มาทำความรู้จักกับ Alex Turner หัวหอกวงลิงซน ที่เขาว่ากันว่าเป็นอัจฉริยะของการเขียนเพลง
เสียงเพลงนอกจากจะมอบความบันเทิงให้กับผู้ฟังแล้ว แต่ในหลาย ๆ ครั้งมันก็เป็นข้อความของความรู้สึกจากภายใน หรือแม้กระทั่งเป็นการเรียกร้องอะไรบางอย่างผ่านเนื้อหาที่สื่อสารออกมาเช่นกัน หนี่งในเพลงเหล่านั้นคือ “Fuck Tha Police” เพลงสุดอื้อฉาวแห่งยุค 80’s จากคณะโอลด์สคูล ฮิพฮอพ ในตำนานนามว่า N.W.A. บทเพลงต่อต้านการกดขี่ข่มเหงคนผิวสี ท่อนบีท, เสียงเทิร์นเทเบิ้ล และการพ่นท่อนแร็ป คือส่วนผสมทางดนตรีที่ผลิตออกมาจาก 6 สมาชิกตัวจี๊ดของ N.W.A. ประกอบไปด้วย Eazy-E, Ice Cube, Dr.Dre, Mc Ren, DJ Yella และ Arabian Prince จนออกมาเป็นอัลบั้ม Straight Outta Compton ในปี 1988 พวกเขาคือกลุ่มเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยอารมณ์สุดเดือดดาล มีทั้งความสดและความเรียล กล้าที่จะ Express ความคิดเห็นบางอย่างออกมาแบบไม่ต้องแยแสสนใจหรือเกรงกลัวอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในเพลง “Fuck The Police” ที่พวกเขาได้ถ่ายทอดความเก็บกดจากการถูกกดขี่และความอยุติธรรมจากบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงเพราะว่าพวกเขาเป็น “คนผิวสี” ทุก
หากจะพูดถึงเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่แท้จริงแล้วเมืองแห่งนี้ได้ผลิตศิลปินสุดเจ๋งมาประดับวงการดนตรีมากมาย และหลาย ๆ วงก็เข้าขั้นระดับตำนานไปแล้ว จนถึงขนาดมีการใช้คำจำกัดความวงดนตรีที่มาจากเมืองนี้ว่า “แมดเชสเตอร์ (Madchester)” Unlockmen ขอพาทุกคนไปท่องโลกของเสียงกีตาร์แตกพร่าและความเกรี้ยวกราดจาก 5 วงร็อกยุค 80’s และ 90’s สุดเจ๋งจากเมืองแมนเชสเตอร์ 1. OASIS ชื่อของ Oasis คงไม่มีใครไม่รู้จัก วงร็อกที่นำโดยสองพี่น้อง Gallagher ได้แก่ “Liam” และ “Noel” ผู้มีฝีปากกล้าแกร่งเกินจะจินตนาการ แต่ความปากดีของพวกเขาคงจะส่งให้วงโด่งดังจนก้าวข้ามมาเป็นระดับตำนานไม่ได้หากตัวดนตรีมันไม่เจ๋งพอ Oasis สร้างปรากฎการณ์มากมายให้กับวงการดนตรีบริตป๊อปในยุค 90’s ทันทีที่พวกเขาวางจำหน่ายอัลบั้มแรก “Definitely Maybe” (ปี 1994) ก็สามารถทุบสถิติอัลบั้มเดบิวต์ที่ขายได้รวดเร็วมากที่สุดในประเทศอังกฤษ รวมไปถึงการได้แสดงคอนเสิร์ต 2 วัน 2 คืน ที่ Knebworth ท่ามกลางคนดูรวมกันมากกว่า 250,000 คน
ในช่วงเวลานี้ วงการหนังคงไม่มีอะไรคึกคักเท่ากับหนังไทย “ร่างทรง” ที่สร้างความหลอนจนทำรายได้และสร้างกระแสทั้งในจอและนอกจอ แม้กระทั่งมีหนังที่หลุดในโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนกระแสของหนังเรื่องนี้ให้จืดจางลงได้เลย ซ้ำยังมีผู้ที่พร้อมไปพิสูจน์ความหลอนด้วยตาตัวเองในโรงอย่างแน่นขนัด แต่ท่ามกลางความสำเร็จระดับโลกนั้น ก็แลกด้วยข้อถกเถียงกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะรูปแบบที่หนังพยายามนำเสนอในรูปแบบหนังสารคดี จนส่งผลให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น “หนังเสียงแตก” อย่างชัดเจน คือถ้าชอบจะชอบมาก แต่ถ้าไม่ชอบก็พาลเกลียดไปเลย โดยเฉพาะการถ่ายทำในรูปแบบของสารคดีนั้น แม้จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกภาพยนตร์ แต่ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับหนังไทย เราจึงชวนคุณมาทำความรู้จักกับหนังแนวนี้ มาดูกันว่าทำไมนักสร้างหนังหลายคนถึงเลือกที่จะทำในแนวทาง Mockumentary และคำ ๆ นี้แปลว่าอะไรกันแน่ Mockumentary ความไม่จริง สะท้อนความจริงอย่างชัดแจ้ง หนังสารคดี หรือ Documentary นั้น มักถูกใช้สะท้อนภาพความจริง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์หรือบุคคลนั้น ๆ เพื่อใช้โน้มน้าวหรือสร้างความน่าเชื่อถือ ผ่านหลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกได้ หรือการบอกเล่าจากปากผู้ประสบเหตุนั้นมา สารคดีส่วนใหญ่จึงทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนที่มุ่งหวังหรือตั้งคำถามต่อสิ่ง ๆ นั้นโดยใช้ “ความจริง” เพื่อเป็นสิ่งประจักษ์แก่ผู้รับสาสน์ ในขณะเดียวกัน ยาขมของ Documentary ก็ทำให้คนบางคนรู้สึกเบื่อ เมื่อภาพจริงในบางครั้งก็ไม่อาจนำพาอารมณ์ให้ตื่นเต้นจนคนคล้อยตามได้ หนังสารคดีบางส่วนจึงจำต้องสร้างฉากบางฉาก ซีนบางซีน เพื่อสอดรับกับสิ่งที่นำเสนอ เช่นการสัมภาษณ์ของผู้ให้สัมภาษณ์อาจจะน่าเบื่อจนเกินไป หรือบางเหตุการณ์ที่กล้องจับภาพไม่ทัน การใส่สีสันไม่ว่าจะเป็นภาพที่ถ่ายใหม่เพื่อจำลองเหตุการณ์จริงที่กล้องไม่ทันได้ถ่าย เพื่อทำให้เหตุการณ์นั้น ๆ
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา อาจมีนักแสดงหลายคนที่ได้ฝากผลงานการแสดงภาพยนตร์อันโดดเด่น จนกลายเป็นรอยประทับในหัวใจผู้ชมจำนวนไม่น้อย แต่ถ้าพูดถึงนักแสดงฮ่องกงทรงเสน่ห์ระดับตำนานที่ยืนหนึ่งเรื่องการแสดงที่ลุ่มลึกและหลากหลาย จนข้ามฟ้ามาครองหัวใจคนไทยได้อยู่หมัด ‘เหลียงเฉาเหว่ย’ หรือ ‘โทนี่ เหลียง’ คงเป็นชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคน ผู้ชมถูกเขาตรึงไว้กับสารพัดบทบาท ทั้งตำรวจในคราบโจรที่หักเหลี่ยมเฉือนมุมดุเดือดแต่ก็ดำดิ่ง บทบาทร้าวลึกของชายผู้มีความสัมพันธ์ลับท่ามกลางควันบุหรี่ฟุ้งหม่น ไปจนถึงบทบาทชายรักชายในดินแดนข้ามขอบฟ้าห่างไกล ฯลฯ โดยเฉพาะในปี 2021 ที่เขาตัดสินใจก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีของชีวิตนักแสดง โดยเหลียงเฉาเหว่ยรับบทบาท ‘แมนดาริน’ วายร้ายตัวฉกาจใน Marvel Studios’ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์) นอกจากเป็นครั้งแรกของการร่วมงานกับฮอลลีวูด นี่ยังเป็นการแสดงฝีมือครั้งสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่านับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่วงการแสดงในปี 1981 นี่คือ 4 ทศวรรษที่เขาพร้อมเปิดรับและเรียนรู้ทุกความท้าทายที่เข้ามา จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สู่แถวหน้าแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง สำหรับนักแสดงคนอื่น ๆ การแสดงอาจหมายถึงอะไรก็ได้ แต่กับเหลียงเฉาเหว่ย เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ครังหนึ่งว่าการแสดงเปรียบเสมือนความฝันที่เขาจะสามารถหลบหนีจากโลกความเป็นจริง กลายเป็นคนอื่น รับบทคนอื่นโดยลืมการเป็นตัวเองเป็นชั่วขณะได้ แม้ฟังเผิน ๆ
ดุลยเกียรติ เลิศสุวรรณกุล หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “เต๋า” นักร้องนำวง Sweet Mullet ศิลปินที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนมากที่สุดวงหนึ่งของวงการดนตรีไทย ฝากผลงานเพลงดังเอาไว้มากมายไม่วาจะเป็น ‘ตอบ’, ‘เพลงของคนโง่’, ‘หลับข้ามวัน’, ‘สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน’, ‘ภาพติดตา’ และ ‘พลังแสงอาทิตย์’ รวมไปถึงผ่านการขึ้นเวทีในราชมังคลากีฬาสถานกับเทศกาลดนตรี G19 ท่ามกลางคนดูนับหมื่นมาแล้ว แต่ภาพของความสำเร็จที่ดูสวยงาม แท้จริงแล้วกว่าที่จะออกมาให้ทุกคนได้เห็น มันต้องผ่านทั้งความอดทน การต่อสู้ และความเหน็ดเหนื่อยมาอย่างมากมาย ทำให้ชีวิตต้องเจอกับความท้าทายไต่เย้ยนรกที่แวะเข้ามาทักทายตลอดไม่เว้นแต่ละวัน ชีวิตของเต๋าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง Unlockmen มีคำตอบให้กับบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ชีวิตวัยเด็ก เน้นเล่นไม่เน้นเรียน “ผมก็เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่สนใจเรียน วัน ๆ เอาแต่สนใจเรื่องเล่นมากกว่า เช่น พวกการ์ตูน เกม จำได้ว่าเคยสอบได้ที่โหล่ของห้องด้วย เคยโดนเชิญผู้ปกครองมาคุยว่าทำไมถึงไม่ตั้งใจเรียน ผมชอบนั่งคุยกับเพื่อนครับ ไม่ได้สนใจคุณครูที่อยู่ตรงหน้าเลย หรือต่อให้นั่งฟัง ผมก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ พอว่างก็วาดรูปในสมุดเล่น ตอนมัธยมเกือบเรียนไม่จบ ผ่านไปด้วยคะแนนที่แบบ คือถ้าเปิดสมุดพกมาจะเห็นชัดเลย แต่พอช่วงที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย มันตรงกับช่วงที่บ้านมีปัญหาทางการเงิน ผมก็เลยเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้แล้วนะ เราเรียนที่มหาวิทยาลัยสยาม เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าหน่วยกิตมันแพงมาก ผมก็เลยคิดว่าเราต้องตั้งใจเรียนแล้วนะ
สาวช้ำรักผู้มูฟออนความชอกช้ำเป็นวงกลม เปลี่ยนประสบการณ์เศร้าหมองให้กลายเป็นบทเพลงสุดฮิต ULM Playlist เดือนนี้มาทำความรู้จักกับ Adele ผ่าน 10 บทเพลงที่เป็นตัวตนของเธอ เพื่อต้อนรับอัลบั้มใหม่ชุดที่ 4 “30” ที่จะให้ฟังกันในเดือนพฤศจิกายนนี้ Hometown Glory Round my hometown Memories are fresh Round my hometown Ooh the people I’ve met Are the wonders of my world Are the wonders of my world Are the wonders of this world Are the wonders of my world บทเพลงประเดิมอาชีพการเป็นนักร้องของ Adele
“หน้ากาก” สำหรับซูเปอร์ฮีโร่แล้ว มันหมายถึงการปิดบังอำพรางสถานะที่แท้จริงเพื่อไม่ให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าพวกเขานั้นเป็นใครมาจากไหน แต่สำหรับเหล่าฆาตกรโรคจิตในหนัง “หน้ากาก” ที่พวกมันสวมใส่ มีไว้บดบังความโหดเหี้ยมถึงเลือดถึงเนื้อ และเมื่อใดที่มันปรากฏกายภายใต้หน้ากาก ก็เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยว่า ต้องมีผู้เคราะห์ร้ายสังเวยความกระหายในการฆ่าคนอย่างแน่นอน และเพื่อส่งท้ายเทศกาลฮาโลวีนที่เพิ่งผ่านพ้นไป เราจึงได้รวบรวมเหล่าหน้ากากฆาตกรสุดหลอนจากหนังฮอลลีวูดที่กลายเป็นไอคอนสำคัญแห่งโลกภาพยนตร์ จนเป็นที่นิยมสำหรับใส่ในงานปาร์ตี้คืนวันปล่อยผีที่เห็นได้แทบทุกปี ลองมาดูกันว่าภายใต้หน้ากากสุดอำมหิตนี้ พวกมันซ่อนความโหดไว้ในระดับไหน Michael Myers – Halloween Franchise หน้ากากฮาโลวีน ผู้เปลี่ยนโลกแห่งฆาตกรหน้ากากไปตลอดกาล ฆาตกรหน้ากากคนแรกที่เราเสนอ คือต้นตำรับความสยองในคืนวันปล่อยผีอย่าง Michael Myers ใน Halloween หนังสุดสยองสยองที่ทำให้คาแรคเตอร์ฆาตกรหน้ากากกลายเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์สำคัญแห่งโลกภาพยนตร์ จากบุคลิกสุดโฉดและแปลกแยกของเด็กหนุ่มที่ลงมือฆ่าพี่สาวของตนตั้งแต่อายุ 12 หลังจากนั้น เขาเริ่มสนุกกับการค่อยๆลักลอบฆ่าคนในเทศกาลวันฮาโลวีน ก่อนจะเติบโตท่ามกลางคาวเลือดและไล่ล่าฆ่าคนภายใต้หน้ากากสุดสยอง Halloween คือหนังชุดที่เปิดประเดิมมหกรรมการฆ่าคนอย่างไม่ยั้งในคืนฮาโลวีน ที่สร้างหมุดหมายสำคัญแห่งหนัง Serial Killers ที่ผลักดันให้กลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์โชกเลือดของหนังแนวหวีดสยองจวบจนปัจจุบัน และแตกแขนงสร้างความหวาดกลัวมาหลายต่อหลายภาค และในปีนี้ Michael Myers จะกลับมาสร้างความโหดสุดขีดคลั่งในหนัง Halloween Kills ที่จะปลุกฝันร้ายในวัยเยาว์ของเหล่านักแสดงจากต้นฉบับให้เผชิญหน้ากับไอ้หน้ากากทมิฬที่ไม่ยอมตายเสียที และครั้งนี้ Jamie Lee Curtis นักแสดงจากภาคแรก พร้อมแล้วที่จะกระชากหน้ากากอันแท้จริงของมันให้เห็นจะจะตา Jason
แม้จะมีหนังในมือเพียงหลักหน่วย แต่ชื่อชั้นของ Denis Villeneuve ก็ถูกวางไว้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของผู้กำกับแห่งยุคได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงเพราะหนังที่ทำนั้นสเกลใหญ่ขึ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่สำหรับ Denis Villeneuve แล้ว มีจุดเชื่อมโยงอันหลากหลายที่ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับที่มีสไตล์เฉพาะตัว และเพื่อต้อนรับหนังใหม่ที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์ขณะนี้อย่าง Dune เรามาสำรวจความเจ๋งและความใหญ่ที่เราพบผ่านโครงสร้างของหนังของผู้กำกับยอดเยี่ยมท่านนี้กัน ว่าเบื้องหลังความสำเร็จในแง่ของการทำงานนั้น มีจุดใดที่เชื่อมโยงการทำงานจนกลายเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของเขากันบ้าง ระดมนักแสดงยอดฝีมือล้นจอ หนังของ Denis Villeneuve ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักของนักดูหนังในวงกว้าง เขาคือ Film Maker จากแคนาดาที่มีผลงานเป็นหนังไฮคอนเซ็ปท์ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในประเทศ ก่อนจะมีโอกาสได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำหนังในฮอลลีวู้ด เขาก็ไม่รอช้าที่จะทำหนังในแนวทางที่ท้าทายในตัวเขา และหนังเรื่องแรกในฮอลลีวูด เขาก็ได้นำวูล์ฟเวอร์รินอย่าง Huge Jackman มาประกบกับ Jake Gyllenhaal ในหนัง Thriller สุดระทึกขวัญสุดกดดันกับเรื่องราวที่พ่อทั้ง 2 ต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป Prisoners (2013) คือหนัง Thriller ที่เต็มไปด้วยสภาวะกดดันถึงขีดสุด ท่ามกลางการลุ้นระทึกของคนดูที่รอคอยว่า Huge Jackman ผู้เป็นรับบทเป็นพ่อที่ลูกสาวหายสาปสูญจะระเบิดอารมณ์เมื่อไหร่ ซึ่งในช่วงเวลานั้น Huge Jackman ที่กำลังจะวางเล็บเหล็ก
ในยุคสมัยที่ความทันสมัยและความคมชัดของการดูหนังเป็นเรื่องที่แสนสะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังผ่านสตริมมิงชื่อดังอย่าง Netflix ที่มีความคมชัดระดับ 4K แต่คนกลุ่มหนึ่งกำลังกำลังถวิลหาความสุขผ่านการเสพภาพยนตร์จากม้วนวีดีโอเทป สื่อในอดีตที่คมชัดเพียงระดับหนึ่ง แถมมีความยุ่งยากพอสมควรทั้งในการค้นหาซีนเวลาที่ต้องการ การดูแลรักษาไม่ให้เนื้อเทปเสียหาย รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่หาได้ยากยิ่ง แต่เพราะอะไรหลายคนกลับคิดถึง Home Entertainment ชิ้นนี้ และชุมชนคนดูหนังในแบบจับต้องได้กำลังค่อย ๆ ขยับขยายเพิ่มขึ้นทั้งคนเกิดทัน และในหมู่คนรุ่นใหม่ มาทำความรู้จักกลุ่มๆนี้ Free Blockbuster ตู้ปันสุขสำหรับคนที่ชอบเสพย์ความบันเทิงในแบบ Old School VHS สื่อบันเทิงทันสมัยในยุคเทคโนโลยีค่อยๆเบ่งบาน ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970s โลกเริ่มทันสมัยรุดหน้าไปเรื่อยๆ สื่อบันเทิงก็เช่นกัน มีความพยายามที่จะทำสื่อพกพาเพื่อความสะดวกสบายและเม็ดเงินที่จะสะพัดตามมา โดยเฉพาะสื่อภาพยนตร์ หลังจากที่สื่อโทรทัศน์เริ่มแพร่หลาย และมีคนคิดค้นฟิล์ม Super 8 ขนาด 8 มิลลิเมตรเพื่อชมกันในครัวเรือนในยุค 60s แต่มันก็เทอะทะและยังเป็นเครื่องเล่นที่ราคาสูงจนเกินไป บริษัทญี่ปุ่นสองแห่ง Sony และ JVC ได้คิดค้น VCR (Video Cassette Recorders) เพื่อรองรับความสะดวกสบายทั้งการบันทึกภาพและการดู โดยทั้ง 2 บริษัทต่างพยายามกันแข่งกันค้นคว้าและทดลอง จนในที่สุด