ช่วงนี้เรากำลังนิยมนาฬิกาดีไซน์ย้อนยุคที่ถูกปลุกขึ้นมาใหม่พร้อมใส่เทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป มันให้ฟีลลิ่งความสนุกสนานที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร หลังจากเปิดตัว Pac-man x A100WEPC ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด Casio ก็ตอกย้ำกระแสความ Vintage อีกครั้งด้วยการนำ “F-100” ที่โด่งดังในปี 1978 มานำเสนอใน collection ล่าสุด “A100” หน้าปัดทรงเหลี่ยมจอดิจิทัลที่หลายคนคุ้นตาตั้งแต่วัยเด็ก หากใครเกิดไม่ทันยุค ’70s นาฬิกา Casio F-100 ในยุคนั้นเปิดตัวมาอย่างอลังการ ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยความแตกต่างของ resin case น้ำหนักเบา เป็นนาฬิกา digital ที่ล้ำสุด ๆ ในยุคนั้นก็ว่าได้ มันเข้าถึงภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่อย่าง Alien (1979) ที่ Ridley Scott นำ F-100 2 เรือนมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ดูล้ำหน้าเหมาะกับยุคอวกาศในบทภาพยนตร์ ก็ยิ่งดันให้มันดังเปรี้ยงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว Casio Vintage A100 Series นำความคลาสสิคของ F-100 นาฬิกาหน้าจอดิจิทัลระดับ Iconic ให้กลับมาใหม่อีกครั้งในรูปแบบ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘SEIKO (ไซโก)’ คำภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “นาที” “ความดีเยี่ยม” และ “ความสำเร็จ” เป็นคำคุ้นหูที่หลายคนรู้จักในฐานะชื่อแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นที่อยู่คู่กับคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย นอกจากชื่อเสียงที่ชาวไทยคุ้นเคย ในระดับโลก SEIKO ยังถือเป็นแบรนด์ที่สร้างมาตรฐานใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์วงการนาฬิกามาแล้วมากมาย ทั้งในฐานะแบรนด์นาฬิกาข้อมือแบรนด์แรกของญี่ปุ่นที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาควอตซ์จนทำให้เกิดยุค Quartz Crisis และเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาดำน้ำไทเทเนียมรุ่นแรกของโลก รวมถึงนวัตกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย จากประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 140 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ SEIKO ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญที่ผลักดันให้ SEIKO ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนาฬิกาชั้นนำในญี่ปุ่น เป็น House of Watchmaking ที่ผลิตทุกชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยโดยช่างผู้ชำนาญการที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของนาฬิกา ภายใต้คติ Keep Going Forward ซึ่งหมายถึงการไม่หยุดพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ที่ SEIKO ยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน และในปี 2021 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสพิเศษของแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครบรอบ 140 ปีเท่านั้น ซึ่งพวกเราชาวไทยที่เป็นสาวก SEIKO มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกน่าจะรู้กันดีว่าช่วงเวลานี้ถือเป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” ของไซโก
บาสเกตบอลถือเป็นส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนวงการสตรีทแฟชั่นมาเนิ่นนาน ไม่ว่าจะเป็นการก่อกําเนิดรองเท้า Iconic มากมาย เช่น Converse All Star Chuck Taylor, ซีรีส์ Air Jordan, Air Force 1 หรือ สงครามเกมการตลาดของแบรนด์ใหญ่ที่ฟาดฟันพัดเปลี่ยนกันมาอย่างต่อเนื่องทั้งฝั่งยุโรป Reebok, Adidas หรือแบรนด์ในอเมริกาอย่าง Nike, Under Armor แม้กระทั่งจีนเองก็ส่งแบรนด์อย่าง Anta หรือ Li-Ning เพื่อมากอบโกยส่วนแบ่งจากตลาดนี้ นอกเหนือจากวัฒนธรรมรองเท้าที่เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับกีฬาบาสเกตบอล ตัวนักกีฬาเองก็กลายมาเป็นสปอร์ตไลท์และมีสถานะไม่ต่างจากดาราซุปเปอร์สตาร์ เพราะนักกีฬา NBA ส่วนใหญ่นั้นมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหราหวือหวา และถูกบรรดาสื่อมวลชนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่จากบรรดาผู้เล่นมากมายกว่าหลายพันคนจากอดีตถึงปัจจุบัน มีนักบาสเกตบอลอยู่คนหนึ่งที่โดดเด่นทั้งในเรื่องฝืมือ สไตล์ พฤติกรรมสุดโต่ง ความติสท์อินดี้ที่แม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาผู้เล่นคนไหนมาทาบรัศมีได้ ชายคนนั้นก็คือ Dennis Rodman หรือที่แฟน ๆ บาสเกตบอลจดจําเขาในฉายา “The Worm” Dennis Rodman ถือเป็นนักกีฬาระดับออลสตาร์ที่มีสไตล์การเล่นเกมรับอันดุดันโดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งของยุค 90s และได้รับเครดิตอย่างมากในช่วงเวลาที่จับมือรวมพลังกับ
ความประณีต หรือความ ‘Craft’ สำหรับผู้ชาย ไม่มีอะไรเกินกว่ารายละเอียดของ ‘ชุดสูท’ ที่ถือเป็นเครื่องแต่งกายที่ต้องใช้ความ ‘Craft’ พิถีพิถันในทุกขั้นตอนตั้งแต่วิธีการเลือก วิธีการผลิต และวิธีการสวมใส่ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปดูวิธีการเลือกสูทให้ดูดีที่สุด เพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เปรียบเสมือนกุญแจที่ปลดล็อคศักยภาพ และบุคลิกให้ดูดีกว่าที่เคย กับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตัดสูทโดยเฉพาะ เพื่อการแต่งกายและไลฟ์สไตล์ที่เรียกว่า Craft และ Classic ที่แท้จริง การใส่สูทนั้นมีต้นกำเนิดมาจากฝั่งตะวันตกนานกว่า 400 ปี เดิมทีการใส่สูทเป็นการแต่งกายของชนชั้นสูง และขุนนางในศาลของฝรั่งเศส ต่อมาจึงขยายอิทธิพลไปสู่ขุนนางชาวอังกฤษ จนกระทั่งเข้าสู่ยุครีเจนซี่ การใส่สูทเร่ิมเป็นที่แพร่หลาย และกลายเป็นชุดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เป็นตัวแทนของการแต่งกายที่สุภาพ และเริ่มใช้สวมใส่ในงานที่เป็นทางการตั้งแต่นั้นมา คำว่า ‘Suit’ แปลว่า ‘สอดคล้อง’ ในภาษาฝรั่งเศส มีรากฐานตกทอดมาจากคำว่า ‘Sequor’ ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า ‘ I Follow’ เพราะฉะนั้นการใส่สูทจึงหมายความว่า เสื้อผ้าทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ, กางเกง รองเท้า ทุกอย่างต้องคล้องกันกันทั้งชุด และจะต้องมีความพอดีระหว่างชุดกับขนาดรูปร่างอีกด้วย ถ้าหากการแต่งหน้าของผู้หญิงก่อนออกจากบ้านทำให้ผู้หญิงรู้สึกมั่นใจ
มหกรรมกีฬาโอลิมปิก คือการแข่งขันกีฬาที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ถ้านับตั้งแต่การแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกที่จัดขึ้นใน Los Angeles ปี 1932 จนถึงปัจจุบัน จะมีการจัดไปแล้วทั้งหมด 28 ครั้ง และในวันที่ 23 กรกฎาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญที่คนทั้งโลกเฝ้ารอคอย การแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 29 “Olympic Games Tokyo 2020 “ ตลอด 90 ปีที่ผ่านมาของกีฬาโอลิมปิก มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยเฉพาะสถิติโลกที่นักกีฬาทั่วโลกต่างพยายามจะทำลายมันลงในทุกการแข่งขัน กีฬาประเภทใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในแต่ละปี และเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการตัดสินที่แม่นยำมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการเป็น Olympic Games Official Timekeeper ของ OMEGA ผู้จับเวลาตัดสินอย่างเป็นทางการของการแข่งขันระดับโลก ที่ต้องใช้ความแม่นยำระดับ Microsecond เพราะในโลกของการแข่งขันสำหรับนักกีฬาที่ทุ่มเทฝึกซ้อมมาหลายปีเพื่อเวทีแห่งนี้ ความเที่ยงตรงแม้ 1 ใน 1,000,000 วินาที ก็มีความสำคัญอย่างมากเพื่อการตัดสินที่เป็นเอกฉันท์ และเพื่อเป็นสักขีพยานยืนยันการทำลายสถิติที่คนทั้งโลกต้องจดจำ ไม่ใช่แค่ความแม่นยำ OMEGA ยังแนะนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ ๆ
ถือเป็นก้าวใหม่ของการสั่งตัดสูท วันนี้เราสามารถวัดตัวได้ผ่านทางออนไลน์ โดยไม่ต้องใช้คน และไม่ใช่แค่สูท แต่รวมถึงเสื้อเชิ้ต กางเกง ไม่จำเป็นต้องมีสายวัดก็วัดตัวได้อย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยีการตัดสูทออนไลน์ครั้งแรกของ “SUITCUBE AI” “SUITCUBE AI” ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิด นี่คือครั้งแรกกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก SUITCUBE ที่คิดค้นนวัตกรรมตัดสูทออนไลน์ได้เลยผ่านหน้าจอ Smartphone โดยที่เราไม่ต้องเดินทางไปวัดตัวที่ร้านให้เสียเวลา ช่วยแก้ปัญหาคนที่ต้องใช้สูท แต่ก็อยากจะ Social Distancing จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยใช้เวลาในการวัดตัวผ่าน SUITCUBE AI เพียงไม่ถึง 5 นาที (ระยะเวลาจากที่เราลองใช้งาน) ที่เหลือก็นั่งรอชุดสูทส่งมาภายใน 7 – 10 วันทำการ ในราคาที่ไม่แพง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการเดินทางไปตัดที่ร้าน ตัดสูทออนไลน์ทาง SUITCUBE AI มีครอบคลุมครบทุกความต้องการโดยผสมผสานรายละเอียดที่เข้ากันมากที่สุด ตั้งแต่สูท Single Breasted สูทกระดุมแถวเดียว เลือกได้ทั้งแบบ 1, 2 หรือ 3 กระดุม) และสูท Double Breasted สูทกระดุมสองแถวแบบ
เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับมหกรรมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2021” ที่ได้ฤกษ์หวดแข้งกันหลังจากเลื่อนมา 1 ปีเต็มเนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก เพราะจริง ๆ แล้วความพิเศษในฟุตบอลยูโรครั้งนี้คือการฉลองครบรอบ 60 ปีรายการลูกหนังยุโรป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แข่งแบบไร้เจ้าภาพ ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องเวียนสนามไปทั่วยุโรปในแต่ละประเทศที่แตกต่างกันตามคอนเซ็ปต์ Romantic of Europe นอกเหนือจากเรื่องราวในสนามที่กำลังดุเด็ดเผ็ดมันส์แล้ว ยูโรครั้งนี้ก็ยังมีเกร็ดความน่าสนใจนอกสนามที่พวกเราไม่ควรพลาด เพราะสายตาของสื่อทั่วโลกต่างล้วนจับจ้องไปที่ยูโร 2021 ทำให้เราได้เห็นอิริยาบถต่าง ๆ ทำให้เห็นว่านักฟุตบอลต่างประเทศวันนี้มีสไตล์การแต่งกายที่เฉียบคม ไม่ต่างจากกูรูแฟชั่นดีไซน์เนอร์ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปดูไอเดียการแต่งตัวของยอดดาวเตะจากมหกรรมฟุตบอลระดับโลกนี้กัน รับรองว่าจะต้องมีสไตล์ที่เราสามารถยืมไปปรับใช้ให้การแต่งตัวไม่น่าเบื่อได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่แต่ง Dresswear ได้เท่ที่สุดในสายตาเรา ต้องยกให้กับ Gareth Southgate โค้ชทีมชาติ England ที่พกสไตล์การแต่งตัวแบบผู้ดีอังกฤษในลุคสูทสุดเนี้ยบ ที่แม้ว่ารอบนี้อาจจะไม่โดดเด่นเท่าฟุตบอลโลกที่ Russia ปี 2018 ไม่ได้ ตอนนั้น Southgate มาในชุด 3-piece suit tailored Waistcoat ที่เนี้ยบยันรองเท้า ภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความคลาสสิคแบบ English
หนุ่ม ๆ ชาว UNLOCKMEN หลายคนอาจจะเห็นเหมือนกันว่า การแต่งตัวในประเทศไทยนั้นดูเป็นเรื่องยาก เพราะมีอุปสรรคหลายอย่างที่ทำให้สายแฟชั่นต้องกุมขมับกันอยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศที่ร้อนระอุ หรือ การโดนทักเรื่องการแต่งตัวบ่อย ๆ จนบางคนอาจรู้สึกเสียเซลฟ์และไม่กล้าแต่งตัวไปเลยก็มี แต่อุปสรรคเหล่านั้นดูจะไม่เป็นปัญหาของ ฟาน-พิชญะ ภู่ไพบูลย์ สไตล์ลิสต์ระดับแนวหน้าของเมืองไทยผู้เคยร่วมงานกับคนดังมามากมาย ซึ่ง UNLOCKMEN ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาถึงเรื่องการเป็นสไตล์ลิสต์และแฟชั่น และในช่วงท้ายเขาได้แนะนำวิธีการแต่งตัวแนวสตรีทเจ๋ง ๆ ให้กับเราด้วย บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!! แนะนำตัวเองหน่อยครับ “ผมชื่อ ฟาน-พิชญะ นะครับ ใช้ชื่อในวงการว่า Weird Visuel ตอนนี้ผมทำสไตล์ลิสต์ให้กับ พีช-พชร และพี่แจ๊ส ชวนชื่น แต่ก่อนทำสไตล์ลิสต์ Music Video ด้วย” เริ่มเป็นสไตล์ลิสต์ได้อย่างไร “เริ่มจากพ่อก่อนครับ พ่ออยู่ในแก๊งพันธุ์หมาบ้า เป็นแก๊งฮิปปี้แก๊งแรกของไทย สิ่งแรกที่เราเห็นคือ เห็นพ่อใส่เทอร์ควอยซ์ ไว้ผมยาว เวลาไปดูคอนเสิร์ตคือแปลกมาก เพราะเห็นพ่อแต่งตัวนานกว่าแม่ ต้องมีเข็มขัด ต้องไดร์ผม ใส่ต่างหู ไม่ว่าร้อนขนาดไหนก็ต้องใส่แจ็กเก็ต ต้องมีอะไรเต็มไปหมด เราก็ซึมซับมาเรื่อย ๆ
กางเกงที่คุณผู้ชายใส่กันอยู่ทั่วไปมันเหมือนกันจริงหรือ ว่าด้วยเรื่องของกางเกง คุณผู้ชายหลายคนอาจจะคิดว่ากางเกงมันก็เหมือนๆกันไปหมดแหละ ดีไซน์เดิมๆ สีเดิมๆ ฟังก์ชั่นการใช้งานเดิมๆ ทำให้ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะใส่กางเกงซ้ำๆ หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังคิดว่าใส่กางเกงสแล็คตัวไหนๆ ก็คงเหมือนๆ กัน เราอยากให้คุณได้เจอกับ GQ PerfectPants™ แล้วความคิดนี้จะเปลี่ยนไป! เพราะนี่ไม่ใช่กางเกงสแล็คธรรมดา แต่มาพร้อมกับ 10 ความต่างที่จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นกว่าที่เคย GQ PerfectPants™ กางเกงสุดล้ำที่มีดีมากกว่าแค่ดีไซน์ รวมทั้ง 10 ฟีเจอร์ในกางเกงตัวเดียวที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น อย่างแรกเลยที่ GQ PerfectPants™ แตกต่างคือ ฟีเจอร์สะท้อนน้ำ (GQ Guard™) คุณสามารถใส่กางเกง GQ ไปลุยกรุงเทพฯ เมืองแห่งท่อน้ำทิ้งได้แบบไม่ต้องกลัวคราบเปื้อนหรือจะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็ไม่ต้องกลัวน้ำเลอะกระเด็นใส่กางเกง เจอน้ำแข็งหยดใส่ หรือเดินไปเหยียบน้ำขังที่ไหน ก็ล้างรอยเลอะออกได้หมดจดด้วยน้ำเปล่า หมดห่วงเรื่องรอยเปรอะเปื้อน มั่นใจได้ตลอดวันจริงๆ ให้ความคล่องตัว ด้วยฟีเจอร์ GQ STRETCH™ บอกลาขากางเกงแน่นเปรี๊ยะไปได้เลย จะบุกน้ำคลอง ขึ้นรถ ข้ามเรือ นั่งพี่วิน หรือวิ่งตามรถเมล์ ก็สบายใจหายห่วง เพราะ GQ PerfectPants™
สาวกเรือนเวลาทั้งหลายคงรู้กันดีว่าชื่อชั้นด้านการบอกเวลาที่แม่นยำ รวมถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ประณีตงดงาม ที่ทำให้ Seiko (ไซโก) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาตัวแทนความภูมิใจของชาวเอเชียนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่าย ๆ ในระยะเวลาอันสั้น แต่มันเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 140 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ Seiko ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 โดย Kintaro Hattori (คินทาโร ฮัตโตริ) ชายหนุ่มวัย 21 ปี ที่นำเอาความตั้งใจ ความรักและความหลงใหลในกลไกบอกเวลามาใช้เป็นแรงผลักดันในการรังสรรค์นาฬิกาคุณภาพสูงจนก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนาฬิกาชั้นนำ ซึ่งความสำเร็จเหล่านั้นคือสิ่งที่ต่อยอดมาจากวิสัยทัศน์เพียงหนึ่งเดียวที่ชายผู้นี้ยึดมั่น นั่นคือ “One step ahead of the rest” หรือ “การที่ต้องนำหน้าคู่แข่งอยู่ 1 ก้าวเสมอ” โดยคำกล่าวของ Kintaro Hattori นั้นได้ฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของแบรนด์ และยังคงสะท้อนกึกก้อง เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของ Seiko มาจนถึงปัจจุบัน และในวาระการเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปีของ Seiko จึงถือเป็นโอกาสดีที่วิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งอย่าง Kintaro จะถูกนำกลับมาถ่ายทอดโดยสะท้อนผ่านผลงานนาฬิกา 4 รุ่นพิเศษที่ผลิตในแบบจำนวนจำกัด
หากเราพูดถึงรองเท้าอันยอดเยี่ยมที่หนุ่ม ๆ อยากจะมีไว้ครอบครองหลายคนคงจะมีชื่ออยู่ในใจอย่าง Nike , adidas หรือแม้กระทั่งรองเท้าระดับกูตูร์อย่าง Balenciaga , Gucci , Givenchy และอีกมากมาย ทว่าหากเราเปลี่ยนคำถามเป็นว่ารองเท้าอะไรที่สวมใส่สบายแบบสุด ๆ จนคุณไม่อยากจะถอดมันออกจากเท้าเลย คุณคิดว่ารองเท้าคู่นั้นคือยี่ห้ออะไร ? ใช่เลยเรากำลังพูดถึง Crocs รองเท้าที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิม ๆ และก้าวมาเป็นรองเท้าแห่งศตวรรษอย่างแท้จริง ด้วยสีสันหน้าประหลาดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้าทรงโบราณ (Clogs) แต่ถูกพัฒนาให้เน้นเรื่องของฟังก์ชั่นสำหรับผู้สวมใส่สบายเป็นหลัก แต่ทำไปทำมาด้วยความแปลกอันมีเอกลักษณ์นี้หละที่ทำให้ Crocs กลายมาเป็น Must Items ที่เซเลปทุกคนมีติดบ้านขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษออกมาสำหรับนักสะสมไม่ต่างจาก Sneakers แบรนด์ดังเลยทีเดียว จุดยืนของ Crocs ในปัจจุบันแทบไม่รู้ว่าจะจัดให้พวกเขาอยู่ในประเภทใด เพราะผู้ใช้สามารถใส่เป็นรองเท้าลำลองสายสุขภาพ ออกไปเดินห้าง หรือแม้กระทั่งใส่ไปงานกาล่าดินเนอร์สำคัญ ๆ คู่กับ Blazer หรือ Suit ก็มีให้เห็นแล้วเช่นกันไม่ใช่เรื่องแปลกตาอะไร ซึ่งก่อนอื่นเลยเราจะขอมาเล่าเรื่องราวที่มาของแบรนด์ Crocs ก่อนสักเล็กน้อย เพื่อปูทางว่าทำไมพวกเขาถึงได้เข้ามามีบทบาทและเป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก Crocs, Inc ก่อตั้งโดย
ด้วยประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 145 ปี ทำให้ Audemars Piguet (โอเดอมาร์ ปิเกต์) แบรนด์นาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจสืบทอดกันในครอบครัวผู้ก่อตั้งมาจนปัจจุบัน (ตระกูลโอเดอมาร์และตระกูลปิเกต์) นับตั้งแต่ปี 1875 Audemars Piguet ยังคงผลิตเครื่องบอกเวลาที่เมือง Le Brassus (เลอ บราซูส์) โดยสืบสานฝีมือการทำงานของช่างผู้เชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งพัฒนาทักษะและเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อขยายขอบเขตความชำนาญที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถอันนำไปสู่การก้าวข้ามขีดจำกัดที่เคยมีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 1970 โอเดอมาร์ ปิเกต์เริ่มต้นการเพิ่มสีสันบนหน้าปัดนาฬิกาด้วยอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นโทนสีน้ำตาล สีเขียว และสีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเจเนอเรชันใหม่ที่ทั้งโดดเด่นและเปี่ยมชีวิตชีวาในช่วงปี 1990 และนับแต่นั้นเป็นต้นมาโอเดอมาร์ ปิเกต์จึงพัฒนาหน้าปัดสีสันต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด Audemars Piguet แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เผยโฉมเหล่าโมเดลใหม่ของนาฬิกาข้อมือจากคอลเลคชั่น Royal Oak ที่มาพร้อมหน้าปัดใหม่ในโทนสีเขียว โดยในครั้งนี้ยังได้นำเสนอ Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยแพลทินัม 950 ซึ่งมาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวสโมคกรีนในเทคนิค Sunburst และพิเศษยิ่งขึ้นกับรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นอย่าง