หากใครยังมีอาการเขิน ๆ หากต้องบอกรักแม่ไปตรง ๆ เรามีภาพยนตร์และซีรีส์ 5 เรื่อง ในทุกเฉดอารมณ์ของ “ความเป็นแม่” ที่จะช่วยให้คุณบอกรักแม่ได้ Hi Bye, Mama! บ๊ายบายแม่จ๋า “ชายูริ” (รับบทโดย คิมแทฮี) เสียชีวิตลงเมื่อ 5 ปีก่อนและกลายเป็นผีที่ดูแลลูกสาว “โชซออู” (รับบทโดย ซออูจิน) มาโดยตลอด แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งโดยมีข้อแม้ว่าต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายใน 49 วัน แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะสามีของเธอ “โชคังฮวา” (รับบทโดย อีคยูฮยอง) แต่งงานใหม่ไปเสียแล้ว และยังต้องมางงงวยกับการกลับมาของเธออีก Bird Box มอง อย่าให้เห็น คุณแม่ขาลุยที่จะพาลูก ๆ ทั้งสองฝ่าอันตรายไปในหลังวันสิ้นโลก “มาโลรี่” (รับบทโดย ซานดร้า บูลล็อค) ต้องพาเด็กสองคนที่เธอเรียกว่า “เด็กชาย” และ “เด็กหญิง” ฝ่าอันตรายหลังจากโลกถูกรุกรานจากสิ่งประหลาดที่แค่มองก็สามารถตายได้ Dear Ex รักเก่า ใครมาก่อน
แม่ คือมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับความอบอุ่นทั้งมวลของโลกใบนี้ เมื่อไรที่พูดถึงแม่ เรามักนึกถึงกลิ่นอาหารที่รอเราอยู่ที่บ้าน อ้อมกอดนุ่ม ๆ ที่พร้อมโอบรับเราอยู่เสมอ น้ำเสียงปลอบโยนที่พร้อมอยู่ข้างเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฯลฯ อย่างไรก็ตามความเป็นแม่ก็คือความเป็นมนุษย์ แม้ลูกทุกคนจะมีภาพจำว่า “แม่ = ความอบอุ่น อ่อนโยน” แต่เพราะการเป็นแม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อแม่ต้องปกป้องลูกให้พ้นจากภัยอันตราย หรือวันที่แม่เหนื่อย เมื่อนั้นเองที่เราจะได้เข้าใจว่าแม่ไม่ได้มีแค่ด้านละมุน ๆ เท่านั้นแต่แม่โหด ๆ แกร่ง ๆ หรือแม้แต่แม่ด้านอ่อนแอก็มีเช่นกัน UNLOCKMEN ชวนต้อนรับบรรยากาศวันแม่แห่งชาติ ด้วยการพาไปรู้จักความเป็นแม่ที่ไม่เคยง่าย ผ่านตัวละครแม่ ๆ หลายมิติจากหนัง 5 เรื่อง จะชวนแม่มาดูด้วยกันให้มันส์ระเบิดก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด A Quiet Place เป็นแม่ในสภาวะปกติธรรมดาก็เหนื่อยหัวหมุนสายตัวแทบขาดแล้ว แต่การเป็นแม่ในโลกที่พังพินาศ มีสัตว์ประหลาดบุกโลก และทางเดียวที่จะรอดก็คือต้องใช้ชีวิตให้เงียบกริบเข้าไว้ ชีวิตผู้ใหญ่ที่เคยใช้ชีวิตแบบมีเสียงอะไรแค่ไหนก็ได้ แต่ต้องหันมาทำทุกอย่างให้เงียบใบ้ไร้เสียงก็ไม่ง่ายแล้ว แต่ A Quiet Place พาเราไปดูความทรหดของพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก 2 คน ที่ต้องคอยระวังไม่ให้เด็ก ๆ เผลอทำเสียงอะไรออกมา เพราะแม้แต่เสียงหายใจที่ดังเกินไปก็อาจหมายถึงความตายที่รออยู่
ถ้าคุณโตมากับดนตรีร็อคยุคหลังปี 2000 เป็นต้นมา คงไม่มีใครไม่รู้จักเว็บ myspace.com เว็บที่เหล่าวงดนตรีทั้งหลายใช้เป็นพื้นที่สำหรับโชว์ผลงานเพลงตัวเองลงบนหน้า profile การได้มีเพลงอยู่บนหน้าเว็บ myspace ของวงเป็นอะไรที่โคตรเท่ ถือเป็นยุคแรก ๆ ของโซเซียลมีเดียแห่งวงการดนตรีเลยก็ว่าได้ มีวงร็อคมากมายที่โด่งดังในกลุ่มอันเดอร์กราวด์ฝั่งอเมริกาตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น SAOSIN, UNDEROATH, THE USED, BLESSTHEFALL, FROM FIRST TO LAST, และ STORY OF THE YEAR ฯลฯ และนั่นก็เป็นยุคเดียวกันกับที่วงร็อคอันเดอร์กราวด์ในไทยกำลังบูม มีกลุ่มแฟน ๆ ติดตามอย่างเหนียวแน่น เรียกได้ว่าเกือบทุกอาทิตย์จะมีคอนเสิร์ต ให้ชาวร็อค ได้ออกไปเสพการแสดงสดอย่างเต็มเหนี่ยว ซึ่งเป็นงานอันเดอร์กราวด์จัดในสถานที่เล็กบ้างใหญ่บ้าง มีทั้งงานโคฟเวอร์เพลงวงต่างประเทศ หรือจะเป็นเพลงออริจินัลจากศิลปินไทยเองก็มีให้ตามชม ตามฟังกันไม่หวาดไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นงาน อ๊าก ว๊าก จ๊าก, Yos Fest ที่ขนเอาศิลปินในเส้นทางร็อคผลัดกันขึ้นไประเบิดความมันส์บนเวที ส่วนคนดูก็มีวัฒนธรรมการชมคอนเสิร์ตที่ภาพอาจจะดูรุนแรง เช่นการ mosh pit (การเหวี่ยงหมัดไปรอบ ๆ) circle
เวลานี้หากพูดถึงมังงะโชเน็นหรือการ์ตูนลูกผู้ชายทางฝั่งญี่ปุ่น เรื่องราวการผจญภัยของสองพี่น้อง ‘ทันจิโร่’ กับ ‘เนซึโกะ’ จากเรื่อง ดาบพิฆาตอสูร (Kimetsu no Yaiba, Demon Slayer) ก็คงเป็นหนึ่งในมังงะที่ถูกหยิบยกมาพูดบ่อย ๆ ในวงสนทนา เพราะดาบพิฆาตอสูรสามารถทำลายสถิติเก่า ๆ เป็นว่าเล่น แถมยังมียอดขายเล่มแซง ‘วันพีซ’ แชมป์เก่าที่ครองบัลลังก์นานนับสิบปี หรือจะความกลมกล่อมของเวอร์ชันแอนิเมชันทำให้คนเริ่มรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้มากขึ้น ผลงานเรื่องดาบพิฆาตอสูรเกิดขึ้นโดยอาจารย์ โคโยฮารุ โกโตเกะ (Koyoharu Gotouge) นักเขียนการ์ตูนสั้นดาวรุ่งอายุน้อย ที่มีโอกาสลงผลงานของตัวเองกับนิตยสารมังงะชื่อดัง โชเน็น จัมพ์ (Shonen Jump!) ส่งเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มที่โดน vปีศาจพรากครอบครัวไปเกือบหมดเหลือเพียงน้องสาวสู่สายตาสาธารณชน เมื่องานเสร็จสิ้นใคร ๆ ต่างต้องอยากทราบฟีดแบคหรือผลตอบรับว่าดีหรือไม่ ซึ่งผลของดาบพิฆาตอสูรคือ “ยังไม่ค่อยน่าประทับใจนัก” เสียงของนักอ่านต่อมังงะค่อนข้างกล่าวไปทางเดียวกัน บ้างก็ว่าเนื้อเรื่องเดินเป็นเส้นตรงเกินไป ซ้ำซากกับการ์ตูนโชเน็นอื่น ๆ รวมถึงลายเส้นไม่ค่อยดึงดูดในช่วงแรก (ตอนหลังลายเส้นของมังงะเริ่มดีขึ้นแล้ว) ส่วนหนังสือการ์ตูนก็มียอดขายแค่หลักหมื่น บั่นทอนกำลังใจทั้งคนเขียนและสำนักพิมพ์ จนใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเรื่องราวการตามล่าอสูรตัวบอสที่ฆ่าครอบครัวของทันจิโร่กับเนสึโกะมีแววจะโดนตัดจบกลางคัน เหมือนกับมังงะเรื่องอื่นที่ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ ทว่าหนังสือการ์ตูนที่มีแววจะถูกโละกลับสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นเสียอย่างนั้น เนื้อเรื่องเป็นเส้นตรงตอนแรกกลายเป็นการปูทางสู่เนื้อหาเข้มข้นขึ้นจนวางไม่ลง วิธีการนำเสนอเรื่องราวที่หลายคนว่าทื่อๆ
เข้าสู่เดือนสิงหาคม เดือนที่แม้จะมีวันหยุดน้อยแต่โปรแกรมความมันส์ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix กลับไม่น้อยตาม เพราะเดือนนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์ สารคดี และรายการความบันเทิงที่ไม่ควรพลาดเตรียมเรียงคิวเข้าฉายอยู่หลายเรื่อง และสำหรับหนุ่ม ๆ ชาว UNLOCKMEN ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะรับชมเรื่องไหนก่อน วันนี้เรามี 6 โปรแกรมที่อยากแนะนำให้ทุกคนรู้จัก แต่จะมีเรื่องอะไรบ้างมาชมไปพร้อมกันได้เลย IMMIGRATION NATION IMMIGRATION NATION สารคดี Limited Series ที่จะพาทุกคนไปรับรู้กับอีกแง่มุมการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาภายใต้นโยบายกวาดล้างผู้อพยพของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เนื้อหาของสารคดีจะพาทุกคนไปรู้จักกับด้านมืดในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน ICE หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งสหรัฐอเมริกาที่หลายครั้งไม่มีประสิทธิภาพและเป็นการดำเนินคดีที่ไม่ยุติธรรม ทำให้หลายครอบครัวต้องแยกจากกัน เนื้อหาที่ล่อแหล่มทำให้ IMMIGRATION NATION ถูกกดดันให้ตัดเนื้อเรื่องบางส่วนออก รวมถึงพยายามชะลอการออกอากาศให้เป็นหลังช่วงการเลือกตั้ง และเราจะได้รับชมเนื้อหาแบบไม่เซ็นเซอร์พร้อมกันในวันที่ 3 สิงหาคมนี World’s Most Wanted World’s Most Wanted สารคดีที่ไม่ควรพลาดโดยเฉพาะหนุ่มที่ชื่นชอบสารคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอาชญากรรม โดยภาคนี้เป็นซีซัน 1 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอาชญากร 5 คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก World’s Most Wanted จะพาเราไปรู้จักเรื่องราวของ
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนต่างหลงใหลในเสน่ห์และเรื่องราวของซามูไร (Samurai) นักรบจากแดนอาทิตย์อุทัยที่มีจุดเริ่มต้นมาจากยุคสมัยเฮอัง (ค.ศ.794-ค.ศ.1185) จนกระทั่งเริ่มสิ้นสุดบทบาทลงในยุคเมจิช่วงปี ค.ศ. 1,870 อย่างไรก็ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมถึงเรื่องเล่าขานตำนานต่าง ๆ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้จักกับวิถีชีวิตของนักรบเหล่านี้ได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย ในเวลาต่อมาวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับซามูไรก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านทางสื่อแขนงต่าง ๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่สร้างอิทธิพลต่อผู้คนทั่วโลกมากที่สุดคงหนีไม่พ้นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับซามูไร ผลงานของผู้กำกับในตำนานอย่าง อาริกะ คุโรซาวะ (Akira Kurosawa) ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนรักวัฒนธรรมซามูไรในหลากหลายยุคสมัย และล่าสุดได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นให้สุดยอดเกมประจำปี 2020 อย่าง Ghost of Tsushima มาดูกันว่าเกมส่งท้ายเครื่อง PS4 เกมจะได้แรงบันดาลใจในด้านไหนจากแนวทางของผู้กำกับผู้ล่วงลับคนนี้บ้าง เรื่องราวของนักรบแห่งเกาะสึชิมะ Ghost of Tsushima เป็นเกม Action-Adventure แบบ Open-World ที่พัฒนาโดย Sucker Punch Productions ผู้เคยอยู่เบื้องหลังเกมอย่าง Sly และ Infamous ซึ่งคราวนี้เปลี่ยนสไตล์การพัฒนาเกมมาถ่ายทอดวิถีชีวิตของซามูไร เนื้อเรื่องของ Ghost of Tsushima เล่าถึงเรื่องราวในปี ค.ศ.1274
ในวันที่คนทั้งโลกยังเชื่อว่าโลกแบน มนุษย์คนแรกที่เชื่อว่าโลกกลม และทำทุกทางเพื่อบอกให้คนอื่นรู้ความจริงว่าโลกกลม ย่อมโดนครหา ตราหน้าว่าเสียสติ เพ้อเจ้อ หรือบ้าไปแล้ว ที่หนักหนาสาหัสกว่านั้น การยืนยันในสิ่งที่เชื่อและสิ่งที่ถูกต้องอาจโดนข้อหาร้ายแรงถึงขั้นขังลืม หรือต้องสละชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนหาญกล้าต่อกรกับความไม่ถูกต้อง และสู้เพื่อสิ่งที่เชื่ออีกจำนวนมาก โดยไม่ต้องเป็นฮีโร่มาจากไหน แต่เป็นคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ใครที่ไม่แน่ใจว่าคนตัวเล็ก ๆ จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อได้จริงไหม? หรือพวกเขาเอาพลังมาจากที่ใดถึงได้กล้าหาญขนาดนั้น? UNLOCKMEN แวะเอาแรงบันดาลใจจากคนธรรมดาที่หาญกล้าต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อมากฝากกัน ทั้ง 5 เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง ของบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง และพวกเขาก็สู้อย่างบ้าดีเดือดเพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อจริง ๆ Dallas Buyers Club มีคนจำนวนมากที่มักจะบอกเราว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ อะไรทำง่าย และอะไรเปลืองแรงว่ะ มึงอย่าไปทำเลย แต่ Dallas Buyers Club ที่มีชื่อไทยว่า “สอนโลกให้รู้จักกล้า” ทำให้เราเข้าใจว่าบางทีคนพวกนั้นแม่งก็ไม่ได้รู้อะไรดีไปกว่าเรา เขาแค่ไม่กล้ามากพอ และมีแค่เราเองนี่แหละที่รู้ว่าเราจะสู้ไปสุดขีดได้ถึงไหน Dallas Buyers Club เล่าเรื่องราวชีวิตจริงของหนุ่มคาวบอยในเท็กซัสในปี 1985 เขาถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV และจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ 30 วัน
ในภาพยนตร์บางเรื่อง รถยนต์ประกอบฉากก็มีความโดดเด่นไม่แพ้นักแสดงนำเลย ไม่ว่าจะเป็น 1963 VOLKSWAGEN BEETLE ที่ถูกดีไซน์ใหม่ในภาพยนตร์เรื่อง The Love Bug (1968) หรือ 1961 FERRARI 250 GT CALIFORNIA SPYDER SWB ที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Ferris Bueller’s Day Off (1986) UNLOCKMEN เลยอยากแชร์กับทุกคนว่า มีรถยนต์คลาสสิกรุ่นไหนบ้างที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ 1961 FERRARI 250 GT CALIFORNIA SPYDER SWB จาก Ferris Bueller’s Day Off หลายคนคงจดจำรถที่ Cameron Frye (นำแสดง โดย Alan Ruck) จากภาพยนตร์ เรื่อง Ferris Bueller’s Day Off (1986)
สำหรับผู้ชายผู้ชื่นชอบรถยนต์ การได้ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกแห่งความเร็ว นอกจากจะได้ความเพลิดเพลิน ยังได้เกล็ดความรู้และประวัติของรถคันนั้น ๆ ให้ไปหาข้อมูลต่อกันได้เสมอ และนี่คือภาพยนตร์ 5 เรื่องเกี่ยวกับลูกผู้ชาย รถยนต์ และความเร็ว ที่มาพร้อมกับเรื่องราวแห่งมิตรภาพ แต่ละเรื่องจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรและจะมีความสัมพันธ์แบบไหนที่ถูกถ่ายทอดออกมาให้ชมกันบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย FORD V FERRARI Ford V Ferrari คือภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนไปพบกับสงครามความเร็วระหว่างค่ายรถสายพันธุ์อเมริกันอย่าง Ford และผู้คร่ำหวอดในวงการรถแข่งจากประเทศอิตาลีอย่าง Ferrari บนสังเวียนการแข่งขันรถยนต์สุดโหด 24 Hours Of Le Mans ในช่วงต้นปี 1960 Ford V Ferrari จะพาเราไปรู้จักกับเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของโมเดลรถยนต์ในตำนาน Ford GT40 mk II พร้อมกันนั้นยังนำเสนอมุมมองของมิตรภาพระหว่างผู้คนได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องราวของ Carroll Shelby และ Ken Miles 2 ตัวเอกในเรื่องที่แม้จะมีปัญหาถกเถียงกันหรือเห็นต่างกันในหลายช่วงเวลา แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการพัฒนารถยนต์และการแข่งขันทั้ง 2 คนก็ยังคงเคารพและไว้ใจกันเสมอ อีกความสัมพันธ์ที่น่าสนใจคือเรื่องราวระหว่าง Ken Miles
“ความสง่างาม” คือคุณสมบัติที่ผู้ชายหลายคนใฝ่หา เพราะความสง่างามคือส่วนผสมอันลงตัวจากทั้งภายในและภายนอก การเป็นผู้ชายสง่างามจึงต้องมีองค์ประกอบสารพัดที่แสดงถึงความเนี้ยบ ความเรียบหรู และความมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Attitude ที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันเพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองและผู้อื่น เพราะ ELEGANCE IS AN ATTITUDE การสง่างามจากทัศนคติที่พิถีพิถัน จึงนำมาสู่ภายนอกที่เนี้ยบตามไปด้วย ถ้าจะให้พูดถึงความสง่างามที่ทั้งเรียบหรู น่าเกรงขาม ผู้ชายอย่างเราคงนึกถึงความสง่างามในแบบ “จอมราชันย์” เนื่องจากเต็มไปด้วยภาพลักษณ์แสนสง่าฟันฝ่าทุกอุปสรรคอันตราย พร้อม ๆ กับความน่าเคารพยำเกรง ควบคู่กับ Attitude แน่แน่วในแบบที่ผูชายล้วนอยากครอบครองความสง่างามแบบนี้ได้สักครั้งในชีวิต อย่างไรก็ตามความสง่างามแบบจอมราชันย์นั้น เมื่อมาโลดแล่นอยู่บนภาพยนตร์หรือซีรีส์สักเรื่องแล้ว การสรรสร้างให้ตัวละครที่รับบทกษัตริย์นั้นสง่างาม เนี้ยบได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หลายครั้งผู้ชมรับรู้ว่าคนนี้รับบทกษัตริย์แต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงความสง่างามจากตัวละครนั้น แต่ “The King: Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ” ซีรีส์เกาหลีที่กำลังฉายทาง Netflix และใคร ๆ ก็พูดถึงอยู่ตอนนี้ กลับทำได้อย่างไร้ที่ติ โดย Lee Min Ho ผู้รับบทกษัตริย์อีกนผู้ต้องเดินทางข้ามเวลามาในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อพิชิตภารกิจสุดท้าทายนั้นเป็นตัวแทนความสง่างามไร้กาลเวลาได้อย่างน่าทึ่ง กษัตริย์อีกนแห่ง The King: Eternal
เราต่างหายใจอยู่บนโลกยุคที่เห็นความสำเร็จของคนอื่นผ่านหน้าจอมือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราเห็นความสุขที่เพื่อน ๆ ใช้เงินมหาศาลแลกกับการพักผ่อนหรูหราในวันที่เราแสนเศร้า เราเห็นคนรู้จักก้าวหน้าในหน้าทีการงานแบบก้าวกระโดด แต่เรายังอยู่ที่เดิม นี่คือโลกที่เรามองเห็นคนอื่นได้ง่ายดาย แต่กลับยิ่งทำให้เราใจหายกับสิ่งที่เราเป็นมากขึ้นทุกวัน ๆ เมื่อชีวิตคนอื่นก้าวไปไกล เมื่อเห็นใคร ๆ ประสบความสำเร็จ เมื่อเห็นผู้คนมากมายที่เข้าถึงความสุขแบบที่เราเข้าไม่ถึง เราจึงอดเอาตัวเองไปเทียบไม่ได้ เราไขว่คว้า วิ่งไล่ตาม อยากสุขแบบนั้น สำเร็จแบบนี้ มีเงินแบบโน้น ซึ่งการกระหายที่จะดีขึ้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การวิ่งไล่ตามความสำเร็จของคนอื่น อาจทำเราแสนเหนื่อยแสนท้อ โดยหลงลืมไปว่า จริง ๆ แล้วแต่ละคนมีบริบทที่ไม่เท่ากัน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าเวลาในการประสบความสำเร็จก็ไม่เท่ากันด้วย ก่อนที่จะวิ่งไล่ล่าความสำเร็จในแบบคนอื่นจนหมดแรงไปเสียก่อน เราอยากชวนคุณมาพักทบทวนความสำเร็จ ทบทวนจุดยืน ทบทวนคุณค่าด้วยหนังสือ 5 เล่มที่จะพาไปสำรวจความสำเร็จในมุมอื่น ๆ ที่ต่างออกไป หลังอ่านจบ เราอาจตระหนักได้มากขึ้นว่าเราล้วนมีความสำเร็จในแบบของเรา และมันไม่จำเป็นต้องมาถึงในเวลาเดียวกับที่คนอื่นเขามาถึงก็ได้ วิทยาศาสตร์แห่งความสำเร็จ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” อาจเพราะเราเติบโตมากับคำสอนแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งที่เราเห็นเพื่อนเราสำเร็จ ได้ดิบได้ดี เราจะเชื่อว่าเพราะเขาพยายาม ในขณะเดียวกันเราก็โบยตีและโทษตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเพราะเราไม่พยายามหรือพยายามไม่พอถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ วิทยาศาสตร์แห่งความสำเร็จ
เชื่อว่า มังงะ หรือ การ์ตูนญี่ปุ่น คือส่วนหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมผู้ชายหลายคน มังงะหลายเรื่องนอกจากจะให้ความสนุกสนานในหลากหลายอารมณ์แล้ว เรื่องราวที่อ่านยังสามารถเติมพลังด้านบวกรวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันผู้ชายทุกวัยจะยังคงหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เริ่มหมดพลังและแรงใจในการใช้ชีวิตในช่วงเวลานี้ UNLOCKMEN มีมังงะ 5 เรื่องที่อยากแนะนำให้รู้จัก และเชื่อว่าแต่ละเรื่องนอกจากสนุกอ่านเพลิน ยังสามารถเพิ่มพลังบวกให้กับทุกคนได้อีกด้วย ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลย เริ่มต้นเรื่องแรกกับ Space Brother หรือชื่อไทยคือ สองสิงห์อวกาศ ผลงานมังงะโดยอาจารย์ Koyama Chuuya ที่เผยแพร่ออกมาครั้งแรกในปี 2007 ในเวลาต่อมาถูก A-1 Picture นำมาดัดแปลงเป็นผลงานแอนิเมชัน รวมถึงถูกสร้างเป็นเวอร์ชันภาพยนตร์ในปี 2014 แต่แน่นอนว่าเวอร์ชันที่เราอยากแนะนำคือต้นฉบับมังงะที่ได้อารมณ์และรายละเอียดมากที่สุด Space Brother เล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ 2 พี่น้องฮิบิโตะ มุตตะ และนัมบะ มุตตะ ที่มีเส้นทางความฝันเหมือนกันคือการเป็นนักบินอวกาศ เนื้อหาจะพาเราเข้าสู่โลกของการต่อสู้เพื่อความฝันที่ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย แต่ทำได้ถ้าไม่ยอมแพ้ ผ่านการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถนำขั้นตอนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเป็นนักบินอวกาศมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย บวกกับเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของตัวละคร และการดูแลกันของ 2 พี่-น้อง ก็ยิ่งทำให้อ่านเพลินจนวางไม่ลงกันเลยทีเดียว