‘BURNOUT’ ไม่ใช่อาการใหม่ อาการหมดไฟนั้นเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทำงานอย่างเรา ๆ และเราต่างหาวิธีรับมือกับอาการหมดไฟที่มาเยือนอยู่ตลอดเพื่อให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หลายคนเคยผ่านอาการหมดไฟมาได้หลายหน ราวกับได้เกิดใหม่ท่ามกลางเถ้าถ่านมอดดับ แต่หลายคนก็ไม่เคยเผชิญอาการหมดไฟมาก่อนในชีวิต จนกระทั่ง COVID-19 มาเยือน บรรยากาศการทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน การย้ายสถานที่ทำงานจากออฟฟิศสู่พื้นที่พักอาศัย การต้องทำงานอย่างเดียวดายปราศจากเพื่อนร่วมงานรายล้อม หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวที่ไม่เข้าใจเวลาทำงานของเรา สิ่งเหล่านี้นำพาอาการ BURNOUT มาเยือนใครหลายคนที่ก็เคยมีไฟมาตลอด แล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไรได้บ้าง? BURNOUT ใช่ไหม? หรือแค่เหนื่อยใจธรรมดา? ก่อนจะไปถึงวิธีการรับมืออาการหมดไฟเพราะการ Work From Home เป็นเวลานาน ๆ เราอยากชวนคุณมาสำรวจตัวเองไปพร้อมกันก่อนว่าสิ่งที่คุณเป็นนั้นคือความเหนื่อยในแต่ละวันที่พอจะคลี่คลายไปได้ถ้าได้พักผ่อนเพียงพอ หรือคืออาการ BURNOUT หลีกเลี่ยงงานขั้นหนัก: ความเหนื่อยล้าเกิดขึ้นได้ แต่ทันทีที่ได้พักผ่อนก็จางหายไป แล้วกลับมามีพลังเพื่อทำงานใหม่ให้ดีดังเดิม แต่หากคุณคือคนหนึ่งที่ทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงงาน อาจสังเกตว่าไม่อยากตอบอีเมลเจ้านายหรือเพื่อร่วมงานจนกล่องข้อความค้างเติ่งจำนวนมาก เข้าประชุมสายเสมอ หรือถ้าเป็นไปได้ก็จะหาข้ออ้างที่จะไม่เข้าประชุม รวมไปถึงอาการผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ งานนี้ยังไม่ต้องทำหรอกน่า งานนี้ขอเลื่อนส่งไปก่อนได้ไหม ความพยายามหลีกเลี่ยงงานอย่างหนักนี้เป็นอาการของการ BURNOUT ที่รุกคืบเข้ามา ทำงานแค่ให้รอด ไม่ได้ทำเพื่อคุณภาพ: วันนี้คุณทำงานเพื่ออะไร? ถ้าคำตอบของคุณคือก็ทำเพื่อให้รอดไปอีกวัน ทำเพื่อให้หัวหน้าเห็นว่าคุณยังมีงานในหนึ่งวัน คุณอาจเข้าข่าย BURNOUT ได้เช่นกัน เพราะงานที่มีคุณภาพ
ก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยเล่าเรื่องราวการต่อสู้และความทะเยอทะยานจากดินสู่ดาวของแก๊งยากูซ่าที่สุดของเกาะญี่ปุ่น ยามากูจิ-คูมิ (Yamaguchi-Gumi) ไว้ใน NIHON STORIES: YAMAGUCHI GUMI จากอัธพาลย่านคันไซสู่ยากูซ่าผู้ทรงอิทธิพลของญี่ปุ่น ทำให้เห็นความโหด ความเด็ดเดี่ยว กล้าได้กล้าเสีย ระบบองค์กรยากูซ่าอันซับซ้อนมีลำดับขั้นไม่ต่างกับสำนักงาน แต่วันนี้ความยิ่งใหญ่ทุกอย่างของแก๊งกลับต้องชะงักอย่างเลี่ยงไม่ได้ สำนักข่าวในญี่ปุ่นพากันตีข่าวใหญ่เกี่ยวกับยากูซ่าอันดับหนึ่งของประเทศ พวกเขาไม่สามารถจัดการประชุมสำคัญซึ่งเป็นธรรมเนียมทำกันมาเป็นประจำทุกปีได้สาเหตุสำคัญ เหตุผลหลักที่ต้องยกเลิกเป็นเพราะสมาชิกระดับหัวหน้าล้วนมีอายุมาก บอสใหญ่ไต่เต้าจากแก๊งสาขานาโกย่ามาเป็นผู้นำสูงสุดรุ่นที่ 6 ของแก๊ง ชิโนดะ เคนอิจิ (Shinoda Kenishi) และเบอร์สองของแก๊งอย่างนายน้อยทากายามะ คิโยชิ (Takayama Kiyoshi) มือขวาที่เปรียบเสมือนคู่หูคู่คิดของชิโนดะ แม้ทั้งสองจะลุยมาทุกสมรภูมิเดือด แต่ปัจจุบันสองคนมีอายุมากทำให้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลจากการศึกษาไวรัสโควิด-19 ของศูนย์วิจัยหลายแห่งต่างลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ชายสูงวัยมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส จนทำให้เสียชีวิตง่ายกว่าผู้หญิงหรือคนอายุยังน้อย รวมถึงชายจากยุค 70-80 ที่มีรอยสักเต็มตัวและมีประวัติใช้สารเสพติดจะยิ่งเพิ่มโอกาสติดเชื้อไวรัสมากขึ้นกว่าคนอื่น ๆ เพราะตับที่ทำงานหนักจากรอยแผลทั่วร่าง (รอยสัก) ควบคู่กับการดื่มเหล้าใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอ เสี่ยงให้ยากูซ่าระดับบิ๊ก ๆ เข้าใกล้ความตายได้ง่ายขึ้น ผลคือตอนนี้งานประชุมใหญ่ที่สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนแถวสำนักงาน สื่อญี่ปุ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องมาคอยเฝ้าระวังทุกปีต้องพับแผนการเดิมทั้งหมดทิ้ง นอกจากนี้ สำนักข่าวญี่ปุ่นยังรายงานอีกว่า สมาชิกของแก๊งทั้งระดับสูงไปจนถึงระดับล่าง ต่างแสดงความกังวล พวกเขารู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ยุคสมัยที่ผู้นำส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์ดวงนี้มีแต่ผู้ชายสุดแข็งแกร่งนั้นอาจเลือนรางลงไปนานแล้ว ความเท่าเทียมในหลายมิติทำให้มนุษย์ไม่ว่าเพศสภาพไหน ๆ ก็สามารถขึ้นกุมบังเหียนเพื่อบริหารองค์กรหรือประเทศได้ แม้ภายนอกคล้ายจะเป็นแบบนั้น แต่การเป็นผู้นำผู้หญิงนั้นกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากผู้นำผู้หญิงมักถูกกล่าวหาด้วยภาพเหมารวมความเป็นหญิงบางอย่าง เช่น ผู้หญิงนั้นเจ้าอารมณ์ ไม่มั่นคง ไม่เด็ดขาด ผู้หญิงไม่แข็งแกร่งพอ ผู้หญิงไม่มีความรู้เรื่องการบริหารดีเท่าผู้ชาย ฯลฯ รวมไปถึงความกดดันที่ผู้นำผู้หญิงต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่าผู้นำผู้ชาย เพื่อให้ทุกคนในองค์กร (หรือแม้แต่ระดับประเทศ) ยอมรับ Abbie Griffith Oliver ผู้ช่วยศาสตราจารย์จาก Georgia State University ทำงานวิจัยสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันพบว่าเมื่อพูดถึง “ผู้นำที่พวกเขาชื่นชม” คนจำนวน 80% จะนึกถึงผู้ชาย และเมื่อ Abbie Griffith Oliver ถามนักศึกษาในชั้นเรียนว่าคิดอย่างไรกับผู้นำผู้หญิง มีเพียง 5% เท่านั้นที่พอจะนึกถึงผู้นำหญิงออกสักคน แน่นอนว่ามีผู้นำหญิงในหลายองค์กรที่ทำให้เห็นว่าผู้หญิงเองก็สามารถบริหารจัดการได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย แต่เมื่อ COVID-19 ที่ถือเป็นวิกฤตการณ์สำคัญระดับโลกมาเยือน ทั้งโลกต่างได้เห็นบทบาทของผู้นำหญิงชัดเจนขึ้น เนื่องจากหลายประเทศที่มีผู้นำหญิงเป็นผู้บริหารนั้นสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 หรือแม้แต่มีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ผู้นำหญิงจากหลายประเทศถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ทั้ง Angela Merkel จาก Germany, Jacinda Ardern จาก
ด้วยผลพวงจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้สภาพเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตผู้คนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก การเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing กลายเป็น New Normal หรือสิ่งใหม่ที่กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา กับการที่ผู้คนหลายล้านชีวิตทั่วโลกต่างกักตัวใช้เวลาอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ จะออกไปข้างนอกแต่ละทีก็ต้องเป็นเหตุจำเป็นเท่านั้น และเพื่อไม่ให้การที่วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปแบบกะทันหันด้วย COVID-19 มันชวนหงุดหงิดไปมากกว่านี้ 4 วงร็อกดังระดับโลก ในฐานะเอนเตอร์เทนเนอร์มืออาชีพ คงเล็งเห็นว่าเสียงเพลงและลีลาในบันทึกการแสดงสดจากทัวร์คอนเสิร์ตสุดอลังฯ ของพวกเขา น่าจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์เบื่อเหงาเศร้ากังวลทั้งหลายให้กลายเป็นความมันส์ แถมยังช่วยรณรงค์ให้ผู้คนใช้เวลาอยู่กับบ้านได้นานขึ้น ทำให้ที่ผ่านมาทั้ง Metallica, Slipknot, Radiohead และ Pink Floyd วงร็อกระดับหัวแถวของโลก ต่างทยอยอัพคอนเสิร์ตขึ้น YouTube โดยไม่ได้นัดหมาย แต่มีเป้าประสงค์ปลายทางเดียวกัน คือต้องการให้สาวกชาวร็อกได้มันส์กับเสียงดนตรีแบบฟรี ๆ จากที่บ้านท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้ ซึ่งแต่ละวงจะขนเอาโชว์สุดตราตรึงครั้งไหนมาให้ชมฟรีบนโลกออนไลน์บ้าง วันนี้เราขออาสารับหน้าที่พรีวิวให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายได้ทราบกัน จะได้จัดคิวถูกว่าจะดูคอนเสิร์ตไหนก่อน-หลังดี METALLICA เริ่มต้นด้วยวงดนตรีขวัญใจสายร็อกเฮฟวี่เมทัลรุ่นเก๋าอย่าง Metallica ที่นำร่องปล่อยคอนเสิร์ตให้ชมฟรีบน YouTube มาตั้งแต่วันที่ 24 มีนา
จังหวะการหมุนของโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ COVID-19 มาถึง ปกติคนทำงานอย่างเรา ๆ ก็หาทางอัปสกิล เอาตัวรอด เพิ่มศักยภาพให้ตัวเองอยู่ตลอดอยู่แล้ว แต่คล้ายว่าทุก ๆ ช่วงที่สิ้นปีเก่ากำลังจะจากไป และต้นปีใหม่กำลังจะมาถึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะอัปเดตว่าเทรนด์ไหนกำลังมา ปีหน้าปีสกิลไหนที่ต้องเพิ่ม ความรู้ไหนที่ต้องทิ้งไปกับปีเก่า คนทำงานใช้ชั่วจังหวะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ครบรอบพอดีเป็นฤกษ์ในการอัปเกรดเวอร์ชันการทำงานให้ตัวเองอย่างจริงจัง แต่เมื่อ COVID-19 มาถึง ไม่เฉพาะการทำงานเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยน แต่ชีวิตทั้งชีวิตต้องเปลี่ยนตาม โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจผันผวน สภาพการเงินของบริษัทไม่แน่นอน อัตราการปลดพนักงานในหลายที่ก็มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ ถ้าจะรออัปเกรดตัวเองอีกทีตอนสิ้นปี ถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินไปก็เป็นได้ UNLOCKMEN ชวนเอาชีวิตรอดว่าเราควรทำอะไรบ้างในโลกการทำงานหลัง COVID-19 มาเยือน “เจ้านายเก่า บริษัทเดิม คนในสายงานเดียวกัน” สายสัมพันธ์นี้มีความหมายกว่าที่คิด ความสามารถ ศักยภาพ นั้นสำคัญอย่างมาก แต่ถ้ามี “โอกาส” ที่ดีด้วย ทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเราก็จะยิ่งพุ่งทะยานไปได้ไกลกว่าเดิม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาแนะนำตรงกันว่าในช่วงวิกฤต COVID-19 สิ่งที่อยากแนะนำให้คนทำงานทำคือการติดต่อกับเจ้านายเก่า ผู้คนในบริษัทเดิม ทีม HR หรือคนในสายงานที่เราทำอยู่ นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อองค์กรกำลังจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หรือกำลังจะพาตัวเองฝ่าฟันวิกฤตไปได้ สิ่งที่องค์กรต้องการที่สุดคือคนที่รู้มือกัน เข้าใจลักษณะองค์กร และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดีโดยไม่ต้องมาเริ่มสอนงานกันใหม่ จึงไม่แปลกที่
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ แต่ว่ากันว่าจากนี้ไปโลกจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม นอกจากนั้นหลายสิ่งหลายอย่างจะถูกแบ่งออกเป็นยุค Pre-COVID-19 และ Post-COVID-19 เพราะสรรพสิ่งจะพลิกกลับตีลังกาหงายหน้าหงายหลังแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอันเนื่องมาจาก COVID-19 ทั้งไลฟ์สไตล์ วิธีการทำงาน วิธีการเดินทางท่องเที่ยว การรักษาสุขอนามัยส่วนตัว ไปจนถึง “เรื่องบนเตียง” เซ็กซ์ของผู้คนก่อน COVID-19 มาถึงเป็นอย่างหนึ่ง และหลังจากนี้หลายสิ่งหลายอย่างอาจเปลี่ยนไปจนเราตกตะลึง ความปลอดภัยมาก่อน “ความโหยหา” โลกยุค Pre-COVID-19 โหยหาเมื่อใด ต้องการความอบอุ่นจากร่างกายใครสักคนตอนไหน เราก็แค่เข้าแอปพลิเคชันสักแอปปัดซ้ายย้ายขวาไม่กี่หนก็ได้ใครสักคนที่ถูกใจแล้ว ปัจจัยในการตัดสินใจ “มีเซ็กซ์” นั้นมีเพียงแค่โหยหาใครสักคน ถูกใจ ไปกันต่อ แล้วเรื่องราวก็อาจจบลงภายในคืนนั้น (หรือไม่กี่ชั่วโมงนั้นด้วยซ้ำ) หรือจะสานต่อความสัมพันธ์กระชับความสัมพันธ์บนเตียง หรือรูปแบบอื่นต่อก็ย่อมได้ ทว่าโลก Post-COVID-19 ไม่ได้เป็นแบบนั้น ความโหยหา ความต้องการยังคงมีเต็มเปี่ยม แต่วิธีเรื่องความปลอดภัยของเราจะเปลี่ยนไป เราไม่สามารถนัดเจอมนุษย์ทุกคนที่เราอยากเจอได้ หรือแม้แต่หนึ่งคนที่อยากเจอที่สุดก็ไม่มีอะไรการันตีอีกต่อไปว่าเขาคนนั้นจะไม่นำความเสี่ยงมาให้ รวมไปถึงการเดินทาง สุขอนามัยของสถานที่ที่ใช้เป็นสมรภูมิรักอีกต่างหาก หากเทียบกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีวิธีการป้องกัน และรณรงค์กันมาหลายทศวรรษ เลือกใช้ได้ทั้งถุงยางอนามัย การกินยา Pre ยา Prep การไม่สัมผัสสารคัดหลั่ง ฯลฯ แต่กับ COVID-19
ไม่น่าเชื่อว่านอกจากความเครียด ความกังวล “ความคิดถึง” กลับเป็นอีกความรู้สึกที่เข้ามาในหัวของเราบ่อย ๆ ในช่วงนี้ คิดถึงการได้เดินทางไปทำงานทุกเช้า คิดถึงร้านโปรดที่กินบ่อย ๆ คิดถึงการออกกำลังกายในฟิตเนสที่คุ้นเคย ที่สำคัญที่สุดเราคิดถึงเพื่อน คิดถึงบรรยากาศการได้รวมกลุ่มหัวเราะท้องแข็งกับเรื่องไร้สาระไปด้วยกัน โดยเฉพาะใครที่เคยได้หลวมตัวไป “เล่นบอร์ดเกมกับเพื่อน” มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเคยไม่กี่ครั้ง หรือเป็นสายบอร์ดเกมที่ต้องนัดสุมหัวกันทุกอาทิตย์ ช่วงนี้คงเป็นอีกช่วงที่ทั้งคิดถึง และทรมานกับการไม่ได้กางกระดาน ขิง หัวเราะ บลัฟ กับเพื่อน แต่ทุกปัญหามีทางออก วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 บอร์ดเกมที่เล่นจากบ้านใครบ้านมันส์ แต่สามารถมันส์ไปพร้อมกันประหนึ่งว่าได้กลับไปเล่นบอร์ดเกมด้วยกันตรงหน้าอีกครั้ง Settlers of Catan บอร์ดเกมมือสมัครเล่น หรือมืออาชีพล้วนต้องรู้จัก Settlers of Catan หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Catan เป็นอย่างดี เพราะนี่คือหนึ่งในบอร์ดเกมระดับตำนานที่ถูกออกแบบมาตั้งแต่ปี 1995 แต่เล่นฮิตติดลมบนข้ามกาลเวลามาถึงปัจจุบันแปลไปแล้วกว่า 30 ภาษาทั่วโลก (มีภาษาไทยด้วยนะ) โดย Catan เป็นบอร์ดเกมสไตล์ยูโรที่เน้นให้ผู้เล่นฟาดฟันกันผ่านการวางแผน ไม่เน้นบลัฟ ไม่เน้นดวง
“โลกเปลี่ยนไปแล้ว” ในหลากหลายมิติ วิธีการเดินทางของเรา รูปแบบการทำงานของเรา การกิน การใช้เงิน ไปจนถึง “การตกหลุมรัก” COVID-19 ทำให้เราหมดโอกาสเจอใครสักคนที่ชอบในบาร์เดิมที่ไปทุกวันศุกร์ COVID-19 ทำให้ Dating App ที่เคยปัดซ้าย ปัดขวา ได้เจอใครสักคนคลายเหงาอย่างน้อยเดือนละคนสองคนกลายเป็นศูนย์ COVID-19 ทำให้คอนเสิร์ตที่เคยไปโยกหัวมองหาสาวที่อินกับเพลงเดียวกันกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ไปอีกนานแสนนาน การตกหลุมรักแบบที่เราคุ้นเคยจึงเปลี่ยนรูปแปลงร่างตามหลายอย่างในชีวิตเราไปด้วยเช่นกัน การตกหลุมรักออนไลน์เข้ามาแทนที่ แต่ไม่ใช่การแทนที่แบบโต้ง ๆ (เพราะเราก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ก็เดตออนไลน์อยู่เยอะแล้ว) แต่การตกหลุมรักออนไลน์จะเปลี่ยนไปถึงราก วิธีที่เราเลือกคนมองคน ไปจนถึงการออกเดต และการคบกัน เราตามหารักแบบไหนช่วง COVID-19 COVID-19 ทำให้เราตัดหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตออกไปได้ชัดเจนขึ้น บางอย่างเราเคยคิดว่าถ้าไม่มีมันแล้วเราคงอยู่ไม่ได้ แต่เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ เราก็ยิ่งเข้าใจว่า “อะไรที่เราต้องการจริง ๆ” ไม่ต่างจากการตกหลุมรัก การจีบกัน และการเดต ในช่วงเวลาปกติผู้คนรู้สึกว่าจะจีบทิ้งจีบขว้าง นัดแล้วนัดอีกกี่รอบก็ได้ แต่เมื่อเราไม่สามารถออกไปไหนได้อย่างเสรี การจะตกหลุมรักและทุ่มเวลาช่วงนี้ให้ใครสักคน จึงต้องรอบคอบและใส่ใจที่คุณภาพมากกว่าปริมาณอย่างที่เป็นมา Helen Fisher นักมานุษยวิทยาชีวภาพประจำ Kinsey Institute ระบุว่าพฤติกรรมการเดตของผู้คนและวิธีการมองความโรแมนติกจะเปลี่ยนไป เราจะจัดลำดับความสำคัญทางความสัมพันธ์ใหม่ เพื่อที่จะหาว่าอะไรกันแน่ที่มีความหมายกับเราจริง ๆ ในขณะที่
ยังนอนหลับดีกันอยู่ไหม? ตั้งแต่ COVID-19 เข้ามาในชีวิต เราเชื่อว่าพฤติกรรมการนอนของใครหลายคนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อาจด้วยวงจรเวลาที่รวนไม่เป็นระบบเหมือนตอนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้ หรือด้วยความเครียดทะลุขีดจำกัดที่ทำให้ต้องลืมตามองเพดานเอามือก่ายหน้าผากอยู่เป็นชั่วโมง ๆ การนอนคือกุญแจสำคัญสู่หลายสิ่งในชีวิต สุขภาพกาย สุขภาพจิต ไปจนถึงการจัดการอารมณ์ ถ้าช่วงนี้เราไม่สามารถดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงได้ ก็คงไม่มีเรี่ยวแรงไปจัดการอะไรอีกหลายอย่างที่สำคัญ ดังนั้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจึงมีความหมายมากในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ กิจวัตรประจำวันมีความหมายมาก ชีวิตก่อน COVID-19 มีสถานที่เป็นตัวกำหนดเวลาให้เราทำสิ่งต่าง ๆ เราออกจากบ้านเพื่อเดินทาง เราถึงออฟฟิศเพื่อทำงาน เราลงไปพักกลางวันเพื่อกินข้าว เราไปเดินห้างเพื่อผ่อนคลาย สถานที่และบรรยากาศรอบตัวมีผลต่อการกำหนดกิจวัตรประจำวันของเราอย่างเป็นระบบ เมื่อชีวิตเราต้องกักตัวอยู่ในบ้านนาน ๆ แม้เราจะยังต้องทำงาน แต่การที่ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องเดินทาง เส้นแบ่งเรื่องเวลาเบลอจนกลายเป็นหนึ่งเดียวทำให้กิจวัตรของเราพังลงไม่เป็นท่า แล้วกิจวัตรมันเกี่ยวกับการนอนไม่หลับอย่างไร? Kevin Morgan นักจิตวิทยาจาก Loughborough University ผู้ศึกษาเรื่องการนอนหลับมาหลายปี กล่าวว่า “กิจวัตรประจำวันคือหัวใจสำคัญของการนอนที่มีคุณภาพ มันช่วยปกป้องการนอนหลับของเรา” เขาบอกอีกว่า “คุณควรตื่นตามเวลาปกติที่คุณตื่น และเข้านอนในเวลาเดิม แม้สถานการณ์ตอนนี้มันจะล่อลวงให้ไม่เป็นไปตามนั้นก็ตาม” การไม่ต้องลุกมาอาบน้ำ แต่งตัว และเสียเวลาเดินทางอาจล่อลวงให้เรารู้สึกว่าเรามีเวลาเหลือเยอะกว่าเดิม จึงนอนดึกกว่าเดิมก็ได้ หรือไม่ต้องตื่นเวลาเดิมก็ไม่เห็นเป็นไร แต่นักจิตวิทยาแนะนำนว่าร่างกายจะหลับได้ดีกว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม TOP TIP: เราไม่ควรนอนกลางวัน ถึงจะมีเวลาเหลือจากการต้องออกไปหาอะไรกินตอนพักเที่ยง
“จน เครียด กินเหล้า” แท็กไลน์คุ้นหูจากองค์กรหนึ่งที่แม้ผ่านมานานหลายปี คนก็ยังท่องกันได้เหมือนเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าความจนไม่ได้เป็นตัวแปรหลักในสมการนี้ ทุกฐานะ ทุกอาชีพ ทุกการศึกษาล้วนดื่มแอลกอฮอล์เพื่ออะไรบางอย่างทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อ COVID-19 ลุกลามไปทั่วโลก แม้หลาย ๆ เมือง หลาย ๆ ประเทศผับบาร์ถูกสั่งปิด และบางแห่งห้ามขายแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาด แต่ผู้คนกลับดื่มกินกันมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น ผู้คนทั่วโลกต่างก็ดื่มมากขึ้นในห้วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ แม้จะเป็นการดื่มอย่างเดียวดายก็ตามที ทำไมยิ่งกักตัวโดดเดี่ยว เรายิ่งดื่ม? ห้ามขายเหล้า ผับบาร์ก็ประกาศปิด แล้วทำไมคนถึงยังดื่มกิน? กิจกรรมผ่อนคลายมีหลากหลายประเภท แต่ทันทีที่กิจกรรมผ่อนคลายหลัก ๆ ถูกปิดประตูตายเป็นอาทิตย์ ๆ หรือเป็นเดือน จากที่เคยไปดูหนังเรื่องโปรดระบบเสียงสะใจที่โรงหนังใกล้บ้านเมื่อใดก็ได้ ก็ต้องหยุด จากที่เคยไปวิ่งออกกำลังกายในสวนหรือเสียเหงื่อเกือบลิตรตามฟิตเนสก็ต้องงด ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ทุกอย่างปิด จึงไม่แปลกที่คนจะหันมาหนทางผ่อนคลายที่ทำได้แม้อยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่เพียงเท่านั้นการดื่มนอกบ้านนั้นเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ เช่น เราอาจต้องคอยดูแลคนอื่นระหว่างดื่มกิน หรือเราต้องขับรถกลับบ้าน ไปจนถึงเวลาที่สถานบริการปิดให้บริการ แต่การดื่มเองที่บ้านนั้นผู้คนไม่ต้องกังวลเรื่องเวลากลับบ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องการขับขี่ยานพาหนะ ปริมาณการดื่มและช่วงเวลาแห่งการเมามายจึงยืดขยายตามไปด้วย เพราะเมาก็แค่คลานเข้านอนไม่เดือดร้อนใคร “ใคร ๆ ก็ดื่มในช่วงเวลานี้ นี่คือเรื่องปกติ”