ถ้าพูดถึง CEO ระดับแนวหน้าของโลกตอนนี้ คงไม่มีทางที่ชื่อของ Elon Musk จะหลุดโผไปได้ เขาคือ CEO ของ Tesla และ SpaceX รวมถึงเป็น chairman ของ SolarCity ที่กำลังทำโปรเจกต์ล้ำ ๆ ให้กับโลกใบนี้มากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีที่ขึ้นชื่อว่างานล้นมือที่สุดคนหนึ่ง แต่อะไรที่ยังทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ได้ วันนี้เราแอบเอานิสัย 5 อย่างของเขามาฝากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ลองใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานให้มีประสิทธิภาพดู ใช้การสื่อสารผ่านข้อความ Elon Musk ถือเป็นอีกคนที่เป็นตัวพ่อเรื่องการสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องอาศัยการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้เขาอยู่กับตารางเวลาการทำงานของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงอยู่กับการรับโทรศัพท์แต่ให้คนที่อยากติดต่อสื่อสารผ่านข้อความแล้วตอบกลับเมื่อมีเวลา บางครั้งก็ต้องเป็นคนเข้าถึงยาก แม้ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้จัก Elon Musk ดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยากมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าถึงจากคนนอกบริษัทของเขา เขาบอกว่าการทำให้คนเข้าถึงยากเป็นการป้องกันการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีโอกาสในการโฟกัสกับงานตัวเองมากขึ้น multitasking เข้าไว้ Elon Musk เชื่อว่าการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวหรือที่เรียกว่า multitasking เป็นเรื่องที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าเราคงเคยได้ยินใครหลายคนแนะนำวิธีการที่จะทำให้ชีวิตก้าวหน้า ด้วยการพัฒนาตัวเองในการทำงานโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งพอเอามาใช้ก็พบว่า เอ๊ะ มันก็ดีขึ้นนะ แต่มันไม่สุดซักที มันมีอะไรผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า วันนี้เราเลยอยากเอาหัวข้อการพัฒนาตัวเองในการทำงานยอดฮิต 6 ข้อ มาตีแผ่ให้ฟังแบบลงลึกมากขึ้น ทุกคนจะได้เข้าใจ และนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองได้ถูกต้องและเห็นผลมากขึ้นนั่นเอง 1. การตั้งเป้าหมายใหญ่ คนสำเร็จในชีวิต คนที่สร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ได้ ร้อยทั้งร้อยเป็นคนคิดใหญ่ครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ก้าวหน้า คุณต้องตั้งเป้าหมายให้ใหญ่นั่นถูกต้องแล้ว คำถามคือแล้วจุดตายของการตั้งเป้าหมายใหญ่มันอยู่ตรงไหน? คำตอบคือเป้าหมายใหญ่เกินไปคุณเลยไม่เห็นทางข้างหน้า และรู้สึกท้อทุกที ดังนั้นถ้าให้ดี คุณควรเลือกตั้งเป้าหมายที่ขยายขีดความสามารถของตัวเองในระดับที่ “challengeable, not fantasy” หมายความว่าพอเป็นไปได้เมื่อเทียบกับระดับความสามารถในปัจจุบัน และไม่เพ้อเจ้อเพ้อฝันจนเกินไป ยังครับ ยังไม่หมด จุดตายอีกจุดอยู่ตรงที่ “คุณไม่รู้จักซอยย่อยเป้าหมายออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ” การซอยให้เล็กจะทำให้คุณเห็นว่ามันมีงานง่ายเยอะแยะมากมาย มันไม่ได้ใหญ่อย่างที่คุณคิด! และนี่แค่ข้อแรกเท่านั้นครับ 2. การวางแผนล่วงหน้า อยากบริหารงาน บริหารชีวิตได้ คุณต้องรู้จักการวางแผน การวางแผนจะช่วยลดงานไม่เร่งด่วนของคุณได้อีกมากซึ่งเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ แล้วความเข้าใจผิด ๆ ในการวางแผนอยู่ตรงไหน คำตอบคือ การวางแผนน้อยเกินไปในเรื่องที่ควรวางแผนให้มาก และวางแผนมากเกินไปในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยความลึกในการวางแผนขนาดนั้น
คงไม่มีใครอยากจะตีบตันไอเดีย ตีบตันความคิด ไร้แรงบันดาลใจ ทนนั่งทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ หรือในออฟฟิศที่แสนจะวุ่นวายหรอกใช่ไหมครับ บางครั้งการเอาตัวเองออกไปเจออะไรใหม่ ๆ อย่างการเปลี่ยนสถานที่นั่งทำงาน ก็ช่วยปลดล็อกความคิดให้พุ่งฉลุยได้ไม่เลวเหมือนกัน UNLOCKMEN จึงอยากให้ทุกคนมีไอเดียเปิดกว้าง แบบที่ต่างประเทศเขาเริ่มทำกันแล้วคือ Work from Everywhere ที่ได้รับการยอมรับจากพนักงานส่วนใหญ่ว่ามีความสุขและงานออกมาดีมากขึ้นกว่าเก่า เราจึงรวบรวม 5 Co-Working Space ในกรุงเทพ ไว้ให้ทุกท่านได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศและดันไอเดียการทำงานให้พุ่งทะยาน Maven Mesh ใครที่หลงรักบรรยากาศสบาย ๆ ดันไอเดียความคิดอยู่กับธรรมชาติ ไม่ยึดติดกับความล้ำสมัยหรือไฮเทคและความวุ่นวาย ที่ Maven Mesh เป็น Co-Working ที่ที่น่าจะตอบโจทย์ใจได้ไม่ยาก Maven Mesh ตั้งอยู่ใจกลางลาดพร้าว เข้าไปจะรู้สึกแทบหลุดออกไปอีกโลก จัดตกแต่งสไตล์บ้านพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ชั้นล่างเป็นพื้นที่ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และ อาหารจานเดียว ส่วนพื้นที่ Work Space จะอยู่ชั้น 2 เงียบสงบ และ มีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมี Open Space
“ไม่ได้อยากให้ทุกคนแค่ซื้อสินค้ามาใช้ แต่อยากให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจที่มีมูจิอยู่ในไลฟ์สไตล์” คือประโยคจากปากของนาโอโตะ ฟุคาซาวะ หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินชื่อของเขาเป็นครั้งแรก แต่ในระดับโลกชื่อของนาโอโตะ ฟุคาซาวะ ได้รับการยอมรับในฐานะดีไซน์เนอร์ที่เคยร่วมงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกทั้งในอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สเปน รวมทั้งในเอเชีย นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังครองตำแหน่งคณะกรรมการที่ปรึกษางานดีไซน์ของมูจิ แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นที่ดึงดูดและครอบครองใจคนไปทั่วโลก ในโอกาสฉลอง “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” มูจิ จึงจัดนิทรรศการ “What is MUJI?” นิทรรศการที่จะทำให้เรารู้จักแก่นแท้งานดีไซน์ของสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครองใจคนจำนวนมาก รวมถึงเปิดโอกาสให้ UNLOCKMEN ได้ร่วมพูดคุยกับ นาโอโตะ ฟุคาซาวะ ดีไซเนอร์คนสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้ มูจิ โด่งดังไปทั่วโลกด้วย ดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นเรื่องสำคัญของมูจิ “การออกแบบสินค้ามูจิแต่ละชิ้นจะมองที่ฟังก์ชั่นเป็นหลัก เพราะดีไซน์พยายามที่จะทำให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้” นี่คือคำตอบจากนาโอโตะ ฟุคาซาวะเมื่อถูกถามถึงงานออกแบบของมูจิที่แม้เราจะเห็นว่าออกมาเรียบง่าย แต่ก็ดึงดูดใจ ใครจับจองเป็นเจ้าของไปแล้วมักไม่เคยหยุดที่ชิ้นเดียว แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าสินค้าทุกชนิดของมูจิ ให้ความสำคัญกับการใช้งานมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ละเลยเรื่องการดีไซน์และพยายามย้ำกับเราว่า “แต่ก็พยายามให้ดีไซน์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นด้วย” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สินค้าของมูจิแต่ละชิ้นทั้งใช้งานได้ และมีดีไซน์น่าใช้จนใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ Wahat is MUJI: อบอุ่นใจ เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ มูจิไม่ใช่แค่สินค้า
เปิดตัว “LINK Collaboration Space” ศูนย์กลางรวมด้านดิจิทัล สำหรับคนสร้างสรรค์ยุคใหม่ที่ครบวงจรที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมจะเป็นมากกว่าพื้นที่ทำงานที่สามารถจุดประกายความคิดสร้างสรรค์เพื่อผลักดันคนทำงานด้านดิจิทัลผลิตผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการจัดสรรทรัพยากรและบริการที่ตอบสนองความต้องการอย่างครบครัน ตลอดจนเปิดหลักสูตรพัฒนาองค์ความรู้ซึ่งได้ถูกรวบรวมไว้ที่นี่เพื่อตอบโจทย์อย่างแท้จริง คุณรุ่งโรจน์ ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีฟเลิร์น ลิงค์ จำกัด กล่าวว่าได้ริเริ่มแนวคิดจัดตั้งบริษัท ลีฟเลิร์น ลิงค์ จำกัด ขึ้น เพื่อให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดียแห่งใหม่ใจกลางเมือง พร้อมทั้งเป็นศูนย์รวมด้านดิจิทัลสำหรับผู้ที่ต้องการแชร์พื้นที่ทำงาน สร้างสรรค์ไอเดีย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ร่วมกัน ภายใต้ชื่อ “LINK Collaboration Space”(ลิงค์ คอลลาบอเรชั่น สเปซ) ในทำเลศักยภาพย่านจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ภายใต้โครงสร้างกึ่งโกดังแนวอินดัสเทรียล โมเดิร์น ลอฟท์ ซึ่งออกแบบให้ทุก ๆ ตารางนิ้ว สามารถสร้างแรงบันดาลใจและทำงานร่วมกันได้อย่างไม่รู้จบ ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนยุคใหม่โดยขมวดไอเดียสร้างเป็นศูนย์กลางรวมคอนเนคชันคนสายงานดิจิทัล ตั้งแต่ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งไปจนถึงดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ที่สำคัญมากกว่าพื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน อีกทั้งยังสามารถพัฒนาศักยภาพตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน “จากการที่ตลาดโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ผ่านมา
เคยรู้กันบ้างไหมครับว่าทุกวันนี้ในเวลา 24 ชั่วโมงคนส่วนใหญ่เสียเวลากับการท่องโลกอินเตอร์เน็ต อยู่ในสังคม Social แทบจะครึ่งต่อครึ่ง ไม่ว่าจะตอนก่อนนอนหรือแม้กระทั่งตอนตื่นลืมตาต้องควานหามือถือมาเช็คข่าวสารหรือ Facebook, Line ก่อนทำอะไรอย่างอื่น ๆ เพราะงั้น UNLOCKMEN คิดว่าการที่จะบอกให้ทุกคนเลิกเล่นซะมันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เราจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้งานโลกอินเตอร์เน็ตให้เกินประโยชน์กับตัวเราสูงสุด ด้วย 8 เว็บไซต์ฟรีที่จะช่วยยกคุณภาพชีวิตเดิม ๆ ของเรา ให้ดีขึ้นกว่าเก่าได้ ถ้าเราตั้งใจและลงมือทำมันจริง ๆ Rype เรื่องของภาษาเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจมาก เพราะว่าเราเรียนภาษากันตั้งแต่ที่จำความได้ แต่ดันไม่เก่งกาจแบบที่คิด Rype เป็นเว็บไซต์ที่จะช่วยให้เราพูดภาษาที่ 2 ได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดยถูกสร้างขึ้มาเพื่อให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้ภาษาที่ 2 เทียบเท่ากับโรงเรียนสอนภาษาดี ๆ เลย มีบทเรียน 1-10 ให้ได้เรียนรู้และถูกสอนโดยครูมืออาชีพที่ผ่านการตรวจสอบแล้วอย่างละเอียด สามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมงทุกวัน (ฟรีให้ใช้งานทดลอง 14 วันแบบเต็ม ๆ) เรื่องของภาษาอยู่ที่การใช้ ไม่ใช่แค่เรียนแกรมม่าแล้วจะเป็นได้เลย เพราะงั้นลองเข้าไปหาความรู้สักครั้งสองครั้ง ทดลองดูก็ไม่เสียหาย บอกไว้เลยว่ายิ่งรู้ภาษามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นต่อให้กับชีวิตหลาย ๆ ด้าน X.ai
“ผมว่างานคราฟต์คนชอบเยอะ แต่หาคนที่อยู่กับมันได้จริง ๆ ยาก” นี่คือประโยคจากปาก เต้-ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ที่วิ่งวนซ้ำ ๆ อยู่ในหัวเรา เขาคือเจ้าของ Patani Studio สตูดิโออัดและล้างภาพถ่ายฟิล์มที่ยังทำงานแบบแอนะล็อกทุกขั้นตอน ด้วยเหตุผลว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และทำมันในฐานะงานคราฟต์ที่ทดลองได้ไม่รู้จบ แต่ในวันที่ดิจิทัลกำลังพาเราหมุนวนไปในกระแสซึ่งรุดหน้าไปเรื่อย ๆ การถ่ายภาพแบบแอนะล็อก และการล้างอัดภาพในฐานะงานศิลปะชิ้นหนึ่งจะยังท้าทายกระแสอยู่ได้อย่างไร คำตอบอยู่ไม่ไกล ในสตูดิโอขนาดกะทัดรัดที่ UNLOCKMEN พาคุณมานั่งฟังคำตอบจาก เต้-ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ตรงนี้แล้ว UNLOCKMEN: ความรู้สึกของเรามันแตกต่างกันอย่างไรเวลาเราใช้กล้องดิจิทัลถ่ายกับกล้องแบบแอนะล็อกถ่าย สำหรับผมภาพที่เห็นตอนถ่าย กับ ภาพที่สำเร็จบนปรินท์จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าช่างภาพเวลาถ่ายภาพมันต้องคิดแล้วว่าตอนจบ จะจบยังไง นึกออกไหมฮะ อย่างเวลาถ่ายดิจิทัล เขาเห็นจอข้างหลังรีวิว โอเค เขาก็จะรู้ว่าไปทำต่อ เผื่ออันเดอร์ เผื่อโอเวอร์ แต่รู้ในหัวแล้วว่าระบบจะทำยังไงต่อ ฟิล์มก็เหมือนกัน ต่อให้ไม่เห็น เพราะมันดูไม่ได้เลย แต่เราก็จะรู้ว่า โอเค มันจบได้ประมาณไหน รู้ว่าความสามารถในการทำงานเป็นยังไง UNLOCKMEN: อะไรคือสิ่งที่กระบวนการดิจิทัลทดแทนฟิล์มไม่ได้แน่ ๆ ถ้าเป็นผมเอง ผมจะถ่ายฟิล์มขาวดำเยอะกว่า มันต้องจบที่การปรินท์รูปในห้องมืด ส่วนอย่างอื่นก็เป็นกระบวนการที่เข้ามาช่วย เช่น การสแกนเพื่อให้เห็นว่ารูปที่ถ่ายมาแล้วมันจะเป็นยังไง
ความฉลาดเป็นอีกหนึ่งสิ่งนามธรรมที่ชวนให้ผู้ชายอย่างเรายืนงงเกาหัวแกรก ๆ เพราะความฉลาดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และความฉลาดอย่างหนึ่งที่คนมักมองข้ามคือความฉลาดทางอารมณ์ หรือที่เรามักเรียกกันว่า EQ ความฉลาดทางอารมณ์สำคัญกว่าที่เราคิดเพราะมันช่วยให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเราเอง จำแนกได้ว่าเรากำลังรู้สึก กำลังคิดอะไร ทำให้เราเข้าใจผลที่จะตามมาจากอารมณ์ความรู้สึกนั้นของเรา และข้อมูลพวกนี้เองที่จะให้เราสามารถกำหนดความคิดและการกระทำของเรา รวมถึงช่วยในการตัดสินใจและไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น นึ่จึงเป็น 5 วิธีเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ให้แหลมคมจนคุณต้องแปลกใจตัวเอง รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เราไม่ใช่พระอรหันต์ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันเกิดขึ้น UNLOCKMEN ก็ไม่ได้คาดหวังให้คุณทำได้ขนาดนั้น แต่เคล็ดลับก็คือการฝึกฝน เริ่มง่าย ๆ จากการที่เราเกิดอารมณ์อะไรรุนแรง เช่น โกรธมาก หงุดหงิดมาก เสียใจมาก ให้เราค่อย ๆ สังเกตว่าอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น พอเรารู้สึกแบบนั้นแล้วเราแสดงอาการอะไรออกมา เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้นว่าอารมณ์ไหนเกิดจากสาเหตุอะไร และจะรับมือมันอย่างไร ถามความคิดเห็นจากคนอื่น คนอื่นมักมองเห็นเราในมุมที่เรามองไม่เห็นตัวเอง ดังนั้นก็ถามเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท คนในครอบครัวดูบ้างก็ได้ว่าเวลามีเรื่องที่ต้องให้ระเบิดอารมณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน เรามีปฏิกิริยาเป็นอย่างไรบ้าง หรือเวลาต้องรับมือกับคนอื่นที่แสดงอารมณ์ของเขาออกมามาก ๆ เรามีท่าทีเป็นอย่างไร โดยมุมมองที่ได้จากคนรอบตัวเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจวิธีการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวเราเองมากขึ้น หยุด! ใช่ ง่าย ๆ แค่หยุด หยุดตัวเองก่อนจะแสดงออกทางอารมณ์อะไรออกไป เวลาที่เรามีอารมณ์อะไรมาก ๆ เราก็มักจะพูดหรือแม้แต่คิดอะไรที่รุนแรงออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดตัวเองก่อนที่จะแสดงออกอะไรที่ไม่สมควรออกไป เช่น
ถ้าไม่นับคนที่สามารถใส่เสื้อยืดไปทำงานได้ เสื้อเชิ้ตนับว่าเป็นแฟชั่นชิ้นสำคัญที่เราต้องอยู่กับมันเกือบ 365 วันต่อปี บางทีก็เบื่อการใส่เสื้อเชิ้ตไปดื้อ ๆ เรียกว่าหมดมุขหมดไฟ หมดไอเดียที่จะ Mix and Match style ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ออฟฟิศสมัยนี้ก็ไม่ค่อยจะบังคับให้ใส่แต่งตัวเต็มเป๊ะทุกวันเหมือนในอดีต แต่ไม่ต้องแปลกใจ เราจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้เราจึงขอแนะนำหลากหลายไอเดียการจับคู่สไตล์ใส่เสื้อเชิ้ตให้ดูเท่ โดดเด่นกว่าใครในออฟฟิศ จนคนอื่นต้องแอบกระซิบถามว่า เฮ้ย ไปทำอะไรมาถึงได้ดูดี ดูมีสไตล์ขึ้นมา SHORT SLEEVE SHIRTS WITH CHINOS / TROUSERS / JEANS เริ่มด้วยเสื้อเชิ้ตที่เป็นมิตรกับอากาศบ้านเราก่อน อย่างที่เราบอกไปว่าปัจจุบันนี้ หลาย ๆ บริษัทไม่ค่อยจำกัดอิสรภาพด้านการแต่งตัวมากนัก การใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา และมันเป็นแฟชั่นชิ้นโปรดของเหล่าคน Agency และ Creative นิยมใส่กัน เพราะมีลูกเล่นมากมายให้เลือก Mix and Match แถมยังอยู่ในขอบข่ายที่พร้อมจะไปประชุมกับลูกค้าได้ทันที Short Sleeve Shirts หรือเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความผิดพลาด ความผิดหวังไม่ต่างอะไรจากหนทางหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะการประสบความสำเร็จที่ต้องอาศัยการลองทำอะไรใหม่ ๆ อาศัยการลงมือทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเจอความผิดพลาด หรือความผิดหวังที่โผล่หน้ามาทักทายเราบ้าง แต่เราจะจมอยู่กับความผิดพลาดนั้น แล้วนั่งหงอกลัวการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งไปตลอดกาล หรือเราจะลองเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อเผชิญหน้ากับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้วกระโจนลงไปเริ่มใหม่อย่างฮึกเหิมลองดูใหม่อีกสักตั้งดู! 1.ความผิดพลาดไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าไม่ใช้โอกาสในการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั่นแหละปัญหา ใคร ๆ ก็ทำพลาดกันได้ เราเลือกได้ว่าจะแค่จมจ่อมอยู่กับปัญหานั้นไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา หรือจะให้มานเป็นโอกาสอันดีที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นเพื่อไม่ให้ทำมันซ้ำอีก หรือต้องพลาดในจุดเดิม จงจำไว้ว่าในทุก ๆ ข้อผิดพลาดมันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้น 2.ระวังความคิดที่มีต่อตัวเราเอง บอกตัวเองว่าเราไม่ได้ไร้ค่าแค่เพราะความผิดครั้งเดียว ความคิดต่อตัวเองมีส่วนสำคัญต่อทัศนคติ และสิ่งที่เราจะทำในอนาคตเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจงยอมรับว่าเราผิดและเรียนรู้จากมัน แต่อย่าใช้ความรู้สึกในการทิ่มแทงตัวเอง ซ้ำเติมตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเราโง่ เราแย่ เราไม่ดี ให้คิดว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่ใช่ความผิดพลาดที่คงอยู่ตลอดไป 3.รู้จักลองทำสิ่งใหม่ ๆ แล้วผิดพลาด ดีกว่านั่งสมบูรณ์แบบเพราะการอยู่เฉย ๆ การอยู่เฉย ๆ อาจทำให้คุณสะอาดปราศจากมลทินแห่งความผิดพลาดไปตลอดชีวิต แต่การประสบความสำเร็จไม่ได้งอกเงยออกมาจากการนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ เราจึงต้องลงมือทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ซ้ำเดิม และแน่นอนว่าการลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำต้องเจอกับข้อผิดพลาด เจอกับความผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นคุณมาถูกทางแล้ว! 4.เราคือผลผลิตของผิดพลาดในอดีต แต่อย่าให้ข้อผิดพลาดมานิยามสิ่งที่เราเป็น แน่นอนว่าข้อผิดพลาด
“อยากรวย” คิดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธกับคำคำนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างใจฝัน ถ้าไม่เริ่มวางแผนอนาคตการเงิน และลงมือทำตั้งแต่วันนี้ Robert T.Kiyosaki เจ้าของหนังสือพ่อรวยสอนลูกได้กล่าวไว้ว่า If you do not know how to care for money, money will stay away from you. ถ้าคุณไม่รู้จักรักษาเงินของคุณ เงินจะไม่อยู่กับคุณ ฟังแบบนี้แล้วทีม UNLOCKMEN จึงไม่พลาดที่จะหาวิธีปลุกพลังในตัวคุณขึ้นมาใส่ใจการวางแผนการเงิน การลงทุนตั้งแต่วันนี้ ทีมงานมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์แชมป์สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ตลาดหุ้นไทย 2013 ที่โลดแล่นบนสังเวียนหุ้นมา 10 ปี ลงทุนตั้งต้นตั้งแต่หลักแสน จนถึงวันนี้ “หลักร้อยล้าน” คุณซัน กระทรวง จารุศิระ ปัจจุบันยังเป็นเจ้าของกิจการมากกว่า 10 บริษัท และหนึ่งในบริษัทที่หลายคนน่าจะพอคุ้นคือ SUPER TRADER REPUBLIC และเจ้าของโครงการ SUPER TRADER THAILAND รายการที่ค้นหาสุดยอด Trader แห่งประเทศไทย พูดได้ว่าคุณซันมีประสบการณ์โชกโชนมากมายในวงการตลาดหุ้นในประเทศไทยเลยทีเดียว
‘ความผิดพลาด’ เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าจะในธุรกิจหรือในชีวิตจริง แม้ว่าเราจะพยายามหลีกเลี่ยงมันโดยตลอด แต่การทำธุรกิจหรือการลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อความเติบโตย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดที่เราคาดไม่ถึง ‘ความผิดพลาด’ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเติบโตหรือคนตัวเล็ก ๆ อย่างเราเท่านั้น บริษัทน้ำดำยักษ์ใหญ่อย่างโค้กก็เคยผิดพลาดครั้งใหญ่โตมาแล้วเช่นกัน ย้อนกลับไปเมื่อปี 1985 เมื่อโค้กอยากชนกับเป๊ปซี่และหวังจะได้รับชัยชนะ พวกเขาจึงได้ริเริ่มไอเดียสุดเด็ดขึ้น ทีมวิจัยการตลาดของโค้กได้สำรวจและพบว่า โค้กรสชาติใหม่ของพวกเขาถ้าออกมาครั้งนี้ต้องได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนเป๊ปซี่ต้องแพ้กระจุยกระจาย พวกเขาจึงสรรค์สร้างโค้กรสชาติใหม่ที่หวานกว่าเดิมออกมา จนถึงวันที่สินค้าถูกปล่อยออกไป ทีมงานบริษัทโค้กต่างก็รอผลลัพธ์อันน่าทึ่ง แต่ปรากฏว่ามันพังไม่เป็นท่า! ไม่ใช่แค่เอาชนะเป๊ปซี่ไม่ได้ แต่ผู้บริโภคต่างไม่พอใจเพราะโค้กที่ออกมามันหวานเกินไปสำหรับพวกเขา มีคนเพียงร้อยละ 13 เท่านั้นที่ชอบโค้กแบบใหม่ แถมลูกค้ายังรวมตัวกันแบนไม่ยอมกินโค้กจนกว่าจะได้โค้กที่เหมือนเดิมกลับมา ภายใต้วิกฤตครั้งนั้น บริษัทโค้กปล่อยให้โค้กตัวใหม่โลดแล่นได้เพียง 77 วัน แล้วกลับไปใช้รสชาติตามเดิม ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลายเป็นบริษัทน้ำดำระดับโลกได้อย่างในปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดโค้ก ยังเคยผิดพลาดและผ่านมันมาได้ วิธีเปลี่ยนข้อผิดพลาดให้กลายเป็นความสำเร็จคืออะไร? 1.รู้ว่าอะไรคือความผิดพลาด เราไม่มีวันแก้ไขอะไรได้สำเร็จถ้าไม่รู้ว่าความผิดพลาดของเราคืออะไร หรือมาจากตรงไหน ทันทีที่เกิดข้อผิดพลาด อย่ามัวฟูมฟาย แต่หาให้เจอให้ตรงจุดให้ได้ว่าข้อผิดพลาดคืออะไรกันแน่ จะได้มุ่งตรงไปยังข้อผิดพลาดได้อย่างทันท่วงที เหมือนที่บริษัทโค้กเห็นว่าโค้กของตัวเองนั้นผิดพลาดที่ความหวาน 2.รู้ว่าเกิดความผิดพลาดได้อย่างไร ถ้ารู้ว่าความผิดพลาดคืออะไรแล้ว อย่างต่อไปที่ต้องรู้คือมันเกิดความผิดพลาดนั้นได้อย่างไร เพื่อหาหนทางแก้ไขจากสาเหตุที่มันเกิดขึ้นได้ถูกจุด และไว้เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดนี้ต่อไป 3.รับมือความผิดพลาดอย่างสงบ การฟูมฟาย หรือแม้แต่โกรธเกรี้ยวใส่กันในธุรกิจหรือวงเพื่อนฝูงกันเองเมื่อเกิดความผิดพลาดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เราควรยอมรับว่าปัญหาเกิดขึ้นแล้วและช่วยกันหาวิธีการแก้ปัญหาร่วมกัน