“จน เครียด กินเหล้า” แท็กไลน์คุ้นหูจากองค์กรหนึ่งที่แม้ผ่านมานานหลายปี คนก็ยังท่องกันได้เหมือนเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าความจนไม่ได้เป็นตัวแปรหลักในสมการนี้ ทุกฐานะ ทุกอาชีพ ทุกการศึกษาล้วนดื่มแอลกอฮอล์เพื่ออะไรบางอย่างทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อ COVID-19 ลุกลามไปทั่วโลก แม้หลาย ๆ เมือง หลาย ๆ ประเทศผับบาร์ถูกสั่งปิด และบางแห่งห้ามขายแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาด แต่ผู้คนกลับดื่มกินกันมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น ผู้คนทั่วโลกต่างก็ดื่มมากขึ้นในห้วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ แม้จะเป็นการดื่มอย่างเดียวดายก็ตามที ทำไมยิ่งกักตัวโดดเดี่ยว เรายิ่งดื่ม? ห้ามขายเหล้า ผับบาร์ก็ประกาศปิด แล้วทำไมคนถึงยังดื่มกิน? กิจกรรมผ่อนคลายมีหลากหลายประเภท แต่ทันทีที่กิจกรรมผ่อนคลายหลัก ๆ ถูกปิดประตูตายเป็นอาทิตย์ ๆ หรือเป็นเดือน จากที่เคยไปดูหนังเรื่องโปรดระบบเสียงสะใจที่โรงหนังใกล้บ้านเมื่อใดก็ได้ ก็ต้องหยุด จากที่เคยไปวิ่งออกกำลังกายในสวนหรือเสียเหงื่อเกือบลิตรตามฟิตเนสก็ต้องงด ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ทุกอย่างปิด จึงไม่แปลกที่คนจะหันมาหนทางผ่อนคลายที่ทำได้แม้อยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่เพียงเท่านั้นการดื่มนอกบ้านนั้นเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ เช่น เราอาจต้องคอยดูแลคนอื่นระหว่างดื่มกิน หรือเราต้องขับรถกลับบ้าน ไปจนถึงเวลาที่สถานบริการปิดให้บริการ แต่การดื่มเองที่บ้านนั้นผู้คนไม่ต้องกังวลเรื่องเวลากลับบ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องการขับขี่ยานพาหนะ ปริมาณการดื่มและช่วงเวลาแห่งการเมามายจึงยืดขยายตามไปด้วย เพราะเมาก็แค่คลานเข้านอนไม่เดือดร้อนใคร “ใคร ๆ ก็ดื่มในช่วงเวลานี้ นี่คือเรื่องปกติ”
“นักสู้”ในจินตนาการคุณเป็นแบบไหน? ผู้ชายเจนโลกร่างกายแข็งแกร่งดุดัน บุรุษกล้ามหนาที่พร้อมบุกดะไม่ยั้ง หรือหนุ่มอายุน้อยปราดเปรียวว่องไวสักคน แต่น้อยคนนักที่จะจินตนาการ “นักสู้” ออกมาเป็นมนุษย์ผู้หญิง โดยเฉพาะมนุษย์ผู้หญิงหน้าตาชวนมองที่ใครต่อใครก็พาลตัดสินไปแล้วว่าเธอไม่เหมาะกับคำว่านักสู้ในความเข้าใจของคนทั่วไปเอาเสียเลย แต่หากการเป็นนักสู้ ไม่ได้วัดที่เพศ รูปร่าง หน้าตา หรือแม้แต่พละกำลัง แต่การต่อสู้วัดกันที่ “สมอง” และ “หัวใจนักสู้” ส่วนที่เหลือคือส่วนผสมของความพยายาม การฝึกซ้อมหนักหน่วง ควบรวมกับใจรัก ถ้าเช่นนั้นทำไม่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยสักคนจะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจไม่ได้? เราคงไม่ต้องพิสูจน์ให้มากความ เพราะบนโลกใบนี้มีผู้หญิงสวยและต่อสู้เก่งสมกับคำว่า “นักสู้” อยู่จริง โดยหนึ่งในนั้นที่เรายินดียกตำแหน่งนักสู้ให้อย่างภาคภูมิใจคือ “ริกะ อิชิเกะ” นักสู้แบบผสมหญิงชาวไทยคนแรกในสังเวียน MMA ระดับอาชีพ ที่ใครหลายคนอาจคุ้นกับฉายา Tiny Doll ของเธอ เธอคือนักมวย MMA ในรายการ ONE championchip ที่ไม่ได้ผ่านแค่การต่อสู้บนสังเวียนมาอย่างดุเดือดเท่านั้น แต่การต้องเป็นนักสู้หญิงอย่างเด็ดเดี่ยวท่ามกลางคำสบประมาทและการฝึกซ้อมที่มีข้อจำกัดนั้นก็ไม่ง่ายเลย แต่เธอทำได้ ทำได้ด้วยฝีมือ ความพยายาม การฝึกซ้อมล้วน ๆ นี่จึงเป็นบทสนทนาที่เราอยากชวนทุกคนมารู้จัก “นักสู้” ใจแกร่งอย่างเธอ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จุดเปลี่ยน จุดเดือด จุดแข็ง ไปจนถึงจุดต่อไปจากนี้ที่เธอกำลังมุ่งหน้าไป จุดเริ่มต้น:
รูปแบบการทำงานของใครหลายคนเปลี่ยนไปแบบพลิกโลก จากที่มีออฟฟิศเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ กลายเป็นต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต น้ำ ไฟ จากที่บ้าน จากที่ทำงานเหนื่อย ๆ ตกเย็นหาที่ฟังเพลงจิบเครื่องดื่มคล่องคอหล่อเลี้ยงหัวใจ ก็เหลือแค่ห้องเดียวกับที่นั่งทำงานมาทั้งวันให้เอกเขนกดูซีรีส์จนตาแฉะ คนทำงานแต่ละประเภทจึงต้องเผชิญความท้าทายในรูปแบบที่ต่างกันไป รวมถึง “คนทำงานสร้างสรรค์” ศิลปิน นักดนตรี นักวาด นักเขียน ฯลฯ เมื่องานต้องการพลังสร้างสรรค์เท่าเดิม (หรือบางงานต้องการมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ) แต่การทำงานสร้างสรรค์ในห้องปิดตาย หรือสถานที่เดิม ๆ ซ้ำ ๆ นั้นไม่ง่ายที่จะขุดขุมพลังฉูดฉาดมาได้เหมือนที่เคยเป็นมา ทางออกคืออะไร? เราเชื่อว่าสายสร้างสรรค์หลายคนคงอยากฟังคำตอบจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ วันนี้ UNLOCKMEN รวบรวม 6 คำตอบจากคนทำงานสร้างสรรค์ว่าในสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้และออกไปหาแรงบันดาลใจที่อื่นไม่ได้ พวกเขาทำอะไรเพื่อยังผลิตผลงานหรือใช้ชีวิตให้ไม่ทำร้ายศักยภาพตัวเองเกินไปนัก? ป๊อก-ไพโรจน์ พิเชฐเมธากุล ป๊อก-ไพโรจน์ พิเชฐเมธากุล ศิลปินผู้เชื่อเรื่องการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้เพื่อนมนุษย์ เขาเลือกใช้ศิลปะช่วยเหลือคนไร้บ้าน สำหรับเขาในห้วงวิกฤตเช่นนี้ อีกหนทางที่คนผลิตงานสร้างสรรค์ยังพอทำได้ คือการพยายามมองหาส่วนที่ดีที่สุดจากสิ่งที่เกิดขึ้น อาจไม่ได้เพื่อลืมแต่เพื่อหาหนทางที่จะใช้ผลงานของเรา ช่วยเหลือหรือสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่น ๆ เท่าที่พอทำได้ในช่วงเวลาที่ทุกสิ่งนั้นไม่ง่ายเลย “ผมพยายามมองด้านบวกว่าในเหตุการณ์นี้พอมีเรื่องอะไรดีอยู่บ้าง เราจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น ได้มีเวลาวางแผนการงานและชีวิต เห็นวิกฤตเป็นความท้าทาย พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปกับมัน
ในวันที่ต้องทำงานอยู่กับบ้านมากขึ้น และโลกเต็มไปด้วยบทความหรือวิธีการให้เราเก่งขึ้น โปรดักทีฟขึ้น มีพลังมากขึ้น เราเชื่อว่ามีคนทำได้และสนุกกับการเก่งขึ้นทุกวัน โปรดักทีฟขึ้นทุกวันในสถานการณ์ที่หลายอย่างไม่เอื้ออำนวย แต่เพราะมนุษย์มีมากกว่าหนึ่งรูปแบบ เราจึงเชื่อว่ามีใครหลายคนที่เผชิญกับสภาวะชวนหดหู่ช่วงนี้ และพยายามยิ่งกว่าที่เคยพยายามมา แต่เหมือนไอเดียจะไม่พลุ่งพล่านเหมือนเดิม พลังในการทำงานก็มอดดับลงเรื่อย ๆ ยิ่งมองเห็นคนรอบตัวทำกับข้าว สร้างงานศิลปะ ออกกำลังกาย หรือทำงานได้ดีกว่าเดิม ใจก็พาลหดหู่ลงและคิดว่า “หรือเราแม่งห่วยเองวะ?” ในวันที่ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจถูลู่ถูกังพาเราไปในทิศทางไหน ชั่วขณะที่หน้าที่การงานเคยมั่นคงจนเรายึดถือมาตลอด คืนค่ำที่ไม่ได้ออกไปผ่อนคลายได้อย่างที่ทำเป็นปกติ รวมถึงความอันตรายจากโรคภัยที่ไม่รู้จะมาถึงตัวเราเมื่อไร สิ่งเหล่านี้โบยตีและใจร้ายกับเรามากพอแล้ว มีคนคิดงานออกก็ดีใจกับเขาด้วย แต่การที่เราจะท้อบ้าง คิดงานไม่ออกบ้าง ทำชีวิตให้เป็นเหมือนห้วงเวลาปกติไม่ได้บ้าง ไม่ได้หมายความว่าเราห่วยหรือแย่กว่าคนอื่นแต่อย่างใด UNLOCKMEN เชื่อในความหลากหลายของมนุษย์ เราจึงไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใคร และเชื่อว่ามันไม่เป็นอะไรเลยถ้าคุณไม่สามารถทำอะไรราบรื่นได้อย่างที่เคย เรามีสิทธิทุกประการที่จะหงุดหงิด แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าทุกอย่างใจร้ายกับเรามามากพอแล้ว เราคือคนเดียวที่จะรักและใจดีกับตัวเองได้ในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ลองไม่กี่วิธีง่าย ๆ ที่เราอยากชวนคุณมาผ่อนคลาย ยอมรับความเปลี่ยนแปลง และเผชิญหน้ากับตัวเองในเวอร์ชันใหม่ที่อาจจะพาเราไปสู่ปลายทางที่เราไม่เคยคิดมาก่อนก็ได้ เมื่อ “ลงมือเขียน” เมื่อนั้นเราได้เผชิญหน้ากับตัวตนของเราเอง มนุษย์มีวิธีโอบกอดและยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นได้หลายวิธี บางวิธีต้องลงทุนลงแรง ในขณะที่บางวิธีขอแค่มีกระดาษกับปากกาก็เพียงพอแล้ว ใช่ เรากำลังพูดถึงวิธีเยียวยาตัวเองด้วย “การเขียน” วิธีง่าย ๆ ที่เรามักหลงลืมมันไป เพราะไม่คิดว่ามันจะช่วยได้จริง แต่วันที่เราไม่ได้ออกไปไหน
COVID-19 เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของมนุษย์เกือบทุกชีวิตบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ ทั้งวิธีการทำงาน วิธีการกิน วิธีการจับจ่ายใช้สอย ไปจนถึงวิธีการที่เราปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว แต่ใครจะรู้ว่า COVID-19 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่โลกอันเป็นรูปธรรมที่เราจับต้องได้เท่านั้น แม้แต่ “โลกความฝัน” ก็ถูก COVID-19 เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้เช่นกัน บิดเบี้ยวและหงิกงอ: เมื่อความจริงตามไปหลอกหลอนถึงความฝัน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เราเริ่มฝันแปลก ๆ (แปลกออกไปแบบที่ปกติไม่ค่อยได้ฝัน) ทีแรกคิดว่าเป็นอยู่คนเดียว จนเริ่มถามคนรอบตัว เราเริ่มฝันถึงซอมบี้ที่ตามไล่ล่าเรามากขึ้น เราฝันถึงวันสิ้นโลกบ่อยขึ้น บางคนฝันถึงโลกดิสโทเปียที่ล่มสลาย และสถานที่ที่ผู้คนกำลังจะตาย แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ในหมู่คนไทยเท่านั้นที่ความฝันเริ่มพิลึกพิลั่นไปทุกที ๆ ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการตั้งคำถามลอย ๆ ว่ามีใครคิดว่าตัวเองฝันผิดเพี้ยนไปช่วงนี้บ้าง? และคำตอบทำให้เรารู้ว่า COVID-19 ได้แพร่ไปในความฝันของคนทั่วโลกแล้วจริง ๆ Gus Jacobson คุณครูสอนโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาเล่าว่าในฝันโรงเรียนที่เขาสอนอยู่นั้นแปลกไป มันดูลึกลับและคล้ายว่าจะมีสิ่งน่าสะพรึงกลัว ผนัง โต๊ะเรียน ดูผุพังและส่งกลิ่นเน่าเหม็น “มันเหมือนเวลาคุณเดินเข้าไปในป่า และเจอเข้ากับตอไม้เหม็นเน่าที่ดูเละย้วย จนคุณสามารถทำให้มันลงไปกองแฉะได้แค่ใช้แรงเพียงนิดเดียว” เขาอธิบาย ไม่มีใครอยู่ในบริเวณโรงเรียนเลย และเขาสัมผัสได้ว่าตัวเขาก็ไม่ควรมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่นั่น วินาทีที่ Jacobson ลืมตาตื่น เขารู้ว่ามันเป็นความฝัน แต่ที่แย่คือเขาฝันแบบนี้ซ้ำ ๆ ตั้งแต่การเริ่มระบาดของ
พลังใจเป็นเรื่องแปลกประหลาด บางคราวในสภาวะมืดหม่นไร้แสงบางคนก็มีพลังใจเต็มเปี่ยมมากพอจะส่งต่อให้คนอื่นได้ ในขณะที่พลังใจของบางคนอาจพร้อมดับมอดสูญสลายเมื่อใดก็ได้ ทั้งโดยมีสาเหตุและไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ COVID-19 ทำให้พลังใจของใครหลายคนสั่นคลอน การปลุกปลอบกันและกันในห้วงเวลามืดหม่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ UNLOCKMEN ขอเลือกโควตคำพูดจากเหล่าผู้นำระดับโลกที่เคยกล่าวไว้เมื่อพวกเขาเผชิญภาวะสงคราม เพื่อส่งต่อพลังใจให้ทุกคนในวันที่อะไร ๆ ก็ไม่ง่ายเลย “ความกล้าหาญไม่ใช่การไม่กลัว แต่คือการก้าวไปข้างหน้าพร้อมเผชิญหน้ากับความกลัว” – Abraham Lincoln ในสภาวะที่ไม่มีอะไรแน่นอน มองไปทางไหนก็ไม่อาจหาความมั่นคงอะไรมาการันตีได้ ในฐานะผู้นำองค์กร หรือในฐานะมนุษย์คนหนึ่งคงพูดไม่ได้ว่าเรา “ไม่กลัว” แต่อย่างที่ Abraham Lincoln กล่าวไว้ในสถานการณ์อันยากลำบากยิ่งความกล้าหาญไม่ได้แปลว่าหัวใจของเราต้องปราศจากความกลัว แต่ไม่ว่าในความมืดหม่นหรือยากลำบากเพียงไหน เราต้องยอมรับว่าเรากลัว และหาทางเผชิญหน้ากับมันอย่างถูกวิธี UNLOCKMEN เชื่อว่าในสถานการณ์ COVID-19 นี้ เราล้วนมีความกลัวเกาะกุมตัวเราในหลากหลายรูปแบบ บางคนกลัวตกงาน บางคนกลัวไม่มีเงิน บางคนกลัวไม่มีกิน บางคนกลัวไม่ได้มีชีวิตสุขสบาย แต่ไม่ว่าความกลัวแบบไหน เราต้องไม่วิ่งหนีมัน สบตากับมันอย่างลึกซึ้ง แล้วถามว่าทำไมเราถึงกลัว? แล้วทำอย่างไรต่อไปได้บ้างถึงจะขจัดความกลัวนี้ไปได้? “กุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพของเรา ไม่ใช่ความแข็งแกร่งหรือสติปัญญา แต่คือการพยายามอย่างต่อเนื่อง” – Winston Churchil ความแข็งแกร่งสำคัญ พอ ๆ กับที่สติปัญญาก็มีความหมายสูงล้ำในห้วงเวลาที่วิกฤตเข้าคุกคามชีวิต แต่จะแข็งแกร่งหรือมีสติปัญญาหลักแหลมแค่ไหนก็คงหมดความหมาย
หนังสือคือเพื่อน หนังสือคือจินตนาการ หนังสือคือความรู้ หนังสือเป็นอะไรก็ได้ตราบเท่าที่คนอ่านอย่างเรานิยามให้ ในช่วงเวลาที่เราแทบไม่ได้ออกไปไหน ใช้เวลาส่วนใหญ่ในโลกปิดแคบที่เรียกว่าบ้านและโหยหาการเดินทางใจจะขาด หนังสือจะพาเราออกโบยบินไปไกลแสนไกล UNLOCKMEN จึงเอา 5 หนังสือเรื่องการเดินทางมาฝากมนุษย์ทุกคนที่ต้องอยู่บ้านเพื่อส่วนรวม รวมถึงที่ยังต้องออกไปทำงาน (แต่ก็ไม่อาจเดินทางไปไหนไกล ๆ ได้) ทุกการเดินทางในหนังสือ 5 เล่มนี้ไม่เพียงเป็นการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว แต่เป็นการเดินทางเพื่อตามหาความหมายอะไรบางอย่าง ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าในช่วงเวลาอันยากลำบากและชวนสับสนนี้ เราทุกคนต่างพยายามตั้งคำถามว่า “ชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่?” มากกว่าที่เคยถามมาทั้งชีวิต สู่หนไหน “สู่หนไหน” หนังสือที่จะพาเราเดินทางไปกับ 2 หนุ่มบ้าระห่ำที่ไม่ได้ต้องการเดินทางเพื่อสิ่งใด นอกจากตอบสนองเสียงเรียกร้องในหัวใจของตัวเองเท่านั้น พวกเขาเดินทางด้วยรถเก่า ๆ รอนแรมไปทัวสหรัฐอเมริกาดินแดนแห่งเสรีที่ดูเหมือนว่าใจของพวกเขาจะเสรียิ่งกว่า การได้อ่านเล่มนี้ให้ความรู้สึกราวกับได้กระเตงไปบนรถเก่าคร่ำคร่า บางหนรถวิ่งอย่างราบรื่นพาไปเห็นบางมุมของชีวิตที่สวยงาม บางคราวรถกระตุกทุลักทุเลราวกับว่าไม่อาจจะไปต่อได้ แต่เช่นนั้น เช่นที่การเดินทางและชีวิตของมนุษย์อย่างเรา ๆ เป็น เพราะหนทางนั้นอีกยาวไกล เราจึงต้องเจอทั้งดีและร้ายอีกมาก แต่ที่หนังสือเล่มนี้ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองได้อย่างเด็ดขาดคือ “ชีวิตคืออะไร?” เรากล้าจะกระโจนเข้าสู่การเดินทางราวกับตัวละครหลักของเรื่องไหม? ทั้งถนนหนทางจริง ๆ และถนนหนทางของชีวิตเรานั่นเอง ในครึ่งที่ยังว่างของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า เรื่องราวของมนุษย์เงินเดือนวัย 29 ปี ที่ตั้งแต่ลืมตามาบนโลกจนถึงบัดนี้ยังไม่เคยออกเดินทางไปต่างประเทศแม้สักหน แล้วจู่ ๆ
ความเครียดหลากหลายรูปแบบรุมเร้าเราพร้อม ๆ กัน ทั้งหน้าที่การงานที่ไม่มั่นคงอย่างที่เราเคยคิด สภาพเศรษฐกิจที่ชวนให้รู้สึกหวาดระแวง ปัญหา COVID-19 ที่ไม่รู้ว่าจะคลี่คลายลงเมื่อใด ไม่เพียงเท่านั้นไฟแห่งความเครียดและความกดดันถาโถมเข้าใส่เราอย่างหนักหน่วงจากการถูกจำกัดพื้นที่เพื่อความปลอดภัย แทบไม่ได้ออกไปไหน และได้พบปะผู้คนน้อยลง สิ่งเหล่านี้ทำให้สภาพจิตใจใครหลายคนย่ำแย่ บางคนเหงา บางคนโดดเดี่ยว บางคนเครียด และอยากได้ใครสักคนคอยรับฟัง (อย่างถูกวิธี) หรือบางคนที่รู้สึกเครียดไม่มากก็ต้องการหนทางผ่อนคลายจากหนักให้เป็นเบา UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 แอปพลิเคชันเยียวยาจิตใจช่วงที่อะไร ๆ ก็ดูหนักหน่วงสำหรับเราไปหมด Ooca ปรึกษาปัญหาใจ Ooca คือแอปพลิเคชันรับปรึกษาปัญหาใจ ใครเศร้าเกินขนาด ใครเครียดเกินพอดี ใครวิตกกังวลจนกระทบกับการใช้ชีวิต หรือสารพันอาการทางใจที่เราต้องการใครสักคนรับฟัง แต่ใครสักคนที่ว่าไม่ใช่ใครก็ได้ Ooca รวบรวมจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่มีความรู้เรื่องปัญหาทางอารมณ์โดยเฉพาะมาให้เราปรึกษาตัวต่อตัวได้จากที่บ้าน ไม่ว่าปัญหาที่คุณเจออยู่จะเป็นอะไร และคิดว่าไร้หนทางจะหาทางออกแล้ว ลองโหลดแอปพลิเคชันนี้มาวีดีโอคอลคุยกับผู้เชี่ยวชาญดูสักครั้ง หลายอย่างอาจดีขึ้นเมื่อใจเราได้รับคำแนะนำที่ถูกวิธี หรือใครที่คิดว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็อึดอัดกับอารมณ์ความรู้สึกหม่น ๆ ที่อยู่รอบตัวก็ไม่จำเป็นต้องรอให้อาการหนักใหญ่โตแต่อย่างใดที่ Ooca มีคนที่คอยรับฟังคุณอยู่เสมอ ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play, App Store Raksa – ป่วยทัก รักษา จิตใจหม่น
ชีวิตยามปกติที่เคยนอนในบ้าน กินอาหารข้างนอก ทำงานที่ทำงาน อยากผ่อนคลายก็ไปทะเลสักแห่ง ถูกสถานการณ์ COVID-19 บีบบังคับให้เราต้องกิน นอน ทำงาน ผ่อนคลาย มีชีวิตเกือบ 100% เต็มในสถานที่จำกัด บางคนอาจมีบ้านยังพอเดินไปเดินมาให้ผ่อนคลาย (แต่ก็ไม่อิสระเหมือนการได้ไปข้างนอกอยู่ดี) แต่หลายคนที่อาศัยอยู่ในห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ยิ่งต้องเผชิญความท้าทาย ความกดดันทางอารมณ์มากขึ้นไปอีก ความโดดเดี่ยวในสถานที่คับแคบ การแบ่งเวลางานและเวลาพักผ่อน การพยายามหาหนทางผ่อนคลายให้ตัวเองจึงไม่ง่ายเลยสำหรับใครหลายคน จะมีใครเข้าใจ “วิธีมีชีวิตรอดในความโดดเดี่ยว” ดีไปกว่า Scott Kelly นักบินอวกาศผู้ต้องใช้เวลาบนสถานีอวกาศยาวนาน 1 ปี เขากิน นอน ทำงาน และผ่อนคลายที่นั่น ไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง หรือห่างจากสถานีอวกาศไปไหนไกลและนี่คือเคล็ดวิธีที่เขาอยากแนะนำ ในห้วงเวลาที่เราต้องอยู่ติดบ้านไปอีกพักใหญ่ อย่าปล่อยเวลาให้ไหลไป “กำหนดตารางเวลา” ให้ตัวเองเสมอ สิ่งหนึ่งที่ Kelly แนะนำคือเมื่อเราต้องอยู่ในสถานที่เดียวนาน ๆ แต่ทำสารพัดอย่าง เราต้อง “กำหนดตารางเวลา” ให้ตัวเอง ตัวเขามีตารางเวลาที่แน่นขนัด ตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาตื่นไปจนถึงเข้านอน เพราะเรานั้นไม่สามารถใช้ “สถานที่” มาเป็นตัวกำหนดเวลาและกิจกรรมได้อีกแล้ว เช่น เมื่อก่อนเราไปถึงออฟฟิศ เราจะรู้โดยอัตโนมัติว่านี่คือเวลาทำงาน
“ถ้าอยากให้มวลมนุษยชาติมีชีวิตรอด เราคงต้องย้ายไปดาวดวงอื่น” ถ้าคุณได้ยินคำพูดทำนองนี้เมื่อ 3 ปีก่อน คุณอาจคิดว่าใครคนนั้นกำลังเขียนนิยาย Sci-Fi พล็อตว่าด้วยหายนะล้างโลก หรือไม่ใครคนนั้นก็อาจเสียสติไปแล้วแน่ ๆ แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากสตีเฟน ฮอว์คิง (Stephen Hawking) ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ นักฟิสิกส์ทฤษฎี และนักจักรวาลวิทยา ก็อาจพอกระทุ้งให้ผู้คนหยุดฟังบ้าง แต่ท้ายที่สุดความคิดที่ว่ามวลมนุษยชาติจะสูญพันธุ์ โลกจะถึงกาลอวสาน จนเราต้องหาอาณานิคมใหม่บนดาวสักดวงในเวิ้งอวกาศก็ดูเป็นเรื่องไกลตัวเราอยู่ดี อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2020 เดินทางมาถึงพร้อมวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ระบาดไปทั่วโลกก็ทำให้หลายคนนึกย้อนไปถึงคำพูดของนักฟิสิกส์ผู้ล่วงลับ โดยครั้งหนึ่งเขาเคยพูดถึงการสูญพันธุ์ของมวลมนุษยชาติด้วยหลายสาเหตุ และหนึ่งในสาเหตุนั้นคือ “ไวรัส” “ผมเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกกวาดล้างจนสูญพันธุ์ ทั้งจากสงครามนิวเคลียร์ หรือจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม มนุษยชาตินั้นคงสิ้นอนาคต ถ้าเราไม่ออกไปสู่ห้วงอวกาศ” นอกจากนั้นเขายังเคยกล่าวไว้ว่าหายนะที่จะกวาดล้างมวลมนุษยชาติ ยังมีอีกหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การโจมตีจากดาวเคราะห์น้อย รวมถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกของเองที่เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนถึงการคุกคามจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นนักฟิสิกส์ นักจักรวาลวิทยาและความสงสัยใคร่รู้ของเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งทำให้เขาครุ่นคิดถึงเรื่องอนาคตของมวลมนุษยชาติอยู่บ่อย ๆ สตีเฟน ฮอว์คิงขึ้นพูดใน Starmus Festival ที่ประเทศนอร์เวย์ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2017 เรื่องอนาคตของมวลมนุษยชาติเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ “พื้นที่บนโลกใบนี้กำลังร่อยหรอลงทุกที ๆ และที่ที่เราจะไปได้คือดาวดวงอื่น