เวลาขับเครื่องบิน นักบินอาจเจอกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดได้ เช่น เจอเครื่องบินอีกลำหนึ่งบินสวนมา หรือ อากาศแปรปวนกระทันหัน ถ้านักบินตัดสินใจแก้ปัญหาเหล่านี้ช้าเกินไป อาจทำให้เกิดการสูญเสียได้ พวกเขาจึงต้องมีสกิลในการตัดสินใจและแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากพอสมควร UNLOCKMEN อยากมาแนะนำเทคนิคที่ชื่อว่า OODA Loop ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทหารอากาศใช้ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เจอตอนขับเครื่องบิน แต่เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่นได้เช่นกันอย่างการแก้ปัญหาในที่ทำงาน OODA Loop เป็นเทคนิคในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของ John Boyd พันเอกประจำกองทัพอากาศสหรัฐในตำนานที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1927 – 1997 และได้ผลิตผลงานชิ้นโบว์แดงออกมามากมาย เช่น การสร้างทฤษฎี Energy-Maneuverability (EM) ที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องบินรบ F15 และ F16 หรือ การเขียนผลงาน Aerial Attack Study ที่นับว่าเป็น ไบเบิ้ลของการต่อสู้ทางอากาศที่ปฎิวัติวงการกองทัพอากาศทั่วโลก เป็นต้น เทคนิคนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อรับมือกับ ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ของโลก เพราะมนุษย์ไร้ความสามารถในการเข้าใจข้อมูลทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ เราจึงต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หรือ ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่มีความกำกวมอยู่เสมอ OODA Loop จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ ทุกวันนี้ OODA Loop ถูกนำไปใช้ในหลายด้าน
รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเทรนด์ที่เข้ามาแทนที่รถยนต์น้ำมันแบบเก่า เพราะหลายประเทศเริ่มตระหนักเรื่องปัญหามลพิษ และตอนนี่ก็มีผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้าที่ต้องการสร้างรถยนต์ EV หนึ่งในนั้น คือ Daymak Avvenire บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองโทรอนโต ซึ่งได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 3 ล้อชื่อว่า “Spiritus” เตรียมผลิตและจัดส่งภายในปี 2023 ทาง Daymak ตั้งใจให้ Spiritus เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก และมาพร้อมกับจุดขายเรื่องการขุดคริปโตในขณะจอด โดยตัวรถจะมีระบบ nebula crypto mining และกระเป๋าเงินดิจิทัล ไว้ใช้สำหรับการทำภารกิจนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ตัวรถยังมีดีไซน์ที่ดูล้ำหน้า ถ้าเรามองดูรถจากข้างหลังเหมือนจะเป็นมอเตอร์ไซค์ล้อเดียว แต่พอไปดูข้างหน้าเหมือนเป็นรถยนต์ที่พบเห็นกันได้ทั่วไป และรถยังมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 620 กิโลกรัม จึงเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและโฉบเฉี่ยวในทุกพื้นที่ Spiritus จะมาในสองเวอร์ชั่น ได้แก่ Deluxe และ Ultimate ซึ่งมีสมรรถนะที่แตกต่างกัน โดย Deluxe จะให้ top speed อยู่ที่ 137 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเดินทางได้ไกล 290 กิโลเมตร ส่วน Ultimate จะมี
ณ เวลานี้ผู้ชายหลายคนคงคุ้นเคยกับ มัลเล็ต (Mullet) ทรงผมสไตล์วินเทจที่เป็นการตัดด้านบนสั้น และด้านข้างสั้นหรือเกรียน เน้นผมด้านหลังให้ยาวถึงหลังหรือท้ายทอย ผมทรงนี้มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน และได้รับความนิยมอย่างมากในยุค 80s หลังจากเหล่าศิลปินในตำนานของยุค 70s ต่างก็ทำผมทรงนี้กัน ไม่ว่าจะเป็น Tom Jones, David Bowie และ Paul McCartney จนมันเลิกฮิตในช่วงยุค 90s ตอนนี้มัลเล็ตได้กลับมาเป็นเทรนด์อีกครั้ง โดยดาราไทยและต่างประเทศล้วนทำผมทรงนี้กันทั้งนั้น UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำทรงผมมัลเล็ต 5 สไตล์ที่ตัดแล้วดูดีพร้อมควงสาวไปเที่ยวในทุกที่ Classic Mullet เริ่มกันที่ทรง Classic Mullet ทรงพื้นฐานสำหรับคนที่อยากเริ่มตัดผมสไตล์นี้ ทรงนี้จะทำให้ผมด้านหลังมีความยาวถึงระดับไหล่ ส่วนความยาวผมด้านบนและด้านหน้าจะค่อนข้างสั้นปานกลาง ส่วนผมด้านข้างจะมีความสั้นมากหรือเกรียนไปเลย เท่านี้ก็ได้ผมทรง Mullet ที่มีความย้อนยุคแบบเซอร์ ๆ แล้ว ถ้าเรารู้สึกว่าทรงนี้มันธรรมดาไป เราสามารถเอาผมทรงอื่นมาผสมด้วยได้ เช่น Mohawk, Undercut, หรือ Fade Mohawk Mullet ถ้าเรารู้สึกว่า
หลายคนมักเชื่อว่า “ผู้หญิงเป็นเพื่อนกับผู้ชายไม่ได้” เพราะเวลาผู้ชายมีแฟน การทำตัวสนิทสนมกับเพื่อนผู้หญิง อาจทำให้แฟนเกิดอาการหึงหวงจนความสัมพันธ์ร้าวฉานได้ ดังนั้น ผู้ชายบางคนจึงยอมตัดขาดกับเพื่อนซี้ เพื่อทำให้หวานใจรู้สึกสบายใจ แต่ความเป็นจริง สุภาพบุรุษไม่จำเป็นต้องเจ็บตัวขนาดนั้นเพื่อแฟนก็ได้ เพราะความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิท หรือ ที่เราเรียกกันว่า Platonic Relationship ช่วยลดความเครียดและดีต่อสุขภาพจิตของเรา หากเราสูญเสียความสัมพันธ์ประเภทนี้ไป เราอาจเจอกับวิกฤตด้านสุขภาพจิตก็เป็นได้ รู้จักกับ Platonic Relationship ย้อนกลับไปในยุคกรีกโบราณ Plato นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ของโลกได้อธิบายว่า ความรักแบบไม่ต้องการเซ็กซ์ เป็นความรักขั้นสุดยอดที่จะทำให้เราใกล้ชิดกับพระเจ้า ซึ่งความรักประเภทนี้ถูกตั้งชื่อว่าเป็น Platonic Love หรือ ความรักแบบเพลโต โดย เซอร์วิลเลี่ยม เดวีแนนท์ (Sir William Davenant) ในปี 1636 จนถึงปัจจุบัน Platonic Love คือ ความรักบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง เมื่อคนสองคนมอบความรักประเภทนี้ให้แก่กัน จะเกิดเป็น ความสัมพันธ์แบบเพลโต้ (Platonic Relationship) หรือ ความสัมพันธ์แบบรักกัน ผูกพันกัน เข้าใจกันทุกเรื่อง แต่ไม่ต้องการเซ็กซ์ขึ้นมา
การไล่ล่าของสองขั้วทางกฏหมาย / การห้ำหั่นของสองนักแสดงระดับตำนาน และการถ่ายทำอันสุดเดือด มีเหตุผลมากมายที่ทำให้หนังเรื่อง Heat หนังสุดเจ๋งแห่งปี 1995 กลายเป็นที่สุดของหนังอาชญากรรมสุดคลาสสิคที่ยากที่หนังเรื่องไหนจะโค่นตำแหน่งได้ลง Unlockmen จึงขอทำการย้อนไปหาต้นตอของความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ ว่าเพราะอะไรหนังเรื่องนี้ถึงได้ครองใจทั้งคนดูหนัง, นักวิจารณ์, นักทำหนัง หรือแม้กระทั่งอาชญากรตัวจริงก็ยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจ เนื้อเรื่องสุดเข้มข้น แม้ความยาวของหนัง Heat จะทำให้เครียดสำหรับคนที่ชอบอะไรที่กระชับรวดเร็ว เพราะความยาวของหนังนั้นยาวถึง 170 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 50 นาที แต่ไม่มีวินาทีไหนเลยที่ Heat จะชวนง่วงเหงาหาวนอน เพราะหนังไม่เพียงอัดแน่นไปด้วยการไล่ล่าของ 2 ขั้วทางกฏหมาย หนึ่งคือ Neil McCauley (รับบทโดย Robert De Niro) หัวหน้าแก๊งโจรผู้สุขุมและฉลาดเฉลียว อีกหนึ่งคือ Vincent Hanna (รับบทโดย Al Pacino) ตำรวจตงฉินผุ้พร้อมไล่ล่าท้าชนอาชญากรแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน จากเหตุการปล้นรถขนส่งไปรษณีย์อย่างอุกอาจเพื่อแย่งชิงพันธบัตร แต่แผนที่ผิดพลาด ก็นำไปสู่การตายของเจ้าหน้าที่ ก่อให้เกิดการชิงไหวชิงพริบของทั้ง 2 ท่ามกลางการลุ้นระทึกที่นอกจากจะลุ้นว่าการปะทะครั้งนี้จะจบลงที่ใครเป็นผู้คว้าชัย
ในวงการแฟชั่นตอนนี้ แบรนด์ผู้นำด้านแฟชั่นหลายแบรนด์ได้ให้ความสำคัญกับปีขาล หรือ ปีเสือ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.2565 พอดี และเพื่อเฉลิมฉลองปีดังกล่าว พวกเขาได้ออกคอลชั่นเสื้อผ้าลายเสือที่มีความสวยงาม เท่ และปราณีตในทุกดีเทล UNLOCKMEN เลยลองรวบรวม 5 คอลเลคชั่นปีเสือที่น่าสนใจ หวังให้ทุกคนมีแรงบันดาลใจในการแต่งตัวตอนช่วงเปิดปี Balenciaga เริ่มกันที่แบรนด์แฟชั่นเราคุ้นเคยอย่าง Balenciaga ที่เฉลิมฉลองปีเสือด้วยชุดแฟชั่น “Year of Tiger Series” ซึ่งเกิดขึ้นจากการตีความปีเสือของ Demna Gvasalia นักออกแบบคนสำคัญของ Balenciaga จนออกมาเป็นไอเทมที่มีเอเลเม้นท์ของเสือหลากหลายประเภทจำนวน 57 ชิ้น เช่น เสื้อเชิ้ต เสื้อแจ็คเก็ต เครื่องประดับ กางเกงขาสั้นขายาว หรือ รองเท้าผ้าใบที่ผลิตจากวัสดุเกรดสูงและใส่สบายในทุกโอกาส ไอเทมแต่ละชิ้นจะสะท้อนความโฉบเฉี่ยวและความแข็งแกร่งของสัตว์ป่าแตกต่างกันออกไป บางไอเทมมีเพียงสีสันของเสือ บางไอเทมมีทั้งสีสันและลวดลายของเสือ บางไอเทมมีโลโก้ Balenciaga หรือ โลโก้เสือ ที่โดดเด่น สามารถสั่งซื้อได้แล้วที่เว็บไซต์ของ Balenciaga Gucci อีกหนึ่งแบรนด์ไฮเอนอย่าง Gucci
เป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษแล้วที่ทาง Consumer Technology Association (CTA) จัดงานอีเว้นท์ประจำปีชื่อว่า Consumer Electric Show (CES) ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมที่มีสเกลใหญ่ระดับโลก โดยบริษัทด้านเทคโนโลยีและยานยนต์ชื่อดังจากหลายที่ จะมานำเสนอนวัตกรรมของตัวเอง สำหรับงาน CES ประจำปี 2022 ซึ่งจัดขึ้นที่ลาสเวกัส ตั้งแต่วันที่ 5 – 8 มกราคม ก็มีบริษัทรถยนต์เจ้าใหญ่หลายเจ้ามาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น BMW, Mercedes-Benz หรือ Cadillac ซึ่งได้เปิดตัวรถยนต์แห่งอนาคตที่เราเห็นแล้วต้องร้อง “ว้าว” กันเลยทีเดียว UNLOCKMEN ได้รวบรวมรถยนต์คอนเซ็ปท์ที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้ BMW iX Flow เริ่มกันที่ BMW iX Flow รถยนต์ไฟฟ้าคอนเซ็ปท์ที่มาพร้อมกับ ‘ปุ่มพิเศษ’ ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนสีของรถยนต์ได้ตามอารมณ์ของคนขับ และยังช่วยรักษาพลังงานของรถได้ด้วย ฟังก์ชันนี้จะพึ่งพาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า ‘E Ink’ ซึ่งพบได้ในหน้าจออุปกรณ์อ่านอีบุ๊กและนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ โดยตัวรถได้ถูกห่อหุ้มด้วยไมโครแคปซูลขนาดเล็กจำนวนหลายล้านที่รวมกันแล้วเหมือนเป็นกระดาษดิจิทัลแผ่นใหญ่ โดยในแต่ละแคปซูลจะประกอบไปด้วยพลาสติกสีขาวและดำที่สามารถเกิดปฏิกริยากับไฟฟ้าและเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ภายนอกของรถจึงเปลี่ยนจากขาวเป็นดำ หรือ
เป็นยุคสมัยที่วงการยานยนต์ขับเคี่ยวแข่งขันกันอย่างหนักด้วยเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ติดตามกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีในการหลีกหนีจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงแบบไม่เกรงใจเงินในบัญชีเลยซักนิด โดยล่าสุดบริษัทรถยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมนีอย่าง Mercedez-Benz ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับ “VISION EQXX” ที่มาพร้อมระยะทางวิ่งได้มากถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เรียกว่า Tesla ยังไม่กล้าสบตา กับปรัชญา “Sensual Purity” และยังคงดีไซน์ที่คงความสปอร์ต, หรูหรา และโฉบเฉี่ยว กับทุกสายตาที่เฝ้ามอง ประหยัดพลังงานแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน VISION EQXX โดดเด่นด้วยระยะทางในการวิ่งที่ไกลมากถึงเกือบ 1,000 กิโลเมตร (ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง) มีค่าแรงเสียดทานที่ต่ำได้ใจเพียง 0.17 เท่านั้น (น้อยกว่ารุ่น EQS อยู่ที่ 0.03) ตอบสนองผู้ที่รักการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่งจุดที่ทาง Mercedes-Benz ชูโรงอย่างภาคภูมิใจคือการใช้ไฟเพียง 10 กิโลวัตต์ต่อ 100 กิโลเมตร, ใช้แรงดันไฟฟ้าขนาด 900 โวลต์, ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ส่งกำลังไดัสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 204
การขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สามารถบ่งบอกรสนิยมความชอบและสไตล์ของแต่ละบุคคลได้ ไม่ต่างจากแฟชั่นเสื้อผ้าหรือแนวเพลงที่ชอบฟัง บางคนชอบความโมเดิร์น ตามกระแส ตามเทรนด์ ต้องทันยุคทันสมัย แต่บางคนกลับชอบว่ายน้ำทวนกระแส หันไปหลงใหลความวินเทจย้อนยุคราวกับว่าต้องการพาตัวเองย้อนเวลากลับไปหาความรุ่งเรืองในอดีต และถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนแบบนั้น แถมยังชื่นชอบการขับขี่จักรยานยนต์ ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาทำความรู้จักกับ “Nmoto Golden Age BWW C400X Scooter” สำหรับรูปทรงดั้งเดิมของ BWW C400X Scooter ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นสุดล้ำราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ Sci-Fi แต่ด้วยไอเดียสุดบรรเจิดของทาง Nmoto บริษัทคอสตอมรถของทาง BWW จึงจัดการพลิกโฉมด้วยชุดแต่งในชื่อ Golden Age ให้มันกลายเป็นสกู๊ตเตอร์สไตล์วินเทจแบบที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้ได้นึกถึงกันเลย การออกแบบชุดแต่งตัวนี้มีความสะดุดตาเป็นอย่างแรงด้วยรูปทรงโค้งมนดูอวบอิ่ม ดูมีน้ำหนักมาก แต่นั่นมันเป็นเพียงสิ่งที่สายตาภายนอกได้ตัดสิน เพราะความจริงแล้วตัวบอดี้ถูกผลิตมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา แถมยังครอบคลุมทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งคันด้วยส่วนประกอบเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น อีกทั้งยังมีหลายเฉดสีให้ได้เลือกจับคู่ได้ตามความชอบ Nmoto Golden Age BWW C400X Scooter ยังโดดเด่นด้วยไฟหน้าขนาดใหญ่ระบบ LED พร้อมทั้งมีไฟเลี้ยวในตัว เติมความสมบูรณ์แบบสไตล์วินเทจด้วยเบาะหนังคู่ที่ถูกสั่งทำพิเศษ ซึ่งเหมาะกับคนรู้ใจให้ได้ซ้อนร่วมเดินทางกันไป อีกทั้งยังอุ่นใจได้กับระบบเบรกแบบ ABS ที่มาพร้อมกับระบบทรงตัวแบบอัตโนมัติ
ถ้าเราเริ่มต้นได้ดี เราจะมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะเหมือนกับการสร้างตึก ถ้าเราทำฐานตึกดี ต่อให้เราสร้างตึกสูงแค่ไหนก็ตาม ตัวตึกก็จะแข็งแรงคงทน และถล่มได้ยาก การเริ่มต้นปีที่ดี จะทำให้เรามีความสุขตลอดปีได้เช่นกัน UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำเทคนิคในการเริ่มต้นปีใหม่ที่จะช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จในปีนี้ ตั้งเป้าหมายประจำปีที่เป็นไปได้จริง อย่าตั้งเป้าหมายปีใหม่ (New year resolution) ที่แฟนตาซีเกินไปจนเป็นจริงได้ยาก เช่น อยากย้ายไปอยู่ดาวอังคาร หรือ อยากร่ำรวยขึ้นถึง 1,000 ล้านบาทภายในหนึ่งปี เราควรตั้งเป้าหมายที่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายในปีนั้น โดยเป้าหมายควรมีความเฉพาะเจาะจง และสมเหตุสมผล ยกตัวอย่างเช่น ในปีนี้เราอยากเปิดธุรกิจร้านอาหาร หรือ อยากเลือนตำแหน่ง เป็นต้น เมื่อเรากำหนดเป้าหมายได้แล้ว เราควรวางแผนที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย เช่น ระบุสกิลที่เราต้องฝึกเพิ่มเติม รวมถึงระยะเวลาที่เราควรฝึกสกิลนั้น เป็นต้น รวมถึงควรติดตามความคืบหน้าของเป้าหมายทุกเดือน และอย่าลืมแชร์เป้าหมายของตัวเองกับคนรอบตัวด้วย เพื่อรับแรงสนับสนุนและมีกำลังใจในการทำตามเป้าหมายต่อไป ไม่ทำผิดเรื่องเดิมซ้ำ ลองมองย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว เราทำอะไรผิดพลาดบ้าง เช่น จัดการเวลาผิดพลาด จนทำงานหนักเกินไป และไม่มีเวลาพักผ่อน หรือ ดูแลตัวเองน้อยไป จนสุขภาพเสีย เป็นต้น และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น เมื่อเรารับรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ผิด