“กระอักกระอ่วน” คงไม่มีใครชอบหรืออยากเผชิญความรู้สึกนี้ โดยเฉพาะเรื่องชวนหน้าแตก อับอายที่เกิดขึ้นระหว่างกิจกรรมที่ควรจะเซ็กซี่ยวนใจที่สุดอย่างกิจกรรมบนเตียง แต่เพราะเซ็กซ์คือกิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างเรือนร่าง 2 เรือนร่าง (หรือมากกว่านั้น) เราจึงไม่สามารถควบคุมร่างกายของเราและของเธอให้อยู่ในบรรยากาศชวนพิศวาสดังใจได้เสมอไป อย่างไรก็ตามการมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างมีเซ็กซ์ แม้จะไม่ตรงกับที่เราคาดหวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องผิดปกติเสมอไป ดังนั้นมาทำความเข้าใจบรรดาเรื่องชวนกระอักกระอ่วนระหว่างกิจกรรมสวาทให้ถี่ถ้วน พร้อมวิธีคร่าว ๆ ว่าเราจะรับมือกับเรื่องชวนเขินตอนมีเซ็กซ์เหล่านั้นอย่างไร เพื่อให้เราไม่ดูตื่นตระหนกเกินเบอร์ หรือทำให้อีกฝั่งรู้สึกแย่จนหมดอารมณ์ เพราะบางเรื่องก็เกิดขึ้นได้จนแทบจะเป็นปกติ ขอแค่เราเข้าใจมันเท่านั้น น้องสาวผายลมได้ ไม่ต้องตกใจ อารมณ์กำลังขึ้นสูงสุด จังหวะร่างกายโหมกระหน่ำระรัวตามอารมณ์ไปติด ๆ แต่แล้วก็ “ปุ้ด!?” เสียงลมดันตัวแทรกผ่านช่องแคบ ๆ ออกมา จะว่าเราเผลอตดก็ไม่น่าใช่ “ปุ้ด!?” อีกรอบ คราวนี้เราจึงมั่นใจว่านี่คือเสียงลมที่ออกมาจากอวัยวะส่วนนั้นของเธอเป็นแน่ ก่อนอื่นจงเข้าใจไว้ว่าการที่น้องสาวของเธอมีลมผุดออกมาระหว่างมีเซ็กซ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้แปลว่าน้องสาวเธอตดออกมาเหมือนการตดที่ออกมาจากก้นแต่อย่างใด แต่เกิดจากการเสียดสีเอาอากาศเข้าไป ส่วนนั้นของเธอจึงขับลมออกมา ซึ่งอาจหมายความว่าเราใช้แรงมากและเร็วเกินไปจนอากาศเข้าไปมากก็เป็นได้ วิธีรับมือก็เพียงแต่ปล่อยให้มันเป็นไป เพราะมันไม่ต่างอะไรจากการมีเซ็กซ์แล้วเหงื่อออก มีเซ็กซ์แล้วเหนื่อยหอบ ไม่ต้องเอ่ยปากถามเธอ ไม่ต้องทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ปฏิบัติให้คล้ายกับว่าเรามีบางอย่างปกติธรรมดาเกิดขึ้น การรับมือแบบนี้นอกจากจะไม่ทำให้สาว ๆ รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ (ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียความมั่นใจใด ๆ อยู่แล้ว) ยังทำให้เราดูเข้าอกเข้าใจสรีระ และไม่เป็นมนุษย์ที่ช่างตัดสินอีกด้วย ถุงยางอนามัยเจ้ากรรม ทำพิษ!
ชีวิตคือการปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลัง COVID-19 มีหลายสิ่งในชีวิตที่ผู้ชายอย่างเราต้องปรับตัวครั้งใหญ่ “การเดินทางโดยเครื่องบิน” เองก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องเปบี่ยนแปลงมหาศาลทั้งในแง่อุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัย รวมถึงเรื่องความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ครั้งหนึ่งการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นอาจถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้โดยสารที่มีสภาพคล่องทางการเงินเท่านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินยังกระจุกตัวและมีต้นทุนสูง ก็ไม่แปลกที่ค่าโดยสารจะยังแพงลิบเกินคนทั่วไปจะเอื้อมถึง จนกระทั่งมาถึงยุคสายการบินต้นทุนต่ำที่ทำให้การบินลัดฟ้านั้นแสนสะดวก เข้าถึงง่าย บางทีนึกอยากไปไหนพรุ่งนี้ กดจองตั๋ววันนี้ พรุ่งนี้เดินตัวปลิวขึ้นเครื่องก็ยังไหว การเดินทางโดยเครื่องบินจึงกลายเป็นอีกตัวเลือกแรก ๆ ที่หลายคนใช้เมื่อต้องการไปติดต่อธุรกิจสำคัญ หรือพักผ่อนหย่อนใจ อย่างไรก็ตาม COVID-19 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้สายการบินทุกสายต้องขยับตัว หลังเหตุโศกนาฎกรรม 911 กฎการบินก็เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น จนเพิ่มหลายขั้นตอนในการตรวจสอบความปลอดภัย จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า อุตสาหกรรมและกฎการบินหลัง COVID-19 นี่จะต้องเปลี่ยนแปลงมากกว่าหรือน้อยกว่าเหตุการณ์การก่อการร้ายครั้งนั้น? ผู้เชี่ยวชาญระบุตรงกันว่านี่อาจเป็นคราวที่อุตสาหกรรมและกฎการบินต้องปรับตัวครั้งใหญ่ที่สุด UNLOCKMEN รวบรวมผลกระทบคร่าว ๆ ที่ผู้โดยสารอย่างเราต้องรับมือในวันที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลง เช็กอิน 4 ชั่วโมง: เครื่องบินอาจไม่ใช่การเดินทางที่รวดเร็วดังใจอีกแล้ว ข้อดีอันดับต้น ๆ ที่เราเลือกโดยสารเครื่องบินเป็นหลักคือความสะดวกรวดเร็ว เราสามารถบินตรงสู่เชียงใหม่หรือภูเก็ตได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ยิ่งถ้าเช็กอินออนไลน์ และไม่มีกระเป๋าต้องเอาโหลดใต้เครื่อง เราสามารถนับเวลาตั้งแต่เหยียบสนามบินต้นทางจนถึงสนามบินปลายทางภายในเวลาสองชั่วโมงกว่า ๆ สามชั่วโมงเท่านั้น แต่ COVID-19 จะทำลายความรวดเร็วดังกล่าวไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย
ตอนนี้คงมีคนน้อยยิ่งกว่าน้อยที่กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “ชีวิตง่าย” เพราะนี่คืออีกช่วงเวลาหนึ่งที่เราต่างต้องเผชิญความยากลำบากในชีวิตต่างกันไปคนละรูปแบบ และเรารับมือกับเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตต่างกันไป บางคนใจดีสู้เสือ ลุยดะ แก้ทีละเงื่อน คลายทีละปมไปอย่างไม่หวาดหวั่น ในขณะที่บางคนก็ดึงพลังที่เก็บสะสมไว้มาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเจียนจะไม่ไหวอยู่หลายหน การหมดกำลังใจ ไร้เรี่ยวแรง เหนื่อย ท้อ ในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งบอกว่าใครอ่อนแอกว่าใคร ใครแข็งแกร่งกว่าใคร สิ่งที่มีความหมายที่สุดในห้วงเวลาอันยากลำบากของชีวิตคือการที่ถ้าเรายังไหว แล้วยื่นมือไปปลอบโยนคนข้าง ๆ ไว้ไม่ให้ร่วงหล่นต่างหาก ดังนั้นถ้าคุณคือคนที่ยังไหว และเห็นคนข้าง ๆ หดหู่ใกล้หมดแรงจากหลายเรื่องที่รุมเร้า อย่าปล่อยให้เขาเศร้าเพียงลำพัง ปลุกปลอบเขาเท่าที่แรงเรายังพอมี เพื่อบอกเขาว่าเราอยู่ตรงนี้เสมอ และเราจะผ่านมันไปด้วยกัน ความหมายของกำลังใจ คือการ “มีใครสักคนรับฟัง” ในวันที่ชีวิตเดินทางมาถึงจุดที่ยากที่สุด ชวนให้ท้อและหมดเรี่ยวแรงที่สุด เราไม่ได้ต้องการกำลังใจจากคนทั้งโลก เราแค่ต้องการใครสักคนที่รับฟังและมองเห็นความเจ็บปวดที่เราเผชิญอยู่ ไม่ต่างกัน หากวันนี้เราเป็นคนที่มีแรงเหลือและอยากยืนหยัดเคียงข้างคนที่เรารักในวันที่เขาหมดกำลังใจ คำพูดที่พรั่งพรูอาจไม่ตอบโจทย์เท่าการเคียงข้างรับฟัง ดังนั้นแทนที่จะเลือกคำพูดอย่าง สู้ ๆ , อย่ายอมแพ้นะ, เป็นกำลังใจให้เสมอ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่ผิดแต่อย่างใด แต่ก็สุ่มเสี่ยงที่จะฟังดูเป็นคำพูดสูตรสำเร็จตัดจบแบบแกน ๆ ได้ ลองเปลี่ยนมานั่งข้าง ๆ รับฟังสิ่งที่เขาอยากระบาย อาจถามเพิ่มเติมในส่วนที่เรารู้สึกว่าความรู้สึกเขายังไม่คลี่คลาย แต่ก็ไม่กดดันเขาจนเกินไป
ลืมตาตื่นขึ้นมาเผชิญชีวิตท่ามกลางอุณหภูมิ 30 กว่าองศาฯ แต่รู้สึกร้อนราวกับว่า 40 กว่าองศาฯ อีกหนึ่งวัน แสงอาทิตย์คือชีวิต แต่อีกทางหนึ่งเราก็อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากแสงอาทิตย์แปรพักตร์ กลายเป็นปรปักษ์ต่อลมหายใจของมนุษย์ โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร? Into the Night คือซีรีส์ระทึกขวัญ เมื่อแสงอาทิตย์ไม่ได้เป็นความอบอุ่นและสัญลักษณ์แห่งชีวิตอีกต่อไป แต่รุ่งอรุณกลับนำพาความตายมาเยือนโลกมนุษย์ ใครที่สัมผัสแสงแดดมีทางเลือกเดียวคือหมดลมหายใจ และผู้ที่อยากมีชีวิตรอดให้ได้ จึงต้องพาตัวเองมุ่งหน้าสู่ความมืดมิดแห่งคืนค่ำเท่านั้น ไม่เวิ้นเว่อวุ่นวาย เพราะโลกแตกสลาย ความหมายมีแค่การเอาตัวรอดเท่านั้น เราคงไม่ปฏิเสธว่าหนังโลกแตก มนุษย์ต้องเอาตัวรอดให้ได้ หนีตายบนพาหนะอะไรสักอย่างไม่ใช่พล็อตใหม่ และชวนให้สงสัยว่ามันยังดึงดูดใจคนดูอย่างเราได้จริงไหม? แต่ Into the Night พาเราหลุดเข้าไปในหนังโลกแตกระทึกขวัญเอาตัวรอดในรสชาติแปลกใหม่ ที่ขอกระซิบว่าถ้ายังไม่ได้เริ่มดูก็อย่าเพิ่งตัดสินหนังเรื่องนี้ หนังโลกแตกปกติ มักให้ความสำคัญกับความสมจริง จนฉายภาพปูพื้นให้เห็นว่า “เพราะอะไรโลกถึงเกิดหายนะขึ้น?” จนต้องมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ปูภาพ หรือฉากห้องแล็บนักวิจัยที่แสดงข้อมูลจำนวนมากน่าเชื่อถือ แต่ Into the Night กลับเปิดเรื่องเรียบง่าย กลุ่มคนเพียงหยิบมือหนึ่งที่กำลังจะขึ้นเครื่องบิน และถูกทหารนายหนึ่ง (ที่บังเอิญรู้เรื่องแสงอาทิตย์หายนะ) ปล้นเพื่อพาเครื่องบินมุ่งตรงสู่กลางคืน หนีแสงอาทิตย์ไปทางทิศตะวันตกของโลก บนเครื่องบังเอิญมีผู้มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ที่พออธิบายเหตุผลคร่าว ๆ อยู่บ้าง และที่เหลือคือการเสิร์ชหาเอาจากอินเทอร์เน็ต ในทางหนึ่งการปูเรื่องจากมุมมองตัวละครแบบนี้ทำให้เรารู้สึกสมจริงยิ่งขึ้น เพราะหากโลกใบนี้ต้องแตกแหลกสลายพังพินาศลงจริง
“หัวใจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแตกสลาย” Oscar Wilde นักเขียนมากฝีมือชาว Irish กล่าวไว้แบบนั้น บางคนอาจเห็นด้วย บางคนอาจไม่เห็นด้วย แต่ไม่ว่าหัวใจหรือชีวิตจะแตกสลายเพียงใด เราก็ยังต้องดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอดในโลกใบนี้ต่อไป คำถามก็คือถ้ามันแตกสลายถึงเพียงนั้น อะไรจะทำให้เรายังก้าวต่อไปได้? บางคนอาจมีคำตอบอยู่แล้ว บางคนอาจไม่แน่ใจกับคำตอบที่มี หรือบางคนเคว้งคว้างอยู่บนความเจ็บปวดแหลกสลายและไม่รู้จะต้องเดินไปทางไหนต่อ UNLOCKMEN ไม่มีคำตอบถูกต้องตายตัวให้ แต่เราอยากแบ่งปันหนังสือ 5 เล่มที่ว่าด้วยปรัชญา แก่น จิตวิญญาณจากญี่ปุ่น ที่อาจไม่ได้บอกเราว่า “ห้ามแตกสลาย” แต่ 5 เล่มนี้จะบอกเราว่าชีวิตก็เป็นเช่นนี้ มีบาดแผล มีเจ็บปวด มีแหลกสลาย แต่หัวใจของเราต้องไปต่อให้ได้ และได้ในแบบที่ยังรัก เคารพและมีความสุขกับเส้นทางที่เรามีเหลืออยู่ อิคิไก: ความหมายของการมีชีวิตอยู่ Ken Mogi บางครั้งชีวิตที่แหลกสลายคือการไม่อาจหาความหมายของการตื่นมาแต่ละวันได้ เราไม่รู้ว่าเช้านี้เราตื่นมาทำไม แค่ลืมตา หายใจ ไปทำงาน ก้มหน้าก้มตา กินข้าว กลับบ้าน รถติด หมดเวลาเข้านอน วนไปไม่รู้จบ เพื่อเงินเดือนหรือ? หรือเพื่อเอาเงินเดือนมาใช้ชีวิตและหาความสุขอีกทีกันแน่? แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นทำไมเราจึงตื่นมาแล้วพบว่าแต่ละเช้าช่างไร้ความหมายเช่นนี้ “อิคิไก” จึงเป็นแก่นแท้ที่ชวนให้เราค้นหาความหมายและความสมดุลแห่งชีวิต
ยุคสมัยที่ผู้นำส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์ดวงนี้มีแต่ผู้ชายสุดแข็งแกร่งนั้นอาจเลือนรางลงไปนานแล้ว ความเท่าเทียมในหลายมิติทำให้มนุษย์ไม่ว่าเพศสภาพไหน ๆ ก็สามารถขึ้นกุมบังเหียนเพื่อบริหารองค์กรหรือประเทศได้ แม้ภายนอกคล้ายจะเป็นแบบนั้น แต่การเป็นผู้นำผู้หญิงนั้นกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากผู้นำผู้หญิงมักถูกกล่าวหาด้วยภาพเหมารวมความเป็นหญิงบางอย่าง เช่น ผู้หญิงนั้นเจ้าอารมณ์ ไม่มั่นคง ไม่เด็ดขาด ผู้หญิงไม่แข็งแกร่งพอ ผู้หญิงไม่มีความรู้เรื่องการบริหารดีเท่าผู้ชาย ฯลฯ รวมไปถึงความกดดันที่ผู้นำผู้หญิงต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่าผู้นำผู้ชาย เพื่อให้ทุกคนในองค์กร (หรือแม้แต่ระดับประเทศ) ยอมรับ Abbie Griffith Oliver ผู้ช่วยศาสตราจารย์จาก Georgia State University ทำงานวิจัยสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันพบว่าเมื่อพูดถึง “ผู้นำที่พวกเขาชื่นชม” คนจำนวน 80% จะนึกถึงผู้ชาย และเมื่อ Abbie Griffith Oliver ถามนักศึกษาในชั้นเรียนว่าคิดอย่างไรกับผู้นำผู้หญิง มีเพียง 5% เท่านั้นที่พอจะนึกถึงผู้นำหญิงออกสักคน แน่นอนว่ามีผู้นำหญิงในหลายองค์กรที่ทำให้เห็นว่าผู้หญิงเองก็สามารถบริหารจัดการได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย แต่เมื่อ COVID-19 ที่ถือเป็นวิกฤตการณ์สำคัญระดับโลกมาเยือน ทั้งโลกต่างได้เห็นบทบาทของผู้นำหญิงชัดเจนขึ้น เนื่องจากหลายประเทศที่มีผู้นำหญิงเป็นผู้บริหารนั้นสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 หรือแม้แต่มีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ผู้นำหญิงจากหลายประเทศถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ทั้ง Angela Merkel จาก Germany, Jacinda Ardern จาก
เดือนพฤษภาคมถือเป็นอีกเดือนที่อุดมไปด้วย “วันหยุด” ที่เราจะได้หยุดงานนอนตีพุงหรือไปเที่ยวไหนต่อไหนให้ชุ่มปอด แต่ COVID-19 ก็ทำให้โลกทัศน์วันหยุดเราต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วันหยุดจำนวนมากแต่ไม่อาจออกไปไหนได้ (เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและผู้อื่น) รวมถึงสถานที่หลายแห่งที่ยังต้องปิดตามมาตรการของรัฐและเคอร์ฟิว ทำให้วันหยุด (และวันธรรมดา) ของเดือนพฤษภาคม 2020 นี้ มีแต่บ้าน บ้าน บ้าน และบ้านเท่านั้น โชคดีที่เราอยู่ในโลกยุคที่บ้านยังมีทีวี อินเทอร์เน็ต และสตรีมมิงให้ได้ท่องเที่ยว เดินทางไปกับหนัง ซีรีส์ สารคดี ฯลฯ การอยู่บ้านจึงน่าเบื่อน้อยลง ดังนั้นพฤษภาคมนี้ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้วันหยุดไปกับอะไร เราแวะเอาคอนเทนต์จาก NETFLIX มาให้เลือกสรร The Godfather ความดีงามของระบบสตรีมมิงคือการที่เราจะดูเมื่อใด หยุดเมื่อใดก็ได้ หนังทั้งเรื่องเป็นของเรา การได้ดูที่มีหลาย ๆ ภาคในวันหยุดยาวแบบฉ่ำใจจึงเหมือนเป็นการได้เสพของอร่อยเต็มอิ่มของคอหนัง โดยเฉพาะเมื่อหนังเรื่องนั้นเป็นหนังระดับตำนาน จะมีอะไรดีกว่านี้อีก? The Godfather คงไม่ใช่หนังใหม่อะไร (แต่เราเชื่อว่าหลายคนก็อาจยังไม่เคยดู) ใครที่เคยดูแล้วก็ถือเป็นโอกาสอันดีในช่วงเดือนที่วันหยุดเยอะได้ย้อนกลับมาดูหนังแก๊งสเตอร์ระดับตำนานเรื่องนี้อีกหน The Godfather เรื่องราวว่าด้วยครอบครัวมาเฟียที่ไม่ได้มุ่งไปที่อาชญากรรมโดยตรง แต่ให้ฟีลรุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง โคตรมาเฟียที่ไม่ต้องข้องแวะกับความเป็นอันธพาล แต่อหังการตราตรึงใจนักวิจารณ์และคนดูแม้เวลาผ่านมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ตาม ความดีงามคือมาครบทั้ง
ชีวิตก็มีเรื่องต้องคิดและห่วงมากพออยู่แล้ว แต่ปัญหาโลกแตกว่า “วันนี้กินอะไรกันดี?” ก็ยังตามมาหลอกหลอนเราได้ไม่ว่าจะในช่วงเวลาปกติหรือเวลาวิกฤต ยิ่งต้องทำงานอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ไม่เห็นร้านอาหารอะไรผ่านหูผ่านตา การคิดว่ามื้อต่อไปกินอะไรยิ่งยากและชวนขี้เกียจขึ้นเป็นสองเท่า เพราะเข้าใจปัญหานี้ดี รวมถึงอยากบอกต่อร้านอาหารคุณภาพดี แถมอร่อยไว้ให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ในใจยามคิดอะไรไม่ออก เราจึงรวบรวม 5 ร้านอร่อยเด็ดจาก UNLOCKMEN MARKET OFFICIAL พื้นที่ที่อัดแน่นด้วยมิตรภาพและคุณภาพ! ที่เปิดโอกาสให้คนขายมาฝากสินค้าดีมีคุณภาพแบบฟรี ๆ และผู้ซื้อจะได้ของถูกใจโดยไม่ต้องออกไปหาซื้อไกล ๆ เพื่อเพิ่มความเสี่ยง ลองสั่ง 5 เมนูจาก 5 ร้านที่เราเลือกมา แล้วแวะเข้าไปดูสินค้าอย่างอื่น เผื่อถูกใจ หรือจะฝากขายอะไรก็เต็มที่ เพราะ UNLOCKMEN MARKET PICKS ครั้งหน้า อาจมีร้านของคุณอยู่ใน LIST ของเราก็เป็นได้ Zab Kak – แซ่บคัก ถ้าอยู่บ้านนานไปแล้วรู้สึกเหี่ยวเฉาลงไปทุกที ๆ อยากเพิ่มรสชาตจัดจ้านให้ชีวิต รับรองว่า “Zab Kak – แซ่บคัก” จะไม่ทำให้วันของคุณผิดหวัง แซ่บคักคือร้านอาหารอีสานพื้นถิ่นที่มาพร้อมไอเดีย
หลายคนสูญเสียหลายอย่างไปกับโรคระบาดที่เราไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ความมั่นคง เงิน งาน สุขภาพจิต แต่นอกจากความปกติในชีวิตที่เราต้องเสียไปแล้ว COVID-19 ยังเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งวิธีคิดเรื่องการรักษาความสะอาดเพื่อสุขอนามัย วิธีคิดเรื่องการกินอาหาร วิธีคิดเรื่องการพักผ่อน ฯลฯ ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ส่งผลไปถึงเทคโนโลยี ธุรกิจอีกหลายรูปแบบที่จะต้องปรับตัว แต่น่าเสียดายที่บางอย่างต่อให้ปรับตัวก็ไม่สามารถรอดไปได้ หลัง COVID-19 จึงไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีและธุรกิจใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนไปในช่วงนี้ แต่เทคโนโลยีหรือธุรกิจบางแบบต้องหายไปตลอดกาลเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน Touch Screens ในที่สาธารณะ ครั้งหนึ่งการไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือต้องการข้อมูลจากจุดไหนเป็นพิเศษแล้วมีหน้าจอ Touch Screens วางหารอให้เราพุ่งตรงเข้าไปใช้บริการ มันช่างเป็นตัวแทนของความทันสมัย ใช้งานง่าย สะดวก ตอบโจทย์ผู้บริโภค และเป็นภาพลักษณ์เชิงบวกกับธุรกิจหรือองค์กรนั้น ๆ จนไม่ว่ามองไปทางไหน Touch Screens ก็มีให้เห็นละลานตา แต่เมื่อ COVID-19 มาถึง Touch Screens ที่เคยเป็นตัวแทนความสะดวก กลายเป็นพื้นที่รวบรวมนิ้วใครต่อนิ้วใคร และอาจรวมถึงเชื้อโรคไม่พึงประสงค์นานาชนิด ดังนั้นธุรกิจจะต้องพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ Touch Screens ทำให้ลูกค้าจำนวนมากมองว่านี่คือความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ว่าพวกจะพยายามทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน บรรดาตู้ ATM จอในรถเช่า
จังหวะการหมุนของโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ COVID-19 มาถึง ปกติคนทำงานอย่างเรา ๆ ก็หาทางอัปสกิล เอาตัวรอด เพิ่มศักยภาพให้ตัวเองอยู่ตลอดอยู่แล้ว แต่คล้ายว่าทุก ๆ ช่วงที่สิ้นปีเก่ากำลังจะจากไป และต้นปีใหม่กำลังจะมาถึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะอัปเดตว่าเทรนด์ไหนกำลังมา ปีหน้าปีสกิลไหนที่ต้องเพิ่ม ความรู้ไหนที่ต้องทิ้งไปกับปีเก่า คนทำงานใช้ชั่วจังหวะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ครบรอบพอดีเป็นฤกษ์ในการอัปเกรดเวอร์ชันการทำงานให้ตัวเองอย่างจริงจัง แต่เมื่อ COVID-19 มาถึง ไม่เฉพาะการทำงานเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยน แต่ชีวิตทั้งชีวิตต้องเปลี่ยนตาม โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจผันผวน สภาพการเงินของบริษัทไม่แน่นอน อัตราการปลดพนักงานในหลายที่ก็มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ ถ้าจะรออัปเกรดตัวเองอีกทีตอนสิ้นปี ถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินไปก็เป็นได้ UNLOCKMEN ชวนเอาชีวิตรอดว่าเราควรทำอะไรบ้างในโลกการทำงานหลัง COVID-19 มาเยือน “เจ้านายเก่า บริษัทเดิม คนในสายงานเดียวกัน” สายสัมพันธ์นี้มีความหมายกว่าที่คิด ความสามารถ ศักยภาพ นั้นสำคัญอย่างมาก แต่ถ้ามี “โอกาส” ที่ดีด้วย ทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเราก็จะยิ่งพุ่งทะยานไปได้ไกลกว่าเดิม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาแนะนำตรงกันว่าในช่วงวิกฤต COVID-19 สิ่งที่อยากแนะนำให้คนทำงานทำคือการติดต่อกับเจ้านายเก่า ผู้คนในบริษัทเดิม ทีม HR หรือคนในสายงานที่เราทำอยู่ นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อองค์กรกำลังจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หรือกำลังจะพาตัวเองฝ่าฟันวิกฤตไปได้ สิ่งที่องค์กรต้องการที่สุดคือคนที่รู้มือกัน เข้าใจลักษณะองค์กร และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดีโดยไม่ต้องมาเริ่มสอนงานกันใหม่ จึงไม่แปลกที่