บางทีการฝึกสมองก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธียาก ๆ หรือชวนเบือนหน้าหนีอย่างการฝึกทำโจทย์เลข การแก้ปัญหาเชาว์ แต่อาจง่าย ๆ แค่เปลี่ยนวิธีแปรงฟัน! ใช่ เราไม่ได้โกหกคุณ แค่เปลี่ยนวิธีแปรงฟัน เล่นเกม หรือเปลี่ยนชนิดอาหารก็ทำให้สมองเราแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงความทรงจำ ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในความเข้าใจสามารถฝึกฝนกันได้เช่นกันด้วยวิธีง่าย ๆ แต่สม่ำเสมอ ทำทุกวันรับรองฉลาดกว่าเดิมแน่นอน 1.ตั้งคำถาม วิธีง่ายดายสุดสามัญ แต่เป็นสิ่งที่ใครหลายคนอาจไม่กล้าทำ เพราะกลัวว่าจะดูเป็นคนไม่รู้เรื่อง ดูเป็นคนไม่ฉลาด แต่การตั้งคำถามนี่เองที่จะทำให้คุณเข้าใจอะไรรอบตัวคุณได้ความรู้มากขึ้นทุกวัน ๆ 2.ออกกำลังกาย งานวิจัยเรื่อง Effects of acute bouts of exercise on cognition แสดงให้เห็นว่าการวิ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับการเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ การจดจำของสมอง เพราะฉะนั้นออกกำลังกายได้ทั้งความแข็งแรงของร่างกาย ได้ทั้งความแข็งแรงของสมอง การเรียนรู้ และการจดจำ จะมัวหาข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกายอยู่ทำไม? 3.กินอาหารเพื่อสุขภาพ งานวิจัยเปิดเผยว่าการกินโปรตีนลีน ๆ อย่างปลา กินผักและผลไม้เยอะ ๆ หรือมื้ออาหารแบบที่เรียกว่า Mediterranean-type diet มีส่วนช่วยบำรุงสมองของเราให้แข็งแรง โดยอาทิตย์หนึ่งกินแบบนี้สัก 2 ครั้งก็ช่วยบำรุงสมองได้มากแล้ว
ใคร ๆ ก็อยากเก่ง จะเก่งมาก เก่งน้อย หรือเก่งในหนทางไหน แต่การได้เป็นอัจฉริยะในศาสตร์ที่เราชอบก็เป็นเรื่องที่เราทุกคนต่างใฝ่ฝัน แต่อะไรคือเทคนิคการเรียนรู้ของอัจฉริยะระดับโลกอย่างไอน์สไตน์? เราพอจะเลียนแบบเทคนิคการเรียนรู้จากเขาได้ไหม? แล้วมันจะยากเกินความสามารถของเราไปหรือเปล่า? ถ้าคุณกำลังสงสัยเหมือนกันกับเรา วันนี้ UNLOCKMEN มีคำตอบจากจดหมายที่ไอน์สไตน์เขียนถึงลูกชายตัวเองมากฝากกัน ความอัจฉริยะของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นที่รับรู้กันทั่วไป แม้แต่เด็กประถมยังต้อง อ๋อ เมื่อเอ่ยถึงเขา ซึ่ง UNLOCKMEN คงไม่ต้องเสียเวลาบรรยายอะไรให้มากความ นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาจนคุ้นหูว่าเขาไม่ได้เกิดมาแล้วถูกยอมรับว่าเป็นคนที่อัจฉริยะตั้งแต่เด็ก แต่เขากลับเคยถูกสบประมาทจากครูของตัวเองด้วยซ้ำว่าในชีวิตนี้ไม่น่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ นั่นแปลว่าเราทุกคนก็มีสิทธิเรียนรู้ ฝึกฝนในหนทางของตัวเอง จนช่ำชองหรือเก่งในสิ่งที่เราสนใจ ย้อนกลับไปในปี 1915 ในขณะนั้นไอน์สไตน์อาศัยอยู่ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน แต่ลูกชาย 2 คนของเขาอาศัยอยู่ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย ในยุคสมัยที่อีเมล เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ยังไม่เปิดเผยตัวตนออกมา หนทางเดียวที่ไอน์สไตน์จะสื่อสารกับลูกชายของเขาได้ก็คงหนีไม่พ้นการเขียนจดหมาย โดยเขาเขียนจดหมายถึง ฮานส์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ลูกชายวัย 11 ขวบของตัวเอง จากนั้นจดหมายฉบับนั้นก็เดินทางผ่านกาลเวลา จนกระทั่งถูกรวบรวมไว้ในหนังสือเรื่อง Posterity: Letters of Great