48 ชั่วโมง คำ ๆ นี้หลอกหลอนแฟนฟุตบอล Manchester United มาอย่างยาวนาน เพราะมันทำให้แฟนบอลต้องคอยรีเฟรชตามสำนักข่าวต่าง ๆ ว่าทีมรักของเขาจะปิดดีลนักเตะใหม่ได้หรือไม่ และส่วนมากคำตอบที่ได้คือ “แห้ว” นั่นเอง โดยเฉพาะรายล่าสุดกับ Frenkie De Jong กองกลางชาวดัตช์ของสโมสร Barcelona ที่ดีลยังคงยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้นซักที โอเคมันก็มีอยู่หลาย ๆ ครั้งที่ได้นักเตะระดับโลกย้ายมาร่วมทีมแบบสมใจยาก ไมว่าจะเป็น Jaap Stam, Ruud Van Nistelrooy, Rio Ferdinand, Wayne Rooney, Dimitar Berbatov, Angel Di Maria หรือล่าสุดคือการกลับมาของ Cristiano Ronaldo เป็นต้น แต่สำหรับเคสที่พลาดก็มีหลาย ๆ คน ที่ทำให้เรารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นบรรดานักเตะเหล่านั้นสวมเสื้อทีมปีศาจแดงเพื่อลงเล่นซักครั้งในชีวิต และนี่คือ 48 ชั่วโมง! รวมตำนานดีลล่มของทีมปีศาจแดง ที่ทำให้แฟนบอลต้องหัวร้อนมาแล้ว WESLY SNEIJDER เพลย์เมกเกอร์ชาวดัตช์ผู้นี้
“Wonderwall” คือหนึ่งในบทเพลงของวง Oasis สุดยิ่งใหญ่ ที่คงมีน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินผ่านหู ในปัจจุบันมันมียอดวิวห่างจากเพลง “Don’t Look Back In Anger” อีกหนึ่งฮิตมากถึง 200 ล้านวิว ซึ่งทั้ง 2 ผลงานก็มาจากอัลบั้มขึ้นแห่งยุคบริตป๊อป “(What’s The Story) Morning Glory?” เช่นกัน จะต่างกันตรงที่เพลงแรกเป็นเสียงร้องของ Liam Gallagher ส่วนเพลงหลังเป็นเสียงร้องของ Noel Gallagher ว่ากันตามตรงแล้วเพลง “Wonderwall” ไม่ได้มีดนตรีที่หวือหวาเวอร์วังอลังการแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกันมันเป็นเพลงที่ดูเรียบง่าย ใช้เสียงกีตาร์อะคูสติคเป็นตัวชูโรง เล่นตีคอร์ดไปมาคลอไปกับภาคริธึ่มที่เล่นด้วยไดนามิคสุดนุ่มนวล มีเสียงเครื่องสายมาขยายมิติให้กับเพลง ปิดท้ายด้วยเสียงร้องสุดเท่ที่พร้อมสะกดคนฟังได้จากทุก ๆ ตัวโน๊ตที่เขาถ่ายทอดออกมา “Wonderwall” ถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1995 โดยก่อนที่เพลงนี้จะถือกำเนิด พวกเขาได้ยกพลกันไปอัดเพลงที่ Rockfield Studio ณ ประเทศเวลส์ เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้ม “(What’s The Story) Morning
Avenged Sevenfold วงดนตรีแนวโมเดิร์น เฮฟวี่เมทัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในวงการอุตสาหกรรมดนตรี พวกเขาก้าวมาจากวงในระดับอันเดอร์กราวน์ โดยมีผลงานในยุคแรกเป็นสไตล์เมทัลคอร์ที่ดุดัน ได้แก่อัลบั้ม “Sounding the Seventh Trumpet “ (2001) และ “Waking The Fallen” (2003) พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้อย่างมากมาย ทำให้ออร่าส่องแสงไปเข้าตา Warner Bros. ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ระดับโลก จนสุดท้าย A7X (ชื่อย่อของวง) ได้เซ็นสัญญาสู่โลกของเมนสตรีมในที่สุด หลังจากนั้นพวกเขาก็ยกระดับวงขึ้นสู่วงเมทัลระดับโลกด้วยผลงานอัลบั้ม “City Of Evil” (2005) และอัลบั้มชื่อเดียวกับวงในปี (2007) เส้นทางกำลังไปได้สวย แต่แล้วพวกเขาก็ต้องมาเจอเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อ The Rev หรือ “James Owen Sullivan” มือกลองมากฝีมือของวงต้องเสียชีวิตจากอาการโอเวอร์โดสเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2009 ทำให้ทางวงต้องไปดึงตัว Mike Portnoy มือกลองของวง Dream Theater มาช่วยทำหน้าที่แทนชั่วคราว
ผู้ชายกับรถดูจะเป็นของคู่กันมาตลอดโดยเฉพาะในแง่ของการใช้งานขับขี่ แต่ถ้าจะพูดถึงการบำรุงรักษาก็อาจจะมีเขินกันบ้าง เราเชื่อว่ามีบางท่านอาจจะยังไม่รู้วิธีหรือยังไม่เคยแก้ไขปัญหาของรถคู่ใจด้วยเอง อันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ไม่ได้มีเจตนามาแซวกันนะครับ เราเข้าใจว่าด้วยภาระหน้าที่หลายอย่างที่ผู้ชายอย่างเราต้องลุยในแต่ละวัน อาจทำให้ไม่สามารถโฟกัสกับการดูแลยานพาหนะส่วนตัวได้ จึงต้องมอบภาระนี้ให้กับอู่หรือศูนย์บริการเป็นผู้ช่วยดูแลรถของเรา ซึ่งมันก็ดูจะเป็นทางออกที่ลงตัว แต่ถ้าสมมุติเกิดกรณีคับขันขึ้นมา การมี skill ติดตัวไว้บ้างก็จะช่วยเราได้เยอะ แถมยังเอาไว้ช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย หนนี้เรามีวิธีการแก้ปัญหาสุดคลาสสิคนั่นก็คือ “การเปลี่ยนล้อ” มาฝากกัน สำหรับบางท่านที่อาจยังไม่รู้หรือไม่เคยจริง ๆ อันนี้เราถามมาจากช่างผู้ที่ชำนาญ รับรองว่านำมาประยุกต์ใช้ได้ง่าย ๆ จะได้ไม่อายเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ต้องลงมือเอง ที่อยากนำเรื่องการเปลี่ยนล้อมาพูดถึงก่อนก็เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลที่ใครหลายคนต้องเดินทาง แม้ว่าเราจะเช็กสภาพรถ สภาพยาง สภาพเราดีแล้ว แต่ก็อย่าประมาท เกิดไปเหยียบตะปูหรืออะไรคม ๆ เข้า ไม่ก็ดันไปจอดไว้สักที่แล้วเจอเจ้าถิ่นหยอกแรงปล่อยลมยางขึ้นมา อันนี้ก็ต้องแก้ปัญหากันไป แต่อย่ากังวล แค่ทำตามวิธีนี้ก็สามารถอยู่รอดบนถนนได้สบาย ๆ เตรียมพร้อมเสมอ ก่อนขับรถออกเดินทางทุกครั้งควรเช็กว่ารถเรามียางอะไหล่พร้อมอุปกรณ์เปลี่ยนยางที่พร้อมใช้มั้ย ส่วนใหญ่แล้วยางอะไหล่ก็จะถูกติดตั้งไว้ใต้ท้องรถด้านหลัง อย่าลืมตรวจสอบว่าลมยางอะไหล่ของเราโอเคหรือยังถ้าเกิดต้องนำมาใช้จริง ส่วนอุปกรณ์ที่ติดกับรถมาตั้งแต่แรกก็จะมีแม่แรงประจำรถ, ประแจถอดล้ออะไหล่ และ บล็อกถอดน็อตล้อ ถ้าทุกอย่างพร้อม ก็ลุยเลย เมื่อความซวยมาเยือน เราว่าทริปนี้มันต้องดีแน่ ๆ แต่บางครั้งโชคอาจไม่เข้าข้างเสมอไป เอาแล้วไง ทำไมมันแปลก ๆ
มวยไทยที่ใคร ๆ ก็ต่างภูมิใจในความเป็นศิลปะประจำชาติ มันได้สร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเราอย่างมากมาย ด้วยลีลาที่สวยงาม บวกกับอาวุธโจมตีที่รุนแรง สามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หมัด, ศอก, เข่า หรือลูกเตะ ใครตั้งการ์ดรับไม่ทันมีหวังได้ล่วงหลับโดยไม่ทันตั้งตัว นักมวยที่ประสบความสำเร็จของประเทศไทยล้วนมีพื้นฐานมาจากมวยไทย ไม่ว่าจะเป็น เขาทราย แกเแลคซี่, สามารถ พยัคฆ์อรุณ, สมจิตร จงจอหอ หรือบัวขาว บัญชาเมฆ เป็นต้น พวกเขาต่างต้องเคยล้มลุกคลุกคลานผ่านสังเวียนใหญ่น้อยกว่าที่จะได้ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ ทุกอย่างดูสวยงาม ดูมีหนทางการเติบโตของนักมวยไทย แต่แท้จริงแล่วอย่างที่หลายคนทราบกันว่ากีฬาชนิดนี้มีการเดิมพันหรือที่ใคร ๆ ก็เรียกกว่า “พนัน” แบบถูกกฎหมาย และก็เพราะเรื่องดังกล่าวที่มันทำให้สีดำได้สาดเข้ามาแปดเปื้อนวงการมวยไทย และมันได้ถูกตีแผ่เล่าเรื่องผ่านซีรีส์เรื่อง “HURTS LIKE HELL เจ็บเจียนตาย” ที่ออกฉายทาง Netflix ไปเป็นที่เรียบร้อย ผลงานเรื่องนี้กำกับโดย “กิตติชัย วรรณ์ประเสริฐ” เป็นซีรีส์สไตล์ Docudrama (สารคดีผสมกับดราม่าซีรีส์) มีทั้งหมด 4 ตอนด้วยกัน โดยจะแบ่งเรื่องราวออกเป็นหลายเซสชั่น แต่จะเชื่อมโยงมายังเรื่องราวน่าสลดของวงการมวยไทย โดยเริ่มจากเล่าเรื่องผ่านเรื่องราวของเซียนมวยรุ่นเล็กที่มีชื่อว่า “พัด” นำแสดงโดย
Black Sabbath คือวงดนตรีเฮฟวี่ เมทัล ระดับตำนาน จากเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ที่สร้างอิทธิพลให้กับวงการดนตรีเมทัลไว้มากมาย มีไลน์อัพนำทัพยุคแรกคือ Ozzy Osbourne – ร้องนำ, Tony Iommi – กีตาร์, Geezer Butler – เบส และ Bill Ward – กลอง ถือกำเนิดกันตั้งแต่ปี 1968 ก่อนจะคลอดผลงานชุดแรกเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1970 ซาวด์ดนตรีในชุดนี้เต็มไปด้วยความเป็นเฮฟวี่เมทัลสุดเข้มข้น แต่ถ้าจะให้บอกว่าเพลงไหนคือคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของวงคงต้องยกให้แทร็กเปิดอัลบั้มที่ใช้ชื่อเดียวกับวง มันมาพร้อมบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว ปกคลุมด้วยความมืดมน พร้อมทั้งมีดนตรีสุดหน่วงซึ่งเป็นต้นแบบให้กับดนตรีดูมและสโตนเนอร์ในยุคต่อมา อีกทั้งผลงานเพลงชุดนี้ยังถูกยกย่องให้เป็นคัมภีร์ของเพลงเมทัลฉบับแรกของโลก แต่ใช่ว่าดนตรีเท่านั้นที่จะชวนหลอนจนขนหัวลุก ทว่าปกของอัลบั้มนี้ยังสร้างความหลอนได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะรูปของหญิงสาวในชุดคลุมสีดำ มีเบ้าตาที่น่าสยดสยอง ราวกับเป็นดวงวิญญาณยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านร้างที่เป็นแบ็คกราวน์ของภาพ ทำให้มีการปล่อยข่าวลือกันว่าสิ่งที่ปรากฏบนภาพเป็นอะไรที่ไม่ใช่คนอย่างแน่นอน ภาพปกอัลบั้มถูกถ่ายโดยช่างภาพชาวอังกฤษที่มีนามว่า Keith McMillan เขาเคยลั่นชัตเตอร์ให้กับ John lennon, Yoko Ono, Mick Jagger และอีกหลายศิลปินที่มีชื่อเสียง เขาได้ถูกว่าจ้างให้มาควบคุมการออกแบบอาร์ตเวิร์กของอัลบั้ม
“อีโม” คือกระแสดนตรีในช่วงกลางยุค 2000’s ที่ฮิตกันไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่บ้านเรา เด็กวัยรุ่นมากมายลุกขึ้นมาทำผมปัดเป๋, ย้อมสีจัดจ้าน, ทาขอบตาดำ, เสื้อและกางเกงรัดแน่น, เข็มขัดหมุดหนาม รวมไปถึงการเจาะตามร่างกาย กลายเป็นแฟชั่นที่สร้างภาพจำให้กับยุคนั้น เดิมทีดนตรีอีโมมีรากเหง้ามาตั้งแต่ยุค 80’s แล้ว มันเติบโตมาจากวงการฮาร์ดคอร์พังก์ สไตล์การเล่นจะไม่ได้ดิบ ๆ แต่จะมีการสอดแทรกเมโลดี้และการร้องที่เน้นอารมณ์ หรือที่เรียกว่า “อีโมชันนัล” แต่ในยุคก่อนส่วนมากจะเรียกดนตรีแนวนี้ว่า “โพสต์ฮาร์ดคอร์” ซะมากกว่า ก่อนจะถูกบรรดาค่ายเพลงยักษ์ใหญ่นำคำว่า “อีโม”มาทำการตลาดจนประสบความสำเร็จในการทำให้ดนตรีแนวนี้กลายเป็นเมนสตรีมในที่สุด อีกทั้งยังผลิตวงดนตรีเจ๋ง ๆ ออกมาเพียบ จนเราต้องจัดเพลย์ลิสต์ 10 เพลงสุดฮิตยุคอีโมเอามาฝากทุกคนกันครับ “HELENA” MY CHEMICAL ROMANCE บอกตรง ๆ ว่าเลือกอยากจริง ๆ สำหรับเพลงของ My Chemical Romance แต่ที่ต้องเลือกเพลง “Helena” เพราะมันคือผลงานสร้างชื่อให้กับทางวงในระดับเมนสตรีม เพลงนี้บรรจุอยู่ในอัลบั้ม “Three Cheers Sweet For Revenge” ที่วางจำหน่ายในปี 2004 สิ่งที่ทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมนอกจากตัวดนตรีก็คือตัว
คว้านักเตะใหม่มาได้ตามเป้าสำเร็จสำหรับทีม Manchester United ที่สามารถปิดดีล Lisandro Martinez ปราการหลังชาวอาร์เจนตินา วัย 24 ปี พร้อมด้วยสัญญา 5 ปี โดยทางเจ้าตัวเคยร่วมงานกับ Erik Ten Hak ที่ Ajax Amsterdam ดังนั้นเรื่องการเข้าใจแทคติคของกุนซือชาวดัชต์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเคยร่วมลงเล่นกับ Donny Van De Beek มาแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนเส้นทางการค้าแข้งของ Lisandro Martinez ผ่านมาเพียงไม่กี่สโมสร โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะระดับเยาวชนที่ Club Urquiza และ Club Libertad จนกระทั่งถูกทีม Newell’s Old Boys อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่จากลีกในบ้านเกิดดึงตัวไปร่วมทีม แต่มีโอกาสลงเล่นอย่างจำกัด ทำให้ถูกส่งตัวไปให้กับ Defensa y Justicia ยืมตัว ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ ก่อนที่จะได้รับสัญญาถาวรจากสโมสรในฤดูกาล 2018-2019 แต่ Lisandro Martinez มีเวลากับ
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก เผลอแป๊ปเดียวผ่านพ้นไปแล้ว 5 ปีกับการจากไปของ Chester Bennington ฟรอนต์แมนผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกจากวง Linkin Park ความรู้สึกในวันที่รับรู้ถึงการสูญเสียมันยังคงถูกจดจำไว้ได้เป็นอย่างดี มันเป็นข่าวที่เศร้าและสะเทือนวงการดนตรีอย่างแท้จริง นอกจากความรู้สึกที่ถูกผูกอยู่กับเหตุการณ์ ตัวดนตรีของ Linkin Park ก็ถูกเชื่อมโยงเข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งมันคงจะเป็นเพลงไหนไปไม่ได้หากไม่ใช่ “One More Light” ผลงานจากอัลบั้มชื่อเดียวกับเพลงนี้ ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 19 พฤาภาคม 2017 หรือ 1 เดือนก่อนที่ Chester จะโบกมือลาพวกเราทุกคนไป ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอัลบั้ม “One More Light” ถูกโจมตีจากบรรดาแฟนเพลงเป็นอย่างหนัก เพราะซาวด์ที่เกิดขึ้นมันได้ลดทอนซาวด์ของร็อกอันคุ้นเคยออกไปจนแทบทั้งหมด และุถูกทดแทนด้วยดนตรีอิเลกทรอนิกส์/ป๊อป แทน แต่ถึงแม้ว่ารสชาติมันจะเปลี่ยนไป แต่สำหรับเพลงไตเติ้ลแทร็กอย่าง “One More Light” กลับให้ความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงความเศร้านับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะทำให้เรารู้สึกอินไปกับเพลงซักเท่าไหร่ แต่มันก็เปลี่ยนไปทันทีหลังจากเหตุการณ์น่าเศร้าได้เกิดขึ้น “One More Light” ถูกเขียนโดย Mike Shinoda ร่วมกับ Eg White
คุณรู้จักดนตรีแนวเมทัลดีขนาดไหน? บางคนอาจจะมาก บางคนอาจจะน้อย หรือบางคนก็อาจจะไม่รู้เลย ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมันเป็นดนตรีเฉพาะกลุ่มที่ต้องเสริมใยเหล็กในหูมาแล้วจึงได้เสพมันได้้อย่างเข้าถึงอารมณ์ แถมภาพจำของใครหลาย ๆ คนต่อชาวเมทัลมันคือความโหดร้ายไปซะอีก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอก เพราะมีการพิสูจน์ได้ทางวิทยศาสตร์มาแล้วว่าดนตรีเมทัลมีอะไรดี ๆ มากกว่าที่คิดไว้มาก ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ ภาพลักษณ์ชาวเมทัลไม่จำเป็นต้องโหดเสมอไป หลาย ๆ คนยังติดตากับชาวเมทัลว่าต้องมีภาพลักษณ์ที่ดูดุดัน, ลึกลับ, น่ากลัว หรือมีทรงผมและหนวดเคราราวกับหลุดออกมาจากยุคไวกิ้ง โอเคถ้าคุณจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะภาพลักษณ์ของวงดนตรีเมทัล โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าสู่ยุค 2000’s ก็มีลักษณะแบบนั้นจริง ๆ แต่สำหรับในปัจจุบันมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มีความหลากหลายเกิดขึ้นมากมาย การแต่งตัวก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องคุมธีมด้วยสีดำเท่านั้น และไม่ได้เป็นคนที่มีอารมณ์โกรธเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ทาง Laina Dawes นักชาติพันธุ์วิทยาชาวแคนาดา เจ้าของหนังสือ “What Are You Doing Here? A Black Woman’s Life and Liberation in Heavy Metal” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสำรวจชาวอเมริกันผิวสีที่มีแนวโน้มหันมาฟังเพลงเมทัลมากกว่าเดิม เธอได้สัมภาษณ์ทั้งศิลปินและแฟนเพลงเมทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อมูลว่าดนตรีแนวพังก์, เพาเวอร์ไวโอเลนซ์ และไกรคอร์