“รักฉัน รักฉันเถอะนะ จะไม่ทำให้เธอเสียใจ” “ที่เธอเห็นแค่ฝุ่นมันเข้าตา ฉันไม่ได้ร้องไห้” หากบทเพลงของผู้ชายที่ชื่อ ‘อะตอม – ชนกันต์ รัตนอุดม’ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณมาโดยตลอด ขอให้รู้ไว้ว่าเรากับคุณคือเพื่อนกัน จากวันแรกที่เด็กชายอะตอมได้เห็นนักร้องในโทรทัศน์เป็นครั้งแรก เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าในอนาคตตัวเองจะต้องเป็นแบบนี้ให้ได้ ถึงแม้จะเรียนจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของอะตอมกลับวนเวียนอยู่กับเสียงเพลงมาโดยตลอด และถ้าหากคุณรู้สึกว่าบทเพลงของเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต วันนี้ก็ถึงคราวที่คุณจะได้ไปเรียนรู้ชีวิตของผู้ชายเจ้าของบทเพลงเหล่านั้นกันบ้าง เขาเริ่มต้นการเป็นนักร้องไมค์ทองคำตัวยงบนเวทีประกวดเพลงลูกทุ่งชั้นประถม สู่การเริ่มเขียนเพลงจริงจังในสมัยมัธยม จนถึงวันที่เขาตัดสินใจส่งเดโมให้ค่ายใหญ่ ทุกความสำเร็จล้วนเกิดขึ้นจากความพยายาม หาใช่โชคช่วยหรือการเป็นไวรัลทางอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด บทสนทนาในครั้งนี้จะพาเราทุกคนไปย้อนประวัติศาสตร์บนเส้นทางดนตรีของอะตอมกันอีกครั้ง รวมถึงรับฟังมุมมองด้านกฎหมายลิขสิทธิ์เข้มข้น ที่เราการันตีว่าจะเป็นประโยชน์กับศิลปินและเหล่าผู้สร้างสรรค์ผลงานทุกคนอย่างแน่นอน จุดเริ่มต้นของคุณคือการฝากเดโมเพลงตัวเองไปกับ ‘แอมมี่ The Bottom Blues’ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อันที่จริงตอนเริ่มต้นไม่ใช่ว่าทำเดโมเลยตามหาตัวพี่แอมมี่เพื่อเอาไปฝากนะ ไม่รู้ว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรหรือเปล่า วันที่เราไปอัดเดโมเซตสุดท้ายที่เราตั้งใจว่าถ้าเสียเงินให้ห้องอัดที่นี่รอบนี้ แล้วเอาไปส่งรอบนี้ ถ้าไม่รอดก็คือไม่รอด ถือว่าสุดทางแล้ว มีเพลงที่แต่งมาเยอะประมาณ 5-6 เพลง อัดเป็นกีตาร์โปร่งกับเสียงร้อง ซึ่งห้องอัดนี้เราหาจาก Google พยายามหาอันที่ดูดี ที่คนเขาใช้กันเยอะ ๆ ก็ไปเจอห้องอัดนึงชื่อ LopStudio อยู่ตรงตึกลิเบอร์ตี้ ท้ายซอยทองหล่อ แล้วก็เข้าไปอัด
‘วงดนตรียิ่งอยู่นาน ๆ พลังยิ่งหมด’ วลีนี้อาจไม่จริงเสมอไป เพราะในโลกดนตรีอันแสนกว้างใหญ่ยังมีวงดนตรีอีกมากที่ ‘ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า’ ยิ่งอายุมากประสบการณ์ก็มากตาม และถ้าจะพูดถึงวงดนตรีแถวหน้าสักวงในไทยที่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ เราเชื่อว่า Paradox อาจเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง ช่วงชีวิตของใครหลายคน อาจเคยมีบทเพลงของพวกเขาเป็นซาวด์แทร็กประกอบ ผลงานของพวกเขามีตั้งแต่เพลงรักหวานซึ้ง จนไปถึงบ้าระห่ำสุดขั้ว ราวกับพจนานุกรมของวง Paradox ไม่มีคำว่าจำเจ วันนี้เราจะพาทุกคนไปล้วงลึกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของวง Paradox จากปากสมาชิกทั้งสี่ ต้า (ร้องนำ), สอง (มือเบส), บิ๊ก (มือกีตาร์) และโจอี้ (มือกลอง) ตัวจริงเสียงจริง อะไรที่ทำให้พวกเขายังผงาดง้ำค้ำโลก รักษาความสดใหม่ พร้อมจะยิงมุกใส่แฟนเพลงได้ราวกับกระสุนที่ไม่เคยหมดแม็ก ตบท้ายด้วยไฮไลต์เด็ดที่ทุกคนอยากรู้ ‘เคล็ดลับซื้อหวยอย่างไรให้ถูก’ จาก สอง Paradox! เข้าปีที่เท่าไหร่แล้วสำหรับวง Paradox สอง: 22 ปีแล้วครับ ผมขอนับตั้งแต่อัลบั้มแรกวางแผง ไม่ได้นับตั้งแต่ตอนตั้งวงละกัน เพราะเดี๋ยวมันจะแก่ไปกว่านี้ (หัวเราะ) จากเพลง ‘ฤดูร้อน’ ถึงเพลง ‘ฤดูฝน’ การเดินทางของวง เป็นอย่างไรบ้าง ต้า:
ก่อนจะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นี่คือฤกษ์งามยามดีที่ UNLOCKMEN จะจัดอันดับผู้ที่เป็นที่สุดแห่งปี 2019 ในสาขาต่าง ๆ โดยก่อนหน้านี้มีทั้ง GIRL WE LOVE และ ZERO TO HERO กันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงหัวข้อที่เหล่าคอเพลงรอคอย นั่นก็คือ GARAGE OF THE YEAR นั่นเอง สำหรับปีนี้ทีมเราก็มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับเหล่าศิลปินเจ๋ง ๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่มากมายหลายชีวิต อีกทั้งยังได้ฟังเพลงเพราะ ๆ สัมผัสความเป็นตัวตนของพวกเขามากกว่าที่เคย จัดว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีในการเปิดประสบการณ์ทางดนตรีใหม่ ๆ และนี่คือ 5 ศิลปินที่เราขอยกย่องพวกเขาให้เป็นที่สุดของ UNLOCKMEN ประจำปีนี้ บอกเลยว่าแต่ละคนไม่ธรรมดาจริง ๆ HUGO อีกหนึ่งศิลปินที่เรามีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสความเท่จากตัวจริงเสียงจริงของ ‘ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์’ เรื่องราวการเดินทางอันยาวนานบนถนนสายดนตรีกว่า 19 ปีของเขาไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ใครหลายคนคิด แม้ภายนอกเขาดูจะเป็นชายที่เพียบพร้อม แต่ในฐานะนักดนตรีก็ไม่พ้นกับการพบเจออุปสรรคมากมายถาโถมเข้ามา ฮิวโก้ยังเลือกจะยืนหยัดบนความเป็นตัวเองพร้อมจะฝ่าฟันเพื่อทำสิ่งที่รักต่อไป คำว่ายิ่งดังยิ่งเปลี่ยนแนว ใช้ไม่ได้กับชายคนนี้ เพราะเขาได้พูดกับเราอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ตราบใดที่เราเอาแต่นั่งคิดว่าคนฟังอยากฟังอะไร เราคงเดาใจเขาไม่ถูกและนั่นก็ไม่ใช่หน้าที่เรา หน้าที่เราคือการนำเสนอ
“เราอาจเคยหลงใหลใช้เวลาร่วมกันชั่วขณะหนึ่ง แล้วเราก็พรากจากกัน พลัดหล่นหายไปในกาลเวลา” – โชติรส นาคสุทธิ์ ครั้งหนึ่งในชีวิตของทุกคนต้องเคยเอาตัวเองไปผูกไว้กับใครสักคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการผูกมัดที่เต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามที เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาทำความรู้จักเพื่อเข้าใจกันและกัน ไม่ต่างจากศิลปะหรือแม้กระทั่งเซ็กซ์ระหว่างคนสองคน ต่างต้องใช้เวลาเพื่อคุ้นเคย ผูกพันเพื่อใกล้ชิด และคลายปมเชือกเพื่อจากลา เมื่อชีวิตความสัมพันธ์ของเราละม้ายคล้ายกับศิลปะที่ใช้เชือกพันธนาการร่างกายของมนุษย์อย่าง Shibari (ชิบาริ) จนบางครั้งแยกไม่ออก UNLOCKMEN จึงต้องการลงลึกสู่รายละเอียดทุกเรื่องที่สงสัย ดื่มด่ำกับทุกพันธนาการ จนให้กำเนิดอีเวนต์อาร์ต ๆ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมค้นหากันว่าศิลปะ พันธนาการ ดนตรี และความสัมพันธ์ มันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรในงาน SHIBARI WORKSHOP x GARAGE: “FREEDOM FROM BONDAGE อีเวนต์เดียวแต่กลับได้ร่วมวงสนทนากับ Unnamedminor หญิงสาวที่เชี่ยวชาญเรื่อง ‘การมัด’ สไตล์ชิบาริอย่างลึกซึ้ง และลูกแก้ว-โชติรส หญิงสาวผู้บอกเล่าความสัมพันธ์อันหลากหลายออกมาเป็นตัวอักษรและพึงพอใจกับ ‘อิสระ’ ในความสัมพันธ์ ทั้งคู่นั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างสถานการณ์ เพื่อค้นหาว่าการมัดกับอิสระจากความสัมพันธ์สามารถมาบรรจบกันได้หรือไม่ ก่อนสัมผัสกับบทสนทนาชวนให้คิดตามหรือดูการรัดรึงด้วยตาของตัวเอง แค่ก้าวเข้ามาภายในสตูดิโอเราจะเห็นโปสเตอร์ที่แปะเรียงราย ม่านสีแดง แสงไฟสลัว ควันจาง ๆ ดนตรีที่เปิดคลอ และเชือกกับห่วงที่ถูกห้อยไว้กลางห้อง โหมบรรยากาศรอบตัวให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น ถ้อยคำเต็มไปด้วยความรู้สึกของลูกแก้วที่เอื้อนเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไปจนถึงหลายคน
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการฟังเพลงของผู้คน สองหนุ่มวง “Dept” เบนซ์ (กีตาร์/ร้องนำ) และ ลุค (คีย์บอร์ด) เพื่อนคู่หูจากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งนี้เช่นกัน พวกเขาเริ่มต้นจากการช่วยกันทำเพลงเอง ปล่อยเพลง โปรโมตตัวเอง แบบที่ไม่ได้คาดหวัง ต่อมาเมื่อวันเวลาล่วงเลย โชคชะตาและ WiFi ก็พายอดวิวเพลงของพวกเขาขึ้นจากหลักหมื่นเป็นหลักล้าน จนมาถึงวันที่ค่ายอินดี้แถวหน้าอย่าง Smallroom ได้ชักชวนให้พวกเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN มาทำความรู้จักกับ Dept ให้มากขึ้น พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วไปไงมาไงถึงได้ร่วมงานกับค่าย Smallroom บทสนทนานี้มีคำตอบ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ‘เพลงของ Dept ฟังสบายเช่นไร ตัวตนของพวกเขาก็สบาย ๆ เช่นนั้น’ ชื่อวง Dept มาจากไหน? ลุค: มาจาก Johnny Depp ครับ แต่เปลี่ยนตัว P ข้างหลังให้เป็นตัว T เบนซ์: ตอนแรกคิดไม่ออก แต่ไปเจอ Fact
“เพลงเพื่อชีวิต” อีกหนึ่งวัฒนธรรมด้านบทเพลงที่อยู่คู่ผู้ชายไทยมาทุกยุคสมัย หนึ่งในแนวเพลงที่ UNLOCKMEN เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครไม่เคยฟังหรืออย่างน้อยก็ต้องมีโอกาสได้ยินเสียงดนตรีผ่านหูมาบ้างในช่วงชีวิตหนึ่ง เพราะนี่คือบทเพลงที่เข้าถึงผู้คนได้เสมอไม่ว่าจะเพศไหนหรือช่วงอายุเท่าไหร่ สำหรับใครหลายคน เพลงเพื่อชีวิต เปรียบเสมือนบทเพลงปลอบใจและให้กำลังใจ เพื่อให้ตื่นขึ้นมาสู้ต่อในทุกวัน ถ้าเราพูดถึงผู้ขับกล่อมหรือศิลปินเพลงเพื่อชีวิต คงไม่มีผู้ชายคนไหนไม่รู้จัก “ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ผู้ถ่ายทอดเนื้อหา จังหวะและท่วงทำนองกินใจออกมาให้เราฟังช่วงตลอดช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นบทเพลงช้าฟังสบายที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็สร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ได้แบบลึกสุดใจ รวมถึงบทเพลงจังหวะคึกคัก ที่ถึงจะฟังแล้วมอบความฮึกเหิมให้ แต่ก็ยังแฝงไปด้วย แง่มุมต่าง ๆ ที่ให้ข้อคิดกับคนฟังอยู่เสมอ ที่ผ่านมาเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ กระตุ้นให้เรารู้จักตัวเองและชีวิตมากขึ้น แต่ในฐานะผู้ฟังเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้จัก “พี่ปู” ในแง่มุมที่ไม่เคยฟัง ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยเหมือนกัน วันนี้ UNLOCKMEN ชวนผู้อ่านทุกคนมารู้จักมุมมอง ชีวิต ตัวตนของผู้ชายคนนี้ไปพร้อมกัน เข้าสู่ปีที่เท่าไหร่ของในฐานะศิลปินเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ แล้ว? ถ้านับเวลามาตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ทำออกมา ปีนี้ก็ 32 ปีแล้ว ย้อนกลับไปช่วงนั้นเราอายุประมาณ 20 ปีที่เริ่มทำเพลงเพื่อชีวิต พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ รู้ว่าตัวเองเริ่มชอบในบทเพลงเพื่อชีวิตตั้งแต่ตอนไหน? มันเริ่มมาจากช่วงวัยรุ่น เพราะวัยเด็กของผมเวลานั้นยังไม่มีโอกาสฟังเพลงเพื่อชีวิตสักเท่าไหร่ ตอนเพลงเพื่อชีวิตเป็นเพลงที่ถูกห้ามเผยแพร่
หากเอ่ยชื่อ ‘เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ’ หลายคนจดจำเขาในฐานะศิลปิน บ้างก็ในฐานะนักแสดง หรือหากติดตามกันมาอย่างยาวนาน คุณอาจจดจำเขาในฐานะ ‘เป้ Slur’ จากมือกีตาร์ขาเดฟหัวฟูในวันนั้น สู่ชายผู้เรียกได้ว่าหยิบจับมาแล้วแทบจะทุกอย่าง เป็นได้ทุกสิ่งที่วงการบันเทิงจะให้เขาเป็น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีครั้งไหนที่เป้จะทอดทิ้งความรักที่มีต่อเสียงดนตรี เขายังคงเดินหน้าผลิตงานเพลงใหม่ ๆ และดำรงฐานะ ‘ศิลปิน’ ของตัวเองไว้โดยเสมอมา แม้การฉายเดี่ยวของเขาจะทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย และความตั้งใจก็ถูกจู่โจมด้วยความคิดเห็นเชิงลบ อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้เขาคนนี้ไม่ท้อ และไม่เคยถอดใจ? แม้ชีวิตจะของเป้ อารักษ์จะดำเนินไปในเส้นทางไหน ยาวไกลเพียงใด เขาก็พร้อมจะตีวงเลี้ยว เพื่อนำตัวเองกลับเข้าสู่ถนนสายดนตรีอยู่เสมอ วันนี้เราจะขอเชิญชาว UNLOCKMEN มารับฟังบทสนทนาสบาย ๆ ที่แสนตรงไปตรงมาจากปากผู้ชายคนนี้ไปพร้อม ๆ กัน ยินดีต้อนรับเป้สู่การทำเพลงอีกครั้ง! สำหรับชีวิตบนเส้นทางสายดนตรี เข้าปีที่เท่าไหร่แล้ว เป้: คิดว่าน่าจะราว ๆ 14 ปี ประมาณนั้น ถ้านับจากอัลบั้มที่ออกสู่สายตาประชาชนชุดแรก (ในฐานะมือกีตาร์ Slur ) ผมอายุ 21 แต่ถ้าเอาแบบเริ่มทำ Slur จริง ๆ ผมเพิ่งจะ 19-20
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ‘การแข่งขัน’ กับ ‘วงการดนตรี’ ล้วนแล้วแต่อยู่คู่กันมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะแข่งบนเวทีประกวด, แข่งกันทำเพลงให้ฮิตติดชาร์ต, แข่งยอดวิวบน Youtube จนมาถึงแข่งยอด Streaming อย่างในปัจจุบัน ไหนจะบรรดานักวิจารณ์ที่ขยันออกมาตีตรางานเพลงกันเป็นว่าเล่น ใครโชคดีก็ถูกยกยอ หากโชคร้ายก็ถูกสาปจนยับเยิน ฟังดูอาจจะไม่ยุติธรรม เพราะไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรวัดสิ่งนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ศิลปินแทบทุกคนต้องพบเจอ SOMKIAT (สมเกียรติ) 5 หนุ่มอินดี้อารมณ์ดีวงนี้ก็เช่นกัน ทั้ง โบ๊ท (ร้องนำ), บอส (กีตาร์), นนท์ (กีตาร์), นัท (เบส) และ ยิ้ม (กลอง) ก้าวแรกในวงการเพลงของพวกเขาเกิดขึ้นพร้อมกัน นั่นก็คือการแข่งขัน Coke Music Awards ปี 2010 ถึงจะได้รางวัลชนะเลิศ แต่กว่าจะได้ออกซิงเกิลแรกกับค่าย Smallroom ก็ผ่านไปแล้วถึง 2 ปีให้หลัง วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากชวนคุณ มาย้อนรอยเส้นทางสายดนตรีที่ไม่เรียบง่ายของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน จากวงดนตรีนักศึกษาบนเวทีประกวด สู่ศิลปินมืออาชีพในค่ายอินดี้แถวหน้าของเมืองไทย พวกเขายังต้องแข่งอะไรอีกบ้างจนถึงทุกวันนี้
คุณมีความฝันไหม? เราเชื่อว่าในหนึ่งชีวิตไม่สั้นไม่ยาวของเราแต่ละคนล้วนมีความฝัน บางฝันอาจใหญ่ บางฝันอาจเล็ก บางฝันไกลเกินเอื้อม แต่บางฝันใกล้แสนใกล้ขอเพียงแค่ลงมือทำ แล้วสิ่งที่เราฝันถึงนั้นเป็นจริงไปแล้วกี่อย่าง? สามอย่าง สองอย่าง หนึ่งอย่าง หรือต่อให้คำตอบคือยังทำความฝันให้เป็นจริงไม่ได้สักฝันก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น วันนี้คุณลงมือทำตามความฝันไปแล้วกี่อย่าง? แต่คำตอบคือว่างเปล่า ไม่เคยลงมือทำ เราอยากชวนคุณมารู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งไปด้วยกัน “สำหรับผมมันมีแค่สองอย่างทำหรือไม่ทำ ผมไม่ได้คิดว่ามันจะผ่านไปหรืออะไร ถ้าเราได้ทำแล้ว เราไม่รู้ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ขอให้ได้ทำ ลงมือทำไว้ก่อน อันนี้ผมว่ามันสำคัญกว่า” นี่เป็นประโยคสั้น ๆ ได้ใจความจากปาก JIGSAW หรือ จีน–ชัยกำพล จันทรักษ์ ที่เราจำขึ้นใจ หลายคนอาจจำเขาได้ในฐานะแรปเปอร์ฝีมือแพรวพราวผู้ผ่านเข้าไปถึงรอบ 3 คนสุดท้ายของรายการ Show Me The Money Thailand รายการเฟ้นหาสุดยอดแรปเปอร์ของเมืองไทย นอกจากนั้นเขายังมีบทบาทเป็น Hair Stylist อาชีพที่เขาก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ลึกลงไปจากภาพฝันที่ใครหลายคนเห็นอยู่ตอนนี้ เบื้องหลังเขาคือชายหนุ่มที่หลงใหลเพลงฮิปฮอปตั้งแต่ยังเด็ก ฝันอยากเป็นนักร้องที่มีคอนเสิร์ตของตัวเอง เขาเลือกกระโจนลงไปหาสิ่งที่ฝัน ลงมือทำเพลง แต่หัดแรปครั้งแรกเหมือนคนท่องอาขยาน ขอฟีทฯ เพลงกับใครก็มีแต่คนปฏิเสธ ลึกลงไปจากภาพฝันที่ใครหลายคนเห็นอยู่ตอนนี้ เบื้องหลังเขาเคยทุกข์ทรมานกับการตัน สร้างสรรค์ทรงผมใหม่ ๆ
ในการทำงานแต่ละวันของชาว UNLOCKMEN พวกเรามักจะเปิดเพลงคลอไปกับการทำงานอยู่เสมอโดยไม่เกี่ยงประเภทเพลง บางวันเป็นเพลงร็อก เพลงสากล เพลงอินดี้ แต่จะมีเพลงของวงวงหนึ่งที่ UNLOCKMEN จะต้องเปิดอยู่เกือบทุกวัน ซึ่งเพลงของวงนั้นคือ Telex Telexs และในที่สุดในวันนี้เราก็ได้พูดคุยกับพวกเขาตัวเป็น ๆ สมาชิกของวง Telex Telexs ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน ปิ้ว (คีย์บอร์ด), นาว (กีตาร์), กร (เบส) และสมาชิกหญิงเพียงคนเดียวของวงอย่าง ออม (ร้องนำ) เมื่อเราได้พูดคุยด้วยบทสนทนาที่ไหลไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้เห็นว่านอกจากดนตรีโดน ๆ ที่ได้ยินเกือบทุกวัน ยังมีแนวคิดอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจซ่อนอยู่หลังเมโลดี้และเสียงร้องอันมีเอกลักษณ์นั้น จุดเริ่มต้นของ Telex Telexs เด็กวิศวะและดุริยางคศิลป์ กับดนตรีที่ทำให้เราหลงรัก เด็กต่างคณะต่างมหาวิทยาลัยมารวมตัวกันตั้งวงดนตรีได้ยังไง ? ปิ้ว : ผมกับกรเคยมีวงดนตรีด้วยกันแล้วล้มไป แต่ว่าพวกเรายังอยากเล่นดนตรีกันต่อเลยตั้งโปรเจกต์ขึ้นมาก่อน ตอนนั้นยังไม่มีชื่อเลยไปเปิดดิกชันนารีดูแล้วเจอคำว่า Telex ที่แปลว่าโทรเลขแล้วเราชอบ ก็เลยใช้คำนี้พร้อมกับเบิ้ลคำแล้วเติม s วงมี 4 คน