ความจริงกับความฝันบางทีมันก็ห่างไกลกันเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงานที่เราฝันมาตั้งแต่เด็กว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” แต่พอโตไป ๆ จริง ๆ ความฝันก็ยิ่งดูห่างไกลมากขึ้น ๆ เท่านั้น การทำงานเลยเป็นไปด้วยความหดหู่ห่อเหี่ยว ตื่นมาแต่ละเช้าเหมือนจะหมดพลัง UNLOCKMEN อยากจะกระซิบบอกว่า เฮ้ย มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกว่ะ ลองใช้วิธีพวกนี้ดูหน่อยไหม? แบ่งเวลาไปทำสิ่งที่ชอบ บางทีความรับผิดชอบก็ไม่ได้มาพร้อมความฝันและความสนุกเสมอไป การแบ่งเวลาไปทำในสิ่งที่เราชอบจึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เมื่อเครียดกับเวลางานจนปวดสมองไปหมด หลังจากหมดเวลางานก็ไม่ควรเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยว่า โธ่ ผมไม่ได้ทำงานที่ผมรักแล้วจมปลักกับมันอยู่อย่างนั้น ให้เอาเวลาไปเติมพลังชีวิตกับสิ่งที่รักที่ชอบดีกว่า เรารับรองว่าช่วยคุณได้ หาอะไรที่เกลียดให้เจอ งานที่ไม่ใช่งานในฝันเพราะมันมีอะไรที่เราไม่อินกับมัน ไม่ชอบกับมันอยู่ แต่ไอ้ “สิ่งที่ไม่ชอบ” มันคืออะไรล่ะ? มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเกลียดทุกภาคส่วนของงาน ดังนั้นจงหาจุดที่เราเกลียดที่สุดให้เจอ เพื่อที่เราจะได้จัดการมันได้ตรงจุด อาจจะดีลกับมันอย่างตรงไปตรงมา หรือเลี่ยงมันให้ไกลที่สุด หรือตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าทำไมเราไม่ชอบมัน ทำไมเราเกลียดมัน เรียกได้ว่าเผชิญหน้ากับจุดที่เราเกลียดที่สุดเพื่อที่จะเข้าใจว่าเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร? ตั้งเป้าหมาย ถ้าเราไม่ได้ทำงานที่ฝัน แปลว่าเรายังมี “งานที่ฝัน” อยู่ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความฝันเป็นแค่ความฝัน ตั้งเป้าหมายเป็นข้อ ๆ ไว้แล้วค่อย ๆ มุ่งไปทีละขั้น ๆ ยิ่งเราทำสำเร็จทีละข้อทีละขั้นก็แปลว่าเราใกล้ฝันเข้าไปเรื่อย ๆ โดยอาจไม่จำเป็นต้องรบกวนเวลาทำงาน
“โตไปไม่โกง” อาจเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ที่สังคมตามหา แต่พวกเราชาว UNLOCKMEN ล่ะ ? เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าโตไปอะไรใช่ อะไรไม่ใช่ อยากเป็นอะไร หรืองานที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้ใช่ความฝันของเราแล้วหรือยัง ? ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการเป็นตัวเอง เราอยากให้ทุกคนที่อาจกำลังสับสนได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบ YOLO ในสิ่งที่ตัวเองต้องการกับเขาสักครั้ง จากการเริ่มต้นถามตัวเองตาม 6 วิธีนี้ 1. ปลุกความขี้อิจฉาในตัว อ่านแล้วอย่างเพิ่งร้องว่าไร้สาระ บางครั้งผู้ชายอย่างเรามองว่าความขี้อิจฉามันเป็นเรื่องหยุมหยิม ดูไม่แมนและเป็น loser เลยพยายามมองข้าม แต่มันอาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลให้นั่งแน่นิ่งหาคำตอบของความชอบไม่เจอ เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ อย่างตอนนี้ ทดลองใช้สัญชาติญาณดิบด้านมืดมาค้นหาตัวตนกันบ้าง ตัวอย่างคำถามกระตุ้นความทรงจำ : “เฮ้ย! แม่งกูอยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง ทำไมโชคดีจังวะ ?” “ทำบุญด้วยอะไรวะ แฟนมันโคตรสวยเลย” ถ้าปลายทางคำตอบคือดารานักแสดงรวย ๆ เป็นทนาย เป็นทหาร เป็นนักการเมือง หรืออาชีพอะไรก็ตามที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเราไม่มีวันจะอยากเป็นแบบนั้น ขุดมันให้ลึกลงไปอีกหน่อยเพราะคำตอบบางทีมันก็ไม่ได้อยู่แค่ผิว ๆ แต่อาจต่อยอดไปเจอต้นตออย่างอื่น เช่น อิจฉาช่วงเวลาทำงานยืดหยุ่นของมัน อิจฉาที่ได้ใกล้ชิดสาว ๆ ตลอด อิจฉาที่มันได้ไปเที่ยวตลอด