โลกเต็มไปด้วยความหลากหลายของมนุษย์ บางคนเก่งด้านนี้ บางคนฉลาดด้านนั้น เราต่างมีความสามารถเป็นของตัวเอง หรือแม้แต่การไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่ที่โคตรไม่เข้าใจคือ “พวกกูก็ไม่รู้ แต่กูอยากอวด” หรือพูดง่าย ๆ ว่าอวดฉลาดไปทั่ว พูดเหมือนตัวเองรู้ทุกอย่าง เอาล่ะ ไม่ว่ากัน ถ้าใครอยากแชร์ความรู้ เราก็พร้อมฟัง แต่ถ้าเกิดเอะใจสงสัยว่าอีตาคนนี้มันรู้จริงไหมหรือมันแค่อวดว่ารู้มั่ว ๆ ? เราก็มี 5 หนทางดีต่อใจมาให้ลองเช็คกัน พุ่งคำถามเข้าใส่ การจะเช็คว่าใครรู้จริงไหม เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ มากมายแต่อย่างใด แค่คำถามง่าย ๆ โยนลงไปกลางวงก็พอ คนที่รู้ว่าตัวเองมีพื้นฐานการคิดเรื่องนั้น ๆ แน่นอยู่แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ซ้ำยังจะตอบคุณกลับมาอย่างง่ายดาย เพราะคิดว่าคุณไม่เข้าใจ แต่พวกฉลาดปลอม ๆ แต่ชอบอวด จะติดแหง็กทันที ถ้าเจอคำถามง่าย ๆ เช่น “ทำไมคุณถึงเชื่อว่า … ล่ะครับ” หรือ “อธิบายเรื่อง … ที่คุณพูดเมื่อกี๊เพิ่มอีกหน่อยได้ไหมครับ” ถ้าตอบไม่รู้ เราก็ไม่ว่ากัน เพราะคนเรารู้อะไรไปหมดทั้งโลกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าอึกอักแล้วทำโกรธใส่ หรือโยนกลับมาว่าคนถามนี่โง่เองที่ไม่รู้
เมื่อพูดถึง “ความสำเร็จ” คำนี้แม้จะมีนิยามความหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือสิ่งที่แทบทุกคนต้องเคยผ่านช่วงเวลาของการตั้งเป้าหมายในชีวิต อยู่ในโมเม้นต์แห่งการหมายมั่นปั้นมือว่าจะพาตัวเองไปยังจุดที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” ให้ได้ดั่งหวัง ซึ่งแน่นอนว่าบนเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้น มันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องประสบพบเจอเหมือน ๆ กัน นั่นก็คืออุปสรรคระหว่างทางที่มักจะพร้อมใจถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาในรูปแบบต่าง ๆ เหมือนเป็นด่านวัดใจให้หลายคนหยุดตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะล้มเลิกหรือไปต่อ ซึ่งใครที่กำลังโดนซัดด้วยหมัดอันหนักหน่วงของสิ่งที่เรียกว่าอุปสรรคจนอ่อนล้า เราขอตบบ่าให้กำลังใจ และอยากบอกว่าอย่าเพิ่งท้อ กับสิ่งที่เป็นสัจธรรมของชีวิต เพราะเราทุกคนต่างก็รู้มาตั้งแต่เด็กว่าไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาง่าย ๆ อยากสอบได้อันดับต้น ๆ ของห้อง แม้ไม่หวังเป็นที่ 1 ก็ยังต้องอ่านหนังสือแทบเป็นแทบตาย นับประสาอะไรกับการพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่ฝันใฝ่ ยังไงมันก็ต้องมีเจ็บ มีท้อบ้างเป็นธรรมดา และเพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันจบไปแบบห้วน ๆ เหมือนการเชียร์ตามมารยาท ด้วยการตบบ่า บอกว่า “สู้ ๆ ดิวะ” แล้วจากไป วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอให้ทุกคนที่กำลังท้อ สูดหายใจลึก ๆ ตะโกนบอกตัวเองดัง ๆ ว่า What Stops You ? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด แล้วไปดูวิธีสุมไฟแห่งความมุ่งมั่น ปลุกปั้นแรงบันดาลใจให้แข็งแกร่ง เพื่อพาตัวเองพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวว่าอุปสรรคหน้าไหนจะมาหยุดเป้าหมายการไปสู่ความสำเร็จที่หวังไว้
ความสวยงามที่สัมผัสได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากทางสายตาเสมอไป อย่าลืมว่าร่างกายเรายังมีผัสสะอีกหลายที่ที่จะให้เรารับรู้ความสวยงามของโลกใบนี้ได้ โดยเฉพาะจากสาว ๆ ! วันนี้ UNLOCKMEN จะชวนมาขบคิดกันเล่น ๆ ว่านอกจากรักแรกพบแล้ว รักแรกจากกลิ่นมันจะเป็นไปได้มั้ย ? จากงานวิจัยบอกเราว่าเสียงและกลิ่นของคนเราเนี่ย เป็นส่วนสำคัญทางกายภาพที่จะดึงดูดใครสักคนได้ หรือหากจะย้อนไปที่ทฤษฎีเก่าแก่อย่าง Frontiers in Psychology ที่ Agata Groyecka ผู้วิจัยจาก University of Wroclaw ใน Poland กล่าวไว้ว่า “ส่วนใหญ่เรามักจะถูกดึงดูดทางสายตามากที่สุด ง่าย ๆ เลยก็หน้าสวย หุ่นดี” ยิ่งมีงานวิจัยใหม่ ๆ ที่สืบค้นลึกลงไปในเรื่องของความสัมพันธ์และสังคมพบว่าสัมผัสอื่น ๆ เนี่ยมันก็มีผลไม่แพ้กัน การรับรู้ความคิดของอีกฝ่ายจากผัสสะทางอื่นด้วย (นอกจากทางสายตา) มันน่าเชื่อถือมากกว่าเพราะเราจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากขึ้น อะไรที่นอกเหนือจากสายตา อย่างเสียง ก็สามารถบอกถึง เพศ อายุ ได้ หรือแม้แต่สังเกตความมั่นใจ บุคลิก ได้จากน้ำเสียงด้วยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่กลิ่นจะทำให้เราตกหลุมรักใครสักคนได้ เพราะเราก็จะมี Typeในใจที่ชอบเหมือนว่าเป็นสเป็กนั่นแหละ ถ้าเราชอบคนสะอาด แล้วเกิดได้กลิ่นหอมแบบสะอาด สดชื่น
การเข้าห้องน้ำเป็นกิจวัตรใกล้ตัวที่เราต้องทำในทุกวัน วันละหลายรอบเสียด้วย เพราะการขับถ่ายมันคือกิจวัตรขั้นพื้นฐานของชีวิตคนเราน่ะสิ บางครั้งเราอาจจะมองแค่ว่ากินน้ำเยอะก็ฉี่บ่อยแค่นั้น แต่วันนี้ UNLOCKMEN ขอบอกว่า “ฉี่” ของเรา มันบอกถึงสุขภาพเราได้ด้วย เราสามารถเช็กสุขภาพของเราได้จาก “สีของฉี่” ง่าย ๆ แบบนี้เลยแหละ ลองมาดูกันว่าแต่ละสีจะบอกถึงอะไรบ้าง สีใสเหมือนน้ำเปล่า คุณแค่ดื่มน้ำเยอะไป ไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก นอกจากดื่มน้ำในปริมาณที่พอดีต่อน้ำหนักของร่างกาย สีเหลืองอ่อน / สีเหลือง อยู่ในระดับที่ปกติ ดื่มน้ำประมาณนี้แหละ กำลังดี สีเหลืองเข้ม คุณดื่มน้ำน้อยไป อาจจะหลงลืมไปบ้างในวันยุ่ง ๆ แต่ยังดีที่ไม่ได้บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอย่างอื่น สีเหลืองหม่น / สีน้ำตาล / สีส้ม อันนี้เริ่มมีปัญหาแล้วล่ะ สีนี้แสดงถึงว่าร่างคุณขาดน้ำขนาดหนัก และมีปัญหาเกี่ยวกับตับ หากดื่มน้ำจนเพียงพอแล้วยังไม่ดีขึ้น ต้องรีบพบแพทย์แบบด่วนจี๋ สีเขียว / สีน้ำเงิน อันนี้มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสีผสมอาหาร ผลข้างเคียงจากยารักษาโรคที่เรากิน สัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือแม้แต่โรคทางพันธุกรรมที่หายาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ฟังดูอันตรายทั้งนั้น
การเจอกันครั้งแรกของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยการทักทายอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มที่ฉีกกว้างประดับบนใบหน้า (แบบที่จริงใจบ้างไม่จริงใจบ้าง) บทสนทนาสุดไพเราะลื่นใจ แต่บางครั้งผู้ชายอย่างเราก็เลือกไม่ได้ เมื่อต้องเจอกับมนุษย์หน้าหงิกไม่เป็นมิตรพูดคุยอะไรด้วยก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับเหมือนเราไปเหยียบเท้าเขาไว้ตลอดเวลา หรือเพราะหน้าเรามันกวนตีนเขาเกินไปก็ไม่รู้ ไม่เอา อย่าเพิ่งหัวร้อนไป เราควรรับมือมนุษย์พวกนี้อย่างมืออาชีพ ถ้ายังไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไรเราเอา 5 วิธีรับมือกับมนุษย์ไม่เป็นมิตรมาฝากกัน ยิ้มเท่านั้นที่ครองโลก รอยยิ้มนี่แหละที่สร้างง่ายแสนง่ายไม่ต้องลงทุนอะไรมาก แต่เคล็ดลับเด็ดอยู่ที่ความจริงใจ รอยยิ้มที่ดีต้องมาจากทัศนคติที่ดี คิดไว้เสมอว่าว่าเขาแย่ใส่เรา เราไม่จำเป็นต้องแย่ใส่เขา โปรยยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ถ้าไม่ถนัดฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันทุกซี่ ก็ยิ้มบาง ๆ ด้วยสายตาเพื่อบ่งบอกว่า “นาย ๆ เรามาอย่างเป็นมิตรนะ อย่ากัดเราเลยว่ะ” ตั้งใจฟังรายละเอียดทุกส่วนของเขา การเจอกันครั้งแรกต้องมีการแนะนำตัว พูดคุยสร้างบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แล้ว ให้เราตั้งใจฟังทุกอย่างที่เขาพูดเกี่ยวกับตัวเขาเองหรือเรื่องราวที่เขาเล่า แสดงความตั้งใจว่าเราใส่ใจที่จะฟังเขาอย่างจริงใจ อาจจะพยักหน้ารับเป็นครั้งคราว หรือส่งเสียงตอบรับเป็นระยะ ๆ หรือตรงไหนที่เห็นว่าน่าสนใจก็โยนคำถามกลับไป เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรากำลังใส่ใจจะเป็นมิตรกับเขามาก ๆ ได้โปรดอย่าตั้งแง่ใส่เรานักเลย ไหว้ล่ะครับพี่ หมากัดอย่ากัดตอบ การรับมือกับมนุษย์ไม่เป็นมิตรจำเป็นต้องมีสติอย่างมาก แต่ UNLOCKMEN เชื่อในสติของผู้ชายชาว UNLOCKMEN ทุกคน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะจิกกัด เหน็บแนม
ถ้าเอ่ยชื่อว่าเกมทำลายมิตรภาพหลายคนคงเข้าใจตรงกันว่ามันหมายถึง “UNO” เกมการ์ดที่มาในกติกาแสนเรียบง่าย แต่กว่าจะจบเกมนั้น ไม่ได้ง่ายเลย เพราะมันคือ Mind Game ที่ทำให้เราเชือดเฉือน ขบคิด ฟาดฟันกับผู้เล่นรอบวง (ซึ่งก็คือเพื่อนเราเองนั่นแหละ) แบบถึงพริกถึงขิง แต่ด้วยการ์ดแต่ละใบมีสีประจำของมัน ในมุมมองของคนทั่วไป มันก็ไม่มีอะไรนี่หว่า ? แต่เราลืมนึกถึงคนตาบอดสีไปหรือเปล่า ? พวกเขาจะสามารถเล่นเกมหักเหลี่ยมโหดนี้ได้มั้ย ? คำตอบคือ ได้! เพราะวันนี้ UNO ได้ออก Edition สำหรับคนตาบอดสีแล้ว มาดูกันว่าจะมีเทคนิคอะไรที่ทำให้คนที่ตาบอดสีสามารถเข้าใจเกมที่ต้องใช้สีในการเล่นได้แบบไม่ติดขัด เกม UNO สำหรับคนตาบอดสีนี้เป็นการ์ดเกมอันแรกของโลกที่ทำขึ้นเพื่อคนตาบอดสี ซึ่งเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกันระหว่าง UNO® และ ColorADD องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือคนตาบอดสี Ray Adler ตำแหน่ง Senior Director ของ Mattel ผู้ผลิตเกม UNO ได้กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือกับ ColorADD เพื่อทำเกมสำหรับคนตาบอดสีทั่วโลกจำนวน 350 ล้านคน และเป็นชาวอเมริกันถึง 13 ล้านคน” และเขาได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเกม UNO
ผู้ชายอย่างเรามักมีคำถามเล่น ๆ ถามกันเองว่าถ้าพรุ่งนี้ต้องตายจะทำอะไรเป็นอย่างสุดท้ายวะ? คำตอบที่ได้มักจะเป็นอะไรสุดโลดโผนหวือหวาที่ชีวิตไม่เคยได้ทำมันมาก่อน อาจจะอยากกระโดดบันจี้จัมพ์สักครั้งในชีวิต อยากมีเซ็กซ์แบบพิสดารสุดเหวี่ยงกับสาวเอ็กซ์ ๆ สักคน ฯลฯ นั่นคือสิ่งที่เราอยากทำ แล้วถ้าพูดถึงอะไรที่เราทำมันลงไปแล้ว แต่รู้สึกเสียใจที่ได้ทำแบบนั้นลงไป หรือคิดย้ำ ๆ ว่าทำไมเราไม่ทำอย่างอื่นแทนล่ะ? อะไรที่เราจะเสียใจในวันสุดท้ายของชีวิต? ถ้าวันนี้ยังนึกของตัวเองไม่ออก เราเอาของคนอื่นมาให้ดูว่าพวกเขาได้ทบทวนอะไรในวันก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เผื่อจะได้กลับมาทบทวนชีวิตเราเองบ้าง นี่คือเรื่องราวของ Bronnie Ware พยาบาลชาวออสเตรเลียที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยจำนวนมากในช่วงเวลา 12 อาทิตย์สุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะจากโลกนี้ไปอย่างถาวร แต่ละวันที่เธอดูแลผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตเหล่านั้น เธอก็ได้พูดคุยกับเขาด้วย โดยเรื่องหนึ่งที่เธอพูดคุยก็คือเรื่องความเสียใจในชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขา ช่วงที่เธอพูดคุย เธอก็เขียนบล็อกของตัวเองเอาไว้ จนเรื่องราวที่เธอเขียนได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง กระทั่งเธอต้องเขียนหนังสือเรื่อง Top Five Regrets of the Dying ออกมา Bronnie Ware เขียนถึงวิสัยทัศน์สุดชัดเจนของคนที่กำลังจะตายว่าเมื่อวันท้าย ๆ ของชีวิตจะมาถึงพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและโลกอย่างไร และนี่คือ 5 ความเสียใจอันดับต้น ๆ ที่มนุษย์เสียใจมากที่สุดในวันที่กำลังจะตายจากโลกนี้ไป ฉันหวังว่าฉันจะหาญกล้าที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ฉันได้เป็นฉัน มากกว่าใช้ชีวิตอย่างที่คนอื่นคาดหวัง นี่เป็นความผิดหวังเสียใจของคนใกล้ตายที่แทบทุกคนมีเหมือน ๆ กัน เมื่อทุกคนระลึกได้ว่าชีวิตของพวกเขากำลังจะจบลง
ชีวิตวัยทำงานอยู่ในลูปเดิม ๆ ตื่น ทำงาน กลับบ้าน นอน ฟังดูอาจจะน่าเบื่อแต่ถ้าหากเรามีความสุขกับงานที่ทำ สภาพแวดล้อมดี เพื่อนดี เจ้านายดี ถือว่าเราโชคดีไปที่ไม่มีอะไรมาทำให้ลูปเดิมที่ต้องเจอไปอีกแสนนานมันน่าเบื่อขึ้นมา แต่ความเป็นจริงทุกคนไม่ได้โชคดีแบบนั้น อาจเจอเพื่อนไม่ดีบ้าง เจ้านายไม่ดีบ้าง หรือแม้แต่งานที่ทำเองก็เถอะ จะพาให้หมดไฟ หมดใจ กันไปแบบง่าย ๆ ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในนั้น แต่ยังไม่อยากถอดใจ อยากหาทางออกให้ตัวเองแบบไม่กระทบคนอื่น วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคดี ๆ ให้เราเปลี่ยนโต๊ะทำงานให้เหมือนนั่งทำงานที่บ้าน ไหน ๆ ก็เปลี่ยนคนอื่นมันยากนัก จะเปลี่ยนตัวเองก็ยากกว่า เปลี่ยนโต๊ะแม่งนี่แหละ ง่ายสุด ไม่มีปากมีเสียงด้วย หามุมสีเขียวไว้พักสายตา มุมสีเขียวสักมุมให้เราได้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น จะได้หายใจหายคอได้แบบโล่งขึ้นมาหน่อย พักสายตาล้า ๆ จากจอคอมพ์ฯย้ายมาที่มุมผ่อนคลายของเรา จะได้เยียวยาทั้งสายตาทั้งอารมณ์ ถ้าหากการเอาต้นไม้จิ๋ว ๆ มาวางมันดูจะเป็นเรื่องใหญ่เกินไป ขี้เกียจรดน้ำ ดินหก มดขึ้น เราขอแนะนำ สวนในโหลแก้ว ที่เดี๋ยวนี้มีชุด kit ให้เราได้ตกแต่งเองตามสไตล์แบบง่าย ๆ และ หญ้าเทียมสติกเกอร์ มีขายตามร้านเครื่องเขียน ที่เอาไว้ใช้ในงานโมเดลอาคาร
ใกล้ถึงฤดูร้อนทีไร สิ่งที่หลายคนนึกถึงคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเรื่องราวของอากาศร้อนระอุทะลุองศาเดือด ที่พวกเราต้องประสบพบเจอกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ภายใต้ความอบอ้าวอันน่าสะพรึงกลัวนั้น มันยังมีความสดชื่น สดใส กลิ่นอายของการท่องเที่ยวพักผ่อนเจืออยู่ด้วยไม่ใช่น้อย และเมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงซัมเมอร์ มั่นใจว่าภาพของหาดทรายขาวทอดยาวสุดสายตา ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามส่องประกายระยิบระยับยามต้องแสงอาทิตย์ คือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในจินตนาการของใครหลายต่อหลายคนแบบไม่ต้องสืบ และระหว่างที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ เราเชื่อว่าผู้ชายชาว UNLOCKMEN จำนวนไม่น้อยคงวางแผนจองตั๋ว จัดทริป เตรียมพาสาวข้างกายไปผ่อนคลายริมหาดกันแล้วเรียบร้อย แต่จะแค่พาไปเที่ยว เล่นน้ำ อาบแดด นอนอ่านหนังสือ นั่งชมพระอาทิตย์ตกริมหาดด้วยกัน มันยังดูเป็นกิจกรรมที่ธรรมดาไป เพราะอุตส่าห์มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกับสุดที่รักทั้งที งานนี้ผู้ชายอย่างเราสามารถหาจังหวะเหมาะ ๆ ทำเรื่องเซอร์ไพรส์ สร้างความประทับใจให้กับเธอคนนั้น เพื่อเพิ่มแต้มรัก ช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ไม่ยาก และถ้าหากใครยังไม่มีไอเดียดี ๆ วันนี้เราอาสามานำเสนอตำรามัดใจสาวข้างกาย ที่ขอรับรองด้วยเกียรติของ UNLOCKMEN ว่า แค่ตั้งใจทำตามขั้นตอนอย่างจริงใจและเต็มใจ มันจะทำให้การไปทะเลครั้งนี้เป็นครั้งที่หวานชื่น และเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขที่จะติดตรึงอยู่ในใจเธอคนนั้นไปอีกนานแสนนาน ONE PREPARE EVERYTHING SHE NEEDS เปิดเกมแบบเก๋า ๆ เริ่มต้นด้วยการเอาอกเอาใจในแบบที่เธอต้องเซอร์ไพรส์ ด้วยการลุกขึ้นมาจัดกระเป๋าตระเตรียมทุกสิ่งอย่าง ของจำเป็นทั้งหลายสำหรับการไปเที่ยวทะเลต้องมีครบอย่าให้ขาด เพิ่มเติมคะแนนความหล่อด้วยการไม่ลืมที่จะใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นการเตรียมชุดว่ายน้ำสวย
การใช้ชีวิตบนโลกสุดท้าทายใบนี้ต้องใช้ ‘พลังงาน’ มากมายเป็นแรงขับเคลื่อน ต้องใช้ ‘passion’ แรงกล้าในการผลักดันตัวเอง ต้องใช้ ‘ความกล้า’ ขั้นสุดในการเผชิญทุกสิ่งที่ขวางหน้า และต้องมี ‘Positive thinking’ ที่จะช่วยเปลี่ยนพลังจากข้างในให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับชายที่มีทุกข้อที่กล่าวมาอย่างเหลือล้น และได้สัมผัสตัวตนทางความคิดของเขาในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน จนหายสงสัยไปเลยว่าทำไมชายที่ชื่อว่า ‘วู้ดดี้’ วุฒิธร มิลินทจินดา ถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ทรงพลังขนาดที่ว่า ทุกคนที่ได้อยู่รอบตัวของเค้า จะต้องซึมซับเอาพลังงานบวก เอาแรงบันดาลใจ เข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถามว่าคุยกับใครแล้วถึงกับขนลุก พูดแบบไม่โอเวอร์เลยว่า การคุยกับคุณวู้ดดี้ ให้ความรู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ เรารู้จักคุณวู้ดดี้ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ‘Woody World’ เรียลลิตี้ทอล์กโชว์สุด exclusive ที่ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 22.15 – 23.30 น. ทางช่อง Workpoint 23 รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Facebook และ YouTube นอกจากนี้ยังมีรายการสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นอย่าง ‘คนแปลงร่าง’ ส่วนงานนอกจอที่โดดเด่นก็คือการจัดเทศกาลดนตรี ‘S2O’ อีเว้นต์สุดมันส์วันสงกรานต์ที่ใครหลายคนเคยไป นั้นคือสิ่งที่ทุกคนมองเห็น แต่สิ่งที่เขาเป็นคืออะไร ? “ผมคือนักวิทยาศาสตร์” เรามาเยือนคุณวู้ดดี้ถึงโลกของเขา ที่ บริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด อาณาจักรที่เขากับทีมงานสร้างสรรค์ผลงานออกสู่ภายนอก
สิ่งที่สม่ำเสมอพอ ๆ กับเพลงชาติไทยตอน 8 โมงเช้าของทุกวันก็คือ “น้องหนูของผู้ชายยืนตรงเคารพธงชาติ” ไม่ว่าวันฝนตก วันแดดออก วันไปทำงาน วันหยุดนักขัตฤกษ์วันไหน ๆ ก็ดูเหมือนว่าเจ้าน้องชายของเราจะตั้งตรงเด่ได้ไม่มีเว้น เหมือนเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ห้ามพลาดแม้แต่วันเดียว เคยสงสัยไหมว่าอะไรทำให้มันแข็งโด่ได้ทุกวี่วันไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยได้ขนาดนี้? มันเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศหรือไม่? ปริศนาสุดน่าสงสัยนี้ UNLOCKMEN ชวนผู้ชายทุกคนมาไขข้อข้องใจไม่ให้ต้องมโนคำตอบอยู่คนเดียวอีกต่อไป ข้อสันนิษฐานเรื่องน้องน้อยของพวกเราตื่นตอนเช้ามีมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณแล้ว คงจะเรียกได้ว่า “แข็งกันมาตั้งแต่รุ่นเพลโต” นักปรัชญาเขาก็ไม่ได้ขบคิดกันแต่เรื่องจริยศาสตร์ การเมือง สังคมเท่านั้น เขาคิดทุกเรื่องจนลามมาถึงน้องชายของพวกเราด้วย โดยชาวกรีกโบราณอธิบายว่าการที่น้องชายของเราแข็งตอนเช้าก็แสดงให้เห็นแล้วว่า “อวัยวะเพศชายมีจิตสำนึกของตัวมันเอง” โห! หรือไอ้ที่เห็นย่น ๆ ตรงหนังไข่จะเป็นเหมือนรอยหยักในสมองจริง ๆ วะเนี่ย? พอเรื่อยมาถึงยุคกลาง ยุคที่คริสตศาสนามีบทบาทสูงในสังคมตะวันตก การแข็งตัวของอวัยวะเพศในแต่ละเช้าของทุกวันก็ถูกพระในยุคกลางบอกว่า “มันคือการกบฏของร่างกายมนุษย์!” เพราะในยุคนั้นร่างกายมนุษย์ถูกควบคุมเบ็ดเสร็จโดยศาสนา ไม่ว่าจะการแต่งกาย การใช้ชีวิต ไปยันท่าทางที่ใช้ในการป่ามป๊ามกับผู้หญิง! ดังนั้นเจ้าหนูที่แข็งตอนเช้าจึงเป็นไม่กี่สิ่งที่ศาสนาคุมไม่ได้ ถึงมองว่านี่แหละคือการกบฏ ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ โลกเราก็เดินทางมาสู่ยุคที่คนเชื่อวิทยาศาสตร์แบบสุดจิตสุดใจ คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์จึงมีน้ำหนักและความหมายกว่าคำตอบแบบอื่น ๆ โดยนักวิทยาศาสตร์เรียกการแข็งตัวนี้ว่า Nocturnal penile tumescence (NPT) หรือภาวะองคชาตแข็งตัวขณะหลับ โดยเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ที่วงการวิทยาศาสตร์ศึกษามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
“ความสุขมันซื้อด้วยเงินไม่ได้หรอก” มีคนเคยพูดคำนี้ไว้เล่นทำเอาชาว UNLOCKMEN ที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเลิกทะเยอทะยานเก็บ ถอดใจไปใช้ชีวิตเอื่อยเฉื่อยสโลว์ไลฟ์ไหลไปเรื่อย ไม่สนเรื่องเงินแล้ว แต่นั่นอาจจะเป็นการเข้าใจผิด เพราะเราเชื่อว่าคนที่มองว่าเงินไม่ใช่สารัตถะของชีวิตก็ยังเคยใช้ซื้อความสุขใน 4 ข้อด้านล่างนี้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ที่สำคัญนักวิจัยเขาออกมานั่งยัน นอนยัน ยืนยัน! ขอให้จ่ายให้ถูกกับ 4 เรื่องนี้ยังไงก็ไม่มีผิดหวัง 1. เปย์เงินซื้อเวลา ผลการศึกษาจากชาวอเมริกันกว่า 4,400 คนออกมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เวลานี่แหละสร้างสุข! และเงินก็ซื้อเวลาได้นะยูวววว !” คนที่ใช้เงินเป็นส่วนใหญ่เขาเลยยอมใช้มันเพื่อซื้อเวลากลับมาจากเรื่องจุกจิก พิสูจน์แล้วว่าลงทุนไปสุขภาพจิตจะดีกว่าคนขี้เสียดาย ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นการสั่งอาหารจากไลน์แมน จ้างแม่บ้าน จ้างเลขา จ้างอะไรก็จ้าง แล้วเอาเวลาที่ต้องเสียไปกับไปกับสิ่งเหล่านี้นอนชิลล์ทำอย่างอื่น คุ้มมาก! 2. เปย์กับประสบการณ์ชั้นยอด ถึง “สิ่งของ” จะอยู่ได้นานกว่า “ประสบการณ์” เพราะสสารไม่หายไป แต่นักจิตวิทยาเขาออกมายืนยันว่ามันใช้ไม่ได้กับเรื่องของการซื้อความสุข แรก ๆ อาจจะใช่ แต่พอนานเข้าเราก็ไม่คิดแบบนี้แล้ว เพราะจากตอนแรกที่เรามีความสุขกับการเป็นเจ้าของแต่พอเคยชินกับการมีมันทุกวันความสุขจะเริ่มจางหายไป นั่นอาจจะเป็นเหตุผลให้พวกเราขยันปรับเปลี่ยน gadget ไปเรื่อย ๆ ทั้งที่มันยังคงใช้ได้อยู่ กลับกันประสบการณ์ที่เราไปพบเจอถึงจะจับต้องไม่ได้ หากพอนานวันเข้าเราจะระลึกถึงมันบ่อย ๆ