ใครบางคนเคยนิยามว่าความรักคือความป่วยไข้ ยามใดที่ติดเชื้อเข้าแล้ว พิษรักอาจเสกโลกทั้งใบให้งดงามหมดจด แต่พิษรักก็ทำให้เพ้อคลั่งอกกลัดหนอง แบบที่เราในยามปกติไม่มีวันเป็นได้ เพราะอย่างนี้ความรักจึงอาจเป็นความป่วยไข้สำหรับบางคน เป็นพรวิเศษสำหรับหลายคน เป็นสวงสวรรค์หรือขุมนรก แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนจะนิยาม ไม่ว่าเราอายุเท่าไร เรียนสูงเพียงไหน ผ่านอะไร ๆ มามากมายเพียงใด ความรักก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คุณต้องทำความรู้จักอีกหนเมื่อมันเดินมาทักทาย แต่นอกจากความรักที่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ความรักพิสูจน์ได้หรือไม่? มีทฤษฎีอะไรมารองรับหรือเปล่า? เราเชื่อว่าหลายคนเคยอยากรู้ เราถึงแวะเอาหนังสือ 5 เล่มที่ว่าด้วยความรัก แต่เป็นความรักที่เชื่อมโยงกับทฤษฎีทั้งทางวิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เผื่อว่าสักเล่มในนี้จะทำให้ความรักดูแปลกหน้าน้อยลง หรือเข้าใจตัวเองและเรื่องราวรักใคร่ที่ผ่านมาได้ราบรื่นขึ้น ทำไมต้องตกหลุมรัก: Alain Badiou ความรัก และ The Lobster บางคนบอกว่าความรักไม่มีเหตุผล นั่นอาจเป็นเพราะมันเหนื่อยเปล่าที่จะต้องหาคำตอบว่าทำไมเราถึงตกหลุมรักใครสักคน แต่หลายหนเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าการจะตกหลุมรักใครสักคนได้นั้นมีปัจจัยอะไรมาข้องเกี่ยวบ้าง? ทำไมต้องตกหลุมรักเล่มนี้จะพาเราสวมแว่นทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ทำให้เรามองความรักผ่านเลนส์ที่เราไม่เคยมองมาก่อนว่าการตกหลุมรักใครสักคนอาจมีเกณฑ์บางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้ ในขณะเดียวกันยุคสมัย ทุนนิยม และอีกหลายสิ่งรอบตัวเราก็ลอบลดทอนความรักให้เหลือเพียงอะไรบางอย่าง อย่างกำไร ขาดทุน ไปด้วย การอ่านเล่มนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเห็นด้วยกับทุกประโยค แต่เรารับรองได้ว่าคุณจะได้กระโจนเข้าหาอีกมุมของความรักที่คุณอาจไม่ทันคิดว่ามันก็มีมุมแบบนี้อยู่ รวมถึงชวนคุณตั้งคำถามบางแบบที่คุณอาจไม่เคยกล้าแม้แต่จะถามตัวเองเกี่ยวกับความรัก จงรักสิ่งที่คุณจะไม่มีวันได้เจออีกเป็นครั้งที่สอง ถอดรหัสรักออนไลน์ รักออนไลน์มันปลอม! บางคนกล่าวหาความรักที่พบเจอกันในโลกเสมือนไว้แบบนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าเว็บไซต์หาคู่อาจช่วยจับคู่ให้คุณได้ถึงเดือนละ 70 คน
สุขภาพกายคือสิ่งสำคัญที่เราพยายามดูแลมันอย่างสุดกำลังความสามารถ เลือกกินอาหารที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด เลือกออกกำลังกายอย่างอดทนเพื่อความแข็งแกร่งที่คุ้มค่า แต่ดูเหมือนว่า “สุขภาพใจ” อาจไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร โดยเฉพาะในวันที่โลกไม่เป็นไปตามอย่างใจหวัง สภาวะเศรษฐกิจที่คาดเดาไม่ได้ หน้าที่การงานที่ไม่แน่ใจว่าจะมั่นคงไปถึงเมื่อไร สภาวะแบบนี้ที่เรายิ่งต้องดูแลหัวใจของเราให้แกร่งเข้าไว้ เมื่อร่างกายก็เต็มที่ และหัวใจก็พร้อมชน ไม่ว่าอุปสรรคหรือความยากลำบากแบบไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ แม้หัวใจจะไม่ได้มีอาหารดี ๆ หรือการออกกำลังอย่างเป็นรูปธรรมเหมือนร่างกาย แต่ “ทัศนคติ” ก็เป็นอีกอย่างที่เราสามารถฝึกหัวใจของเราให้แกร่งอยู่เสมอได้ และนี่คือวิธีฝึกใจให้แกร่งในวันที่ COVID-19 ยังทำให้อะไรหลายอย่างมัวหม่นกว่าที่เคยเข้าใจ โลกมันเลวร้าย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรู้สึกเลวร้ายเสมอ สภาพเศรษฐกิจถดถอย ผู้คนตกงาน โรคระบาดที่ยังไม่มีทางรักษา ฯลฯ เราไม่ได้ให้คุณปฏิเสธว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่จริง สิ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริงและใช่มันคือเรื่องเลวร้าย แต่วิธีหนึ่งที่เราจะยังสามารถฝึกใจให้แกร่งอยู่ได้เสมอคือเราต้องยอมรับความจริงว่าโลกมันแย่ แต่ตัวเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ตามสถานการณ์ไปทุกเรื่อง ทุกอณู ความเครียด ความเจ็บปวดที่บ่อนทำลายหัวใจเรานั้น ลองตั้งสติถามตัวเองดี ๆ ว่าเรากำลังเอาใจไปผูกกับบางเรื่องหนักหนาเกินกว่าที่มันจะเป็นหรือไม่? และบางอย่างมันยังไม่ทันส่งผลกระทบกับเราเลยใช่หรือเปล่า? การตระหนักถึงปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่การตระหรักและพยายามหาทางรับมือแก้ไข กับการตระหนักแล้วปล่อยใจตัวเองจมไปกับความเครียดเศร้าและรู้สึกเลวร้ายจนไม่เป็นอันทำอะไรนั้นก็เป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นวิธีการฝึกใจให้แกร่งขึ้นแรกคือต้องเข้าใจเสมอว่า ใช่ โลกเลวร้าย แต่เราไม่ต้องรู้สึกแย่ตามเสมอไป ตั้งสติพาตัวเองออกมาห่าง ๆ ส่วนอะไรที่เป็นปัญหาก็รับมือกับมันไป ขอเพียงอย่าเอาใจไปจมกับมัน โซเชียลมีเดียไม่ใช่ทุกอย่าง ยิ่งโลกอยู่ในสภาวะที่มีหลายสิ่งหลายอย่างประเดประดังเข้ามา โซเชียลมีเดียคือพื้นที่หนึ่งที่เราสามารถส่งและรับความคิดเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
เราอยู่ในยุคที่ที่โลกมีแก็ดเจ็ตเดือด ๆ มาให้ผู้ชายอย่างเรายลโฉมอยู่ทุกวัน บางอันผ่านตาไปเพราะรู้สึกดีไซน์โดน แต่ฟังก์ชันกลับไม่ตอบโจทย์อย่างที่คิด ส่วนชิ้นที่ฟังก์ชันมาเต็มข้อ แต่ดีไซน์กลับไม่ชวนใช้ เพราะไม่สื่อตัวตนและไลฟ์สไตล์ของเราเอาเสียเลย การได้เจอแก็ดเจ็ตที่ดีไซน์ดุ แถมฟังก์ชันเดือดจึงเป็นโมเมนต์ที่มีความสุขอย่างไม่อาจอธิบาย และเมื่อ UNLOCKMEN เจอของที่ดีไซน์ได้ ฟังก์ชันโดนจึงอยากเอามาแบ่งปัน แม้ผิวผู้ชายจะไม่ได้บอบบางถึงขั้นโดนอะไรบาดไม่ได้ หรือทนเปลวไฟนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ไหว แต่การจุดไฟในองศาที่นอกเหนือไปจากการจุดปกติ ๆ ความร้อนจากเฟลวไฟที่ผิดองศาก็อาจสร้างความหงุดหงิดรำคาญได้ไม่น้อย ความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การอดทนกับสิ่งที่ไม่ควรทน แต่เป็นการหาทางแก้ไขจุดบักที่ก่อกวนใจให้ได้ นี่จึงเป็นที่มาของ DISSIM – Inverted Lighter ไฟแช็คดีไซน์ดุ ฟังก์ชันเดือด ที่มาพร้อมความเท่ จะพกพาไปไหนก็คูล ในขณะที่ฟังก์ชันก็ช่วยแก้ปัญหากวนใจ ไม่ว่าจะจุดไฟแนวตั้ง แนวนอน แนวไหน ๆ ก็ไม่ต้องโดนไฟลนมือให้ต้องคอยเก๊กหน้าขรึมว่าไม่ร้อนอีกต่อไป แถมมาพร้อมเปลวไฟอุณหภูมิต่ำป้องกันผิวเราและผิวคนที่เรารักไปอีกขั้น เรียกว่าคิดมาเนียนกริบทุกกระบวนการ DISSIM ออกแบบด้ามจับเป็นวงกลมแปลกตา ไม่ใช่เหตุผลด้านดีไซน์เท่านั้น แต่เพื่อรองรับสรีระของผู้ใช้ ไม่ว่าจะจับองศาไหน หรือมิติใดก็สามารถจับเพื่อจุดไฟแบบไม่ถูกลวก ที่สำคัญการออกแบบด้านจับวงกลมยังคิดค้นมาเพื่อให้สามารถควบคุมตำแหน่งที่จะจุดไฟได้แม่นยำตรงความต้องการมากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะจุดเทียนลักษณะคว่ำ หรือการต้องสอดมือเข้าไปในภาชนะเฉพาะที่สุ่มเสี่ยง เรียกว่าพกไปไหนก็อุ่นใจ Flame Port ของ
เป็นสถานการณ์สุดฮิตที่เหล่าคนทำงานอย่างเรา ๆ คุ้นชินเป็นประจำ หรือถ้าว่ากันตามตรงก็เป็นกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลนั่นแหละ การผัดวันประกันพรุ่งอาจยังไม่เคยส่งผลกระทบกับใครจัง ๆ แรง ๆ เพราะว่ากันว่าคนผัดวันประกันพรุ่งเนื้อแท้ไม่ใช่คนขี้เกียจแต่มีวิธีจัดการเวลาและลำดับความสำคัญในการทำงานตามรูปแบบของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าการทำงานให้ทันเดดไลน์จะราบรื่นไปหมดทุกอย่าง ไหนจะความกดดัน ไหนจะความร้อนรน จะดีแค่ไหนถ้ามีเทคนิคการทำงานเพื่อคนชอบผัดวันประกันพรุ่งโดยเฉพาะ ที่รับรองว่าคุณจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมแน่นอน! ‘Pomodoro Technique’ คือชื่อเทคนิคการทำงานทรงประสิทธิภาพที่ถูกคิดค้นขึ้นโดย Francesco Cirillo นักพัฒนาและผู้ประกอบการ ผู้คิดค้นเทคนิคนี้ขึ้นมาช่วงปี 1980 เนื่องจากเขารู้สึกว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยมันเป็นอะไรที่ยุ่งมาก ทำงานก็ไม่ดี เรียนก็ไม่ได้เรื่อง ชีวิตไม่มีประสิทธิภาพเอาเสียเลย Pomodoro ก็ไม่ได้มาจากไหน แต่มาจากเครื่องจับเวลาสำหรับการทำอาหารที่ทำเป็นรูปมะเขือเทศของเขานั่นเอง (Pomodoro เป็นภาษาอิตาเลียนที่แปลว่ามะเขือเทศ) แต่อย่าคิดว่านี่เป็นแค่วิธีกิ๊กก๊อกของนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง เพราะช่วงปี 1990 วิธีนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการทำงานที่ทำให้คนทำงานได้มีประสิทธิภาพที่สุด สำหรับคนที่อยากรู้ว่า ‘Pomodoro Technique’ ทำอย่างไร? ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง? จริง ๆ ก็ง่ายแสนง่ายแค่มีนาฬิกาปลุก สมาร์ทโฟน หรืออะไรที่สามารถตั้งเวลาได้ และความตั้งใจของเราก็พอแล้ว วิธีการก็ง่ายแสนง่ายด้วย 6 ขั้นตอนต่อไปนี้ 1.เลือกงานที่คุณต้องการจะทำให้เสร็จขึ้นมา งานแบบไหนก็ได้ งานเล็ก งานใหญ่ งานที่ค้างไว้เป็นอาทิตย์
‘BURNOUT’ ไม่ใช่อาการใหม่ อาการหมดไฟนั้นเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทำงานอย่างเรา ๆ และเราต่างหาวิธีรับมือกับอาการหมดไฟที่มาเยือนอยู่ตลอดเพื่อให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หลายคนเคยผ่านอาการหมดไฟมาได้หลายหน ราวกับได้เกิดใหม่ท่ามกลางเถ้าถ่านมอดดับ แต่หลายคนก็ไม่เคยเผชิญอาการหมดไฟมาก่อนในชีวิต จนกระทั่ง COVID-19 มาเยือน บรรยากาศการทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน การย้ายสถานที่ทำงานจากออฟฟิศสู่พื้นที่พักอาศัย การต้องทำงานอย่างเดียวดายปราศจากเพื่อนร่วมงานรายล้อม หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวที่ไม่เข้าใจเวลาทำงานของเรา สิ่งเหล่านี้นำพาอาการ BURNOUT มาเยือนใครหลายคนที่ก็เคยมีไฟมาตลอด แล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไรได้บ้าง? BURNOUT ใช่ไหม? หรือแค่เหนื่อยใจธรรมดา? ก่อนจะไปถึงวิธีการรับมืออาการหมดไฟเพราะการ Work From Home เป็นเวลานาน ๆ เราอยากชวนคุณมาสำรวจตัวเองไปพร้อมกันก่อนว่าสิ่งที่คุณเป็นนั้นคือความเหนื่อยในแต่ละวันที่พอจะคลี่คลายไปได้ถ้าได้พักผ่อนเพียงพอ หรือคืออาการ BURNOUT หลีกเลี่ยงงานขั้นหนัก: ความเหนื่อยล้าเกิดขึ้นได้ แต่ทันทีที่ได้พักผ่อนก็จางหายไป แล้วกลับมามีพลังเพื่อทำงานใหม่ให้ดีดังเดิม แต่หากคุณคือคนหนึ่งที่ทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงงาน อาจสังเกตว่าไม่อยากตอบอีเมลเจ้านายหรือเพื่อร่วมงานจนกล่องข้อความค้างเติ่งจำนวนมาก เข้าประชุมสายเสมอ หรือถ้าเป็นไปได้ก็จะหาข้ออ้างที่จะไม่เข้าประชุม รวมไปถึงอาการผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ งานนี้ยังไม่ต้องทำหรอกน่า งานนี้ขอเลื่อนส่งไปก่อนได้ไหม ความพยายามหลีกเลี่ยงงานอย่างหนักนี้เป็นอาการของการ BURNOUT ที่รุกคืบเข้ามา ทำงานแค่ให้รอด ไม่ได้ทำเพื่อคุณภาพ: วันนี้คุณทำงานเพื่ออะไร? ถ้าคำตอบของคุณคือก็ทำเพื่อให้รอดไปอีกวัน ทำเพื่อให้หัวหน้าเห็นว่าคุณยังมีงานในหนึ่งวัน คุณอาจเข้าข่าย BURNOUT ได้เช่นกัน เพราะงานที่มีคุณภาพ
ฝนโปรยลงมาอีกครั้ง ฤดูฝนมาเยือนอีกหน เมฆหม่น ฟ้าครึ้มอาจยิ่งทำให้บรรยากาศในบ้านทึมเทากว่าปกติ การพาตัวเองออกไปนอกบ้าน (ในเงื่อนไขที่ดูแลตัวเองอย่างปลอดภัยและถูกสุขอนามัย) บ้างก็ดีต่อสุขภาพจิตเหมือนกัน แต่จะไปห้างสรรพสินค้าฝ่าผู้คนในช่วงนี้ก็อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะนัก กิจกรรมกลางแจ้งหลายอย่างก็ไม่เหมาะกับฤดูฝน UNLOCKMEN อยากชวนไปร้านหนังสือดูสักครั้ง โดยเฉพาะร้านหนังสืออิสระในวันฝนตก ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหนังสือ ไออุ่นและความห่วงใยจากคนขายที่พร้อมให้คำแนะนำ ความเงียบสงบที่ชวนให้เป็นสุขบางแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น ถ้ายังนึกไม่ออกว่าบรรยากาศในร้านหนังสือนั้นน่าหลงใหลจนควรค่าแก่การชวนใครสักคนไปด้วยกันได้อย่างไร วันนี้เราหยิบหนังสือ 5 เล่มเกี่ยวกับหนังสือและร้านหนังสือมาให้คุณได้ลองลิ้มรสความละมุนละไมกันก่อน A Great Little Place Called Independent Bookshop เราอยากกระซิบบอกคุณว่า “ร้านหนังสือเดินทาง” เป็นอีกร้านหนังสืออิสระที่โรแมนติกที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่รู้จักร้านหนังสือในฐานะโซนหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่วางหนังสือเรียงรายใต้แสงนีออนชืด ๆ และไม่น่าเฉียดเข้าไปหมกตัวนาน ๆ เราอยากขอให้คุณรู้จักร้านหนังสือเดินทางแล้วคิดใหม่ แต่ถ้ายังไม่พร้อมไปเยือนร้านหนังสือเดินทางด้วยตัวเอง “A Great Little Place Called Independent Bookshop” เล่มนี้จะเป็นอีกเล่มที่พาคุณไปรู้จักร้านหนังสือร้านนี้จากปากเจ้าของร้านเอง เล่มนี้ไม่ได้เป็นแค่หนังสือที่พาไปสัมผัสบรรยากาศร้านหนังสือเท่านั้น แต่คือการเลาะลึกลงไปถึงแรงบันดาลใจ ความตั้งใจของมนุษย์คนหนึ่งที่หลงรักการอ่าน หลงรักหนังสือ และครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะนำสิ่งที่เขารักมาก ๆ มาเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ ในวันฝนพรำการได้อ่านเล่มนี้จึงเป็นเหมือนเชื้อเพลิงทำให้ใจอุ่นชั้นยอด เพราะนอกจากภาพร้านหนังสือที่จะคอยปลอบประโลมเราตลอดเล่ม เรื่องราวของหนุ่ม
ความกระหายใคร่รู้ว่าคนดัง ๆ เขาอ่านอะไร ดูอะไร กินอะไร หรือวัน ๆ ทำอะไรบ้าง ดูจะเป็นความกระหายปกติที่มนุษย์หลายคนมี โดยเฉพาะบรรดามนุษย์ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก ที่เรามักสนใจว่าวัน ๆ เขาทำอะไรบ้าง ถึงมีส่วนส่งเขาไปสู่ยอดเขาแห่งความสำเร็จที่ใคร ๆ ก็ฝันถึงนั้น Bill Gates เองก็ถือเป็นมนุษย์ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกที่ผู้คนอยากรู้เสมอว่าเขาอ่านหนังสืออะไร ใช้ชีวิตประจำวันแบบไหน แบ่งเวลาอย่างไร ทั้งเพื่อเป็นข้อมูลไว้ทำตาม และเพื่อเรียนรู้ปรับหาจุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้ตัวเอง ปกติเขาเองก็ไม่เคยปิดเป็นความลับว่าตัวเองอ่านหนังสืออะไร มีกิจวัตรแบบไหน โดยเฉพาะหนังสือที่เขาอ่าน เขาจะออกมาเปิดเผยลิสต์หนังสือที่อ่านและอยากให้คนอื่นได้อ่านด้วยผ่านเว็บไซต์ gatesnotes.com ของเขาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ปีละครั้งเท่านั้นแต่เป็นฤดูกาลเลยทีเดียว (เช่น 5 หนังสือที่ควรอ่านช่วงหน้าร้อนนี้) Bill Gates ระบุว่าช่วงนี้หัวข้อที่เขาได้พูดคุยส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับ COVID-19 แต่ที่ถูกถามบ่อยไม่แพ้กันคือ Bill Gates อ่านหรือดูอะไร อาจเป็นเพราะช่วงนี้ผู้คนอยากเข้าใจเรื่องโรคระบาดมากขึ้น หรือไม่ก็พวกเขาอยากหาอะไรบางอย่างเพื่อดึงความสนใจตัวเองออกไปจากสถานการณ์อันชวนเครียดนี้ เขากล่าวอีกว่า “ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึงหนังสือหรืออะไรที่ผมดู” ความพิเศษคือครั้งนี้ Bill Gates ออกมาเปิดเผยหนัง สารคดี และซีรีส์ที่เขาติดตามอยู่ช่วงนี้ออกมาด้วย ใครที่ไม่ใช่สายอ่านหนังสือก็ถือว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะไปดูตามบ้างว่าคนแบบ Bill Gates เขาดูอะไร?
หนวดเคราผู้ชายไม่ได้เป็นเพียงสิ่งใช้เพิ่มความเท่ หรือความพึงพอใจส่วนบุคคลเท่านั้น แต่คล้ายกับว่าหนวดเคราผู้ชายได้กลายเป็นพื้นที่พิศวงที่นักวิจัยจำนวนมากเข้ามาศึกษาวิจัย จนหลายครั้งพบข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ชวนหลงใหล และบางครั้งก็พบผลสรุปใหม่ ๆ ที่ชวนให้ขนพองสยองขวัญ ทั้งงานวิจัยที่ออกมาบอกว่าหนุ่ม ๆ ที่ไว้หนวดเครานั้นดึงดูดสาว ๆ มากกว่า หรืองานวิจัยที่บอกว่าหนวดเคราผู้ชายนั้นอาจมีแบคทีเรียกจากอุจจาระปนเปื้อน! สารพัดงานวิจัยที่ชวนให้ทั้งไว้หนวด และไม่ไว้หนวด อย่างไรก็ตามในแง่ความสะอาดเราว่าขึ้นอยู่กับการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวว่าเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน ถ้าดูแลดีเป็นพิเศษก็หายห่วง หนวดเครายังเป็นภาพตัวแทนความเท่ของผู้ชายได้เป็นอย่างดี หนวดเครายังมีประโยชน์อีกมาก แต่งานวิจัยที่เราอยากชวนหนุ่ม ๆ มารับรู้ในวันนี้ยิ่งส่งผลให้หนวดเคราดูน่าทึ่ง (และชวนพิศวง) ขึ้นไปอีกระดับ เมื่อนักวิจัยออกมาบอกว่าหนวดเครานั้นอาจวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อลดแรงกระแทกที่อาจจะตีแสกเข้ามาที่หัวของเราเมื่อไรก็ได้ งานวิจัยชิ้นนี้มีชื่อว่า “Impact Protection Potential of Mammalian Hair: Testing the Pugilism Hypothesis for the Evolution of Human Facial Hair” ศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของขนที่ขึ้นบนใบหน้ามนุษย์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้วหนวดเคราที่ขึ้นมาพวกนี้มันสามารถลดแรงกระแทกให้กับใบหน้าเราได้หรือไม่ สมมติฐานนี้เริ่มมาจากจุดตั้งต้นของวิวิฒนาการมนุษย์ โดยมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากลิงขนาดใหญ่ (great apes) ทั้งหลายที่เพศชายหรือเพศผู้นั้นมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงอย่างมหาศาล ซึ่งความรุนแรงนี้ก็มุ่งตรงไปที่เพศชายด้วยกัน เมื่อมนุษย์เพศชายใช้ความรุนแรงเข้าต่อสู้เพื่อเอาชนะกันแบบมือเปล่า
การได้อยู่บ้านอย่างสงบ ไม่ต้องฟันฝ่าการจราจรการเบียดเสียดไปทำงานถึงออฟฟิศ อาจเคยเป็นภาพฝันของใครหลายคน ท่ามกลางความสุขสบายภายในบ้าน ทำงานจากมุมโปรดของตัวเอง เราคิดว่านี่คือความสุขสูงสุดที่จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่โชคร้ายที่การต้องทำงานอยู่บ้านนาน ๆ ที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ได้เป็นไปตามภาพฝันที่เราเคยจินตนาการ เนื่องจากมาพร้อม COVID-19 ความเครียดเรื่องเศรษฐกิจที่รุมเร้า ความไม่มั่นคงเรื่องงานที่ตามมาติด ๆ ไหนจะเป็นการที่ไม่สามารถออกไปพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างเคย ทำให้เกิดก้อนความเครียดสะสม จนกลายเป็นมวลความโกรธ ความหัวร้อนที่เรารู้สึกว่าเราช่างคุมอะไรไม่ได้เอาเสียเลย! เราไม่ได้โกรธอยู่ลำพัง แต่สภาวะไม่ปกติทำให้ทุกคนเกรี้ยวกราด ประการแรกเราอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าคุณไม่ได้หัวร้อนอยู่เพียงลำพัง ความโกรธ ความเกรี้ยวกราด หัวเสียนี้ หลายคนบนโลกกำลังเผชิญสภาวะนี้ร่วมกัน (สภาวะที่หัวร้อนง่ายกว่าช่วงเวลาปกติ) ดร. Aimee Daramus นักจิตวิทยาคลินิกให้ความเห็นว่า “ทุกเรื่องเครียด ๆ ของเรา รวมถึงสิ่งกระตุ้นความเครียดในอดีต กำลังแสดงตัวออกมาในช่วงเวลานี้ เพราะชีวิตประจำวันของเราที่เคยใช้กดเรื่องเหล่านี้มันหายไป” “ความโกรธเองก็มีหลายระดับ ความโกรธบางระดับเรามักจะกดมันเอาไว้ได้ แต่เมื่อ COVID-19 มาเราก็มีความโกรธใหม่ ๆ ความเครียดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก ในขณะเดียวกันความโกรธจากแผลเก่า ๆ ก็ไม่ได้หายไปไหน ดังนั้นพอมีคนมาพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่เวลาปกติเราก็ไม่ได้โกรธอะไร แต่กลายเป็นว่าตอนนี้อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้เราโกรธมาก ๆ
พลัง แรงบันดาลใจ การงอกงามไปสู่สิ่งใหม่ เมื่อไรที่พูดถึงกลุ่มคำพวกนี้เราล้วนนึกถึงวัยเด็ก หรือวัยรุ่น ช่วงวัยที่เป็นรุ่งอรุณของชีวิต แสงอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แห่งวัยเยาว์ค่อย ๆ ฉายให้เห็นความฝันและความเป็นไปได้ ในทางกลับกันเมื่อเราอายุมากขึ้น ๆ แม้เราจะยังสบายดี แต่ก็คล้ายว่าในแต่ละปี เรากำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงความสลัวรางของชีวิต หมดฝัน ไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ไร้เรี่ยวแรงจะเติบโต เพราะเชื่อว่าความมั่นคงคือสิ่งที่ดีที่สุด UNLOCKMEN จึงอยากพาสำรวจ “ความมีอายุ” ในความหมายใหม่ แม้จะไม่ได้เต็มไปด้วยพลังบ้าคลั่งเหมือนตอนวัยรุ่น แต่ในเลขปีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีมิติใหม่ ๆ ให้เราได้ดื่มด่ำ เรียนรู้ในแบบของมัน ขอแค่อย่าหยุดเรียนรู้ About Schmidt คุณค่าของคุณคือะไร? คำตอบของคำถามนี้อาจเป็นอะไรก็ได้ ครอบครัว ความรัก การได้ออกเดินทาง หรือ “หน้าที่การงาน” หากเป็นเช่นนั้นเคยคิดไหมว่าหากเราแก่ตัวไปจนกระทั่งวันหนึ่งต้องหยุดทำงานที่เราทำมาตลอดหลายสิบปี เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม? About Schmidt ว่าด้วยเรื่องราวของ Warren Schmidt ผู้เชี่ยวชาญและทำงานอยู่ในบริษัทระดับโลก แต่เขากำลังจะต้องเกษียณจากงาน นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ อายุที่มากขึ้น ร่างกายที่ร่วงโรย งานที่เคยยึดถือที่ได้เวลาต้องปล่อยวาง คู่ชีวิตลาจากโลกไป ไม่เพียงเท่านั้นลูกสาวที่เคยรู้สึกว่าเป็นแก้วตาดวงใจก็ยังจะมาแต่งงานกับไอ้หนุ่มที่ดูไม่เอาไหนอีก!?