ใครที่มีความรักแบบ Long Distance จะเข้าใจดีว่าระยะทางที่ไกลกัน ทำให้ไม่อาจได้เจอกันบ่อยอย่างคู่อื่นเวลาไม่ตรงกันบ้าง ได้คุยกันน้อยบ้าง ความเข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญในการประคับประคองความรักระยะไกลให้ยังคงหอมหวานอยู่เสมอ แม้จะไม่ได้สัมผัสกันแบบจริง ๆ แต่ความต้องการเรื่อง SEX มันยังไม่หายไปไหน วันนี้ UNLOCKMEN ขอเสนอเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับความรักทางไกล ให้คงความวาบหวิวในเรื่อง SEX ได้แม้อยู่ไกลกัน ลอง SEXY VDO Call การคุยกันผ่านตัวหนังสือก็ช่วยให้เราคลายความคิดถึงได้ แต่ถ้าหากได้เห็นหน้ากันมันย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้เรามีช่องทางการสื่อสารมากมายที่ช่วยให้เราได้เห็นหน้ากัน ผ่านการ VDO Call แบบฟรี ๆ ลองเพิ่มความเซ็กซี่ด้วยการชวนสาวใส่ “ชุดวันเกิด” “ชุดนอนไม่ได้นอน” ตอนคอลกัน สักวันละนิดวันละหน่อย เพื่อให้อีกฝ่ายยังรู้สึกถึงความต้องการของเราอยู่เสมอ และเราพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน Jessica O’Reilly แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศกล่าวว่า “จากการสำรวจ พบว่าคู่รักหลายคู่ พึงพอใจกับการได้คุยกันแบบเห็นหน้ากันมากกว่า เพราะได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งสองอย่าง คือการมองเห็นและการได้ยิน เพราะทำให้รู้สึกเชื่อมโยงถึงกันมากกว่าการคุยผ่านเสียง” SEX TOYS ที่สั่งงานได้จากทางไกล เพิ่มรสชาติด้วยของเล่นสุดสยิว ฟังดูอาจน่าเบื่อแต่บอกก่อนว่าเดี๋ยวนี้ SEX TOYS ไปไกลชนิดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องใช้คนเดียว
ปัญหาโลกแตกที่ผู้ชายอย่างเราไม่เคยจะหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือ “ผู้ชายเป็นเพื่อนกับผู้หญิงได้ไหม?” แต่ในเมื่อโลกแห่งความจริง ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องมีเพื่อนต่างเพศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนมหา’ลัย เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนของเพื่อน ฯลฯ แต่ปัญหามันไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อคุณมีแฟนสาวที่คอยมอนิเตอร์สาว ๆ รอบตัวเราตลอดเวลา ว่าคนไหนดูสนิทเป็นพิเศษ คนไหนดูมีอะไรในกอไผ่ บางครั้งมันก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าหากเธอได้สงสัยแล้ว คุณจะโดนสอบปากคำแบบที่ FBI ยังต้องยอม UNLOCKMEN ขอเสนอทางออกแบบวิน-วิน ให้คุณวางตัวกับเพื่อนผู้หญิงได้แบบที่แฟนสาวก็ไม่ลำบากใจ พาทั้งสองคนมาทำความรู้จักกัน ถ้ามีโอกาส ควรพาแฟนและเพื่อนมาทำความรู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนชายหรือเพื่อนหญิง โดยแนะนำสถานะระหว่างกันให้ชัดเจน คนนี้แฟนนะครับ คนนี้เพื่อนนะครับ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเรากล้าเปิดตัวให้คนอื่นรับรู้เรื่องของเรา กล้าให้เพื่อนสาว ๆ ใกล้ตัวรู้ว่าคุณมีเจ้าของหัวใจแล้ว ดีไม่ดี ทั้งแฟนและเพื่อน อาจจะเป็นเพื่อนกันได้อีกด้วย ไม่เล่นถึงเนื้อถึงตัว บางครั้งเราเองและเพื่อนอาจไม่ได้คิดอะไร อยากแกล้ง อยากเล่น ให้มันสนุก ๆ เท่านั้น แต่ว่าการแตะเนื้อต้องตัวกันบ่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ มันอาจไม่ปกติสำหรับแฟนสาว ใครจะทนได้หากเห็นแฟนหนุ่มของตัวเองหยอกล้อกับสาว ๆ แบบสนิทใกล้ชิดขนาดนั้น ลองใจเขาใจเรา
เราอยู่ในโลกที่การถ่ายภาพเต็มไปด้วยการสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย การถ่ายภาพอาจเป็นได้ทั้งงานศิลปะ เป็นได้ทั้งเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ทำขึ้นเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่างสู่สังคม และงานที่ UNLOCKMEN เอามาอวดสายตาผู้ชายทุกคนวันนี้ก็เช่นกัน นี่คือศิลปินสาวที่ถ่ายภาพจากช่องคลอดของเธอเอง! มันจะหวือหวาขนาดไหนกัน แค่ฟังก็ตื่นเต้นแล้วสิ Dani Lessnau คือ visual artist จาก Brooklyn ผู้หาญกล้าฉีกขนบการถ่ายภาพและสรรค์สร้างงานศิลปะ แต่ถ้าใครคิดว่านี่เป็นแค่ความพิเรนทร์ สักแต่ว่าจะสร้างความแตกต่างโดยไม่มีแก่นสารอะไรเลยก็เห็นทีจะคิดผิด เพราะภายใต้การสอดกล้องเข้าไปในส่วนลึกลับและถ่ายออกมาเป็นรูปภาพนั้น คือความเป็นเฟมินิสต์ที่เชื่อมโยงกับการลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของผู้หญิง ผ่านเรื่องของความเปราะบางของเรือนร่างผู้หญิงและการล่วงละเมิด แน่นอนว่าการถ่ายภาพครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก และโคตรจะท้าทาย (ก็แน่ล่ะ เพราะไม่มีใครเคยทำมาก่อน) โดยมีทั้งข้อจำกัดทางกายภาพ การควบคุมแสง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ Dani Lessnau มองว่าเป็นการท้าทายขนบเดิม ๆ เกี่ยวกับถ่ายภาพ การตีความรูปภาพ การสื่อสารที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน “extimité” คืองานเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ใช้เรือนร่างของ Dani Lessnau กับพาร์ตเนอร์ของเธอ โดยไต่ระดับเล่นกับพื้นที่ของเส้นแบ่งระหว่างความอีโรติคกับเรื่องของสรีระทั่ว ๆ ไปของมนุษย์ แถมยังเล่นกับความเลื่อนไหนแปลกประหลาดระหว่างความรู้สึกแห่งการตรวจตราระวังระไวกับความใกล้ชิดระหว่างเธอกับพาร์ตเนอร์เธอเอง ส่วนวิธีการสรรค์สร้างผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้หนุ่ม ๆ อย่างเราคงแอบสงสัยใคร่รู้กันเป็นอย่างมาก เธอก็อธิบายว่ากล้องที่เธอใช้เป็นกล้องรูเข็มที่เธอประดิษฐ์ขึ้นเอง จากนั้นก็สอดเข้าไปในอวัยวะเพศ ก่อนจะดึงเทปเปิดออกเพื่อเปิดรูรับแสง แคปเชอร์! เธอต้องทำอย่างนั้นอาจจะสักนาทีสองนาทีขึ้นอยู่กับคุณภาพแสง
หากไม่ได้เห็นหน้า แค่เพียงเอ่ยถึงชื่อของ ‘มอร์-วสุพล เกรียงประภากิจ’ หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อนี้มากนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ ภาพของหนุ่มมาดเซอร์นักร้อง, นักแต่งเพลงจากวง Ten to Twelve นั้นคงชัดเจนขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับมอร์มาแล้วถึง 2 ครั้งโดยแต่ละครั้งของการพูดคุย สิ่งที่เราสัมผัสได้คือความสามารถที่ล้นเหลือ และพลังงานในการสร้างสรรค์ที่เข้มข้นจากผู้ชายคนนี้ วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพราะเรามีนัดพูดคุยกับเขาอีกครั้งที่ LHONG 1919 กับการอัพเดทเรื่องราวชีวิตในขวบปีนี้ของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ พร้อมทำความรู้จัก ‘มอร์’ ในมุมมองใหม่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับความหลงใหลในการถ่ายรูป และสไตล์การถ่ายรูปในแบบฉบับเฉพาะตัว จนทำให้เขาได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็น Brand Ambassador ของ FUJIFILM ซึ่งถือเป็นอีกบทบาทใหม่จากอีกหลากหลายบทบาทในชีวิตของเขา และเราจะล้วงลึกเข้าไปปลดล็อคที่มาของแรงบันดาลใจซึ่งดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดของผู้ชายคนนี้ ว่าทำไมมันยังดูเหมือนเป็นพลังที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มันมีหมดบ้างมั้ย แล้วอะไรที่ทำให้เขายังคงควบหน้าที่หลายบทบาท ตั้งใจสร้างงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าชีวิตของมอร์มีหลายบทบาทเหลือเกิน ช่วยอัพเดทให้เราฟังหน่อยว่า ตอนนี้กำลังเน้นหนักไปที่บทบาทไหนเป็นพิเศษ ? หลัก ๆ ตอนนี้เราก็ทำผู้กำกับ เป็นผู้กำกับหนังโฆษณา
กลายเป็นชีวิตประจำวันและความเคยชินของทุกคนไปแล้วสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อการทำงานและความบันเทิง แค่คลิกเดียวก็สามารถพาเราเข้าไปส่องรูปสาวบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชทดีลทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ดูคลิปเป็นล้านใน YouTube หรือเพลินกับซีรี่ส์จนถึงเช้า แหม่ อะไรมันจะสะดวกและฆ่าเวลาได้ดีขนาดนี้ ผลการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA (เอ็ตด้า) เมื่อปี 2560 บอกเราว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยในวันทำงานหรือวันเรียนหนังสือ 6 ชั่วโมง 30 นาทีต่อวัน วันหยุด 6 ชั่วโมง 48 นาทีต่อวัน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของวัน โดยชาว Gen Y หรือกลุ่มคนที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์ในยุคที่อินเทอร์เน็ตแพร่หลายแล้ว (เกิดระหว่าง พ.ศ. 2523 – 2543) เป็นกลุ่มที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน ตัวเลขที่ออกมาบอกอะไร ? ง่าย ๆ เลย เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าเราวาร์ปเข้าไปอยู่บนโลกออนไลน์นานแค่ไหนต่อวัน เพราะมันโคตรจะเพลิน มองอีกมุมมันก็อาจจะฆ่าเวลาดี ๆ ของหนุ่ม ๆ อย่างเราได้เช่นกัน แถมถ้าติดโลกโซเชียลมากเกินไปอาจทำให้เราขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรมบนโลกความจริง ทั้งการเข้าสังคม, ฟิตร่างกาย,
Don Vito Corleone จาก The Godfather เคยพูดไว้ในภาพยนตร์ภาคแรกว่า “Friendship is everything. Friendship is more than talent. It is more than the government. It is almost the equal of family.” แม้แต่คนระดับเจ้าพ่อยังให้ความสำคัญกับเรื่องเพื่อนไม่น้อยไปกว่าครอบครัว นั่นเพราะมิตรภาพมีความสำคัญมากจริง ๆ ผลวิจัยตีพิมพ์บน webMD ระบุว่า “มีเพื่อนดีช่วยให้ชีวิตยืน” โดยการวิจัยผ่านการติดตามกลุ่มตัวอย่างสูงอายุจำนวนมากถึง 1,500 คนเป็นเวลา 10 ปี พบว่าคนที่มีเพื่อนฝูงมาก พบปะกันบ่อย อายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้สังสรรค์กับเพื่อนถึง 22% ซึ่งสาเหตุหลักเป็นเพราะการได้เจอหน้าพูดคุยกับเพื่อน เป็นการลดความเครียดที่ดีที่สุด ดียิ่งกว่าการใช้เวลากับญาติ ๆ ซึ่ง Lynne C. Giles พบว่า Family Relationship เป็นสิ่งสำคัญ
ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในโลกปัจจุบัน ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็เร็วเกินกว่าที่จินตนาการจะตามทัน และถึงแม้ว่าทุกการพัฒนาที่รุดหน้าไปมันจะได้มาซึ่งความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต รวมไปถึงการก่อกำเนิดของนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่ทุกการเกิดขึ้น ย่อมมีสิ่งที่ต้องหายไป ถ้ามองในแง่ของอาชีพ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีหลากหลายอาชีพที่หมดสิทธิ์ไปต่อ และกำลังจะค่อย ๆ เลือนหายไป เพราะโดนความล้ำสมัยของเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนมนุษย์ และสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงคือเรื่องราวของอาชีพช่างภาพเบื้องหลัง อาชีพที่หาได้ยากในปัจจุบัน ทั้งที่อาชีพช่างภาพเบื้องหลังนั้นเคยมีความจำเป็นสำหรับงานด้าน Production ในสมัยก่อน นั่นเพราะว่ากระบวนการทำงานต่าง ๆ ที่กว่าจะได้ผลงานแต่ละชิ้นต้องใช้เวลานานเป็นปี ๆ เพราะเมื่อย้อนไปในอดีตยุคที่การทำ CG, VFX หรือ Visual effects นั้นยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยพอที่จะสร้าง CG ขึ้นมาทั้งดุ้นเหมือนในปัจจุบัน ในแต่ละฉาก สิ่งของวัสดุต่าง ๆ ล้วนถูกสร้างด้วยฝีมือของมนุษย์ ขั้นตอนอันยากเย็นของงาน Production จึงเป็นหมือนโมเม้นต์สำคัญ ที่ควรถูกบันทึกเอาไว้ หากจะบอกว่าในสมัยก่อน ภาพเบื้องหลังกองถ่ายนั้นมีความสำคัญไม่แพ้เนื้อเรื่องเบื้องหน้าของภาพยนตร์ก็ไม่ผิดนัก ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วภาพเบื้องหลังนั้นถูกนำมาใช้เป็นใบปิดหรือโปสเตอร์ในงานแต่ละงานด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงมีความสนใจในอาชีพช่างภาพเบื้องหลัง อาชีพที่ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกเทคโนโลยีกลืนหายไป แต่กลับมีชายคนหนึ่งที่ยังหลงใหลในการถ่ายภาพเบื้องหลังอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ยึดเป็นอาชีพหลัก แต่เขาก็รักที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเบื้องหลังอยู่เสมอในทุก ๆ ครั้งที่ออกกอง เราก็เลยถือโอกาสนัดเจอเพื่อพูดคุยกับเขา
เรามักจะตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่าการทำงานสไตล์ไหนถึงเหมาะสมกับตัวเรา บ้างก็อยากออกมาทำฟรีแลนซ์เพื่อความอิสระ หรือบางคนอาจจะชอบอยู่ในกรอบ safe zone ทำงานเป็นทีมในบริษัท แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหนทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีข้อคิดมานำเสนอให้คุณลองมองในมุมที่ต่างออกไป เนื่องจากการทำงานทุกรูปแบบย่อมมีข้อดี และข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าสถานการณ์ไหนการทำงานแบบ Teamwork หรือ Individual ถึงเหมาะจะนำมาใช้และให้ได้ผลลัพธ์การทำงานในแบบที่ต้องการ #INDIVIDUAL เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ผลลัพธ์ของงานออกมาดีที่สุด แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำงานคนเดียวเพื่อให้ไอเดียออกมาตามความคิดเรา หรือว่าจะทำเป็นทีมเวิร์คดีเพื่อจะได้มีคนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ถ้าอย่างนั้นเราอยากแนะนำให้ดูที่สไตล์งานและความสามารถของคุณดู เพราะข้อดีของการทำงาน Individual หรือ การทำงานคนเดียวนั้นก็คือ 1. งานที่ได้รับมอบหมายจะเสร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคุณไม่ต้องคอยการตัดสินใจจากใครอำนาจสิทธิ์ขาดต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับคุณโดยตรง อีกทั้ง 2. คุณจะได้ใช้ไอเดียของคุณอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมีความคิดคนอื่นเข้ามาผสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็จำเป็นจะต้องมีความสามารถด้านนั้นให้เพียงพอที่จะสามารถฉายเดี่ยวได้ 3. คุณจะได้เครดิตเป็นของคุณคนเดียวเต็ม ๆ เพราะว่างานที่เสร็จสมบูรณ์นั้นผ่านจากฝืมือของคุณเท่านั้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความกดดันอันมหาศาลหากชิ้นงานนั้นล้มเหลว ดังนั้นการทำงานแบบฉายเดี่ยวที่ไม่ต้องพึ่งใครอาจจะเหมาะกับสายงานประเภทศิลปิน นักแต่งเพลง โปรแกรมเมอร์ กราฟิกดีไซน์ ที่ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมาบีบคั้นมากนัก พอรับบรีฟแล้วก็มานั่งขลุกอยู่กับตัวเองเพื่อสร้างสรรค์งานออกมา แต่ที่สำคัญคือการทำงานคนเดียวคุณต้องคอยกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่มีงานป้อนเข้ามาอย่างแน่นอน #Teamwork Teamwork ถือเป็นการทำงานที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นทำงานและอยากจะได้รับความรู้ความก้าวหน้าทางอาชีพการงานอย่างมั่นคง เนื่องจากคุณจะได้เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้คนมากมายที่มีความสามารถจนนำมาปรับปรุงเป็นสกิลของตนเอง โดยข้อดีของการทำงานเป็นทีมคือ 1. คุณจะรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เนื่องจากการทำงานเป็นทีมจำเป็นจะต้องแยกตำแหน่งดูแลกันอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนของงาน ดังนั้นคุณจะได้โฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไม่ให้ชิ้นงานทั้งหมดมาเกิดปัญหาที่คุณเพียงคนเดียว 2.ถ้าได้ทีมงานดี
เข้าใจอยู่ว่าเวลาที่หนุ่ม ๆ อย่างเราตัดสินใจเลือกเข้าคลาส “โยคะ” คงจะเป็นกิจกรรมท้าย ๆ ที่เรานึกถึง อาจเป็นเพราะเราคิดว่าไม่หนักพอ หรือดูเป็นคลาสที่เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่ที่จริงแล้วการฝึกโยคะมีประโยชน์กับผู้ชายมากกว่าที่คิด Brendon Rooney ครูสอนโยคะชื่อดังประจำ YogaWorks ในเมือง New York เคยกล่าวว่า “ปกติแล้วผมจะออกกำลังกายอย่างหนักถึงขีดสุดของร่างกายและจิตใจจนบางทีผมก็บาดเจ็บ หมดแรง และรู้สึกเบื่อ ผมต้องการสิ่งที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยบาลานซ์พลังที่เราได้โหมหนักไปกับการวิ่งและยกเวท” ทีมงาน UNLOCKMEN อยากให้ผู้ชายอย่างเราทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพให้หลากหลายขึ้น และนี่คือประโยชน์ 5 อย่างของศาสตร์เพื่อสุขภาพดีอย่างโยคะที่เราควรลอง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ สำหรับท่านที่ประสบปัญหาถึงจุดสุดยอดรวดเร็วเกินไปตั้งใจอ่านให้ดีครับ นักวิจัยจากอินเดียได้ทำการทดลองแบ่งชายที่มีปัญหาเรื่องการหลั่งเร็วออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ฝึกโยคะ อีกกลุ่มใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์ ผลปรากฏว่า ทุกคนในกลุ่มที่ใช้โยคะช่วยบำบัดมีการพัฒนาเรื่องเวลาการถึงจุดสุดยอดได้ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มที่ใช้การรักษาตามปกติมีผู้ที่อึดทนนานขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์ เจอชายตัวอ่อนขิงกันเห็น ๆ อีกหนึ่งงานวิจัยเมื่อปี 2011 ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Sexual Medicine ยังระบุด้วยว่า การฝึกโยคะ 12 สัปดาห์ทำให้ความสมรรถภาพทางเพศโดยรวมดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกทั้งร่างกายและจิตใจของโยคะนั่นเอง ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น
คอกาแฟ (และคนทั่วไปด้วยนั่นแหละ) คงไม่มีใครไม่รู้จัก “Starbucks” เพราะถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จระดับโลกที่อีกแบรนด์หนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยคุณภาพของเมล็ดกาแฟ วัตถุดิบ เมนูแปลกใหม่ตามเทศกาล หรือจะเป็นสินค้าพรีเมียมจากแบรนด์นี้ ล้วนเป็นสิ่งหวานหอมยั่วยวนให้เหล่าคอกาแฟต้องขอลิ้มลองกันสักแก้วในชีวิต (บางคนก็แก้วที่นับไม่ถ้วนไปแล้ว) แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างพิศวงในแบรนด์ Starbuckss คงไม่พ้น “ชื่อไซส์” ที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่น แล้วยังให้ขนาด tall มาเป็นขนาดเล็กสุดซะอีก นี่มันยังไงกัน วันนี้ UNLOCKMEN มีคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว ที่มาที่ไปของ Starbucks แบบคร่าว ๆ ขอเล่าถึงความเป็นมาของ Starbucks แบบไว ๆ กันสักนิด เพื่อที่เวลาจะเล่าอะไรต่อไปจะได้เห็นภาพกันมากขึ้น เริ่มต้นเลยนั้น Starbucks เป็นแค่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ในซีแอตเทิล จน Howard Schultz ได้มาโดนกาแฟไปหนึ่งแก้วแล้วเกิดประทับใจในร้านเล็ก ๆ นี้ขึ้นมา จนภายหลังจากนั้นหนึ่งปี เขาได้เข้ามาร่วมธุรกิจกับ Starbucks ปีต่อมาเขาได้ไปเที่ยวอิตาลี แล้วเกิดประทับใจในบรรยากาศของร้านกาแฟที่นั่นมาก จนเกิดแรงบันดาลใจให้ไปเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองในชื่อ “Il Giornale” และออกจาก Starbucks ไปในระยะเวลาไม่กี่ปี
การที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้องค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ คุณต้องมีเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองและคนรอบข้างในที่ทำงานที่เรียกกันว่า ความฉลาดทางอารมณ์ มันคือสิ่งสิ่งที่จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ในระบบการทำงานของตัวคุณเองกับเพื่อนร่วมงานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เคยได้ยินไหมว่าผู้นำที่น่านับถือมักจะมีลักษณะการดึดดูงพนักงานที่ยอดเยี่ยม สามารถสร้างแรงบัลดาลใจในการทำงานให้ลูกน้องได้ คนเหล่านี้มักถูกพูดถึงในทางบวกว่าเป็นคนที่อบอุ่นและเข้าถึงง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว สิ่งที่ผู้นำที่ดีทุกคนมีคล้ายกัน คือ พวกเขามีความฉลาดทางอารมณ์ สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้เมื่อต้องพบเจอกับปัญหา อีกทั้งสามารถสั่งงานให้ทีมพร้อมกับจัดการความสัมพันธ์รอบตัวได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ยังคิดว่าตัวเองยังขาดทักษะในด้านนี้อยู่ วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ลักษณะทางอารมณ์ที่ผู้นำทุกคนต้องมี พร้อมแนวทางการฝึกฝนเรียนรู้และเพื่อนำไปพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต มีความเห็นอกเห็นใจ ความเห็นอกเห็นใจ คือความสามารถที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าคนอื่นนั้นรู้สึกอย่างไร ผู้นำที่ดีมักมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความแตกต่าง พร้อมกับพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนอื่นด้วย พวกเขามักนำตัวเองเข้าไปในจุดที่ผู้ตามกำลังเผชิญอยู่ และพิจารณาปัญหาจากมุมมองของทั้งสองฝ่าย ซึ่งการกระทำให้ลักษณะนี้ มักมีทางออกที่ดีให้ทุกฝ่ายเสมอ How to practice : พยายามสร้างภาพตัวเองเมื่ออยู่ในตำแหน่งของคนอื่น ลองคิดว่าจะต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง ต้องมีทัศนคติในการทำงานอย่างไร มีจุดยืนที่แตกต่างกับเราแค่ไหน ควรตรวจสอบความถูกต้อง สร้างความเข้าใจในงานร่วมกันกับพวกเขาเสมอ ไม่ใช่แค่ต้องการให้มีผลงานออกมาให้ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว การเข้าใจถึงมุมมองและจุดยืนของคนอื่น จะทำเรามีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกับทุกฝ่ายเสมอ อีกทั้งยังช่วยให้ลูกทีมของเราไม่รู้สึกว่าต้องเผชิญหน้าปัญหาเพียงลำพังอีกด้วย รู้จักตัวเอง เคยรู้รึเปล่าว่าสถานการณ์แบบไหนจะนำเรื่องดีมาให้และแบบไหนเป็นสัญญาณบอกว่าปัญหากำลังจะเกิดขึ้น ความเข้าใจในตัวเองมักเกิดจากการนำประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอ กลับมาพิจารณาถึงจุดแข็งจุดอ่อนที่มีอยู่ของตัวเรา เพื่อพัฒนาสัญชาตญาณการรับรู้ที่แม่นยำ มันจะสามารถทำให้คุณเป็นผู้นำที่ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและแม่นยำมากขึ้น How to practice : เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่คับขันหรือปัญหาเฉพาะหน้า
คิดนอกกรอบมันดียังไง มีอะไรนอกสถานที่มันก็ดีอย่างนั้นแหละ! sex เป็นเรื่องธรรมชาติที่บ่อยครั้งถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติ ธรรมดามากเกินไปก็น่าเบื่อเอาได้ การเปลี่ยนสถานที่จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะพาเราไปสู่ความเมามัน แต่แค่เมามันอย่างเดียวจะพอไหม? อะไรที่เราต้องคำนึงถึงกันบ้าง? แล้วสาว ๆ ล่ะเขาโอเคกับสถานที่แบบไหนกันบ้าง? วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน ระเบียง ถือเป็นเอาท์ดอร์ 101 สำหรับผู้เริ่มต้น เพราะระเบียงคือสถานที่กึ่ง ๆ เอาท์ดอร์แบบลุ้น ๆ ว่าจะได้อวดสายตาคนอื่นเขาไหม แต่ก็กึ่ง ๆ อยู่ในตัวบ้านที่เรารู็สึกอบอุ่นปลอดภัยไม่ฮาร์ดคอเกินไปสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้ความแปลกใหม่นอกจากบนเตียง สาว ๆ เทใจไปให้ที่ระเบียงพอสมควรเพราะนี่คือความรู้สึกทั้งปลอดภัย ทั้งได้ตื่นเต้นแบบที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาจับได้ (ก็แน่ล่ะ ขึ้นชื่อว่าระเบียงก็ต้องอยู่สูงเป็นธรรมดา) จึงเป็นความรู้สึกกึ่งจริงกึ่งฝันสำหรับสาว ๆ ที่ได้ลองอะไรแปลกใหม่แต่ไม่หวือหวาเกินไปจนรับไม่ได้ ระเบียงจึงเป็นสถานที่ที่ใช่! ที่เรารับรองเลยว่าถ้าอยากเริ่มเอาท์ดอร์กับสาว ๆ สักคนให้เริ่มที่ระเบียงก่อนได้เลย รถยนต์ เพราะมันขึ้นชื่อว่ารถยนต์ที่มีกระจกรอบด้าน การได้ร่วมสมรภูมิรักสุดคลั่งกับใครสักคนในสถานที่สุดคับแคบแถมรายรอบไปด้วยกระจกจึงกลายเป็นความตื่นเต้นชนิดที่หาจากที่อื่นได้ยากเหลือเกิน รถยนต์จึงกลายเป็นสถานที่มี sex ยอดฮิตอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่เบื่อการทำอะไรบนเตียงเต็มทนแล้ว สาว ๆ ลงความเห็นว่ารถยนต์ก็ไม่ใช่สถานที่ที่เลวร้ายนัก เพราะมันสามารถเคลื่อนไปจอดที่ไหนก็ได้ ชอบแบบตื่นเต้นมากก็เชิญไปจอดในสถานที่คนพลุกพล่าน ชอบความปลอดภัยมากก็เลือกจอดในสถานที่ที่มั่นใจเลยว่าจะไม่มีคนผ่านมา