ช่วงเทศกาลปีใหม่คงมีผู้ชายหลายคนตั้ง New Year’s Resolution เอาไว้ ว่าอยากทำอะไรในปีหน้า จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร และใช้ชีวิตไปในทิศทางใดเพื่อให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จลุล่วง ผู้ชายบางคนอยากทำงานให้หนักขึ้น บางคนอยากมีเวลาว่างมากกว่าเดิม บ้างอยากหางานเสริมทำเพื่อให้เลิกนิสัยชักหน้าไม่ถึงหลังที่เป็นมาตลอดทั้งปี แต่ผ่านไปปีแล้วปีเล่า New Year’s Resolution ของใครหลายคนก็ยังไม่เคยสำเร็จสักที วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากแนะนำ 5 แอปพลิเคชันสุดเจ๋งที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตในปี 2020 ของคุณมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เพื่อให้เป้าหมายและความฝันที่หนุ่ม ๆ ตั้งไว้กลายเป็นความจริงขึ้นมา Microsoft To Do แอปพลิเคชันที่จะเข้ามาช่วยหนุ่ม ๆ วางแผนกิจวัตรที่ต้องทำในแต่ละวันให้เป็นระบบระเบียบยิ่งขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างรายการได้ทั้งในหมวด Work, Personal และหมวดอื่น ๆ พร้อมกำหนดวันที่ การแจ้งเตือน และแยกย่อยรายการใหญ่ให้เล็กลงเป็นหลาย ๆ รายการได้ นอกจากนี้ Microsoft To Do ยังมีฟีเจอร์ online groups ช่วยให้คุณแบ่งปันข้อมูลหรือตารางนัดหมายกับเพื่อนที่ทำงานหรือคนในครอบครัว และสลับไปมาระหว่างบัญชีที่ทำงานและบัญชีส่วนตัวได้อย่างสะดวกสบาย แถมคุณยังปรับแต่งเติมสีสันของรายการต่าง ๆ รวมทั้งสีพื้นหลังให้ดูไม่น่าเบื่อและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นได้อีกด้วย Microsoft
สำหรับผู้ที่ใช้แอปพลิเคชัน Spotify ฟังเพลง เดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ก็เป็นธรรมเนียมที่ทางแอปฯ จะปล่อยฟีเจอร์สนุก ๆ อย่าง Spotify Wrapped ออกมาให้พวกเราเล่น ซึ่งเจ้าสิ่งนี้ก็เปรียบเสมือน ‘รายงานประจำปี’ ที่แกะพฤติกรรมการฟังเพลงของเราบนแอปฯ ทุกกระเบียดนิ้ว เราฟังศิลปินคนไหนมากที่สุด ฟังเพลงไหนมากที่สุดในรอบปี ฟังเพลงจากศิลปินกี่ประเทศ มันจะทำการรายงานพร้อมขึ้น Rank จัดอันดับให้โดยละเอียด (ใครยังไม่ได้เล่นลองสังเกตบนหน้าแอปฯ ดูว่าป๊อปอัปขึ้นมาให้กดหรือยังนะครับ) ดูเผิน ๆ ก็เหมือนเป็นแค่การเล่นสนุกทั่ว ๆ ไป แต่อันที่จริงสิ่งนี้นับว่าเป็นการตลาดที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งของ Spotify เลยนะครับ เพราะเจ้าสิ่งนี้กลายเป็นไวรัลได้ในชั่วข้ามคืนโดยที่ Spotify ไม่ต้องเสียเงินซื้อสื่อโฆษณาสักแดงเดียว เหตุใดผู้คนจึงชื่นชอบมันถึงขนาดนี้ ? เว็บไซต์ Producthunt.Com เขาได้ลงบทความดี ๆ เขียนโดย Sarah McBride ที่วิเคราะห์สิ่งนี้เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ โดยเธอได้ให้เหตุผลใหญ่ ๆ เอาไว้ 4 ประการ ทั้งหมดที่เรากำลังจะกล่าวนี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวกับความซับซ้อนทางเทคโนโลยี แต่มาจาก ‘ความเข้าใจที่มีต่อผู้บริโภค’ ล้วน ๆ
โลกไร้พรมแดน แต่ภาษาก็ยังเป็นข้อจำกัดสำหรับคนไม่ถนัดเสมอ เราเคยเชื่อว่าโดเรมอนเป็นแค่จินตนาการ แต่ศรัทธาในเจ้าหุ่นยนต์แมวฟ้าก็มาปรากฏในยุคนี้ในที่สุด เพราะหลายอุปกรณ์วิเศษที่เราไม่เคยเชื่อว่ามันจะมีจริง ๆ ในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว อย่างชิ้นหนึ่งที่ตอนเด็ก ๆ คิดว่าถ้ามีไว้คงสนุกมากขึ้น แต่พอโตแล้วเริ่มเห็นประโยชน์และอยากให้มีสุด ๆ คงหนีไม่พ้น “วุ้นแปลภาษา” เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าภาษามันเป็นอุปสรรคกับการสื่อสาร การเดินทางและการหาเงินหาทองของเราวันนี้เหลือเกิน จากจินตนาการผ่านลายเส้นของ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ปี 2512 เกี่ยวกับของวิเศษจากโลกอนาคตที่นำมาช่วยเหลือเด็กชายโนบิตะ กลายเป็นความฝันสากลที่มนุษยชาติไล่ตามกันมาเรื่อย ๆ ของวิเศษหลายชิ้นที่ถูกเล่ามาเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้วหลายชิ้นวันนี้กลายเป็นความจริง ไม่เว้นแม้แต่ “เครื่องแปลภาษา” ด้วยเช่นกัน จากเหตุการณ์ราว 2 ปีที่แล้วเราเคยฮือฮาเพราะ iLi (อีลี่) หรือแท่งแปลภาษาที่ผลิตจากบริษัท LOGBAR ประเทศญี่ปุ่น ทำงานเป็นล่ามโดยตรง ใช้งานผ่านการนำไปจ่อปากพูดแล้วเลือกแปลภาษาให้อีกฝ่ายฟัง หรือรับเสียงจากฝ่ายตรงข้ามแล้วนำกลับมาฟังเพื่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับสถานที่ที่ต้องเอาตัวรอด หรือคับขันสุด ๆ แต่ไม่มีอีกฝ่ายให้พูดคุยด้วยล่ะจะทำอย่างไร? ถ้ามีตัวอักษรแปลกอยู่เต็มไปหมด เราขอแนะนำแอปพลิเคชัน Google Translate ที่สามารถติดตั้งลงเครื่องเลย และปัจจุบันเขาพัฒนาให้มันสามารถรองรับการใช้งานภาษาไทยแล้วด้วย! ซึ่งจากการอัปเดตครั้งล่าสุด Google ได้ใช้เทคโนโลยี Neural
NIKE เคยกล่าวไว้ว่า 3 ใน 5 คนที่ใส่รองเท้าผ้าใบ เลือกขนาดรองเท้าไม่เหมาะสมกับขนาดเท้า และที่สำคัญคือรองเท้าแต่ละรุ่น อาจจะเหมาะสมกับไซส์รองเท้าที่ต่างกันออกไป แม้จะเป็นเท้าคู่เดิมของเราก็ตาม ดังนั้นเรื่องการเลือกขนาดรองเท้าจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ NIKE ไม่แพ้ประสบการณ์การสวมใส่ เพราะต่อให้ออกแบบรองเท้ามาดีแค่ไหน แต่ถ้าคนซื้อผิดไซส์ไป ก็ใส่ไม่ Happy อยู่ดี แล้ววิธีแก้คืออะไร? ในยุคที่ทุกคนกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้อของออนไลน์ แม้แต่เรื่องของเสื้อผ้าแฟชั่นรองเท้าที่ขนาดเป็นหัวใจสำคัญที่เคยเชื่อว่า “ถ้าไม่ได้ลอง ก็ไม่ซื้อ” ก็เริ่มลดความคาดหวัง กดสั่งซื้อทางออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งแม้จะมี return policy ในการรับคืนรองเท้าก็ตาม แต่ก็ต้องยุ่งยากเรื่องจ่ายเงิน คืนเงิน ค่าส่ง บริหาร Inventory และสำหรับร้าน Retailer จะยิ่งเซ็งเพราะค่าใช้จ่ายพวกนี้มีผลทำให้ราคาขายสูงขึ้นเช่นกัน NIKE จึงหันไปโฟกัสในเทคโนโลยีที่อยู่ใกล้มือทุกคน นั่นคือการพัฒนาสร้างสรรค์ Application ที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เรียกว่า “Nike Fit” ซึ่งสามารถคำนวณขนาดเท้าได้อย่างแม่นยำในระดับคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 มิลลิเมตร ซึ่งแม่นยิ่งกว่าบรรดา Application วัดระยะที่เคยมีมาก่อนหน้าซะอีก ด้วยความที่ขนาดเท้าเป็นเรื่อง sensitive จึงต้องใช้การทำงานร่วมกันของ AR
เจอมานักต่อนักเวลาอยากนั่งทิ้งตัวสบาย ๆ แต่ดันโดนเรียกให้ไปทำโน่นทำนี่ พอไม่ทำเท่านั้นแหละ จะแม่ จะแฟน จะเพื่อนก็พูดใส่ว่า นั่งจนรากงอกแล้ว ลุกไปทำอะไรอย่างอื่นเดี๋ยวนี้! แล้วการนั่งจนรากงอกมันไม่ดีตรงไหน? เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาปวดขมองของนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ทันที เมื่อคนทำเขาต้องผลิตออกมาเน้นความสบายให้คนนั่งได้แช่ แต่ค่านิยมสังคมดันมองว่าเป็นคนขี้เกียจซะงั้น แบรนด์ BURROW ที่เกิดขึ้นมาสร้างเฟอร์นิเจอร์เพื่อการนั่ง ๆ นอน ๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเบาะ โซฟา หมอน หรือเก้าอี้ เลยใช้วิธีฮุคกลับคนพูดประโยคเหล่านี้ ด้วยการสร้างแอปพลิเคชันกวนตีนสนุก ๆ มากลบ pain point กระตุ้นยอดขายมันเสียเลย “Couch Potato” คือแอปพลิเคชันต่อยอดการตลาดของ BURROW ที่ตั้งชื่อมาจากสำนวนเรียกการนั่งนาน ๆ หรือที่เรียกคุ้นปากคนไทยเราว่า “นั่งจนรากงอก” ที่เขาสร้างมาเพื่อชวนให้เราผ่อนคลาย ทำออกมาคล้ายกับเกมเป็นมิชชั่น ให้เราเอาชนะด้วยการนั่งให้นานที่สุด พอเราเริ่มกด Start ปุ๊ป ตัวแอปฯ จะเริ่มจับเวลาจากการนั่ง หากเรานั่งนานไม่ลุกไปไหนเลยจนถึงจุดหนึ่ง เจ้ามันฝรั่งของเราที่นั่งอยู่บนโซฟาในแอปฯ (เหมือนกับที่เรานั่งตอนนี้) มันก็จะเริ่มมีต้นอ่อนออกงอกขึ้นมา แบ่งเป็นเลเวล ๆ ให้เราเห็นรายละเอียดจากแรกผลิ ไปจนถึงงอกลำต้น
ในช่วงวัยรุ่นเราเรียนรู้เรื่องเพศจากอะไรบ้าง ? จากการเรียนในห้อง จากหนังสือ จากการถามพ่อแม่ เพื่อนเล่าให้ฟัง หรือเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อหาคำตอบ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยประเด็นเรื่องเพศก็ยังคงเป็นหัวข้อที่พูดยากและสร้างความขัดเขินได้ทุกครั้ง เมื่อมีคนเล็งเห็นถึงปัญหาของหัวข้อสนทนาที่แสนประดักประเดิดนี้จึงทำให้เกิด Chatbot สำหรับเรื่องเพศขึ้น Chatbot ทางเลือกใหม่สำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพและเรื่องเพศที่พูดถึงนี้มีชื่อว่า “Roo” เกิดจากการร่วมมือกันของ Planned Parenthood Federation of America หรือ สหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกา และบริษัท Work & Co ที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัฑณ์ดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันที่มีความสงสัยเรื่องเพศสามารถส่งข้อความหา Roo เพื่อถามคำถามเรื่องเพศได้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะได้รับคำตอบที่แม่นยำกลับมาภายในเวลาไม่กี่วินาที เหตุผลที่ทางสหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกาตัดสินใจร่วมพัฒนา Chatbot นั้นเป็นเพราะผลจากการศึกษาและสำรวจข้อมูลในปี 2014 พบว่าผู้คนมักรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยเรื่องเซ็กซ์ของตัวเองผ่านทางสื่อออนไลน์ที่ไม่ระบุตัวตน มากกว่าการคุยเรื่องเซ็กซ์กับคนรู้จักหรือคนในครอบครัว Dr. Leana Wen ประธานบริหารของสหพันธ์ฯ แสดงความคิดเห็นเรื่องเพศที่ผู้คนไม่อยากเปิดเผยนี้ว่า แชทบอทอย่าง Roo จะทำให้ผู้คนมีพื้นที่ส่วนตัวพร้อมกับการให้ข้อมูลเรื่องเพศที่ถูกต้อง ดีกว่าให้แต่ละคนไปหาคำตอบในอินเทอร์เน็ตเอาเองเพราะข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้นไม่ได้ถูกต้องเสมอไป และอาจทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องเพศแบบผิด ๆ ได้ ผู้ใช้งานสามารถตั้งคำถามได้ทุกเรื่องที่สงสัยตั้งแต่หัวข้อง่าย ๆ อย่าง
เป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการโซเชียลอีกครั้งของ Facebook ที่ถูกจับได้ว่าแอบแบ่งปันข้อมูลแชทของผู้ใช้งานให้กับบริษัทที่เป็นพันธมิตรกันอย่าง Netflix และ Spotify เมื่อแชทส่วนตัวในโซเชียลชื่อดังอย่าง Facebook นั้นไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป การแฉครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นเมื่อสื่อเจ้าดังอย่าง The New York Times ได้เผยแพร่บทความ As Facebook Raised a Privacy Wall, It Carved an Opening for Tech Giants ที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ อดีตพนักงานของ Facebook รวมถึงเอกสารที่ Facebook ได้เซ็นกับพันธมิตร พบว่า Facebook ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทต่าง ๆ กว่า 150 แห่ง ตั้งแต่ปี 2010 ให้เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นการให้ Spotify, Netflix และ Royal Bank of Canada สามารถอ่าน เขียน รวมถึงลบข้อความส่วนตัวของผู้ใช้งานได้
การจะแต่งภาพหรือตัดต่อรูปแต่ละทีก็มักจะต้องใช้โปรแกรมดี ๆ และฝีมือในระดับหนึ่ง คงจะดีไม่น้อยถ้าหากมีเว็บไซต์ที่สามารถลบภาพพื้นหลังออกได้เพียงพริบตาเดียว UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Remove.bg เว็บไซต์ที่พร้อมตอบโจทย์ในการลบภาพพื้นหลังโดยใช้เวลาไม่เพียงแค่ 5 วินาที Remove.bg คือเว็บไซต์ที่สามารถเข้าไปใช้บริการตัดต่อรูปภาพได้ฟรี โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรให้ยุ่งยาก ทุกคนสามารถตัดต่อลบภาพพื้นหลังง่าย ๆ ด้วยระบบ Artificial Intelligence หรือที่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า AI ที่มาพร้อมด้วยระบบส่วนการเรียนรู้ Machine Learning ในการสร้างความฉลาดให้กับปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถแยกแยะระหว่าง Object กับ Background ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเราอัพโหลดรูปที่ต้องการจะตัดต่อมาใส่ในเว็บไซต์ ระบบก็จะวิเคราะห์ในทันทีว่าส่วนไหนคือภาพบุคคล และอันไหนคือพื้นหลังที่ต้องตัดออก ในส่วนของวิธีใช้นั้นไม่ยากและสะดวกรวดเร็วมาก เพียงแค่เข้าที่เว็บไซต์ จากนั้นคลิกที่ปุ่มสีเขียวที่เขียนว่า Select a photo และเลือกภาพที่ต้องการจะลบพื้นหลัง โดยสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นรูปแนวตั้งหรือว่าแนวนอน เมื่อเลือกภาพเสร็จเรียบร้อย เว็บไซต์ก็จะทำการตัดต่อรูปให้อัตโนมัติในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น (เร็วกว่าเรานั่งทำเองมากมาย) หลังจากนั้นภาพพื้นหลังที่เราไม่ต้องการก็จะหายไปในทันที เมื่อระบบของเว็บไซต์จัดการนำพื้นหลังออกให้แล้วก็จะเหลือแค่เพียงบุคคลในภาพและพื้นหลังสีขาวล้วน จากนั้นให้กดปุ่มสีเขียวเพื่อ Download รูปภาพที่ตัดต่อเสร็จแล้ว ก็จะได้รูปภาพที่มีแต่บุคคลและสามารถนำพื้นหลังที่ต้องการมาใส่แทนได้อย่างอิสระ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ Remove.bg
ถ้าพูดถึงเกมที่มีชื่อว่า Doom สำหรับผู้ชายอย่างเราคงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะมันเปรียบเสมือน Prototype ของเกมแนว First-Person Shooter (FPS) ของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ และในวาระครบ 25 ปี หนึ่งในผู้ร่วมพัฒนาเกมรุ่นต้นฉบับก็ได้ส่งมอบของขวัญเป็น Mod เสริมให้โหลดไปเล่นกันแบบฟรี ๆ รวมถึงเตรียมปล่อยตัวเกมแพ็คพิเศษออกมาเอาใจคอเกม Doom ตัวยงอีกด้วย Doom ถูกปล่อยออกมาเป็นครั้งแรกในปี 1993 โดยค่าย ID Software ด้วยมุมมองการเล่นแบบ FPS และภาพที่เป็น 3D Graphics ยุคแรกเริ่มซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ เมื่อบวกกับเนื้อเรื่องซึ่งต้องบุกตะลุยไปพร้อมกับการสาดกระสุนใส่เหล่าสัตว์ประหลาดและ Boss Fight ที่มันส์ถึงใจ ทำให้ในช่วง 1-2 ปีแรกมีคอเกมทั่วโลกต้องแบ่งเวลาให้มันประมาน 15-20 ล้านคนเลยทีเดียว นอกจากนี้รูปแบบการพัฒนาเกมยังถูกโปรแกรมเมอร์ทั่วโลกใช้เป็นต้นแบบในการสร้างเกมแนว FPS จนในยุคสมัยนั้นผู้คนต่างพากันเรียกเกมแนวนี้ว่า Doom Clones ด้วยกันทั้งสิ้น ต่อมาความสำเร็จของภาคแรก ก็ผลักดันให้มีซีรีส์และภาคเสริมถูกผลิตตามออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Doom II : Hell on Earth (1994),
“สมาร์ตโฟนก็เหมือนบ้านหลังหนึ่ง เราจะจัดแต่งมันอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับการจัดสรรพื้นที่ที่เหลือ” นี่เป็นประโยคเปรียบเทียบที่เราคิดขึ้นเองแต่เชื่อว่าผู้ชายหลายคนคงเห็นด้วยกับมันสุดหัวใจ เพราะทุกวันนี้เราอยู่กับมันเกือบตลอดเวลา และทำแทบทุกอย่างตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการสื่อสารทั้งเสียงไปถึงวิดีโอ ควบคุมทุกสรรพสิ่งและเข้าถึงเซอร์วิสต่าง ๆ ได้ด้วยก้อนสี่เหลี่ยมในมือเรานี่แหละ แต่ว่าถ้าด้วยตัวเครื่องอย่างเดียวเปล่า ๆ มันคงสร้างฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับเราไม่ได้ แอปพลิเคชั่นก็เลยเป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกใส่ไว้ในบ้านเพื่อใช้งานตามคาแรกเตอร์ส่วนตัว ภายในพื้นที่ที่เรามี นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราตามข่าวเรื่องแอปฯ มาอัปเดตเสมอ ล่าสุด Google ออกมาจัดทำลิสต์แอปฯ ที่ดีที่สุดใน Google Play ปี 2018 เราเลยไม่พลาดมาส่งต่อ เผื่อใครอยากเปลี่ยนแอปฯ จากอันเดิมมาเป็นแอปฯ ใหม่ที่ใช่กว่าเพื่อใช้งาน ลองมาเลือกดูไปพร้อมกัน จากทั้งหมด 19 แอปพลิเคชั่นนี้ หมวด MOST INTERESTING เริ่มที่หมวดแอปฯ น่าสนใจ ยกให้ทั้งหมดจาก 5 แอปฯ นี้ ที่ทำหน้าที่หลากหลายแต่ก็เน้นเรื่องความบันเทิงตามชื่อหมวด ครบเครื่องทั้งฟังทั้งเล่น Vimage แอปพลิเคชั่น สร้าง cinemagraph ที่คุณสามารถเพิ่มสร้างแอนิเมชั่นจากภาพนิ่งได้ No Draw แอปฯ ระบายสียอดฮิต ที่ใช้งานง่ายด้วยการระบายสีลงไปในลายพิกเซล เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนที่ต้องการความบันเทิง Neverthink แอปฯ
ความเจ๋งของ Apple Watch เราคงไม่ต้องพูดถึงซ้ำบ่อย ๆ เพราะทั้ง UX (User eXperience) และ UI (User Interface) มันสุดจะแสนดี ลื่น ใช้งานได้ง่ายและอยู่กับเราได้นาน แต่เพื่อดึงศักยภาพของมันออกมาให้เต็มที่ให้มากกว่าการคาดข้อมือแล้วนับสเตปก้าวเดิน ส่องอัตราหัวใจ กับดูนาฬิกา UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 แอปพลิเคชั่นต่อไปนี้ให้คุณติดตั้งไว้ในเครื่องเพื่อซิงค์ไว้เป็น Personal Trainer ส่วนตัว สำหรับดูแลสุขภาพของตัวเองโดยไม่ต้องจ้างให้เปลืองเงิน พร้อมแล้วสวมนาฬิกาได้ Gymaholic คนไหนที่เป็นสายเข้ายิมเป็นชีวิตจิตใจต้องมาลองตัวนี้ เพราะแค่ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าระดับการออกกำลังกายของคุณมันต้องนับและคำนวณอย่างฮาร์ดคอร์แค่ไหน ข้อดีของมันคือสามารถทำให้ได้ทั้งเรื่องการจัดระเบียบการออกกำลังกายของผ่านการจัดตารางเวลา รวมทั้งบอกรายละเอียดครบถ้วนว่าถ้าเราอยากให้มัดกล้ามแข็งแรงต้องออกกำลังกายด้วยท่าไหน มีภาพเสมือนสาธิตท่วงท่าให้พร้อม โดยทั้งหมดนี้เราไม่ต้องไปนั่งพะวงหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นดูแม้แต่น้อย เนื่องจากโชว์ได้หมดผ่านจอ Apple Watch ที่สำคัญมันยังสามารถ Track ข้อมูลเราได้อย่างละเอียดครบถ้วนระหว่างการออกกำลังกายด้วยว่าใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ เบิร์นแคลอรี่ไปได้แค่ไหนแล้ว แม้แอปฯ สำหรับ Apple Watch ตัวนี้มันจะไม่ฟรีแต่เราก็ขอแนะนำเพราะคุณภาพมันคับแก้วจริง ๆ DOWNLOAD Strava แอปฯ ตัวนี้อาจจะดูคลีเช่ไปนิด แต่ก็ยังรับประกันการใช้งานว่าใช้ได้ดีและมันส์หยดเสมอ
ยุคนี้การฟังเพลงค่อนข้างเทไปทาง Music Streaming ซะส่วนมาก การฟังในแพลตฟอร์มอื่น ๆ จึงย้ายจากการใช้งานไปเป็นของสะสมแทน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นไวนิล เทป แผ่นซีดี ด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกสบายและพยายามพัฒนาคุณภาพไม่ให้ด้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ จนการฟังเพลงของเรามันไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง ที่กด Play แล้วปล่อยผ่านไปไม่ให้เหงาหูเฉย ๆ แต่มันยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Lifestyle ที่สื่อถึงรสนิยมของเราไปด้วย UNLOCKMEN จะพาหนุ่ม ๆ มาสำรวจรสนิยมด้านการฟังเพลงของเราเองแบบละเอียด Base On เพลงที่เราฟังบน Spotify ด้วย Feature ดี ๆ จาก Spotify เราอาจจะคิดว่าเราชอบสไตล์ใดสไตล์หนึ่งมาตลอด มาดูกันว่าจริง ๆ แล้วเราฟังเพลงแบบไหนกันแน่ You Are What You Listen ก่อนอื่น เราต้องล็อกอินบัญชีของ Spotify ที่เว็บ https://spotify.me/en แล้วเว็บจะประมวลผลจากข้อมูลการฟังเพลงบนบัญชี Spotify ของเรา แล้วออกมาเป็นข้อมูลการฟังว่าเราฟังเพลงแนวไหน ฟังนักร้องคนไหนมากที่สุด แทร็กที่ฟังมากที่สุด เราเป็นนักฟังประเภทไหน ฟังเพลงเหมือนกับใคร และอีกสารพัดข้อมูลที่เราเองก็อาจจะไม่ได้สังเกตตัวเองมาก่อน เพราะบางครั้งเรามักจะคิดว่าเราชอบเพลงแนวนี้เสียเหลือเกิน