แม้จะเป็นสัปดาห์แห่งวันหยุดแล้ว แต่หลายคนอาจกำลังอยู่หน้าจอคอมหรือมือถือตรวจสอบ Inbox จากอีเมล์ที่ทำงานอยู่ บางคนอาจกังวลว่าจะมีงานด่วนเข้ามารึเปล่า หรือ กลัวว่าจะพลาดการตอบอีเมล์สำคัญไป ส่งผลให้พวกเขาต้องหมั่นเช็คอีเมล์อยู่ตลอดเวลา อาการนี้มีชื่อเล่นว่า Email Anxiety และเป็นอาการที่ทำร้ายเราได้มากกว่าที่คิด มันจะทำให้เราเครียดแม้ในวันหยุด และขัดขวางการพักผ่อนของเรา UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำวิธีรับมือกับอาการนี้ให้อยู่หมัด Email Anxiety เกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงที่เราต้องทำงานอยู่บ้าน เราอาจซัฟเฟอร์กับ Email Anxiety ได้ง่ายขึ้น เพราะการเปลี่ยนวิธีทำงาน มาทำงานที่บ้าน อาจทำให้หลายบริษัทเริ่มจู้จี้กับพนักงานมากขึ้น จนหลายคนเริ่มมีเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน และสูญเสียความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต (work-life balance) ไป สุดท้ายสภาพจิตใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตราย เมื่อเราไม่รู้ว่าเวลาไหนควรหยุดดูอีเมล์จากที่ทำงาน เราจะไม่สามารถคลายความเครียดและความกังวลเรื่องงานไปได้ เพราะเราจะรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้สนใจเรื่องงานตลอดเวลา จนใกล้จะถึงเวลานอนแล้ว เราอาจกำลังดูอีเมล์อยู่ก็เป็นได้ นอกจากนี้ Email Anxiety สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงานของสมอง เช่น ความต้องการอยากทำงานให้สำเร็จ พอเราตรวจสอบอีเมล์จากที่ทำงานเสร็จ สมองจะหลั่งฮอร์โมนโดปามีนซึ่งทำให้เราเกิดความรู้สึกดี เราจึงอยากดูอีเมล์ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริง อีเมล์อาจไม่ได้เข้ามาในเวลางานเสมอไป หรือ บางวันอีเมล์งานอาจเยอะมากเกินเราจะเช็คหมดในวันเดียว เพราะฉะนั้น การไล่ตามอีเมล์ตลอดเวลา จึงมีแต่ทำให้เรารู้สึกเครียดกังวล
แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลายต่อหลายคน แต่ต้องยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เมื่อท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็ยังอยู่รอดมาจนถึงปฏิทินหน้าสุดท้ายของปี 2021 แถมยังมีเรี่ยวแรงพอที่จะท่องโลกอินเตอร์เน็ตจนมาเจอกับบทความนี้ และสำหรับใครที่ฝ่าฟันปีแห่งความหนักหนาสาหัสซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ จนพลังเริ่มหดหาย ไฟในหัวใจเริ่มมอดดับ วันนี้เราจะขอนำเสนอเรื่องราวที่คัดมาเน้น ๆ จาก 5 คนบันดาลใจ ซึ่ง UNLOCKMEN มีโอกาสได้ไปพูดคุยมาตลอดปี 2021 ด้วยความหวังที่ว่าสักเสี้ยวหนึ่งในแง่มุมชีวิตของเขาและเธอเหล่านี้ จะสามารถปลุกไฟให้ท่านผู้อ่านได้เตรียมพร้อมลุกขึ้นมาสู้ต่อในปี 2022 กันอีกสักตั้ง ‘เต๋า SWEET MULLET’ เส้นทางชีวิตและความฝันที่ไม่ได้เป็นแค่เพียงนิทานหลอกเด็ก ดุลยเกียรติ เลิศสุวรรณกุล หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “เต๋า” นักร้องนำวง Sweet Mullet ศิลปินที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนมากที่สุดวงหนึ่งของวงการดนตรีไทย ฝากผลงานเพลงดังเอาไว้มากมายไม่วาจะเป็น ‘ตอบ’, ‘เพลงของคนโง่’, ‘หลับข้ามวัน’, ‘สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน’, ‘ภาพติดตา’ และ ‘พลังแสงอาทิตย์’ รวมไปถึงผ่านการขึ้นเวทีในราชมังคลากีฬาสถานกับเทศกาลดนตรี G19 ท่ามกลางคนดูนับหมื่นมาแล้ว แต่ภาพของความสำเร็จที่ดูสวยงาม แท้จริงแล้วกว่าที่จะออกมาให้ทุกคนได้เห็น มันต้องผ่านทั้งความอดทน การต่อสู้ และความเหน็ดเหนื่อยมาอย่างมากมาย ทำให้ชีวิตต้องเจอกับความท้าทายไต่เย้ยนรกที่แวะเข้ามาทักทายตลอดไม่เว้นแต่ละวัน ชีวิตของเต๋าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
แม้ว่าทีม Barcelona จะอยู่ในสภาพทีมที่ไม่สามารถลุ้นแชมป์ได้สนุกเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากสภาวะทางการเงินที่มีปัญหาอย่างหนัก จนทำให้ทีมต้องยอมขาย Lionel Messi ออกจากทีมไป แถมนักเตะใหม่ที่เข้ามาก็ยังทำผลงานได้ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ที่เห็นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้น Luuk De Jong กองหน้าชาวดัตช์ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเอาซะเลย รวมไปถึงนักเตะซีเนียร์ในทีมอีกหลาย ๆ คนก็เริ่มโรยรา ไม่ว่าจะเป็น Gerard Pique, Jordi Alba และ Sergio Busquets เป็นต้น แต่ถ้าจะให้มองอีกหนึ่งมุมสโมสรแห่งนี้กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผันจากยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ ผลผลิตนักตะจากแคมป์ลา มาเซีย กำลังค่อย ๆ ออกดอกออกผลมาให้ได้ยมโชมกัน ซึ่งแต่ละคนก็เริ่มฉายแววกับทีมชุดใหญ่ทั้ง ๆ ที่อายุอานามยังไม่ถึง 20 ปีกันเลยด้วยซ้ำ หนึ่งในดาวจรัสแสงเหล่านั้นคือ Pablo Martín Páez Gavira หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Gavi” มิดฟิลด์วัย 17 ปี สัญชาติสเปนที่ก้าวข้ามกับทีมชุดบีขึ้นมาเป็นตัวหลักของชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงถูกเรียกไปติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่แล้วเช่นเดียวกัน Gavi เริ่มเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบกับสโมสรในท้องถิ่นที่ชื่อว่า Liara Balompie และสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนถูกแมวมองของทีม Real
เหล้ากับบุหรี่นับเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันเสมอในร้านเหล้า บางคนอยู่ข้างนอกไม่แตะบุหรี่เลย แต่พอเข้าร้านเหล้ากลับกลายเป็นสิงห์อมควันไปซะงั้นก็มี UNLOCKMEN อยากมาอธิบายว่าทำไมเวลาดื่ม เราถึงรู้สึกอยากดูดบุหรี่ ทำไมคนถึงอยากสูบบุหรี่ตอนดื่ม ความต้องการอยากสูบบุหรี่เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัย โดยปัจจัยแรก ได้แก่ ความสามารถของนิโคตินที่มีผลต่อความทรงจำของเรา ส่วนปัจจัยที่สอง คือ ความสามารถของนิโคตินในการทำงานร่วมกับแอลกอฮอล์เพื่อลดระดับโดปามีนในร่างกาย นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Baylor College of Medicine ได้ทำการศึกษาสมองของหนูทดลองที่ได้รับ ‘นิโคติน’ สารเสพติดที่อยู่ในบุหรี่ โดยพวกเขาปล่อยให้หนูใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมจำลองที่มีลักษณะเป็นสองห้องแยกกัน โดยห้องแรกหนูจะได้รับนิโคติน ส่วนอีกห้องหนูจะได้รับน้ำเกลือ และหลังจากนั้นนักวิจัยจะทำการศึกษากิจกรรมที่เกิดขึ้นใน hippocampus หรือ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความทรงจำของหนู ผลการวิจัยพบว่า เมื่อเทียบกับน้ำเกลือ การได้รับนิโคตินจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างความทรงจำที่แข็งแรง เพราะสารเคมีได้ทำให้การเชื่อมต่อของเส้นประสาทมีความแข็งแกร่งขึ้นมากถึง 2 เท่า ซึ่งปรากฎการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการสร้างความทรงจำที่แข็งแกร่งด้วย หนูทดลองยังเรียนรู้ที่จะใช้เวลาในห้องนิโคตินมากกว่าส่วนอื่นด้วย เพราะเวลาได้รับนิโคติน การเชื่อมต่อของเส้นประสาทไซแนปส์ติกมีความแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในเวลาที่ศูนย์การให้รางวัลของสมองส่งสัญญาณโดปามีน (สารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดี) กล่าวคือ สมองสร้างความทรงจำที่จับคู่นิโคตินกับความรู้สึกดี (หรือ การทำงานของโดปามีน) หนูจึงรู้สึกชอบห้องที่มีนิโคตินมากกว่าห้องอื่น นอกจากนี้ทีมวิจัยยังทดสอบสมมติฐานที่ว่า การรับนิโคตินและแอลกอฮอล์พร้อมกันจะช่วยให้ระดับของโดปามีนสูงขึ้นด้วย แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แม้หนูที่ได้รับนิโคตินจะบริโภคแอลกอฮอล์มากขึ้น แต่ระดับโดปามีนของพวกมันกลับไม่เพิ่มขึ้นเลย หลังจากทดลองซ้ำหลายครั้งผลก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม
การจบบทสนทนานับเป็นสกิลที่ผู้ชายทุกคนควรมี เพราะผู้ชายอย่างเราต้องเข้าสังคม และทักษะการจบบทสนทนาจะช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นได้ แต่หลายคนคงพบว่าการจบบทสนทนาเป็นเรื่องยากมาก เพราะไม่รู้ว่าควรจะตัดจบยังไงให้ดูไม่น่าเกลียด UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำเทคนิคการจบบทสนทนาอย่างสมูท โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียความรู้สึก มีเป้าหมายที่ชัดเจน เวลาจะไปพบใครก็ตาม เราควรจำไว้เสมอว่าเราไปพบกับเขาเพื่ออะไร เช่น ต้องการหาคู่ หรือ ต้องการเจรจาทางธุรกิจ การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้เรารู้ว่าควรพูดคุยกับอีกฝ่ายประมาณไหน ป้องกันการพูดหรือฟังมากเกินไป จนจบบทสนทนาได้ยาก แถมยังช่วยให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้นด้วย ถ้าเราเจอกับสถานการณ์ที่ต้องทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รอจนบทสนทนาเริ่มสงบ รอสัญญาณจากอีกฝ่ายที่แสดงให้เห็นว่าบทสนทนากำลังจะจบลงแล้ว ซึ่งสัญญาณมักมาในรูปแบบของคำพูด เช่น “อืม” “โอเค” หรือ “เออ” เป็นต้น คำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหมดเรื่องที่จะพูดกับเราแล้ว และเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการเปลี่ยนเรื่องคุย หรือ ตัดจบบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นได้ จบด้วยเป้าหมายในการสนทนา เราควรยึดเป้าหมายในการสนทนาตั้งแต่ต้นจนจบบทสนทนา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตอนแรกเราขอคำแนะนำจากเพื่อนเรื่องคลาสที่น่าเข้าเรียน เราอาจออกจากบทสนทนาโดยใช้ประโยคจบที่เชื่อมกับเป้าหมายในตอนแรก เช่น “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เราจะลงเรียนวิชานี้ให้ทันในเทอมหน้า” เป็นต้น จบด้วยการขอบคุณ ไม่ว่าคุณจะสนทนากับใคร หากต้องการจบบทสนทนาอย่างสุภาพ ควรจบด้วยการขอบคุณเสมอ เช่น ขอบคุณที่อีกฝ่ายสละเวลามาคุยกับเรา หรือ บอกกับอีกฝ่ายว่าการพูดคุยในครั้งนั้นสนุกมากแค่ไหน เป็นต้น
เราสามารถคิดมากได้ทุกที่ทุกเวลา นอน ๆ อยู่ เราก็สามารถคิดถึงคนรักเก่าในอดีต หรือ กลัวเรื่องการทำงานพลาดขึ้่นมา ซึ่งความกังวลที่แสนจะไร้เหตุผล และดูไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ เรามักเรียกกันว่าเป็น Free Floating Anxiety ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นบ่อย ก็อาจเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานและการใช้ชีวิตของได้เหมือนกัน Free Floating Anxiety คือ ความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยความรู้สึกนี้อาจถูกกระตุ้นโดยสิ่งของหรือสถานการณ์บางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น อยู่ดี ๆ เราก็เกิดกังวลเรื่องการ pitch งาน หรือ การสอบที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ขึ้นมา เป็นต้น อาการนี้มักเกิดขึ้นร่วมกับ อาการวิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder หรือ GAD) และทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ กังวล หรือ ตื่นตระหนก และใช้ชีวิตประจำวันได้ยากเย็นมากขึ้น ดังนั้น หากเกิดอาการนี้ถี่และบ่อยการพบจิตแพทย์ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง คนที่เป็น Free Floating Anxiety มักวิตกกังวลมากจนขาดสมาธิในการใช้ชีวิตและการทำงาน มักรู้สึกกลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา แถมยังรู้สึกว่าตัวเองเครียดจนนอนไม่หลับบ่อย และมีปัญหาเรื่องความเหนื่อยล้าอีกด้วย ปัญหานี้จึงแย่ต่อเรามากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่า
ตอนนี้การลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล เช่น สกุลเงินคริปโต (Cryptocurrency) กำลังเป็นเทรนด์ยอดฮิตที่หลายคนให้ความสนใจ บางคนอาจซื้อเหรียญคริปโต เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เก็บไว้รอเกร็งกำไรในอนาคต หรือ บางคนอาจลงทุนใน GameFi และใช้มันในการทำรายได้ให้ตัวเอง แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนดิจิทัลแบบไหนก็ควรระวังสิ่งที่เรียกว่า ‘เสพติดการลงทุนในสกุลเงินคริปโต’ (Cryptocurrency Addiction) ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้ชีวิตของเราย่ำแย่ลงได้เหมือนกัน Cryptocurrency Addiction เกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องตลาดซื้อขายคริปโตไม่มีตัวกลาง (เช่น ธนาคาร) ที่ทำหน้าที่ดูแลการทำธุรกรรมของคนในตลาด การซื้อขายเงินสกุลนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ราคาของสกุลเงินคริปโตจึงผันผวนได้ง่ายกว่าการลงทุนประเภทอื่น กล่าวคือ ในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที เราอาจได้รับเงินจำนวนมหาศาล และสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลได้ นอกจากนี้เป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงง่ายแล้ว มันยังเป็นตลาดที่เปิดแบบไม่มีวันหยุด และเปิดตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนเสพติดการลงทุนในคริปโตไม่ต่างจากการเสพติดการพนัน หากใครสงสัยว่าตัวเองเสพติด ลองเช็คดูว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ ได้แก่ เสียเวลาไปกับการเทรดคริปโตมากเกินไป เช็คและกังวลเรืองราคาของหรียญตลอดเวลา จนลืมเรื่องงาน หรือ การทำกิจกรรมอื่นไป มีหนี้สิ้นสะสม หรือ เจอกับปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากการเทรดคริปโต โกหกคนรอบตัวเรื่องพฤติกรรมการเทรดคริปโต อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย (mood swing)
เชื่อว่า ณ ช่วงเวลานี้ ในขณะที่หลายคนต่างมุ่งมั่นกับการฝ่าฟันเส้นทางชีวิตเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน คงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เผลอมองข้ามการให้เวลากับครอบครัวไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และเนื่องในโอกาสวันพ่อ UNLOCKMEN x NISSAN TERRA จึงอยากหยิบยกเรื่องราวของ ‘เคนจิ-วันสว่าง’ หนุ่มนักธุรกิจมากไอเดีย ที่กำลังสนุกอยู่กับแบรนด์เสื้อผ้า RYLL & CO ที่เป็นพื้นที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณพ่อผ่านภาพถ่ายแฟชั่นเสื้อผ้าเซ็ตพ่อลูกสุดเฟี้ยวชนิดที่ไม่ต้องสืบว่าความเท่นี้ได้จากใครมา กับไอเดียเริ่มต้นที่มีเหตุผลง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพราะแค่อยากชวนคุณพ่อมาหาอะไรทำแก้เหงา และอยากทำลายขอบเขตเส้นแบ่งการใช้ชีวิตระหว่างการทำธุรกิจที่วุ่นวาย ไปพร้อม ๆ กับการได้ใช้เวลากับคุณพ่อให้มากที่สุดก็เท่านั้น ซึ่งแนวคิดของผู้ชายคนนี้เป็นอีกหนึ่งมุมมองดี ๆ ที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายลุกขึ้นมาวางแผนจัดสรรตารางชีวิตใหม่เพื่อใช้เวลากับคนสำคัญข้างกายได้มากขึ้น ติดตามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกสุดมันส์ ที่สะท้อนนิยามคำว่า LIKE FATHER, LIKE SON ออกมาได้อย่างเข้มข้นชัดเจนไปพร้อม ๆ กันได้เลย :: ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น :: “จริง ๆ แล้วตอนวัยรุ่นอายุ 20 กว่า ๆ เราก็ไม่ค่อยอยู่กับพ่อหรอก เราเที่ยวเยอะ ปาร์ตี้บ่อย แต่พอเริ่มเข้า 30 ก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้น เพราะเราอยู่บ้านกับพ่อแค่ 2
ภาพจำของการฟังเทศน์ฟังธรรมในวัดโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นคงจะนึกถึงความน่าเบื่อชวนง่วง แลดูเป็นกิจกรรมของผู้สูงอายุ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับการฟังธรรมะที่ผ่านออกมาจากความครีเอทีฟของพระมหาไพรวัลย์ การดึงศัพท์แปลกใหม่ในโลกของโซเชียล มีเดีย มาปรับใช้ให้เข้ากับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนเกิดเป็นกระแสที่พูดถึงในวงกว้างโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่หันมาสนใจศาสนามากขึ้นอย่างน่าตื่นเต้น และได้เปลี่ยนจากการฟังเทศน์ที่ต้องเข้าวัดเป็นมาเป็นในแฟนเพจผ่านการ Live แทน อะไรที่ทำให้พระมหาไพรวัลย์ทำได้ขนาดนี้ UNLOCKMEN มีคำตอบมาให้แล้วครับ สภาพ! จุดเริ่มต้นของการห่มจีวร “จริง ๆ ต้องบอกว่าเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นจบจากประถม วิธีการแบบคนชนบทสมัยก่อน ถ้าเขาไม่มีเงินที่จะส่งลูกเรียนต่อในระดับมัธยมหรือระดับอุมศึกษา เขาก็จะให้ลูกบวช คนสมัยก่อนเขาจะเรียกว่า ‘บวชเรียน’ ก็เลยเข้าสู่การบรรพชาเป็นเณรตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้” “แล้วตอนแรกไม่ได้เคยคิดเลยว่าจะบวชมานานขนาดนี้ อาตมาคิดว่าปกติพระหรือเณร 100 รูป จะมีซัก 90 รูป ที่ไม่ได้คิดว่าจะบวชยาว พระเณรส่วนใหญ่บวชเพื่อศึกษาในช่วงหนึ่ง ตอนนี้มันมีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ มาบวชกันแล้วก็ได้เรียน เรียนจบก็สึกออกไปหางานทำกัน อาตมาก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ได้คิดเลยว่าจะอยู่ยาวขนาดนี้ ก็คิดว่าเรียนไปเรื่อย ๆ ตอนเด็ก ๆ มันก็เรียนไปไม่ได้คิดอะไร แม่บอกให้มาบวชเราก็บวช แม่ก็กำชับมาว่าให้ตั้งใจเรียน เราก็เรียน หน้าที่มีแค่นั้นเอง หลักสูตรคณะสงฆ์มันตั้ง 8 ปี เรียนนักธรรม-บาลี
หลายคน พอยิ่งโต อาจยิ่งควบคุมอารมณ์ได้เก่งขึ้น แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ถูกมองว่าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขาชอบทำอะไรตามใจ และไม่ค่อยคิดถึงผลของการกระทำของตัวเอง สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจได้แย่อยู่เสมอ จนเกิดผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้าง เราเรียกพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นว่า ’Impulsivity’ ซึ่ง UNLOCKMEN ได้นำวิธีป้องกันพฤติกรรมดังกล่าวมาฝากทุกคนด้วย อะไร คือ Impulsivity นักจิตวิทยาใช้คำว่า ‘Impulsivity’ ในการอธิบายพฤติกรรมลงมือทำอะไรบางอย่างโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา เช่น การเสียเงินให้กับสิ่งล่อตาล่อใจได้ง่าย หริอ เดินข้ามถนนโดยไม่มองซ้ายมองขวา เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้มักส่งผลเสียต่อเราและคนรอบข้าง เพราะการทำอะไรแบบไม่ยั้งคิด อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันได้ เช่น การสูญเสียคนรัก การสูญเสียเงินโดยใช้เหตุ หรือ การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นต้น Impulsivity เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะกับเด็กที่ยังไม่ค่อยมีวุฒิภาวะมากนัก และสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความผิดปกติของสมองส่วน Prefrontal Cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลในการตัดสินใจ การสืบทอดความผิดปกติทางกรรมพันธ์ุ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิด Impulsivity ไปจนถึงความผิดปกติทางจิตประเภทต่าง ๆ เช่น ภาวะอารมณ์สองขั่ว โรคสมาธิสั้น (ADHD) ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง (BPD) รวมไปถึง ความผิดปกติในการควบคุมตัวเอง