝึกที่เน้นกำลังกายเป็นหลัก เช่นการวิ่ง แบกซุง พายเรือยาง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดันเข้มงวดจากครูฝึก และจะเพิ่มดีกรีความโหดของโปรแกรมการฝึกขึ้นไปอีกเป็น Stage ที่ 2 ซึ่งจะกินเวลาอีก
ก่อนจะพูดถึงอะไรที่เจาะลึก เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าไอดอลในเครือ 48 Group คืออะไร? เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักวงไอดอล BNK48 ที่กำลังโด่งดังเป็นปรากฏการณ์ในประเทศไทยในตอนนี้กันอยู่แล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้ว BNK48 คือวงน้องสาวหรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นเหมือนเฟรนไชส์ของวงรุ่นพี่อย่าง AKB48 ของประเทศญี่ปุ่น และนอกจาก BNK48 แล้ว AKB48 ก็มีวงน้องสาวอีกมากมายทั้งในญี่ปุ่นและทั่วทั้งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น SKE48 (นาโกย่า), NMB48 (โอซาก้า), HKT48 (ฟุกุโอกะ), NGT48 (นีงาตะ), STU48 (เซะโตชิ), JKT48 (จากาตาร์), TPE48 (ไทเป), MNL48 (มะนิลา), MUM48 (มุมไบ) และล่าสุดเพิ่งประกาศกันไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ว่าประเทศเวียดนามจะมีไอดอลในเครือ 48 Group เช่นกันในนาม SGO48 (ไซง่อน) เรียกได้ว่าตีตลาดไปทั่วทั้งเอเชียแล้วจริง ๆ แต่ละวงถึงแม้จะอยู่ต่างเมืองต่างประเทศกัน แต่เมื่ออยู่ในเครือเดียวกันจึงมีกฎเกณฑ์ภายในวงเหมือนกัน ซึ่งกฎที่เราจะพูดถึงในวันนี้มันนำไปสู่การเลือกตั้งคือ ‘เซ็มบัตสึ’ ทำความเข้าใจง่าย ๆ เนื่องจากสมาชิกในแต่ละวงนั้นมีจำนวนมาก เช่น BNK48 ตอนนี้ก็มีสมาชิกถึง 26 คน ยังไม่รวมรุ่น 2 อีกกว่า 30
วันนี้ UNLOCKMEN จะมาพูดถึงเรื่องความฝันกันอีกครั้ง หลังจากเคยพูดถึงมาแล้วครั้งหนึ่งในคอนเทนต์นี้ ฝันก็มีความหมาย ‘จิตวิทยาแห่งความฝัน’อยากรู้ไหมว่าสิ่งที่เราฝันซ้ำ ๆ บอกอะไรเรา? แต่จริง ๆ แล้วความฝันของคนเรายังมีอีกมากมายหลายรูปแบบ วันนี้จึงขอมาพูดถึงเรื่องความฝันอีกครั้ง สิ่งที่ปรากฎให้เราเห็นแทบทุกค่ำคืนนั้นกำลังบอกอะไรเรากันแน่ ทำไมเราถึงฝันถึงสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงในชีวิตประจำวันเลย มีอะไรซ่อนอยู่ในจิตใจเรางั้นหรือ ไปหาคำตอบพร้อมกันเลย เอเลี่ยนหรือยาน UFO เป็นความฝันที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ แต่ถ้าเคยฝันแล้วครั้งหนึ่งละก็จำได้ไม่ลืมแน่นอน เพราะมันแปลกประหลาดเหลือเกิน ส่วนความหมายของความฝันนี้คือ ถ้าคุณฝันว่าโดนเอเลี่ยนหรือยาน UFO จับตัวไปแปลว่าคุณกำลังกลัวจะสูญเสียที่อยู่อาศัย หรือต้องพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน แต่ถ้าในฝันคุณกำลังพูดคุยอยู่กับเอเลี่ยนนั่นอาจจะหมายความว่าคุณกำลังพยายามเริ่มต้นสิ่งใหม่หรือกำลังต้องพบเจอผู้คนใหม่ ๆ ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้มนุษย์ต่างดาวหน้าตาประหลาดมาเยือนคุณในฝันก็อย่าพยายามหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไป คิดในแง่บวกกับสิ่งใหม่ ๆ เข้าไว้ รถไฟเหาะ เป็นความฝันที่หวาดเสียวน่าดู แต่ความหมายของมันคืออะไรกันนะ? ถ้าในความฝันคุณกำลังเล่นรถไฟเหาะอยู่แล้วล่ะก็หมายความว่าชีวิตของคุณกำลังเผชิญกับความเสี่ยงในการเดินทางหรือการเริ่มต้นเผชิญสิ่งใหม่ ๆ เช่นกำลังตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเป็นต้น ถ้าไม่อยากเจอความน่าหวาดเสียวแบบนี้แล้วล่ะก็ลองมองความเสี่ยงในการเริ่มต้นใหม่เป็นเรื่องตื่นเต้นท้าทายในชีวิตดูสิ เป็นราชาหรือราชินี คงเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่และรู้สึกดีน่าดู แต่ความหมายของมันอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น เพราะการที่ในฝันคุณกลายเป็นพระราชาหรือราชินีทรงอำนาจ สามารถชี้นิ้วสั่งทุกอย่างได้ตามบัญชา แปลว่าในชีวิตจริงคุณอาจจะบกพร่องเรื่องความรับผิดชอบหรือหัวหน้างานอาจไม่ให้อำนาจที่เหมาะสมกับคุณในที่ทำงาน ดังนั้นจงปรับปรุงพัฒนาตัวเองซะถ้าไม่อยากยิ่งใหญ่แค่ในฝัน! ตกรถหรือเครื่องบิน เป็นความฝันที่ความหมายค่อนข้างตรงตัวเลยล่ะ ถ้าในฝันคุณไปขึ้นรถหรือเครื่องบินไม่ทัน ในเรื่องจริงคุณก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ชีวิตคุณกำลังยุ่งเหยิง ขาดระเบียบวินัยในตัวเอง และมักจะไปทำงานหรือไปตามนัดสายเป็นประจำ เพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่ากำลังเป็นแบบนี้อยู่รีบพัฒนาตัวเองโดยด่วน จะได้ไม่สายทั้งตอนฝันหรือตอนตื่น
ฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้คงไม่มีใครเหมาะกับวลี ‘From Zero to Hero’ มากไปกว่า Gabriel Jesus กองหน้าดาวโรจน์ของทีมชาติบราซิลอีกแล้ว เพราะถ้าย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อน ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ Gabriel Jesus ในวัย 17 ปี ขณะนั้นเขาเป็นเพียงนักเตะฝึกหัดของสโมสร Palmeiras แน่นอนว่ารายได้ย่อมไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ดังนั้นเขาจึงรับจ็อบพิเศษด้วยการเป็นช่างทาสีตามกำแพงหรือพื้นถนนต้อนรับฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง แต่เพชรยังไงก็คือเพชร หลังจากจบศึกฟุตบอลโลก 2014 Gabriel Jesus ก็เริ่มโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจนได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ Palmeiras และเขาก็ไม่ทำให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมผิดหวัง กระหน่ำประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนเป็นที่หมายปองจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป และก็เป็นทีมเรือใบสีฟ้า Manchester City ที่คว้าตัวเขาไปครองได้สำเร็จด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Gabriel Jesus ไม่หยุดการพัฒนาตัวเองไว้เท่านี้ เขาพิสูจน์ตัวเองว่าฝีเท้าเป็นของจริง ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม และสุดท้ายก็สามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ Premier League ได้สำเร็จ เมื่อฟอร์มดีขนาดนี้ การมีชื่อติดทีมชาติบราซิลมาลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 จึงไม่ใช่เรื่องแปลก จากวันที่เขานั่งทาสีอยู่ข้างสนามฟุตบอล ถึงวันที่เขาเป็นซูเปอร์สตาร์พาทีมบ้านเกิดลุยฟุตบอลโลกใช้เวลาเพียง 4
Coming of Age คือการเติบโตก้าวผ่านช่วงวัยสำคัญของชีวิต จากเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่ มีการมองโลกที่เปลี่ยนไป มันเป็นช่วงเวลายากลำบากที่ทุกคนต้องเจอและผ่านมันไป ด้วยความมีมิติของการ Coming of Age นี่เอง จึงมีการหยิบยกเหตุการณ์นี้มาเล่าผ่านสื่อต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้กระทั่งหนังสือ วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำหนังสือที่ว่าด้วยเรื่อง Coming of Age 5 เล่มที่ไม่ควรพลาดไม่ว่าคุณจะผ่านช่วงวัยนั้นมาแล้วหรือกำลังจะผ่านในอนาคตก็ตาม เพราะเชื่อเถอะว่าทั้ง 5 เล่มนี้จะให้อะไรบางอย่างที่จะตกผลึกในใจคุณไปตลอดแน่นอน The Catcher in the Rye Author: J. D. Salinger หนังสือมีชื่อไทยว่า ‘จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น’ หนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิคระดับโลกที่ติดอยู่ในลิสต์ ‘หนังสือที่ควรอ่านก่อนตาย’ เสมอ เรื่องราวในหนังสือก็แสนเรียบง่าย เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มหัวขบถนาม ‘Holden Caulfield’ ซึ่งโดนไล่ออกจากโรงเรียน แต่เขายังไม่พร้อมที่จะให้พ่อแม่เขารู้ความจริง เขาจึงไม่ยอมกลับบ้านและเที่ยวตระเวนอยู่ในเมืองนิวยอร์กบริเวณใกล้ ๆ กับบ้านของเขาเอง และตั้งใจไว้ว่าเมื่อถึงวันคริสมาสต์เมื่อไหร่จะบอกความจริงให้พ่อแม่รับรู้ เนื้อเรื่องมีเพียงเท่านี้ แต่สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ไม่ธรรมดา และได้รับการพูดถึงทั้ง ๆ
หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ถูกยกมาเป็นประเด็นพูดถึงกันอยู่บ่อย ๆ สำหรับฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้คือการนำเทคโนโลยี VAR และ Goal-Line Technology มาใช้ในศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ถือว่าเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แห่งวงการฟุตบอล เพราะที่ผ่านมามีการถกเถียงเรื่องนี้กันมาตลอด ฝ่ายที่ต่อต้านให้เหตุผลว่ามันจะสูญเสียเสน่ห์ของฟุตบอลและเสียเวลาทำให้การแข่งขันไม่ต่อเนื่อง แต่เมื่อมีการนำมาใช้จริง ๆ ทุกคนคงจะเห็นผลลัพธ์กันแล้วว่ามันทำให้เกมมีความยุติธรรมมากขึ้น ผู้เล่นลดความรุนแรงในการเล่นลง และก็ไม่ได้เสียเวลามากมายอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในฟุตบอลโลก 2018 นี้แม้จะเพิ่งเริ่มต้นมาไม่กี่นัดแต่ก็มีช็อตน่ากังขามากมายซึ่งถ้าไม่มี VAR และ Goal-Line Technology มาช่วยตัดสินแล้วล่ะก็คงเป็นประเด็นถกเถียงดราม่ากันไปทั่วทั้งโลกแน่ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีทั้งสองที่ทำให้เกมฟุตบอลยุติธรรมและขาวสะอาดขึ้น ยิ่ง VAR และ Goal-Line Technology มีบทบาทในเกมการแข่งขันมากเท่าไร คนดูอย่างเราก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 1930 ประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนกันนะ? ทีมชาติอังกฤษอาจจะไปได้ไกลกว่าเดิมในฟุตบอลโลก 2010 ย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน ฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในเกมระหว่างทีมชาติเยอรมันและทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเกมนี้ทีมอินทรีเหล็กออกนำไปก่อน 2-0 จากลูกยิงของ Miroslav Klose และ Lukas Podolski ก่อนที่อังกฤษจะตีตื้นขึ้นมาจากลูกโหม่งของ Matthew Upson การแข่งขันดำเนินมาถึงนาทีที่ 37 และแล้วจังหวะปัญหาก็เกิดขึ้น