วันนี้แม้แต่ Wong Kar Wai ยังเตรียมเปิดตัวผลงาน NFT ชิ้นแรก Unseen Footage จากภาพยนตร์สุดเหงา “In The Mood For Love” ซึ่งยังไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน การประมูล Unseen Footage ของ “In The Mood For Love – Day One” ความยาวประมาณ 91 วินาที เนื้อหาทั้งหมดเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ถูกบันทึกในวันแรกของการถ่ายทำภาพยนตร์ Classic Romantic Drama ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาล Cannes Film Festival ปี 2000 เป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้ผู้กำกับสุดอาร์ทคนนี้มากที่สุดเรื่องนึง และถูกโหวตโดยคนดูว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดอันดับที่ 2 ของ Wong Kar Wai การประมูลครั้งนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง Wong Kar Wai และ Sotheby’s ในการนำ
ทุกวันนี้การตลาดเป็นเรื่องสำคัญ แม้กระทั่งตัวอย่างหนังความยาวเพียง 2 นาทีกว่า ๆ ก็ต้องสร้างจุดขายและความน่าสนใจ เพื่อดึงดูดคนดูให้ตีตั๋วให้มากที่สุด และที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้ก็คือตัวอย่างแรกของหนังซุเปอร์ฮีโร่ที่หลายคนรอคอยอย่าง Spider-Man: No Way Home นอกจากความสนุกที่เข้มข้นขึ้นแล้ว ยังเป็นการรวม Easter Egg ที่แค่ในหนังตัวอย่างยังมีมากมายให้แฟนหนัง Spider-Man ได้ตื่นเต้นกับสัญลักษณ์และตัวละครลับต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ แต่ก่อนที่จะเฉลยว่ามีอะไรบ้าง มาลองชมตัวอย่างนี้ก่อน แล้วมาดูกันว่า คุณจะเห็นเหมือนที่เรารวบรวมกันมาให้ได้ชมหรือเปล่า การแสดงความเคารพต่อ Steve Ditko เพียงแค่ฉากเปิดฉากแรกใน Trailer เราก็ได้เห็นการคารวะ Steve Ditko กันเลย หลายคนอาจจะสงสัยว่า Steve Ditko คือใคร Ditko คือศิลปินที่ร่วมกันคิดค้นคาแรคเตอร์ Spider-Man ร่วมกัน Stan Lee นอกจากนั้นยังครีเอทคาแรคเตอร์ Doctor Strange ร่วมกันอีกด้วย โดยมีคนตาดีเห็นลายกราฟิตี้ที่พ้นคำว่า “DITKO” อยู่บนหลังคาที่ Peter Parker และ
หากเราจะเปรียบตำรวจเป็นสีใดสีหนึ่ง สี ๆ นั้นย่อมไม่ต่างกับสีขาวบริสุทธิ์ เพราะโดยหน้าที่และภาพลักษณ์นั้นของตำรวจที่ตั้งตัวอยู่ในฟากฝั่งแห่งความยุติธรรม เป็นที่พึ่งพาของประชาชน อยู่ตรงข้ามกับเหล่าอาชญากรผู้ร้ายอย่างสิ้นเชิง แต่มีหนังเรื่องหนึ่ง ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจอย่างเผ็ดร้อน สะท้อนความตกต่ำถึงขีดสุดของอาชญากรในคราบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างเข้มข้น จนตัวละครตัวนี้กลายเป็นหนึ่งในตัวร้ายบนโลกภาพยนตร์ที่เหี้ยมโหด ชั่วร้าย ใช้ช่องว่างทางกฏหมายในมือเปลี่ยนดำให้เป็นขาวอย่างเลือดเย็น บวกกับการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์จนคว้ารางวัลใหญ่ไปครอบครองมาแล้ว มาทำความรู้จักกับวายร้ายที่รักคนล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสุดเท่และโคตรโหด agent Alonzo Harris แห่งหนัง Training Day (2001) หนังอาชญากรรมคลาสสิคที่หยิบเอาโลกสุดดาร์คของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเปิดเผยให้พวกเราได้เห็น บทบาทที่ส่งให้ Denzel Washington คว้ารางวัลออสการ์ไปครอง สะท้อนให้เห็นว่าตำรวจสีเทาเข้มจนดำสนิทนั้นโฉดและโหดเหี้ยมแค่ไหน หนึ่งวันแห่งการฝึกฝน เปลี่ยนจากคนให้กลายเป็นปีศาจ เสียงนาฬิกายามเช้าปลุกให้ตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง Jake Hoyt (นำแสดงโดย Ethan Hawke) ออกปฏิบัติการในฐานะตำรวจปราบปรามยาเสพติด วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้พบกับตำรวจรุ่นพี่อย่าง Alonzo Harris (นำแสดงโดย Denzel Washington) สายสืบตัวเก๋ามากประสบการณ์ ที่แววตาและท่าทางดูน่ากลัวตั้งแต่แรกเห็น แค่วันแรก เขาก็พา Jake ไปพบกับโลกแห่งความเป็นจริงของการเป็นตำรวจ อำนาจที่สามารถเปลี่ยนผิดเป็นชอบ กฎหมายสามารถเปลี่ยนดำให้เป็นขาว พร้อมจะหยิบยื่นความตายให้ใครสักคนได้ด้วยจำนวนเงินที่มากพอ เพียงแค่
“A Man Went Looking for America and Couldn’t Find It Anywhere” คำโปรยบนโปสเตอร์หนัง Easy Rider ที่มีพล็อตแสนเบาบาง เพียงแค่ 2 นักบิดที่เพิ่งขายโคเคนได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ออกเดินทางจากลอสแองเจลิสไปยังนิวออร์ลีนส์ถึงฟลอริดา เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายกับในช่วงสงครามเวียดนามที่คุกกรุ่น แต่พล็อตเบาบางนี้กลับทำกำไรมหาศาล และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการหนังอเมริกัน จนกลายเป็นตำนานหน้าสำคัญแห่งยุคสมัย และเป็นจุดเริ่มของหนัง American Indie มาย้อนทำความรู้จักหัวขบวนแห่งการขบถครั้งยิ่งใหญ่บนแผ่นฟิล์ม ที่คลอเคล้าไปด้วยบรรยากาศฮิปปี้ ความเมามาย และหมุดหมายแห่งอิสระเสรีที่เปลี่ยนสังคมไปตลอดกาล ขบถแห่งการต่อต้านวัฒนธรรม “Easy Rider” คือหนังที่สร้างขึ้นในปี 1969 ปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในสังคมอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของยาน Apollo 11 ไปจนถึง เหตุการณ์ Woodstock เทศกาลทางดนตรีแห่งสันติภาพที่มีคนร่วมงานเกิน 500,000 คน จนนำไปสู่การชุมนุมประท้วงที่วอชิงตันดี.ซี.ในจำนวนคนที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีเดียวกันนี้ “Easy Rider” ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญไม่แพ้กัน หนังนำแสดงโดย Peter Fonda รับบท “Wyatt”
หากเอ่ยถึงวาระที่ย่างเข้า 25 ปี แฟน UNLOCKMEN ก็คงคิดถึงวัยเบญจเพสอันแสนร้อนรุ่ม วัยที่เพิ่งผ่านพ้นความเป็นวัยรุ่นเพื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน ในตอนนั้นวงการภาพยนตร์ก็เต็มไปด้วยสีสันของหนังหลากแนว ไม่ว่าจะเป็นจุดสูงสุดของหนัง Blockbuster ที่ทำเงินถล่มทลาย รวมไปถึงหนังอินดี้สีสันจัดจ้านมากมายที่กลายมาเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญของวงการ เรามาย้อนความทรงจำของหนังช่วงกลางยุค 90s มาดูกันว่าจุดเริ่มต้นเหล่านี้ ได้ส่งผลอะไรต่อวงการหนังในปัจจุบันกันบ้าง Independence Day ภาพของมหานครไม่ว่าจะเป็นทำเนียบขาว หรือแลนด์มาร์คต่าง ๆ ถูกจานบินลึกลับจากนอกโลกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง ในยุคปัจจุบันอาจจะดูเป็นภาพที่แสนจะชาชินและธรรมดา แต่ทว่าเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ภาพเหล่านั้นต่างเป็นภาพที่ชวนตื่นตาสำหรับผู้ชมที่ได้ชมกันในโรงภาพยนตร์ สำหรับหนังไซไฟโลกถล่มแผ่นดินทลายในหนัง Independence Day หรือ ID4 หนังแนวโลกวิบัติผสมผสานกับการครองโลกของเหล่าเอเลี่ยน กลายเป็นโปรแกรมเด็ดของหนังยักษ์ต้อนรับซัมเมอร์ที่ทุกคนต้องดู ผู้กำกับ Roland Emmerich ที่เพิ่งผ่านงานหนังไซไฟลึกลับอย่าง Stargate สานต่อเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ที่มาจู่โจมโลกใบนี้ได้อย่างทรงพลัง บวกกับพลังดาราที่มากันล้นจอ ตั้งแต่ Will Smith ที่เพิ่งแจ้งเกิดจาก Bad Boys มาขับยานต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยนได้สุดกวน หรือสุนทรพจน์อันทรงพลังของ Bill Pullman
ก่อนหน้านี้มีข่าวการกลับมาของการ์ตูนระดับตำนานอย่าง Slam Dunk ในรูปแบบ Anime Movie ภายใต้การสร้างโดย Toei Animation ล่าสุดมีการปล่อย Teaser แรกออกมาแล้ว พร้อมระบุช่วงเวลาเข้าฉายภายในปี 2022 Slam Dunk Anime Movie เวอร์ชั่นล่าสุดนั้นผ่านการเขียนบทและกำกับเนื้อหาโดยอาจารย์ Takehiko Inoue ผู้สร้างดั้งเดิมที่เขียนลง Weekly Shonen Jump ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 1990 ก่อนจะสิ้นสุดในวันที่ 17 มิถุนายนปี 1996 เป็นมังงะ 31 เล่มจบ เป็นตำนานการ์ตูนบาสเกตบอลที่ยาวนานถึง 6 ปี ทำยอดขาย manga เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นได้มากถึง 120 ล้านเล่ม และผ่านการปรับเป็นเวอร์ชั่น anime ในช่วงปี 1993 – 1996 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้กัน ผลงานของอาจารย์ Inoue นั้นก้าวผ่านไปไกลกว่าการเป็นแค่การ์ตูนสำหรับความบันเทิง
ขึ้นชื่อว่า “ตัวร้าย” ก็คงไม่ต้องขยายความมากมายถึงวีรกรรมความโหดเหี้ยม ที่ทำให้คนดูพาลกันจงเกลียดจงชัง และเอาใจช่วยให้เหล่าร้ายนั้นได้รับผลกรรมหรือจุดจบที่สาแก่ใจ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่ตัวร้ายมักจะถูกเสนอเพียงด้านมืดเพื่อขับความสว่างของตัวฮีโร่ให้ขาวสะอาดยิ่งขึ้น หากแต่เมื่อโลกค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เราจะได้เห็นการสลับขั้วจากฮีโร่กลายเป็นผู้ร้าย และไม่แปลกใจเช่นกัน ที่เห็นเหล่าวายร้ายกลายร่างมาอยู่ข้างความยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือเรื่องจริง และเพื่อต้อนรับหนัง The Suicide Squad หนังรวมมหาวายร้ายที่กลายมาเป็นฮีโร่ในโรงภาพยนตร์ เรามาย้อนดูการย้ายข้างจากฟากฝั่งสุดร้าย แต่กลายมาเป็นฮีโร่คนดีบ้างว่ามีใครบ้าง และดีกรีความโฉดของพวกเขานั้นอยู่ในระดับไหน Loki Laufeyson หนึ่งในวายร้ายที่คุ้มดีคุ้มร้ายแห่งจักรวาลมาร์เวลที่เต็มไปด้วยความกะล่อน ปลิ้นปล้อน และมีความชั่วร้ายร้ายกระหายในอำนาจอย่างไม่มีวันสิ้นสุด จากจุดเริ่มต้นในฐานะบุตรบุญธรรมที่เทพ Odin นำมาเลี้ยงดูยังดาวแอสการ์ด แม้จะเติบโตพร้อมกันกับพี่ชายต่างสายเลือดอย่าง Thor แต่เพราะความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และรู้สึกว่า Thor พี่ชายของตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในหนัง Thor (2011) ที่เปิดตัวคาแรคเตอร์นี้จึงระเบิดพลังแห่งความโหดร้าย จนทำให้อาณาจักรแอสการ์ดต้องปั่นป่วน หลังจากนั้น Loki ก็ไปสร้างความวิบัติต่อบนโลกจนเหล่าฮีโร่ต้องมารวมพลกันใน The Avengers (2012) ก่อนจะค่อย ๆ คลี่คลายและเผยให้เห็นด้านดีขึ้นเรื่อย ๆ ในภาคต่อไป Loki นับเป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับจักรวาลมาร์เวล
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และคนไทยเองก็รู้จักหลายอย่างของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ดนตรี หรือ แม้แต่นักรบยุคคลาสสิกอย่าง ‘ซามูไร’ ก็ยังแสดงความเท่ให้พวกเราเห็นผ่านภาพยนตร์ หรือ มังงะ อยู่เสมอ UNLOCKMEN จึงอยากจะมาแนะนำหนังซามูไร 5 เรื่องที่มีเนื้อหาน่าสนใจ และมีความสนุกสนานมากพอที่จะทำให้เราอินกับวิถีแห่งดาบมากขึ้นหลายเท่า ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง Twilight Samurai (2002) หนังซามูไรเรื่องแรกที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก คือ Twilight Samurai ผลงานชิ้นโบว์แดงของ โยจิ ยามาดะ ผู้กำกับหนังซามูไรที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยหนังเรื่องนี้จะเล่าถึงญี่ปุ่นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 (ก่อนหน้ายุคฟื้นฟูเมจิ) ผ่านตัวละครหลักที่ชื่อว่า อิงุจิ เซเบย์ ซามูไรยศต่ำต้อย ผู้มีฝีไม้ลายมือในการฟันดาบที่ยอดเยี่ยม และมีความจงรักภัคดีต่อโชกุนอย่างมากคนหนึ่ง Twilight Samurai ถือเป็นหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพการันตีจากการกวาดรางวัลงาน Japanese Academy Awards ได้มากถึง 12 รางวัล ควรค่าแก่การดูสักครั้งในชีวิต The Blind Swordsman: Zatoichi (2003) เรื่องต่อมา
เพราะโลกใบนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันตรายแต่ก็มีเสน่ห์น่าค้นหา ที่เย้ายวนใจให้ผู้ชื่นชอบความเสี่ยงได้ลองไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ “ความท้าทาย” อาจจะเป็น “ความท้าตาย” แทนที่จะได้ประสบการณ์อันตื่นเต้น กลับได้เป็น “ประสบการณ์เฉียดตาย” โดยที่คุณไม่รู้ตัว มีภาพยนตร์มากมายนำความตื่นเต้นของสถานที่ หรือสถานการณ์สุดดิบเถื่อนนี้มาทำเป็นภาพยนตร์เพื่อเติมเต็มทุกความสะใจ หรือไม่ก็เป็นการส่งสัญญาณบอกคนดูกลาย ๆ ว่า มันคือสถานที่อันตราย…ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เรามาดูกันว่ามีที่ไหนกันบ้างที่คุณไม่ควรจะไป Chernobyl Diaries (2012) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน คืออนุสรณ์สถานที่สะท้อนความหละหลวมของรัฐในการจัดการรับมือเหตุร้าย เมื่อเกิดเหตุระเบิดโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี กลายเป็นหายนะที่กลืนกินชีวิตของผู้อาศัยในย่านนั้นที่ต่างพากันบาดเจ็บล้มตาย จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 4,000 ราย และเป็นสถานที่รกร้างที่ห้ามทุกคนเข้าไป แม้เหตุการณ์จะผ่านไปกว่า 35 ปีแล้วก็ตาม แต่มันกลับเป็นสถานที่ยอดฮิตที่กลุ่มวัยรุ่นท้าตายชอบพาตัวเองไปสัมผัสความอันตรายนี้โดยไม่สนใจข้อห้ามใด ๆ และ Chernobyl Diaries คือหนังที่เล่าถึงแก๊งวัยรุ่นทั้ง 6 ที่ชอบออกเดินทางไปรอบโลก โดยมีเชอร์โนบิล เป็นหนึ่งใน The Bucket List ที่อยากไปสัมผัสความเสียวสยองด้วยตาตนเอง พวกเขาและเธอจ้างไกด์เถื่อนให้พาไปยังเมืองร้างที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง กะจะแค่ถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลแล้วกลับ แต่ความซวยก็เกิดเมื่อรถของไกด์เถื่อนเกิดเสีย และค่ำคืนนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมันยากจะอธิบายว่ามันเป็นผีหรืออะไร ปัจจุบัน
ยังเป็นอีก 1 เดือน ที่โรงหนังปิดจากโรคระบาดที่ไม่มีแผ่ว ทำให้ Netflix ยังคงเป็นสตรีมมิ่งคู่ใจคนรักหนังที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเหมือนเช่นเคย และเดือนสิงหาคม ก็ยังเป็นอีกเดือนหนึ่ง ที่eอุดมไปด้วยหนังเจ๋ง ๆ ทั้งจาก Netflix Original เอง และหนังที่นำมาฉายที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป มีเรื่องอะไรบ้าง อย่ารอช้า เช็คลิสต์ของเดือนนี้กันได้เลย Blood Red Sky งูบนเครื่องบินก็มีมาแล้ว / ผู้ก่อการร้ายบนเครื่องก็มีบ่อยๆ ทำไมจะมีแวมไพร์บนเครื่องบินไม่ได้ และ Blood Red Sky ก็ทำให้คอหนังได้สมหวัง เมื่อแม่เลี้ยงเดี่ยวพาลูกนั่งเครื่องบินที่ผู้ก่อการร้ายบุกจี้และฆ่าเธอ หารู้ไม่ว่าเธอเป็นอมตะ…เธอเป็นแวมไพร์กระหายเลือดที่พร้อมจะจัดการเหล่าเดนคนบนเครื่องบินให้สิ้นซาก หนังเต็มไปด้วยความระทึก ทั้งระทึกบนเครื่อง ระทึกกับการอาละวาดของแวมไพร์ Blood Red Sky จึงเป็นหนังไฮบริดลูกผสมที่ทั้งลุ้นทั้งสยอง และเปี่ยมล้นด้วยดราม่าความรักของแม่ที่เสียสละเพื่อลูกได้ถึงใจจริงๆ รับชมได้แล้ววันนี้ Sweet Girl การสูญเสียภรรยาสุดที่รักของ Raymond “Ray” Cooper (นำแสดงโดย Jason Momoa แห่ง Aquaman)
มหกรรม Tokyo Olympic 2020 ที่ถึงแม้จะล่าช้าจากโรคระบาดที่สะเทือนไปทั่วทั้งโลก แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งสปิริตอันแรงกล้าของเจ้าภาพญี่ปุ่นที่ข้ามพรมแดนของโรคระบาด พร้อมประกาศจัดงานอย่างอลังการ เพื่อให้รู้ว่าพลังของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่พอที่จะสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคเพื่อยืนหยัดสู่ที่ 1 ของโลกให้จงได้ และในประวัติศาสตร์ของมหกรรมกีฬาระดับโลกนี้ ไม่แปลกใจเลยที่โลกของภาพยนตร์ ได้บันทึกเรื่องราวอันหลากหลาย ที่น่าทึ่ง ทั้งซาบซึ้ง ทั้งระทึกใจ และนี่คือหนังเกี่ยวกับมหกรรมโอลิมปิก ที่คุณควรหาชม เพราะสนุกไม่ต่างกับการลุ้นการแข่งขันจริง ๆ เลย Tokyo Olympiad (1962, Kon Ichikawa) เริ่มต้นด้วยสารคดีที่บันทึกความยิ่งใหญ่สมัยที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพในการจัดงานโอลิมปิคในครั้งแรกเมื่อปี 1964 ที่ได้ผู้กำกับระดับตำนาน Kon Ichikawa บันทึกภาพทั้งความยิ่งใหญ่ในการจัดงาน เพื่อแสดงให้เห็นความพร้อมของประเทศญี่ปุ่นหลังพ่ายแพ่ต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้เวลาเยียวยาพัฒนาจนกลับมายิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันหนังก็ได้รับการยกย่องในฐานะการสรรสร้างศิลปะบนเฟรมด้วยการถ่ายภาพระดับ Super Close-Up ที่ใกล้ชิดจนเห็นถึงกล้ามเนื้อและหยดเหงื่อ ทั้ง ๆ ที่การถ่ายทำนั้นไม่ได้มีการเซ็ทใด ๆ ผู้กำกับและตากล้องที่มีเพียง 2 คน ต่างสามารถบันทึกภาพงดงามของการแข่งขันในเสี้ยววินาทีราวกับงานศิลปะสุดอ่อนช้อย เข้มแข็ง และยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ หนังพูดน้อยมากเพื่อให้เราซึมซับภาพการแข่งขันอันสุดทะเยอทะยานชุดนี้ แม้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 50 นาที
“เลือกชีวิต. เลือกงาน. เลือกอาชีพ. เลือกครอบครัว. เลือกทีวีจอใหญ่สัส ๆ. เลือกเครื่องซักผ้า, รถยนต์ เครื่องเล่นซีดี และ ที่เปิดกระป๋องไฟฟ้า. เลือกสุขภาพสุดเริ่ด โลว์คอเลสเตอรอล และประกันการทำฟัน. เลือกผ่อนชำระดอกเบี้ยคงที่. เลือกบ้าน. เลือกเพื่อนของคุณ. เลือกชุดลำลองและกระเป๋าเดินทางที่เข้าชุดกัน. เลือกชุดสูทสามชิ้นแบบเช่าซื้อจากผ้าหลากประเภท. เลือก DIY และสงสัยว่าคุณเป็นใครในเช้าวันอาทิตย์. เลือกนั่งโง่ ๆ บนโซฟา ดูเกมโชว์ที่ทำให้มึน ๆ ยัดอาหารขยะเข้าปากของคุณ. เลือกที่จะเน่าเปื่อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นอนจมกองฉี่ในบ้านอย่างน่าสังเวช ไม่มีอะไรมากไปกว่าความอับอายต่อเด็กเหลือขอที่เห็นแก่ตัวและขี้ระแวงที่เกิดมาเพื่อแทนที่คุณ. เลือกอนาคตของคุณ” ประโยคเริ่มต้นที่ Mark Renton พระเอกของเรื่องพูดกับคนดูในหนัง Trainspotting กลับกลายเป็นวรรคทองอมตะ ที่สะท้อนทั้งตัวหนัง / ยุคสมัย และบ่งบอกถึงความเป็นวัยรุ่น ที่กาลเวลาได้พัดพาหนังเรื่องนี้เข้าสู่วัยเบญจเพส หรือ 25 ปีมาแล้ว UNLOCKMEN ขอย้อนเวลาพาคุณกลับไปสู่ห้วงเวลาแห่งอิสระเสรี กับหนังอังกฤษ ที่เกี่ยวกับคนติดยาแต่สะท้อนวัฒนธรรม Pop Culture ได้ถึงแก่นและยอดเยี่ยมจวบจนปัจจุบัน เลือกที่จะใช้ชีวิต ก่อนหมดเวลาจะใช้มัน