หากเอ่ยชื่อของ Mercedes-Benz เชื่อว่าหลายคนคงอดนึกถึง S-Class ซีรีส์เรือธงสุดหรูจากค่ายดาว 3 แฉกไปไม่ได้ โดยตัวอักษร “S” ใน S-Class นั้นมีที่มาจากคำว่า Sonderklasse ซึ่งเป็นคำในภาษาเยอรมันที่สื่อความหมายเปรียบได้กับการแปะป้ายตัวโต ๆ ว่ารถคันนี้คือ Special Class ที่ไม่เป็นรองใครในด้านความหรูหรา โอ่อ่า สะดวกสบาย พร้อมครองตำแหน่งรถยนต์ Luxury Saloon ที่ทำยอดขายติดอันดับต้น ๆ ของโลก และเมื่อทาง Mercedes-Benz หันมารุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเปิด Sub-brand อย่าง Mercedes-EQ สำหรับซีรีส์รถยนต์ไฟฟ้า 100% จึงเกิดเป็นประเด็นให้เหล่าสาวกเฝ้ารอคอยการมาของ S-Class ซีดานพิกัดใหญ่สุดหรูหราในเวอร์ชั่น EV หลังจากที่ได้ยลโฉมรถยนต์ Compact SUV พลังไฟฟ้าคันแรกของค่ายอย่าง Mercedes-EQC กันไปแล้วเมื่อปี 2018 หลังผ่านเวลามาร่วม 3 ปี ในที่สุดก็ถึงเวลาเผยโฉม Mercedes-EQS ซึ่งถือได้ว่าเป็น S-Class พลังไฟฟ้ารุ่นแรกของ
ถ้าพูดถึงเรื่องสูทกับผู้ชายไทย ดูจะเป็นชุดความรู้ที่เข้าใจผิดกันมานมนานหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่ง UNLOCKMEN พอจะเข้าใจว่าด้วยสภาพอากาศ และโอกาสที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยต่อการสวมใส่เสื้อสูทสักเท่าไหร่ ส่งผลให้หนุ่ม ๆ ไทยไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมนี้เท่าที่ควร พอนำมาสวมใส่ก็จะดูเคอะเขิน ไม่มั่นใจกันไปอีก แต่วันนี้พวกเราอยากจะเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใส่ชุดสูทเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้รับโอกาสอันดีจากคุณ ศิรพล ฤทธิประศาสน์ (กาย) และ คุณ วรงค์ ภัทรชัยกุล (บอล) เจ้าของร้าน The Decorum จุดนัดพบสำหรับสุภาพบุรุษ ในการแนะนำข้อมูลแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับชุดสูทแบบจัดเต็ม ซึ่งก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเรื่องสูท เป็นธรรมเนียมที่จะต้องพูดคุยเกี่ยวกับที่มาของร้านว่าทั้งคู่มาเริ่มต้นจับธุรกิจ Tailor Made ได้อย่างไร อะไรที่จุดประกายความคิดจนอยากจะเปิดร้าน The Decorum ขึ้นมาด้วยกัน ? คือเราสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วชอบอะไรที่เหมือน ๆ กัน ใส่เชิ้ตยี่ห้อเดียวกัน แล้วก็มีคนมาถามเยอะ ว่าเราใช้ของอะไร หามาจากไหน จึงคิดว่าอยากจะทำร้านขึ้นเพื่อให้เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์เหมือนกับเรา ก็เลยรู้สึกว่าอยากเอาสินค้าที่ตัวเองชอบและใช้อยู่แล้วมาทำตลาดที่นี่ครับ โดยสินค้าส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นที่เราก็ใส่เองด้วย ส่วนเรื่องของช่างตัดสูทที่ทางร้านนำเข้ามาก็เป็นช่างที่พวกผมตัดกับเขาประจำอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน สุดท้ายมาถึงจุดที่ว่า ตลาดเมืองไทยยังไม่มีอะไรแบบนี้ อยากจะให้คนไทยมีโอกาสได้ลองเหมือนกับเรา
“เธอกลับมา…เพื่อหมุนเข็มนาฬิกาให้เดินกลับหลัง” เนื้อเพลงจากเพลงดังในอดีตที่ไม่แน่ใจว่าได้ฟังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่บทเพลงนี้จะดังก้องในหัวทุกครั้งที่ได้เห็น Azimuth Back In Time นาฬิกาจากแบรนด์ Azimuth รุ่น Back In Time หรือเรียกได้อย่างสั้นๆว่า BIT เป็นเรือนเวลาที่มีกลไกอันซับซ้อนและเรียกร้องความสนใจจากผู้พบเห็นได้ดีเหลือเกิน ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะนาฬิการุ่นนี้เธอเดินถอยหลังนั่นเอง (anti clockwise) และไม่ได้มีแค่กลไกบอกเวลาแบบทวนเข็มนาฬิกาเท่านั้น ตำแหน่งของตัวเลขบอกเวลาก็ยังถูกวางในรูปแบบทวนเข็มนาฬิกาและกลับตาลปัตรจากจารีตเดิม ๆ เช่นกัน Azimuth BIT ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2009 มีทั้งเวอร์ชันเข็มเดี่ยวและสองเข็ม ด้วยรูปทรงไพลอตและหน้าตาอันแสนจะเรียบง่าย สีหน้าปัดและเข็มบอกเวลาที่ได้รับการคุมโทนมาอย่างตั้งใจ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเกินเลยหรือแปลกแยกผิดแผกไปจากกัน หากมองทะลุความเรียบง่ายเหล่านี้ไปและพินิจพิจารณาไปที่กลไกบอกเวลา จะรับรู้ได้อย่างไม่ยากเลยว่าผู้ผลิตไม่ได้ปฏิวัติแค่ความคิด แต่ต้องปฏิวัติเทคนิคในการสร้างกลไกสำหรับบอกเวลาด้วยเช่นกัน เพราะทุกอย่างถูกตั้งอยู่บนความขบถ ผู้ผลิตจึงต้องออกแบบและสร้างชุดเกียร์พิเศษขึ้นมาใหม่ นำไปติดตั้งคั่นกลางระหว่างชุดขับเคลื่อนและเข็มบอกเวลาจึงจะทำให้การเดินถอยหลังนั้นเกิดขึ้นได้จริงและสมบูรณ์แบบที่สุด ตลอดระยะร่วมทศวรรษที่ Azimuth Back In Time ได้รับการพัฒนาและนำเสนอซีรี่ย์ใหม่ ๆ เรื่อยมา แม้จะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งานได้ยาก ดูเวลาได้ไม่สะดวก ใครจะต้องการนาฬิกาเดินถอยหลังกันไปเพื่ออะไร แต่ BIT ก็ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในไอคอนของแบรนด์ จนได้รับการสั่งผลิตรุ่นลิมิเต็ดและถูกผูกโยงไปกับหน้าบันทึกของประวัติศาสตร์โลกอย่างเนือง ๆ ซึ่งหาได้ยากจากนาฬิกาทั่วไป
เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ Longines (ลองจินส์) อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานเกือบ 190 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier ก่อนที่จะใช้ชื่อ Longines ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อบริเวณที่ตั้งโรงงานมาใช้เป็นชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของ Longines และโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกได้กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้คนทั่วโลก กับเรื่องราวของประสิทธิภาพการบอกเวลาที่แม่นยำ, ความแข็งแรงทนทาน รวมไปถึงเทคโนโลยีแบบฉบับดั้งเดิมที่ทำให้ Longines ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของนักบุกเบิกและเหล่าผู้กล้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Amelia Earhart, Elinor Smith, Paul-Emile Victor และ Howard Hughes ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างมอบความไว้วางใจให้เรือนเวลาของแบรนด์นาฬิกาทรายติดปีกนี้เป็นเพื่อนคู่ใจเคียงข้างตลอดการผจญภัยอันเหลือเชื่อมากมาย ทั้งการบุกป่าฝ่าดงผ่านสภาพอากาศอันสุดเหวี่ยง, ล่องเรือท่ามกลางความเหี้ยมโหดของมหาสมุทร อีกทั้ง Longines ยังมีบทบาทในการเปิดเส้นทางเดินอากาศใหม่ ๆ รวมถึงการบันทึกสถิติการเดินทางอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ Longines ยังได้ทำการถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักบุกเบิก และเรื่องราวอันมหัศจรรย์จากโลกแห่งการบิน ผ่านเรือนเวลาคอลเลกชั่น Longines Spirit ซึ่งหลายคนคงมีโอกาสสัมผัสความงามที่เต็มไปด้วยเรื่องราวซึ่งเปรียบเสมือนการสดุดีแด่สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษผู้หาญกล้าแห่งประวัติศาสตร์กันมาแล้ว และล่าสุดคอลเลกชั่น Longines Spirit ยังได้ก้าวไปอีกขั้นกับ Longines Spirit Titanium ซึ่งยังคงได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการบินอันเป็นจุดกำเนิดของคอลเลกชั่น พร้อมทะยานสู่ยุคแห่งนวัตกรรมใหม่ด้วยเรือนเวลาที่ผลิตจากไทเทเนียมซึ่งเรากำลังจะพาชาว
A Split Second Can Change Everything มีคำพูดเกี่ยวกับความสำคัญของเวลากล่าวไว้ว่า “To realize the value of ONE MILLISECOND, ask the person who won a silver medal in the Olympics.” ความสำคัญของเศษเสี้ยววินาที มีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้อย่างประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬา ที่เพียงเศษเสี้ยววินาที ก็สำคัญถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะหรือแม้แต่สร้างสถิติใหม่ที่โลกต้องจารึกชื่อเอาไว้ และที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเทคโนโลยีที่การจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงสุด ซึ่งในอดีต อุปกรณ์จับเวลาไม่ละเอียดอ่อนมากพอที่จะบันทึกเศษเสี้ยววินาทีได้ ภายใต้การนำของ Shoji Hattori, president of K. Hattori (ชื่อแบรนด์ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Seiko) จึงได้ระดมทีมเพื่อพัฒนานาฬิกาจับเวลาแบบกลไก ‘Heart-shaped Cam’ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแห่งยุคซึ่งทั่วโลกต่างให้การยอมรับ นับเป็นการประกาศตัวบนเวทีโลกในด้านความแม่นยำ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการปลดล็อคขีดจำกัดในโลกแห่งเสี้ยววินาทีในที่สุด ในปี 1969 เป็นปีสำคัญที่โลกได้รู้จักกับ Seiko Speedtimer (ไซโก
ใครคือนักเต้นที่ดังที่สุดในประเทศไทย? อาจจะเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่ถ้าถามว่าใครคือนักเต้นที่อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก รับรองว่าเราจะต้องเห็นชื่อ ‘Les Twins’ สองพี่น้อง duo นักเต้นจากฝรั่งเศสเจ้าแห่ง new-style hip-hop dancing ปรากฎอยู่ในระดับหัวแถวแน่นอน “Les Twins” คือชื่อทีมสุดขลังระดับ Icon ของวงการ Street Dancers ที่โด่งดังทะลุไปถึงในวงการ Design และ Entertainment ทั่วโลก ประกอบด้วยสองพี่น้องฝาแฝดชาวฝรั่งเศส Laurent และ Larry Bourgeois aka “Lil Beast” and “Ca Blaze” คู่หูที่ปัจจุบันคำว่านักเต้นอาจจะน้อยเกินไป เราขอเรียกว่าเป็น “Urban Movement Creators” ศิลปินที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวให้กลายเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉีกกรอบความสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัดจะเหมาะสมกว่า Laurent และ Larry Bourgeois สองนักเต้นฝาแฝด Les Twins เกิดในปี 1988 และเติบโตในเมืองทางตอนเหนือของปารีส พวกเขาไม่เคยเข้าคอร์สเรียนเต้นอย่างจริงจังมาก่อนเลย แต่ใช้วิธีเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการสังเกตนักเต้นคนอื่น
สำหรับใครที่กำลังมองหากระเป๋าคู่ใจใบใหม่ ไม่ควรพลาด เพราะวันนี้เราจะมาอัพเดทเรื่องราวของ INCASE A.R.C. COLLECTION ไอเทมใหม่สด ๆ ร้อน ๆ คอลเลกชันล่าสุดจาก INCASE ที่ต้องบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หนุ่มสาวหัวใจ Creative ที่มีวิถีชีวิตแบบ Multi-Function นี้ได้แบบครบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ที่เข้าตาและการใช้งานที่ถูกใจกับการออกแบบในสไตล์ Minimal เข้ากับทุกลุค เท่ได้ทุกสไตล์ อีกทั้งยังผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลคุณภาพสูงซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตรงตามคอนเซ็ปต์ของคอลเลกชัน A.R.C. ซึ่งมีความหมายว่า A Responsible Carry สำหรับเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน INCASE A.R.C. COLLECTION มาพร้อมกับกระเป๋า 4 แบบ 4 สไตล์ ทั้ง TravelPack, Commuter, DayPack และ Tech Tote ซึ่งครบครันไปด้วยฟังก์ชันที่ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ อีกทั้งแต่ละรุ่นยังมีรูปแบบการใช้งานเฉพาะ ให้เลือกใช้ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ใช่ของทุกคน ส่วนใครที่อยากรู้ว่ากระเป๋า INCASE A.R.C. COLLECTION ทั้ง 4 รุ่นนั้นมีจุดเด่น มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายโดนใจขนาดไหน
สำหรับหนุ่ม ๆ Urban Men ที่มีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับย่านใจกลางเมืองเป็นส่วนใหญ่ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘สาทร’ ย่านธุรกิจที่มีเสน่ห์ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ตึกออฟฟิศ หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ เพียงเท่านั้น ย่านสาทรเป็นเหมือนศูนย์กลางของ Urban Lifestyle ที่สะดวกสบายทั้งการเดินทาง และการใช้ชีวิต รายล้อมไปด้วยร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์, ห้างสรรพสินค้า, คาเฟ่บิสโทรสุดชิค รวมไปถึงสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานทูต และโรงแรมระดับ 5 ดาว มากมาย นอกจากอาคารสำนักงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ที่ครบครัน ‘สาทร’ ยังเป็นโลเคชั่นซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตใจกลางมหานครได้อย่างสมบูรณ์แบบ กับโครงการ TAIT Sathorn 12 (เทตต์ สาทร ทเวลฟ์) ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปทำความรู้จักในทุกแง่มุมของคอนโดมิเนียมโครงการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เลือกคอนโดใหม่ที่พร้อมตอบสนองวิถีชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว โครงการ TAIT Sathorn 12 เป็นคอนโด High Rise ระดับ Luxury ความสูง
Omega เปิดตัว Speedmaster edition สุดพิเศษ “Chronoscope” คำนิยามที่หมายถึงเครื่องมือที่ใช้เพื่อวัดระยะเวลาที่ดำเนินไประหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดจากการนำคำในภาษากรีกสองคำมาผสมกัน คือ “Chronos” ที่แปลว่า เวลา และ “Scope” ที่แปลว่า การสังเกต คำแทนเครื่องมือที่ใช้เพื่อบอกระยะเวลาระหว่างตำแหน่งเวลาหรือเหตุการณ์ OMEGA Speedmaster Chronoscope รุ่นใหม่ขนาด 43 มม. อันน่าทึ่งสามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยม – และในหลากหลายระดับ สำหรับเหล่าผู้ที่หลงใหลในบรรดาเรือนเวลาระดับตำนานของ OMEGA นาฬิการุ่นนี้ถูกอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย ทั้งหน้าปัดแบบพิมพ์ที่รวมสามสเกลเวลาเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างสวยงามสะกดทุกสายตา Tachymeter เครื่องมือบอกความเร็วจากระยะทาง จะสามารถบอกความเร็วที่คุณใช้ในการเดินทางได้ โดยอิงจากระยะทางที่เดินทาง โดยสเกลจะช่วยวัดระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางเฉลี่ยระหว่างตำแหน่งสองตำแหน่ง ไม่มีว่าการเดินทางของคุณจะเป็นในหน่วยไมล์หรือกิโลเมตร Telemeter บอกระยะทางจากความเร็วของเสียง เพียงสองขั้นตอนสุดง่าย เครื่องบอกเวลาอันเที่ยงตรงจาก OMEGA สามารถบอกได้อย่างแม่นยำว่าคุณอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดที่สามารถมองเห็นและมีเสียง เช่น พายุฝนฟ้าคะนอง Pulsometer วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เต้นช้าไป เร็วไป หรือกำลังพอดี? ต้องขอบคุณสเกล 30 ครั้งต่อนาที ที่ทำให้คุณสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจของทั้งตนเองหรือผู้อื่นได้ เรือนเวลา
ผลงานของ Apple หลาย ๆ ชิ้น ไม่ว่าจะเป็น iphone, macbook, ipad หรือ airpod มักทำให้คนเมืองอย่างเราเกิดความ hype อยู่เสมอเวลาที่ได้เห็นมันออกรุ่นใหม่ Apple TV ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น อย่าง Apple TV 4K เจเนอเรชั่นใหม่ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่างรีโมท หลังจากที่มันได้รับเปิดตัวไปในปีนี้ ก็ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน บางคนอาจรู้สึกว้าวกับมัน แต่ก็มีดีไซนเนอร์บางคนเหมือนกันที่รู้สึกว่าแค่ เพิ่มรีโมท กล่องรับสัญญาณที่มีค่า refresh rate สูง หรือ เทคโนโลยี Dolby Vision น่าจะยังไม่เพียงพอสำหรับ Apple TV เขาจึงลองออกแบบ Apple TV เวอร์ชั่นใหม่ที่มีการอัพเกรดดีไซน์และฟีเจอร์ใหม่ออกมา Iván Antón นักออกแบบชาวสเปน ได้โชว์ผลงานการออกแบบของตัวเองชื่อว่า ‘Apple TV 2021 concept’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมอุปกรณ์ Apple TV ใหม่ให้มีความทันสมัย ใช้งานได้ง่ายขึ้น