การทำงานเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องพบเจอกันเป็นปกติ และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งตาคอยวันหยุดช่วงเทศกาลต่าง ๆ รวมถึงวันลาพักร้อนของตัวเองด้วย แต่ดันผลสำรวจที่น่าตกใจว่าคนไทยลางานน้อยติดอันดับและยกเลิกทริปเที่ยวเป็นอันดับหนึ่งของโลก เหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ? คนไทยบ้างานหรือว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้เราไม่อยากลาไปเที่ยว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปีสำหรับเว็บไซต์ Expedia ที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ทั้งโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน แพ็เกจเที่ยวบินและโรงแรม เช่ารถและกิจกรรมท่องเที่ยว จัดสำรวจพฤติกรรมกลุ่มนักท่องเที่ยวพนักงานประจำทั่วโลกซึ่งปีนี้พบว่า คนกลุ่มนี้รู้สึกไม่อยากลาพักร้อนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ ถึง 53% โดยมีสาเหตุหลักคือเรื่องงานที่ติดพันจนหาเวลาไปเที่ยวไม่ได้ รวมถึงปริมาณงานจำนวนมหาศาลที่รอต้อนรับเราหลังจากจบทริปที่ทำให้พอนึกถึงก็ยิ่งทำให้ไม่อยากลา รวมถึงเผยสถิติน่าตกใจว่าไทยติดอันดับ 7 ประเทศที่ลาพักร้อนน้อยที่สุดในโลก นอกจากผลสำรวจการใช้วันลาแล้วทาง Expedia ยังสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการเที่ยวของมนุษย์เงินเดือนปี 2018 ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวไทยมักเลื่อนการจองที่พักหรือยกเลิกทริปกลางคันสูงถึง 75% ด้วยสาเหตุติดงาน มีงานเข้ากะทันหันที่ลาไม่ได้จริง ๆ และด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของโลกด้านการเททริป ส่วนอันดับสองที่บ้างานจนต้องยกเลิกทริปเที่ยวรองจากไทยคือยูเออี ตามมาด้วยอินเดีย เม็กซิโก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกงตามลำดับ วลีที่ว่า “คนไทยเป็นคนขี้กังวลและคิดเยอะ” ถือว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริง เพราะวันลาพักร้อนของคนไทยเฉลี่ยที่ 10 วันต่อปี แต่ส่วนใหญ่มักใช้วันลาพักร้อน 8 วัน จากทั้งหมด 10 วัน ด้วยเหตุผลว่าเผื่อวันลาเอาไว้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รวมถึงเหตุผลเรื่องงานรัดตัวที่ทำให้หาวันลาดี ๆ
“ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนางเงือก ร่างชี้ว่าเป็นชายแต่จิตวิญญาณคือหญิงสาว ฉันเหมือนดอกไม้ ดอกไม้ที่สร้างขึ้นจากกระดาษ แม้รับความรักท่วมท้นจากภายนอกเมื่อมองมา แต่ไม่ได้อาจสัมผัสความรู้สึกนี้จากการแตะต้องและดอมดม” Heena, 51, ธากา, บังกลาเทศ, 2012 Hijra (ฮิจรา) คือกลุ่มคนที่มีเพศสภาพที่แตกต่างจากเพศสถานะภายใน ใช้สำหรับเรียกเพศที่สามที่กายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงและดำเนินชีวิตแบบหญิงสาว คำศัพท์ที่ชี้หน้าและตีตราความรู้สึกของบทบาทความเป็นชายหญิงและความ “เป็นอื่น” ทางสังคม ถ้าพูดในแง่ประวัติศาสตร์แล้ว “ฮิจรา” ปรากฏหลักฐานมายาวนาน นานพอจะเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคม แต่ค่านิยมแง่ลบไม่ได้หายไปพร้อมกาลเวลา เหลือเป็นคราบติดแน่นฝังไว้ถึงวันนี้แม้รัฐบาลบังกลาเทศจะออกกฎหมายแสดงการรับรองสิทธิทางเพศมา 5 ปีแล้วก็ตาม การใช้ชีวิตต้องสาปด้วยคำสาป บางคนสงสัยว่าสถานะต้องสาปที่ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้นี้จะใช้ชีวิตอย่างไร คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการหางานเพราะไม่มีใครยอมรับ หรือสิทธิพลเมืองอื่น ๆ ที่ถูกริดรอนไป สิ่งที่พิทักษ์ฮิจราไว้คือระบบความเชื่อบางอย่างของสังคมที่ฝังมายาวนาน ว่าเพศที่สามอย่างพวกเธอคือผู้มีอำนาจพิเศษจากการบูชาพระแม่พหุชระหรือมาตากี ซึ่งเป็นปางหนึ่งของพระแม่อุมา ทำให้สามารถสาปแช่งหรือให้พรได้ ดังนั้น วาจาศักดิ์สิทธิ์นี้จึงกลายเป็นเครื่องมือทำกินที่ทำให้ฮิจราสามารถรับเงินมาได้จากการอวยพรเด็กแรกเกิดที่ครอบครัวต่าง ๆ เชิญไป และเป็นอาวุธปกป้องตัวเองจากผู้ไม่ประสงค์ดีด้วยการสาปแช่งผู้คน ซึ่งเชื่อกันว่าใครได้รับคำบริภาษนั้นไปจะต้องโชคร้าย เงือกที่ไม่อาจเป็นมนุษย์ ดอกไม้เทียมที่ไม่อาจเป็นดอกไม้จริง คือความเจ็บปวดที่ฮิจราชาวบังกลาเทศต้องยอมรับ จิตวิญญาณที่ขัดแย้งกับเปลือกที่รับมาทำให้พวกเธอต้องกลายเป็นคนไร้ราก หอบชีวิตออกจากแผ่นดินเกิดคนแล้วคนเล่า ถูกทอดทิ้งจากความสัมพันธ์เบื้องหลังทุกรูปแบบเพื่อย้ายไปยังอินเดีย สถานที่ที่พวกเธอยังคงได้รับการดูหมิ่นดูแคลนไม่แพ้กันแต่ระดับความเลวร้ายต่ำกว่า ทว่าในความมืดมิดอ้างว้างก็แทนที่ได้ด้วยความสัมพันธ์เหนียวแน่นระหว่างฮิจราด้วยกัน ดังนั้น ถ้าเราไปพบพวกเธอเป็นกลุ่มใหญ่ นั่นคือครอบครัวใหม่ของพวกเธอ Sharhia Sharmin
เราเชื่อว่าผู้ชายแทบทุกคนต้องเคยอกหักกันมาบ้าง แล้วเมื่อความผิดหวังมาพร้อมกับสายสัมพันธ์ที่จบลง ถึงจะเป็นเพศที่เข้มแข็งแต่เวลาที่อกสามศอกหักเป็นเสี่ยง ๆ ก็ทำเอาผู้ชายอย่างเราโศกเศร้าได้เหมือนกัน แถมไอ้ความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นภายในใจแทบไม่ต่างอะไรกับความเจ็บที่เกิดกับร่างกายเลย ผู้ชายทุกคนก็คงมีวิธีรับมือกับอาการอกหักและถูกทิ้งที่แตกต่างกันไป แต่วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำอีกวิธีที่จะช่วยรักษาแผลใจ โดยที่หนุ่ม ๆ ไม่ต้องเอากำปั้นไปชกกำแพงหรือซัดสุราเมรัยหลายขนานจนเมาแอ๋ วิทยาศาสตร์ของการอกหัก เมื่อเราตกหลุมรักใครสมองจะสูบฉีดฮอร์โมน dopamine และ oxytocin ทำให้เรารู้สึกดี ในทางตรงกันข้ามหากเราอกหักหรือสูญเสียคนสำคัญในชีวิต การไหลเวียนของกระแสเลือดและเคมีในสมองจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเปลือกของสมองส่วนหน้า (cingulate cortex) ที่คอยควบคุมความเจ็บปวดทางร่างกายจะมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือทำให้เราไม่อยากอาหาร ไม่อยากนอน และไม่อยากแม้แต่จะทำอะไรเลย การเดินทางช่วยซ่อมแซมหัวใจที่สึกหรอ Dr. Jessica O’Reilly ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศและความสัมพันธ์ที่ผ่านประสบการณ์การทำงานกับคู่สมรสมากกว่า 15,000 คู่ทั่วโลก อธิบายว่าการออกเดินทางนั้นช่วยเยียวยาหัวใจที่แตกสลายได้จริง เพราะเป็นการทำลายกิจวัตรประจำวันของเราและมันจะพาหนุ่ม ๆ ออกไปจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นชิน โดยจะกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนรับรู้ทำให้สมองของเราเปลี่ยนแปลงไปตามความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าความทรงจำหวาน ๆ ในวันวานเป็นเรื่องยากที่จะหาวิธีจัดการกับมัน แต่การเดินทางจะช่วยให้คุณค่อย ๆ หลุดพ้นออกจากภาพจำเก่า ๆ ไปทีละน้อย สถานที่ที่เคยไปเที่ยวด้วยกันจะถูกทำให้เลือนรางและแทนด้วยความทรงจำใหม่ ๆ เมื่อเราออกเดินทางไปยังดินแดนแปลกใหม่ ห่างไกล และไร้ซึ่งคนรู้จัก แม้การออกไปเที่ยวคนเดียวจะเป็นเรื่องที่ยากหน่อยในช่วงที่หัวใจไม่สู้ดีนัก แต่มันจะสร้างโอกาสให้หนุ่ม
แม้เซ็กซ์จะไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับทุกคู่ แต่ต้องยอมรับว่ามันคือส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์หนุ่มสาว ก่อนเริ่มมีเซ็กซ์ผู้ชายหลายคนคงไม่พลาดที่จะเล้าโลมพร้อมซุกไซ้ตามซอก ดื่มด่ำเนินสูง ใช้ลิ้นละเลงรักทั่วเรือนร่าง ก่อนลงไปสร้างความเสียวซ่านด้วยริมฝีปากอบอุ่นและปลายลิ้นอันชุ่มฉ่ำ UNLOCKMEN เชื่อว่าหนุ่ม ๆ สายเบิร์นคงมีความชอบในการทำออรัลเซ็กซ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พวกคุณคงกระตือรือร้นกับมันมากขึ้น ถ้าได้รู้ว่ามันมีประโยชน์กับผู้ชายอย่างเรามากกว่าแค่หนึ่งในฉากรักสุดเร่าร้อนบนเตียง การทำออรัลเซ็กซ์ถูกพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นให้เพศสัมพันธ์สนุกสนานและตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าเดิม ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่แพร่หลายมากนักในบ้านเรา แต่ในอเมริกาออรัลเซ็กซ์เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเพศที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม The National Survey of Family Growth เผยว่าชาวอเมริกัน 86-87% จะทำออรัลเซ็กซ์อย่างน้อยหนึ่งครั้งในการมีเซ็กซ์ แถม 97% ของผู้ชายและ 95% ของผู้หญิงก็พึงพอใจกับการถูกทำออรัลเซ็กซ์ แลตโตบาซิลลัส แบคทีเรียดี ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ในน้ำนม ไม่เพียงแต่ความเสียวซาบซ่าน แต่การทำออรัลเซ็กซ์ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพต่อผู้ชายอีกด้วย หนุ่ม ๆ อาจยังไม่รู้ว่าภายในช่องคลอดของผู้หญิงนั้นมีแลคโตบาซิลลัส หรือที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “โพรไบโอติกส์” ซ่อนอยู่ ฟังแล้วอาจรู้สึกคุ้นหูกันบ้าง เพราะมันเป็นแบคทีเรียชนิดดีชนิดเดียวกับที่อยู่ในเครื่องดื่มประเภทนม ทั้งนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต แต่ที่น่าแปลกคือภายในถ้ำหรรษาของผู้หญิงก็มีสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน แลคโตบาซิลลัสที่อยู่ในช่องคลอดของผู้หญิงจะทำหน้าที่ควบคุมค่าความเป็นกรดเป็นด่าง หรือ ค่า pH ของของเหลวในช่องคลอดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามที่ควรจะเป็น ประโยชน์ของแลคโตบาซิลลัส นอกจากในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต แลคโตบาซิลลัสยังถูกพบบริเวณลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการย่อยอาหารและย่อยน้ำตาลแลคโตส เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหาร
เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ทั่วทั้งโลกได้เฝ้ามองดู นีล อาร์มสตรอง และ บัซ อัลดริน ก้าวลงเดินบนดาวต่างดวง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็คงปรารถนาอยู่แน่ ๆ ทั้งการประทับรอยเท้าไว้บนดวงจันทร์ และชื่อเสียงมากมายที่เข้ามาหาพวกเขาทั้งสอง อย่างไรก็ตาม ชีวิตของทั้งคู่หลังกลับมาจากดวงจันทร์กลับไม่ได้สู้ดีนัก โดยเฉพาะกับ บัซ อัลดริน ที่ต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้า ปัญหาครอบครัว ติดเหล้า และอีกหลาย ๆ ปัญหา ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับเขา ชีวิตของอัลดรินที่จริงแล้วไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย เขาต้องส่งใบสมัครเข้าเป็นนักบินอวกาศถึง 2 รอบด้วยกันถึงจะติด เนื่องจากในตอนแรกนั้นนาซามีข้อกำหนดว่าผู้สมัครต้องเป็นนักบินทดสอบเพียงอย่างเดียว ทำให้อัลดรินต้องรอการเปิดรับอีกรอบในปี 1963 ที่เปิดรับนักบินเครื่องบินเจ็ตปกติด้วย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวมาเป็นนักบินอวกาศของอัลดริน ภารกิจแรกสู่อวกาศของเขานั้นคือภารกิจเจมิไน 12 ซึ่งเป็นภารกิจที่เก็บกวาดสิ่งที่นาซายังไม่ได้ทดลอง หรือทดลองไม่สำเร็จในภารกิจก่อนหน้า เนื่องจากนี่คือภารกิจสุดท้ายของโครงการเจมิไนแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่โครงการอพอลโลที่ส่งคนไปดวงจันทร์ โดยอัลดรินได้เดินทางขึ้นสู่อวกาศพร้อมกับจิม โลเวล รุ่นพี่ผู้มากประสบการณ์ในเวลานั้น หลังจากเดินทางขึ้นสู่อวกาศไปแล้วหนนึง เขาก็ได้ออกเดินทางอีกครั้งกับภารกิจอพอลโล 11 ซึ่งเป็นการลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษยชาติ ภาพส่วนใหญ่บนพื้นผิวดวงจันทร์ที่ถูกนำมาเผยแพร่นั้นก็เป็นภาพของอัลดริน (เนื่องจากอาร์มสตรองต้องเป็นคนถือกล้องถ่าย เลยแทบจะไม่มีภาพเขาเลย) แน่นอนว่านี่แหละคือจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางของชื่อเสียงที่โด่งดังของเขา
ถ้าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปถามคนร้อยคนว่า “ความรัก” คืออะไร ? เราอาจได้คำตอบเป็นร้อยแบบ (หรือมากกว่านั้น) เพราะความรักไม่ใช่แค่สีชมพูหวานฟุ้งงดงามเท่านั้น แต่ความรักคือความหลากหลาย ความรักคือเฉดสีสารพัดแบบเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการไปถึง UNLOCKMEN จึงอยากชวนผู้ชายทุกคนเข้าสู่ภวังค์แห่งความรักทะลักเขตความรู้สึกด้วยวรรณกรรม 5 เล่มที่ว่าด้วยความรักหลายรูปแบบที่เรามั่นใจว่าไม่ใช่ความรักในแบบที่ผู้ชายอย่างเราเข้าใจมาก่อนแน่นอน แผลลึกหัวใจสลาย แผลลึกหัวใจสลาย แปลจากหนังสือ: Never Let Me Go ผู้เขียน: Kazuo Ishiguro ผู้แปล: นารีรัตน์ ชุนหชา สำนักพิมพ์: เอิร์นเนสต์ (Earnest) Kazuo Ishiguro อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูมากนักสำหรับผู้ชายที่ไม่ได้หลงใหลรื่นรมย์กับการอ่าน แต่เขาคือนักเขียนรางวัลโนเบลที่ในชีวิตนี้เราควรอ่านงานของเขาสักครั้ง ไม่ใช่เพราะเขาเป็นนักเขียนมือรางวัล แต่เพราะวรรณกรรมที่ว่าด้วยความรัก (และเรื่องราวอื่น ๆ ) ของเขาเล่มนี้จะชวนให้เราก้าวข้ามสู่พื้นที่แห่งรักในมิติใหม่ การตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ในแบบใหม่ ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ “แผลลึกหัวใจสลาย” ไม่ได้มีแค่เรื่องความรักโดยตรง แต่คือเรื่องของการเติบโต การก้าวผ่านวันวัย ในห้วงเวลาสุดพิลึกพิลั่นที่เราขอแอบบอกว่าตอนจบจะชวนให้เรารู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่คาดคิด (แต่ก็ไม่อาจบอกได้มากกว่านี้จริง ๆ ) หลังอ่านจบเรารับรองได้ว่าเราจะตั้งคำถามสารพัดสารพันแตกกิ่งก้านไม่รู้จบ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราตกหลุมรักใครสักคน หรือเป็นเราที่สูญหาย
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมาตลอดชั่วชีวิตนี้ (เท่าที่ยังหายใจและยังลืมตามาทำงานทุกวัน) พบว่ามากกว่า 75% ของชีวิตเราและคนรอบข้างที่รู้จัก ส่วนมากมักมีเป้าหมายชีวิตหรือความฝันต่างจากสิ่งที่ครอบครัวอยากให้ทำ ถ้าเป็นยุค 90 เฟื่องฟู (Generation ของคนเขียน) คงต้องบอกว่าเราโตมาพร้อมกับการฝังหัวให้กลายเป็นหมอและข้าราชการ ซึ่งเป็นค่านิยมของพ่อแม่ในยุคหนึ่งที่พวกท่านมองว่ามันเป็นอาชีพที่ดีและมั่นคง สำหรับเราที่เลือกเส้นทางนักเขียนก็ต้องพิสูจน์ให้ครอบครัวเชื่อว่า “นักเขียน” หรือการเขียนหนังสือสามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูตัวเองได้ แม้มันจะไม่ใช่อาชีพที่ได้รายได้ดี แต่เป็นอาชีพที่ทำให้เรากล้าฝ่ามรสุมอุปสรรคที่พร้อมจะเข้ามาเล่นงานได้อย่างอดทน เพราะอย่างน้อย ความรักจะทำให้เราอยู่กับมันได้นานกว่า ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างโชคดีที่ครอบครัวค่อนข้างเข้าใจ แม้จะรู้สึกค้านหรือพยายามเสนอให้เบนเข็มชีวิตแต่ก็ยังสนับสนุนและไม่ซ้ำเติมเส้นทางที่เราเลือกเดิน “ถ้าความฝัน ≠ ความหวัง” เป็นทั้งชื่อคลิปโฆษณาจาก OPPO และเป็นคีย์เวิร์ดยิงปังเข้ากลางใจเราตั้งแต่ชื่อของมัน ยิ่งเมื่อได้คลิกดูแล้วเราก็ไม่แปลกใจที่มันจะเป็นหนึ่งในคลิปไวรัลของเดือนเมษายนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่าน เนื้อหาในคลิปบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกที่ทำอาชีพแอร์โฮสเตส แม่ที่ทำอาชีพแอร์ฯ ก็อยากให้ลูกเป็นแอร์ฯ ส่วนลูกก็มีความฝันของตัวเอง (ความฝันอื่นที่ไม่ได้เป็นแอร์) ที่ทำไปพร้อมกับความหวังของแม่ด้วย เรื่องมันจะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ตึง สะบั้นทั้งอารมณ์และเรียกน้ำตาให้เราอินโดยไม่ทันรู้ตัว แต่นอกจากเรื่องราวที่น่าสนใจแล้ว เบื้องหลังที่ทำให้คนต้องแชร์ต่อมีอีกหลายประเด็นเหล่านี้ ซึ่งเป็นคำตอบจากผู้กำกับวิดีโอที่เราคุ้นเคยอย่าง “ย้ง – ทรงยศ” ผู้กำกับแถวหน้าของไทยนี่เอง คลิปไวรัลที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริง และผู้กำกับที่การันตีได้ “Based on true story” คือจุดขายแรกที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคลิปที่เป็นหนังสั้นจากโฆษณา แต่การฟังเรื่องจริงมันทำให้เราสนใจได้เสมอ ยิ่งเมื่อได้นักแสดงเป็นเจ้าของเรื่อง มันก็ยิ่งอินเข้าไปใหญ่
ในขณะที่น้ำแข็งขั้วโลกเหนือค่อย ๆ ละลาย เมืองไทยบ้านเราเองก็ร้อนดุจนรกขึ้นทุกวัน ช่วงนี้ถ้าหนุ่ม ๆ หลายคนจะบ่นว่าร้อน ๆ ๆ ก็คงไม่แปลกนัก เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยของชั้นบรรยากาศกำลังเพิ่มขึ้น โดยมีตัวการหลักคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง โรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่จากน้ำมือของมนุษย์ CO2 สะสมในชั้นบรรยากาศและส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจก อันเป็นต้นเหตุของอากาศร้อนที่น่าหงุดหงิด ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ชีวิตทุกวันของเรา ก็แอบทำลายสภาพแวดล้อมทางอ้อมเหมือนกัน ตั้งแต่การอุปโภคไปจนถึงบริโภค ทำให้มนุษย์เรามีส่วนเอี่ยวที่ทำให้อากาศมันร้อนขึ้นอย่างทุกวันนี้ แม้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ลำบากลำบนต้องออกล่าหาสัตว์ป่าเหมือนในยุคหิน แต่จะดีกว่าไหมถ้าการใช้ชีวิตทั่วไปของเราช่วย safe โลกนี้เอาไว้ได้บ้าง? DO BLACK บัตรเครดิตรักษ์โลกช่วยลดการปล่อย CO2 Doconomy บริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสัญชาติสวีเดน เปิดตัวบัตรเครดิตของคนยุคใหม่ DO BLACK ที่ติดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจับจ่ายใช้สอย หวังจะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม และปลุกเร้าให้หนุ่มสาวนักชอปหันมาให้ความสำคัญกับการรักษ์โลกมากขึ้น บัตรเครดิต DO BLACK ทำจากวัสดุชีวภาพ พิมพ์ด้วย Air Ink หมึกรีไซเคิลที่สร้างจากอนุภาคของมลพิษทางอากาศ มีลักษณะเหมือนกับเขม่าคาร์บอน แต่จะต่างตรงที่ Air
ชายชาตรีอย่างเราจะมีสักกี่เรื่องที่ยอมเสียน้ำตาให้ ถ้าให้นั่งทบทวนในวันนี้ เชื่อว่าเรื่องหนึ่งที่เรากอดคอมีประสบการณ์ร่วมเหมือน ๆ กันก็หนีไม่พ้นเรื่อง “ความรัก” เพราะ… คนถูกทิ้งก็มีน้ำตา ส่วนคนทิ้งเองก็ไม่รอด เสียน้ำตาเหมือนกัน เพื่อนนิสัยดีพอเจอเราคอตก น้ำตาอาบหน้า ปกติก็พยายามจะดึงเราออกจากอารมณ์ดิ่ง ๆ ด้วยการปลอบให้เราหยุดร้อง แต่ถ้าวันนี้น้ำตาเรามันไม่หยุดไหล แม้ความรู้สึกจะค่อย ๆ ดีขึ้น แถมยิ่งอั้นก็ยิ่งเจ็บปวดกว่าเก่า เราแนะนำให้คุณปล่อยมันออกมาแล้วหันไปบอกเพื่อน ๆ ว่า “มึงสบายใจได้ น้ำตาวันนี้ของกูมันมีประโยชน์ ช่วยลดน้ำหนักได้เว้ย งานวิจัยเขาบอกไว้” เสียน้ำตาเพื่ออดีต ไม่ใช่การตรอมใจแล้วทำให้ผอม ถึงจะบอกว่าร้องไห้ให้แฟนเก่าทำให้ผอมลง แต่อย่าไปเข้าใจผิดว่าความผอมเกิดจากการตรอมใจเด็ดขาด อย่าคิดไปเองว่าที่ผอมก็เพราะกินข้าวไม่ลงก็เลยผอม เนื่องจาก Dr. PeteSulack ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเครียดจาก Tennessee เขาไม่ได้เอาเหตุผลเล่นง่ายแบบนั้นมาบอกเรา แต่พูดถึงประโยชน์ของการร้องไห้ว่ามันช่วยลดฮอร์โมนแห่งความเครียดที่เรียกว่า “คอร์ติซอล” ได้ เครียดแล้วอ้วนเหรอวะ? เออ ใช่ เครียดแล้วก็อ้วน เข้าใจถูกแล้ว! สังเกตไหมว่าบางคนยิ่งเครียดยิ่งโหย ยิ่งเครียดยิ่งกิน ถ้าเจอใครอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อย่าเพิ่งไปว่าเขาว่าทำไมมึงไม่รู้จักดูแลตัวเอง เพราะความจริงแล้วการกินเยอะแบบไม่รู้ตัว มันคือการดูแลตัวเองของร่างกาย อธิบายแบบนี้อาจจะยังงง แต่ถ้าให้พูดกันง่าย ๆ ก็คือเวลาร่างกายเราตกอยู่ในภาวะเครียด จะจากแฟน จากงาน หรือจากอะไรก็ตาม
หลังจากนั่งทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เชื่อว่าหนุ่ม ๆ คงอยากหาเวลาผ่อนคลายหรือหากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุขเพื่อสลัดความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อไม่กี่ปีมานี้เราอาจเคยได้ยินได้ฟังปรัชญาอิคิไก (Ikigai) อันโด่งดังของดินแดนปลาดิบซึ่งเป็นปรัชญาที่ว่าด้วยเรื่องการค้นหาความหมายของชีวิตกันมาบ้าง แต่วันนี้ UNLOCKMEN จะพาหนุ่ม ๆ ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังเดนมาร์ก ประเทศเล็ก ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเหน็บและเปียกปอน พร้อมเรียนรู้ปรัชญาความสุขตามแบบฉบับเดนิชที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับคนที่นี่ แม้ในวันที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเย็นก็ตาม เดนมาร์กไม่ได้มีดีแค่โคนมและไวกิ้ง ถ้าพูดถึงเดนมาร์กหลายคนคงนึกถึงต้นกำเนิดโคนมสายพันธุ์ดี ไม่ก็ชนเผ่าไวกิ้ง บรรพบุรุษนักรบเรือมังกร ผู้ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นเดนมาร์กยังถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกลำดับที่ 2 จากรายงาน The World Happiness ปี 2019 ของ UN โดยนำเอาอายุขัยของประชากร อิสรภาพ การทุจริต ตลอดจนค่า GDP เป็นตัวติดสิน ซึ่งอีกหนึ่งเคล็ดลับความสุขของชาวเดนิช คือการนำหลักปรัชญา ‘Hygge’ ที่มองหาความสุขเล็ก ๆ รอบตัว มาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเขา ‘Hygge’ ปรัชญาความสุขจากการมองสิ่งเล็ก ๆ แม้ Hygge (ฮุกกะ) จะมาจากภาษานอร์เวย์ที่แปลว่า “ความเป็นอยู่ที่ดี” แต่คำนิยามของมันก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว เป็นคำที่ไม่สามารถแปลความหมายแบบเฉพาะเจาะจงได้