World
HAPPENING RIGHT NOW
  • World

    เมื่อมวลความเศร้าถูกจัดอันดับ และนี่คือ “5 ประเทศที่เศร้าที่สุดในโลก”

    By: unlockmen July 8, 2019

    ‘ประเทศแห่งความสุข’ และ ‘ประเทศแห่งความเศร้า’ ดูเป็นวลีนามธรรมที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างคล่องปาก แต่เราเชื่อว่าทั้งสองคำนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกขั้วตรงข้ามที่ต่างกันอย่างชัดเจน สำหรับประเทศที่ผาสุกคงห้อมล้อมไปด้วยความเจริญและคุณภาพชีวิตที่ดี แต่อีกด้านของโลกก็มีประเทศที่โศกเศร้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทุกข์จนยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนดังกล่าว มีรายงานจาก The Sustainable Development Solutions Network for the United Nations เผยว่า 5 ประเทศต่อไปนี้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่เศร้าที่สุดในโลก แล้วพวกคุณคิดว่าเหตุผลใดที่ทำให้คนยกให้ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศโศกเศร้าและทุกข์ตรมได้ขนาดนั้น? SOUTH SUDAN สาธารณรัฐซูดานใต้ได้รับสมญานามว่าเป็นประเทศที่เศร้าที่สุดในโลก แม้จะเพิ่งได้เอกราชไปเมื่อปี 2011 แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ประเทศนี้อยู่ในสายตาของประเทศชั้นนำอื่น ๆ นอกจากความไม่สงบ กองกำลังติดอาวุธ และผู้ลักลอบล่าสัตว์ในเขตหวงห้าม ที่นี่ยังมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายอีกนับไม่ถ้วน ทั้ง Al-Shabaab, Lord’s Resistance Army, Boko Haram หรือแม้แต่ Janjaweed CENTRAL AFRICAN REPUBLIC สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ประเทศรองอันดับหนึ่งที่มีประชากรคนเศร้าเยอะไม่แพ้ซูดานใต้ ที่นี่เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลทำให้การติดต่อค้าขายทางเรือไม่เคยถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ ทั้งยังเคยตกอยู่ใต้อาณัติของฝรั่งเศสและเพิ่งจะได้รับเอกราชไปเมื่อปี 1960 บวกกับความวุ่นวายของประธานาธิบดีที่สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ นำไปสู่การรัฐประหารและโค่นล้มระบอบการปกครอง ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แถมยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ AFGHANISTAN

    อ่านต่อ
  • World

    จุดเริ่มต้นของซองจดหมายประกันชีวิต ของนักบินอวกาศผู้ออกเดินทางไปดวงจันทร์

    By: Chaipohn July 4, 2019

    มนุษย์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ออกเดินทางผจญภัยไปในสถานที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครเคยไปมาก่อน และเมื่อ 50 ปีที่แล้วก็เช่นกัน มีมนุษย์ 3 คน ที่กำลังจะเดินทางไปสถานที่ๆ ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ ดวงจันทร์บริวารของโลกเรานั่นเอง สามคนที่ว่านั้นก็คือ Neil Armstrong, Buzz Aldrin และ Michael Collins นักบินอวกาศในภารกิจอพอลโล 11 ที่ได้ออกเดินทางพร้อมเป้าหมายในการลงจอดบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก การเตรียมพร้อมทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยดีแล้ว และลูกเรือทุกคนก็มีความมั่นใจว่าภารกิจนี้จะต้องประสบความสำเร็จ ทว่าถึงจะมั่นใจ แต่พวกเขาก็ประสงค์ที่จะทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนจะออกเดินทางอยู่เช่นกัน ซึ่งบรรดาบริษัทประกันก็ทราบดีถึงความเสี่ยงในอาชีพของบรรดานักบินอวกาศ ทำให้โอกาสในการเอาประกันของพวกเขานั้นมีอยู่น้อยมาก และยังมีราคาสูงกว่าเงินเดือนของพวกเขาเสียอีก (ตอนนั้น Neil Armstrong มีรายได้จากการเป็นนักบินอวกาศราว $17,000 แต่ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่มีความเสี่ยงสูงจะไม่ได้กลับมานั้น ถูกตั้งไว้สูงถึง $50,000 ต่อปี ซึ่งเทียบเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันก็มากกว่า $300,000 หรือมากกว่าปีละ 9 ล้านกว่าบาทไทยเลยทีเดียว) แน่นอนว่าช้อยส์นี้ไม่ได้ถูกเลือกโดยนักบินอวกาศทั้งสาม แล้วพวกเขาใช้วิธีไหนกันล่ะ ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่าจุดประสงค์ของการทำประกันในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการที่ครอบครัวของพวกเขาจะได้มีเงินก้อนเอาไว้ใช้ ในกรณีที่ภารกิจประสบความล้มเหลว และพวกเขาไม่สามารถกลับโลกมาได้ แต่ในเมื่อทำประกันชีวิตไม่ได้ พวกเค้าก็เกิดปิ๊งไอเดียหาเงินให้กับครอบครัวของพวกเค้าได้อีกทาง นั่นคือการสร้างมูลค่าให้ของใกล้ตัวอย่างการเซ็น Postcard ระหว่างที่นักบินทั้ง 3

    อ่านต่อ