ทุกครั้งที่เราเห็นรถยนต์คลาสสิกสุดสวยในวันนี้ ทำให้เราจินตนากรถึงภาพที่หรูหราราวกับถนนที่โรยด้วยกุหลาบในอดีต แต่ในความเป็นจริงแล้วรถยนต์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง World War II หลายคันกลับมีประวัติที่ไม่ได้สบายอย่างที่เราคิด เนื่องจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นฟูขาดความเสถียร ประชาชนต้องคิดหนักในการใช้จ่าย รวมถึงวัตถุดิบที่ทีขีดจำกัดเป็นอย่างมาก เรียกว่าจะสร้างอะไรขึ้นมาเหมือนต้องเทเงินทุนกันหมดหน้าตัก เดินหมากผิดนิดเดียวอาจะสะเทือนถึงขั้นล้มละลายได้ เช่นเดียวกับ BMW 507 สุดคลาสสิกคันงามคันนี้ ในอดีตมันคือรถยนต์ที่ทำให้ BMW ต้องสั่นสะเทือนเกือบถึงขั้นล้มละลาย แต่ในวันนี้มันคือหนึ่งใน Iconic Car ประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ BMW พร้อมมูลค่าซื้อขายที่ไปไกลถึงราว 70 ล้านบาท BMW 507 เป็นรถ Roadster ที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 1956 – 1959 ราว 10 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ Germany แม้หลายบริษัทจะเริ่มฟื้นตัวจากร่องรอยแผลจากสงครามมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมี resource ที่จำกัดมาก ส่งผลถึงค่ายรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ที่มุ่งผลิตรถยนต์เรียบง่าย ราคาไม่แพง เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น Isetta รถทรงไข่ที่เกิดขึ้นในขณะที่ผู้คนหันไปเลือกใช้ Scooter ในการเดินทาง
Domestic Violence เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมมายาวนาน ความเจ็บปวดของการถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจากคนใกล้ชิด ไม่ต่างจากแผลที่โดนกระหน่ำซ้ำลงที่เดิมทำให้ปากแผลเปิดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น มันจึงต้องใช้เวลาเยียวยานานและส่งผลกระทบต่อชีวิตของเหยื่อกับสังคมรอบข้างกว่าที่คิด ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาระดับสากลที่แต่ละประเทศกำเนิดองค์กรต่าง ๆ เพื่อยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ล่าสุด South Ayrshire council ร่วมมือกับองค์กรช่วยเหลือสตรีท้องถิ่นในประเทศสกอตแลนด์ อนุมัตินโยบายมอบวันลาที่เรียกว่า “Safe Leave” กับพนักงานที่ประสบเหตุการณ์ Domestic Violence เป็นแห่งแรกในยุโรป เสนอวันลาเพื่อพักผ่อนทั้งหมด 10 วัน แบบไม่หักเงิน และไม่หักสวัสดิการวันลาอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานใช้เวลานี้สำหรับกระบวนการศาล การบำบัด หรือการพบแพทย์เพื่อเยียวยาอย่างเต็มที่ไร้ข้อจำกัด สามารถเลือกใช้วันลาได้ไม่ว่าจะเป็นการลาต่อเนื่องหรือลาแยกตลอดทั้งปีก็ทำได้ทันที ข้อดีของการให้วันลาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแสดงความเห็นอกเห็นใจในฐานะมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนที่กำลังประสบเหตุการณ์นี้กล้าลุกขึ้นสู้เพื่อความปลอดภัยและสิทธิ์การใช้ชีวิตของตนเอง อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ชาว UNLOCKMEN บางคนอาจจะรู้สึกว่าเราเอาข่าวนี้มาบอกทำไม จะรู้ไปเพื่ออะไรเพราะบ้านเรายังไม่มีกฎหมายหรือกฎเกณฑ์บังคับ แต่ข้อเท็จจริงในย่อหน้าถัดไปจะเฉลยว่าทำไมพวกเราถึงต้องรู้และตื่นตัวกับสิ่งเหล่านี้ไว้บ้าง ผู้ชายมากกว่า 40% คือเหยื่อของ Domestic Violence คุณเคยเจอแฟนที่บ้านกรีดร้องเวลาทะเลาะกัน หรือลงไม้ลงมือเขวี้ยงของและตบตีใส่เมื่อเธอไม่พอใจไหม ? เราเชื่อว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักจะเจอเหตุการณ์แบบนั้น แต่เรื่องนี้สังคมมักไม่ค่อยพูดถึง เวลาข่าวนำเสนอเรื่อง Domestic Violence ผู้หญิงคือภาพจำของตัวละครที่เป็นเหยื่อเสมอ แต่จากผลสำรวจของ