ถึงเวลาซื้อรถทีไร ต้องมีหลายเสียงรอบตัวคอยทักท้วงว่าจะซื้อแพง ๆ ไปทำไม เพราะเมื่อเวลาผ่านไปรถ รถยนต์ที่เคยซื้อไว้จะยิ่งมีแต่ลดราคา ลดมูลค่าลงเรื่อย ๆ จนเกือบไม่เหลืออะไรนอกจากกุญแจและรายจ่าย แต่ถ้าถามกูรูนักสะสมรถตัวจริง คำตอบที่ได้จะแตกต่างอย่างแน่นอน เพราะการซื้อรถบางรุ่นที่คาดการณ์ว่าจะเป็นที่ต้องการในอนาคตนั้น นอกจากราคาจะไม่ลดลงแล้ว กลับยิ่งเพิ่มมูลค่ากลายเป็นกำไรได้ไม่ยาก ซึ่งทุกวันนี้นักสะสมเก็งกำไรจากรถหายากเริ่มมีจำนวนมากขึ้น และการลงทุนในรถหายากเองก็ได้รับการยอมรับว่าทำกำไรได้ดีไม่แพ้การลงทุนประเภทอื่น แม้จะต้องใช้เงินต้นที่สูงมากหน่อย และความรู้ด้านประวัติของรถยนต์แต่ละรุ่นอีกนิด ก่อนงาน Geneva Motor Show ที่ผ่านมา บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน JBR Capital ได้ทำการเปรียบเทียบมูลค่ารถยนต์หลายรุ่นที่เปิดตัวในงาน Geneva Motor Show จากหลากหลายปีที่ผ่านมา และราคาปัจจุบันแพงขึ้นมามูลค่าวันที่ซื้อไป โดยมีทั้งรุ่นที่สองสามปีก็เห็นผลแล้ว หรือบางคันอาจจะใช้เวลามากหน่อย แต่ก็บวกไปเกิน 100% อยู่หลายรุ่นเหมือนกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถที่ผลิตจำนวนน้อย ใช้เวลารอคิวนาน มีเงื่อนไขในการซื้อที่ยุ่งยาก หรือถูกจองหมดไปแล้วตั้งแต่เปิดตัว 10. PORSCHE 911 GT3 (991) Geneva debut: 2013 Price at launch: £110,000 Value now: £110,000
การจักจี้นำมาซึ่งเสียงหัวเราะ การหยอกล้อ และความเฮฮา คือสิ่งที่หลายคนเชื่อว่าเป็นหน้าที่เพียงอย่างเดียวของการจักจี้ แต่ใครเคยโดนการจักจี้แบบเกินขีดจำกัด คงพอจะนึกภาพออกว่าภายใต้เสียงหัวเราะที่เปล่งออกมา มันคือความเจ็บปวดทรมานปริ่มจะขาดใจ ซึ่งในอดีตมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทรมานด้วยการจักจี้อยู่ไม่น้อย ดังนั้นมันเป็นเรื่องซีเรียสที่หลายคนมองข้าม และนั่นทำให้มันเป็นประเด็นที่น่าสนใจ “ใครจะไปตายเพราะโดนจักจี้วะ?” ภาพหนุ่มสาวกำลังหยอกล้อจักจี้เอวกัน มันช่างเป็นภาพที่น่ารักและอยู่ห่างไกลจากคำว่า “ทรมาน” แต่ถ้าลองคิดให้ดี เราจะเห็นถึงมุมที่โคตรอันตรายจากการจักจี้ เพราะผู้ที่โดนกระทำจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสื่อสารหรือตอบโต้ได้ แค่จะส่งเสียงบอกว่า “พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว” ยังทำไม่ได้ ดังนั้นในกรณีที่ผู้ถูกกระทำโดนจองจำทั้งมือและเท้าเหมือนในการลงโทษสมัยก่อน ความเจ็บปวดทรมานจากการจักจี้จึงอยู่เหนือจินตนาการที่เราจะสามารถรู้สึกได้ ในอดีต การจักจี้ ถือเป็นหนึ่งในวิธีการทรมานที่เจ้าหน้าที่ใช้เพื่อสอบถามข้อมูลหรือคำสารภาพจากผู้ต้องหา เพราะทำได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือสถานที่อะไรเลย เมื่อจักจี้ในระดับที่รุนแรงเกินปกติ ร่างกายจะเริ้มสำลัก ขาดอากาศหายใจ เกิดความรู้สึกทรมาน เครียด มีผลกระทบกับสภาพจิตใจเป็นอย่างมาก และข้อดีคือแม้จะรุนแรงจนหัวใจวายตาย ก็ไม่มีร่องรอยหรือหลักฐานใด ๆ เหลือทิ้งไว้บนตัวเหยื่อเหมือนกับวิธีทรมานแบบอื่น ๆ Irene Thompson นักวิจัยผู้เขียนหนังสือ “A to Z of Punishment and Torture” พูดถึงการทรมารด้วยการจักจี้ที่มีหลักฐานอยู่บ้างคือ “Chinese tickling torture,” ถูกใช้ในการลงโทษนักโทษในช่วงราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty, 206-220
หากกล่าวถึงบุรุษผู้ยืนหยัดเพื่อสิทธิและเสรีภาพ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ที่ทำให้ผู้คนในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาตระหนักเรื่องสิทธิ เสรีภาพและความเท่าเทียม UNLOCKMEN อาสาพาทุกคนไปรู้จักบุรุษผู้นี้ให้มากขึ้นกว่าที่เคย เด็กชายลินคอล์น ครอบครัวของลินคอล์นเป็นชาวนา ในวัยเด็กเขาเข้าโบสถ์กับครอบครัวทุกวันอาทิตย์ทำให้เด็กชายลินคอล์นเห็นการแบ่งแยกไม่ให้ทาสผิวดำและคนจนเข้าโบสถ์ ความไม่เป็นธรรมที่เขาได้สัมผัสทำให้ลินคอล์นปฏิเสธการไปโบสถ์อย่างที่พ่อแม่ของเขาไป เพราะเขามองว่าการเลือกปฏิบัติคือความไม่เท่าเทียม ลินคอล์นปฏิเสธที่จะไปเรียนหนังสือและเลือกศึกษาหาความรู้จากหนังสือพร้อมหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดฟืนไปขาย ในระหว่างที่เขาพักเหนื่อยจากการทำงาน เขาจะแอบอ่านหนังสืออยู่เสมอ นิสัยรักการอ่านบวกกับการศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ทำให้ลินคอล์นสามารถสอบเทียบชั้นและนำการสอบเทียบชั้นของเขาไปยื่นสมัครเรียนระดับปริญญาได้ในที่สุด โดยเขาเลือกเรียนทางด้านกฎหมาย เส้นทางสู่การเมือง เส้นทางสู่การเมืองของอับราฮัม ลินคอล์น เริ่มจากการที่เขาสมัครเข้าสังกัดพรรควิก (Whig Party) โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาของรัฐอิลลินอยส์ด้วยวัยเพียง 23 ปี แต่ในครั้งนั้นเขาแพ้การเลือกตั้ง ทำให้ต้องผันตัวไปเปิดร้านขายของชำที่นิวซาเล็ม ไม่กี่ปีต่อจากนั้นลินคอล์นสมัครเป็นทนายและที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับสำนักกฎหมายแห่งหนึ่ง ทว่าเส้นทางการเมืองของเขาไม่ได้จบลงที่การพ่ายแพ้จากการลงสนามครั้งแรก เพราะลินคอล์นได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐอิลลินอยส์ระหว่าง ค.ศ. 1834 – 1842 ด้วยความรู้และประสบการณ์ทางด้านกฎหมายของเขา จนเป็นบันไดไปสู่บุคคลที่มีบทบาทสูงในสภาได้ในที่สุด นโยบายจากสิ่งที่ฝังใจในวัยเด็ก…สู่ฝันที่เป็นจริง นโยบายที่ลินคอล์นผลักดันคือการเลิกทาสซึ่งถือเป็นความฝันครั้งยังเด็กของเขาที่ต้องการให้ระบบทาสสูญสิ้นไปจากสหรัฐฯ และฝันจะเห็นความเสมอภาคเท่าเทียม แต่สมาชิกหลายคนในสภาไม่เห็นด้วย เพราะทาสผิวดำเปรียบเสมือนแรงงานที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเกษตรที่สำคัญซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้างได้ เมื่อฝ่าฟันสารพัดความท้าทายจนถึงวันที่เขาสามารถครองตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เขาเลือกสานฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงด้วยการประกาศสงครามกับฝ่ายใต้ที่ไม่ยอมรับนโยบายการเลิกทาส (สหรัฐฯ ทางตอนใต้คือแหล่งเกษตรกรรมที่จำเป็นต้องใช้ทาสผิวดำจำนวนมาก) แต่นอกจากการดำเนินการด้านสงครามแล้วลินคอล์นยังใช้ความรู้ด้านกฎหมายในการแก้กฎหมายรวมถึงรัฐธรรมนูญเพื่อล้มระบบทาสและสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น ท้ายที่สุดฝ่ายประธานาธิบดีลินคอล์นก็ประกาศชัย เพราะความฝันในนโยบายการยกเลิกทาสนั้นสำเร็จ
ทันทีที่เดือนเมษายนมาถึง นอกจากวันหยุดยาวสะใจ อากาศร้อน กิจกรรมกลางแจ้งสุดระห่ำและสาว ๆ ในชุดเซ็กซี่ท้าแดดลมริมทะเล อีกอย่างหนึ่งที่ชายไทยอย่างเรา ๆ คงอดนึกถึงไม่ได้ คือเรื่องสำคัญอย่างวันคัดเลือกทหารกองประจำการ หรือ “การเกณฑ์ทหาร” ที่เราเรียก ๆ กันนั่นเอง การเกณฑ์ชายไทยมาเป็นทหารรับใช้ชาติอย่างเป็นกิจจะลักษณะเริ่มต้นตอนรัตนโกสิทร์ศก 124 (พ.ศ.2448) หรือเมื่อ 114 ปีก่อน โดยได้รับอิทธิพลเรื่องการเป็นทหารมืออาชีพมาจากชาติตะวันตก เพราะก่อนหน้านี้เราเกณฑ์ผู้ชายไปรบด้วยระบบไพร่ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกเลิกระบบไพร่และทาสนั่นเอง UNLOCKMEN เลยอาสาพาไปสำรวจประเทศอื่นกันบ้างว่าเขามีการเกณฑ์ทหารเหมือนบ้านเราไหม? หรือเขาบังคับทุกคนเป็นทหารกันหมดโดยไม่ต้องจับใบดำใบแดงกันเลย? แล้วถ้าเขาไม่เกณฑ์ทหารเขาหาคนไปเป็นทหารกันอย่างไร? เกาหลีใต้: เมื่อผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร เริ่มด้วยประเทศแถบเอเชียอย่างเกาหลีใต้กันก่อนเลย ถ้าเราเคยแอบฟังสาว ๆ ผู้ประกาศตนเป็นติ่งเกาหลีคุยกันอยู่บ้าง เราคงเคยได้ยินมาว่านักร้องหนุ่มขวัญใจพวกเธอคนนั้นคนนี้ต้องตบเท้าเข้ากรมไปเป็นทหาร นอกจากจะทำให้พวกเธอต้องเสียน้ำตาไปหลายหยด เราก็อาจอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนักร้องหนุ่มเกาหลีนี่ต้องโดนทหารไปซะทุกคน เขาเกณฑ์เฉพาะดาราหรือเปล่า? คำตอบก็ไม่ยากเกินคาดเดา ก็เกาหลีใต้ไม่มีจับใบดำใบแดงให้เสียเวลา เพราะผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร! กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐเกาหลีบทที่ 2 มาตรา 39 ซึ่งตราขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 ระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ชายเกาหลีอายุระหว่าง 18-35 ปีจะต้องเป็นทหารกองประจำการ เราอาจยังสงสัยว่าทำไมช่วงอายุถึงได้กว้างขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะรัฐอนุญาตให้ผู้ชายสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าเป็นทหารกองประจำการตอนไหน บางคนอาจจะรอเรียนจบก่อน บางคนก็เป็นทหารก่อนเสียเลยแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ ในขณะที่บางคนอาจจะทำงานเก็บเงิน
แม้ดาบปลายปืน (Bayonet) จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นของเก่าล้าสมัยสำหรับสงครามในยุคโบราณ ที่ใช้วิ่งเข้าโจมตีระยะใกล้หรือเมื่อกระสุนปืนหมด แต่ที่จริงในปัจจุบันก็มีการใช้กันอยู่บ้างโดยเฉพาะนักแต่งปืนที่มักจะนำ Rifle ไปเติมทุกอย่างให้ดุเดือดสะใจ แน่นอนว่าเราคงไม่หยิบดาบปลายปืนธรรมดามาแนะนำอยู่แล้ว เพราะสำหรับดาบปลายปืนจาก G.R.A.D. (Global Research And Development) ชิ้นนี้ มันไม่ใช่แค่อาวุธสำหรับแทงที่ติดบน Rifle ธรรมดา แต่ข้างในยังถูกสร้างเป็นปืนลูกโม่บรรจุกระสุนขนาเ .22 LR (Long Rifle) ได้อีก 6 นัด ใช้ยิงเป็นก๊อกสองได้สบาย ๆ โดยที่ฝ่ายศัตรูคาดไม่ถึง G.R.A.D. MB16F bayonet-revolver คือของสะสมหายากที่ผลิตใน Las Vegas ย้อนไปยุคปี 2000 ซึ่งปัจจุบันได้หยุดการผลิตไปแล้ว แต่มันยังคงน่าสนใจอยู่มาก ดูภายนอกมันก็เหมือนดาบปลายปืนทั่วไป แต่ชื่อก็บอกตรงตัวว่ามันคือดาบปลายปืนที่สามารถเป็นปืนลูกโม่ได้ในตัว สำหรับติดตั้งบนปืน M16/AR15 ขนาดมาตรฐานได้ แม้ในความเป็นจริงแล้วศัตรูอาจจะกลับบ้านเก่าไปตั้งแต่ก่อนกระสุน M16/AR15 จะหมด (Standard magazine capacity อยู่ที่ 30 นัด) แต่ในกรณีที่เกิดยิงปะทะจนหมดขึ้นมาจริง ๆ หรือบังเอิญเดินไปเจอกันในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป การเลือกใช้ bayonet-revolver
ถ้าพูดถึงนักสนุกเกอร์ชื่อก้องโลก ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผู้ชายอย่างเราคงหนีไม่พ้น รอนนี่ โอ’ซุลลิแวน (Ronald Antonio O’Sullivan) ที่ติดทำเนียบผู้คว้าแชมป์โลกได้มากที่สุดลำดับ 3 ของโลกด้วยจำนวนแชมป์ 5 สมัย (เป็นรองแค่สตีเฟ่น เฮนดรี้ 7 สมัย, เรียร์ดอน และสตีฟ เดวิส 6 สมัย) แม้หลาย ๆ คนจะรู้จักชื่อและความเก่งกาจของเขา แต่ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นของฝีมือฉกาจฉกรรจ์จะเริ่มต้นที่โรงเก็บของชั้นล่างของบ้านและเขาเติบโตขึ้นมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจเซ็กซ์ช็อปซึ่งดูจะอยู่คนละขั้วกับสิ่งที่เขาทำ นักสนุกเกอร์วัย 43 ปีชาวอังกฤษ เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเซ็กซ์ช็อปเล็ก ๆ อย่างไรก็ตาม จอห์น โอ’ซุลลิแวนพ่อของรอนนี่ตั้งใจให้ลูกชายเป็นนักสอยคิวตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก โดยสร้างห้องฝึกสนุกเกอร์ไว้ที่โรงเก็บของชั้นล่างของบ้านและสนับสนุนให้รอนนี่ฝึกปรือฝีมือได้อย่างเต็มที่ จนกลายมาเป็นรอนนี่ที่หลายคนรู้จักอย่างทุกวันนี้ ย้อนไปเมื่อรอนนี่อายุ 10 ขวบยอดนักสอยคิวอัจฉริยะ สามารถทำเซ็นจูรี่เบรก (การทำ 100 แต้มได้ในไม้เดียว) และที่จัดจ้านไปกว่านั้นคือตอนที่รอนนี่อายุเพียง 15 ปีเขากลับกวาดแดงดำ 15 ชุด พร้อมตบลูกสีครบทุกเม็ดหรือที่ชาวสนุกเกอร์เรียกกันว่า “แม็กซิมัมเบรก” (ได้ 147 แต้ม) ไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ในสายตาเราฝีมือเขาจะเข้าขั้นเทพ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตเขาจะราบรื่น เพราะขณะที่เขากำลังเติบโตขึ้นในวงการนักสอยคิวมืออาชีพ
“ทัศนคติคือสิ่งเล็ก ๆ ที่สามารถสร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่” ข้อความนี้คือคำพูดของ วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Leonard Spencer Churchill) รัฐบุรุษชาวอังกฤษและอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรสองสมัย นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้ชายที่มากด้วยความสามารถ เพราะเขาเคยเป็นทั้งทหารในกองทัพอังกฤษ นักประวัติศาสตร์ นักเขียน และศิลปินรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปเจาะลึกความเป็นวินสตัน เชอร์ชิล อะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ถูกจากรึกไว้ในประวัติศาสตร์จนถูกกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ ? เด็กชายผู้บอกพร่องสู่การเป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมใคร วินสตันเกิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1874 เขาเกิดมาในตระกูลขุนนางเก่าแก่มีต้นตระกูลเป็นนักรบ ในวัยเด็กวินสตันเป็นเด็กผู้ชายที่มีนิสัยและพฤติกรรมที่ต่างจากเด็กทั่วไป จากบันทึกที่ส่งไปยังแม่ของเขาระบุว่าเขาบกพร่องทางการพูด มีอาการพูดติดอ่างและทำคะแนนแย่แทบทุกวิชา รวมถึงมีปัญหาดด้านการเข้าสังคม เช่น เรื่องเวลาและอาการหลง ๆ ลืม ๆ เมื่อเขาถูกส่งให้สอบเข้าสถาบันการศึกษาวิชาทหารก็สอบตกถึง 2 ครั้ง ทำให้เขาต้องกลับมาติวเข้มกับครูทหารจนสอบเข้าได้ในที่สุด แต่วินสตันก็สอบเข้าไปได้แค่ในระดับทหารม้าเท่านั้นซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าทหารราบ ด้วยพฤติกรรมที่มีความบกพร่องและเข้าสังคมได้ไม่ราบรื่นเหมือนคนอื่นทำให้เขาตกเป็นเป้าถูกเพื่อนรังแกอยู่เป็นประจำ และนั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาเติบโตมาและเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้มาตลอด วาทะเลื่องชื่อ วินสตัน เชอร์ชิล ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในปี 1940 ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุ ทำให้วินสตันต้องขับเคลื่อนอังกฤษในภาวะที่สงครามรออยู่ตรงหน้า วินสตันได้กล่าววาทะในรัฐสภาครั้งแรกว่า “ผมไม่มีอะไรจะมอบให้ นอกเสียจากเลือด การทำงานหนัก
ในโลกมีผู้กำกับไม่กี่คนที่เราดูหนังเขาเพียงไม่กี่นาทีก็รู้ทันทีว่านี่คือฝีมือการกำกับของใคร เนื่องจากลายเซ็นและเอกลักษณ์อันชัดเจนที่แทรกอยู่ในทุกไดอะล็อก ทุกซีน หนึ่งในผู้กำกับตามนิยามที่ว่านั้นต้องมีชื่อของ Quentin Tarantino ผู้กำกับหนุ่มใหญ่วัย 56 จาก เทนเนสซี สหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วยแน่นอน หนังบ้าอะไรวะเนี่ย แม่งพูดกันทั้งเรื่อง! ลายเซ็นที่ชัดเจนของหนัง Quentin คือการดำเนินเรื่องที่ฉับไว และบทสนทนาน้ำไหลไฟดับที่บางครั้งก็เลยเถิดไปไกลจนไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง สำหรับบางคนมันคือเสน่ห์ แต่อีกหลายคนก็รู้สึกรำคาญ ดังนั้นความเห็นต่อหนังของ Quentin เสียงจึงแตกเป็น 2 ฝ่าย ไม่รักหัวปักหัวปำ ก็เกลียดไปเลย Esquire ความรักที่แฟนหนังมีต่อ Quentin เห็นได้ชัดจาก Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา หลังจากปล่อยภาพโปสเตอร์ รายชื่อนักแสดง เรื่องย่อ และ Trailer ออกมา ทั่วโลกก็ตกอยู่ในภาวะ Hype เกิดเป็นกระแสวงกว้างในโลกออนไลน์ ก็แน่ล่ะ Leonardo DiCaprio ประชันบทบาทกับ Brad Pitt เพิ่มความสดใสด้วย Margot Robbie กำกับโดย Quentin Tarantino มาในพล็อตจิกกัดวงการฮอลลีวูดยุค 60 ใครบ้างจะไม่อยากดู ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าชื่อของ Quentin Tarantino ได้ก้าวสู่ทำเนียบผู้กำกับชั้นนำระดับโลกอย่างเต็มตัวแล้ว
โรงแรม Muji อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ชื่นชอบสไตล์มินิมัล เพราะ Muji สร้าง Muji Shenzhen Hotel สาขาแรกของโลกที่ประเทศจีนไว้แล้ว แต่เมื่อ Muji เปิดตัวโรงแรมแห่งที่สามในญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดแบรนด์ก็ทำให้ผู้คนกลับมาสนใจโรงแรมของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สุดมินิมัลอีกครั้ง UNLOCKMEN จะพาไปดูการตกแต่งห้องแต่ละแบบของโรงแรม Muji ใจกลางกรุงโตเกียว ว่าจะสร้างสรรค์สไตล์มินิมัลในพื้นที่จำกัดออกมาเป็นอย่างไร เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่หลงใหลการแต่งห้องแบบเรียบง่ายแต่มีระดับ โรงแรม Muji แห่งแรกของญี่ปุ่นตั้งอยู่ในย่านกินซ่าที่พลุกพล่าน บนตึก Marronnnier Gate Ginza Complex มีห้องพักทั้งหมด 79 ห้อง ตั้งแต่ชั้น 7 ไปจนถึงชั้น 10 ส่วนเคาท์เตอร์ของโรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 6 หมดกังวลเรื่องความไม่เป็นส่วนตัวแม้จะอยู่ตรงย่านใจกลางเมือง Muji กล่าวถึงคอนเซปต์ของโรงแรมที่กำลังจะเปิดตัวช่วงเดือนหน้าได้เป็นประโยคสั้น ๆ ว่า “anti-gorgeous, anti-cheap” ไม่หรูหราเกินไปแต่ก็ไม่โลว์คลาส ตอบสนองความพึงพอใจและพื้นที่ใช้สอยได้อย่างครบถ้วน พร้อมเอกลักษณ์ที่เด่นชัดเมื่อเห็นก็จะรู้เลยว่านี้คือสไตล์ของ Muji เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในโรงแรมล้วนเป็นของที่ผลิตโดย Muji ทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อิน เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ทำให้ห้องพักเต็มไปด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติมากมายทั้งไม้ หิน เสื่อทาทามิอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้
เป็นข่าวใหญ่สะท้านวงการ MMA ทันที เมื่อนักสู้ที่มีสีสันที่สุดในวงการอย่าง Conor McGregor ได้ประกาศวางมือถอนตัวจากการต่อสู้ Mixed Martial Art ผ่าน twitter ของเค้า ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจใครหลายคน ทั้งเส้นทางอาชีพที่กำลังอยู่ในจุดสูงสุด ชกแต่ละครั้งสามารถหาเงินค่าตัวได้อย่างมหาศาล แต่ดูเหมือนว่า McGregor จะหันไปลุยธุรกิจ whiskey ยี่ห้อ “Proper No. Twelve” ใหม่ที่เค้าทำอย่างเต็มตัวมากขึ้น Conor McGregor ประกาศแขวนหมัดหลังออกรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ซึ่งตัวเค้าให้สัมภาษณ์ไว้ส่วนนึงว่า “ชีวิตตอนนี้ถือว่าสบายแล้ว ครอบครัวก็สบายแล้ว” ซึ่งดูจากค่าตัวขึ้นชกแต่ละนัดก็ถือว่าไม่ได้พูดเกินจริงแน่นอน เอาเฉพาะที่ได้จากการลงแข่งในศึก UFC ก็รับไปรวม ๆ มากกว่า $115 ล้านเหรียญ และศึกเขย่าโลกที่ข้ามเวทีไปชกกับ Floyd Mayweather ในปี 2017 ก็รับไปเหนาะ ๆ อีก $100 ล้านเหรียญ
นอกเหนือจากการฟาดฟันพละกำลัง ประชันความเร็ว รวมถึงการประลองชั้นเชิงชิงไหวชิงพริบในสนาม อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมกีฬานั้นมีความเร้าใจจนสะกดสายตาผู้ชมได้นับล้านทั่วโลก คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากช่วงเวลาบีบหัวใจก่อนจบการแข่งขัน ที่เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถชี้เป็นชี้ตายว่าใครคือผู้ชนะ หรือแม้กระทั่งใครคือผู้ที่ได้ตำแหน่งเจ้าของสถิติโลกหน้าใหม่ไปครอง จากความสำคัญของเวลาที่สามารถชี้ชะตาแชมป์ได้เพียงแค่ส่วนต่างเสี้ยววินาที ทำให้การแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหลายจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการจับเวลาและการให้คะแนนที่แม่นยำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขของเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่จุดไคลแม็กซ์ และ ผลคะแนนบนสกอร์บอร์ด ที่ถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก คือสิ่งกระตุ้นความรู้สึก เค้นอารมณ์ร่วมของคนดู ซึ่งสร้างความเข้มข้นให้กับการแข่งขันได้ดีไม่แพ้การขับเคี่ยวที่ดุเดือดในสนาม และหากมองในแง่ของผู้แข่งขัน คงไม่มีนักกีฬาคนไหนอยากถูกปล้นชัยชนะ พลาดการสร้างสถิติในช่วงเวลาประวัติศาสตร์เพียงเพราะความผิดพลาดของระบบจับเวลา ด้วยเหตุนี้ทุกทัวร์นาเม้นต์ ทุกการแข่งขัน จึงแทบไม่เหลือพื้นที่ให้กับความผิดพลาด หน้าที่ในการเป็น Official Timekeeper หรือผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก จึงเปรียบเสมือนภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถการันตีความเที่ยงตรงแม่นยำของนวัตกรรมแห่งเวลาให้กับผู้รับหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง TISSOT คือแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Official Timekeeper ในการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ระดับโลกหลายรายการมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1938 จากจุดเริ่มต้นของเรือนเวลาคุณภาพสูงมาตรฐาน Swiss Made อย่าง TISSOT ที่มีความมุ่งมั่นและความหลงใหลในการพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับวิวัฒนาการของกีฬาประเภทต่าง ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน หลากหลายของข้อมูล และ กติกา เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดของเทคโลยีการจับเวลา ทั้งทางด้านอุปกรณ์จับเวลา และทีมงานมืออาชีพหลายร้อยชีวิต ที่พร้อมประการอยู่ในทุกทัวร์นาเม้นต์สำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของสถิติ คะแนน และเวลาที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเราจะได้เห็นชื่อของ TISSOT
สำหรับคอหนังหรือซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนจะต้องเคยได้ยินชื่อ FBI แน่นอน เพราะในภาพยนตร์ FBI คือหน่วยงานที่คอยปราบปรามผู้ก่อการร้าย เป็นต้นแบบคาแรคเตอร์ให้กับตัวเอกของหนังแอคชันอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามโลกแห่งความเป็นจริงอาจไม่เท่แบบในหนังเสมอไป UNLOCKMEN จะพาไปดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ FBI เคยทำพลาดกันบ้าง ทั้งเรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตที่สร้างชื่อเสียให้กับองค์กร Federal Bureau of In vestigation (FBI) หรือสำนักงานสอบสวนกลางเป็นหน่วยข่าวกรองความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่หลักคือสืบสวนคดีอาชญากรรมร้ายแรงและต่อต้านการก่อการร้ายโดย FBI จะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงยุติธรรม คล้ายกับหน่วย MI5 ของประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าที่ FBI คือบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ผ่านการคัดเลือกหลายขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบประวัติ ทดสอบความรู้ความสามารถ ไหวพริบ และสมรรถภาพของร่างกายที่จะต้องตื่นตัวอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าเชี่ยวชาญแค่ไหนก็ใช่ว่าทุกภารกิจจะประสบความสำเร็จทุกครั้ง เห็นได้จากเหตุการณ์สุดเฟลของหน่วย FBI ที่ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายคนเราก็พลาดกันได้ FBI สังหารเหยื่อลักพาตัว หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ FBI คือยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุร้ายและคอยช่วยเหลือตัวประกัน แต่บางครั้งพวกเขากลับล้มเหลวโดยเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นเมื่อปี 2018 ในรัฐเท็กซัส ชายฉกรรจ์พกอาวุธสองคนบุกไปบ้านของ Ulises Valladares และเรียกร้องให้เขาจ่ายเงินจำนวน 8,000