เวลา 22:26:36 (01/07/2023) สนามมวยราชดำเนิน “ตอนเด็ก ๆ เราก็อยากจะเป็นนักฟุตบอลครับ เราก็เล่นบอลเตะบอลกับเพื่อน ฝีมือเราก็พอได้อยู่เหมือนกัน ผมชอบเมสซี่ครับ (ยิ้ม)” เป๊ง !!! เสียงระฆังตีบอกหมดเวลาที่ 22:26:36 การต่อสู้อันยาวนานจบลงไปพร้อมกับความฝันในวัยเด็กของเขาที่ก็ค่อย ๆ พร่าเลือนจนมองเห็นไม่ชัดเหมือนก่อน ฝันที่ถูกกลบแทนที่ด้วยเสียงของเหล่าผู้คนทั่วเวทีศักสิทธิ์ของสนามมวยราชดำเนิน ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลงในเร็วนี้ ไม่ต่างกันเลยกับเสียงเชียร์ของคนที่ดูไลฟ์สดอยู่ในคอนโด ร้านเหล้าในซอยรางน้ำ หรือในบ้านทรงวินเทจสักหลังของย่านลาดพร้าว ‘เสียงเชียร์’ จำนวนไม่น้อยเหล่านั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นคำดูถูกที่ทำให้เขาต้องสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เหมือนที่เขาทำมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจเดินเข้าสนามซึ่งล้อมรอบด้วยตู้คอนเทนเนอร์ของ Fight Club Thailand เมื่อ 2 ปีก่อน ‘เหยิน โจ๊กเกอร์’ นักมวยจากข้างถนนผู้บ้าเลือด แสยะยิ้มเมื่อเห็นคู่ต่อสู้กลัวจนหัวหดคือตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น ตัวตนที่แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกับสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ ในชื่อของ ‘เปา-ทรัพย์พูลผล ทิพย์ผล’ เลยแม้เพียงสักนิดเดียว เปาพูดคำว่า ‘เวทีศักสิทธิ์’ ทุกครั้งเวลาพูดถึงสนามมวยแห่งนี้ ด้วยน้ำเสียงที่มีความเจียมตัวถึงความไม่ควรคู่อยู่ในคำพูดของตัวเองทุกครั้งเช่นกัน และนั่นคือหนึ่งในสิ่งที่อธิบายตัวตนของเปาที่ต่างกับโจ๊กเกอร์ได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มวัย 21 ชาวไทยในมุมสีน้ำเงิน ต้องต่อยกับมุมสีแดง โคตะ มิอุระ
ยังจำได้ไหม ความฝันวัยเด็ก ทุกคนเคยฝันว่าอะไรกันบ้าง เชื่อว่าในตอนนี้หลายคนอาจยังคงเดินอยู่บนเส้นทางฝันเดิมที่มีในวัยเด็ก แต่คงมีจำนวนไม่น้อยที่ลืมฝันเหล่านั้น หรืออาจค้นพบตัวเองในฝันใหม่ ๆ ที่แตกต่าง ในขณะที่เด็กคนหนึ่ง ซึ่งมีฝันจากสิ่งใกล้ตัว เริ่มต้นจากการค้นพบว่าพาหนะสองล้อสามารถพาเขาไปพบกับอิสระ และประสบการณ์ชีวิตบนพื้นที่ใหม่ ๆ ได้ไกลกว่ารั้วบ้าน จนสุดท้ายไม่น่าเชื่อว่าจากฝันเล็ก ๆ ตรงนั้น จะมาไกลจนถึงวันที่เด็กน้อยคนเดิมซึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะตัดสินใจกับตัวเองว่า ‘วันหนึ่ง ฉันจะขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลกให้ได้’ และคอลัมน์ Zero to Hero สัปดาห์นี้จะพาชาว UNLOCKMEN ไปคุยกับ ‘ตงค์-เสริมธนชาติ คูณแสนโชติสิน’ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ผู้เป็นเจ้าของฝันที่สร้างแรงบันดาลใจแก่นักเดินทาง และใครอีกหลายคนให้กล้าก้าวออกมาจาก Comfort Zone ได้สำเร็จ กับเรื่องราวการเดินทางที่ไม่เคยง่าย เพราะไม่ใช่เพียงอุปสรรคที่ต้องเจอระหว่างเส้นทางลุยรอบโลก แต่ยังหมายความรวมถึงการสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อทำให้ความฝันในวัยเยาว์นั้นประสบผลสำเร็จ ซึ่งการบาลานซ์ชีวิตจริง เพื่อตอบโจทย์ชีวิตที่อยากทำตามฝันของผู้ชายคนนี้จะเป็นอย่างไร เตรียมพบคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลย ความอิสระคือเสน่ห์ของพาหนะสองล้อ “มันเริ่มมาจากวัยเด็ก การที่เราได้ขี่สองล้อก็คือการปั่นจักรยานออกไปนอกบ้าน ทำให้เราได้เจอสิ่งที่ไม่เคยเห็นในรั้วบ้าน ทำให้เราพบเจออิสระ ได้เจออะไรใหม่ ๆ” คุณตงค์ค่อย ๆ เล่าถึงชีวิตวัยเด็กที่เหมือนได้เจออิสระและความท้าทายใหม่
หากจะให้พูดถึงสนามแข่งที่โหดและหินที่สุด ในการแข่งขันประชันความเร็ว เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับที่สามารถพิชิตสภาวะแวดล้อมสุดอันตรายได้นั้น ทุกคนจะนึกการแข่งขันแบบไหนกันบ้าง ? แน่นอนว่าหนึ่งในนั้น จะต้องเป็นกีฬารถแข่งที่จะทำให้คุณหัวใจเต้นแรงและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งกีฬาที่เราหมายถึงก็คือ การแข่งรถทางฝุ่น หรือ การแข่งขันแรลลี่ (Rally) นั่นเอง โดยกีฬาประเภทนี้นับเป็นการแข่งรถที่ “โคตร” จะเร้าใจ ไม่ต่างกับดูหนังแอคชันเลย ด้วยสนามแข่งที่ขรุขระ เต็มไปด้วยอุปสรรคที่คาดเดาไม่ได้มากมาย ทุกการวิ่งคือสภาพพื้นฝุ่นและเศษหินที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ การเพ่งสมาธิไปข้างหน้าพร้อมฟังเพื่อนร่วมทีมบอกองศาการเลี้ยวอีกสามสี่โค้งข้างหน้าอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการแข่งรถอย่างมาก และทั้งหมดที่ว่าไปนั้น เป็น “เสน่ห์” ที่ทำให้การแข่งรถแรลลี่เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก โดยมียอดผู้ชมจากทั่วทุกสารทิศที่ดูผ่านหน้าจอมากกว่า 700 ล้านคนเลยทีเดียว! ซึ่งกว่าจะผ่านไปสู่ลีกสูงสุด ต้องผ่านการคัดเลือกเพื่อไปสู่ WRC-3, WRC-2 และ WRC ซึ่งเส้นทางกว่าจะไปถึงนั้น ยากลำบากไม่แพ้พื้นถนนฝุ่นที่ด้านข้างคือหน้าผาและร่องหลุมสารพัด การเสียสมาธิแม้เพียงเสี้ยววินาทีบนสนาม Rally อาจหมายถึงความเป็นความตายได้ แต่น่าแปลกว่าทำไม การแข่งขันแรลลี่ที่น่าตื่นเต้นนี้กลับไม่เป็นที่พูดถึงมากนักในประเทศไทย หรือถ้ามี ก็อยู่ในกลุ่มคนหมู่น้อยมาก ๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากอันตรายที่ทำให้นักขับไทยมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการแข่งขันความเร็วทางเรียบ และเพราะความนิยมที่น้อยนิดนี้เอง ทำให้คนไทยหลายคนต้องพลาดโอกาสในการก้าวไปสู่ระดับโลก เพียงเพราะไม่มีสปอนเซอร์สนับสนุนพวกเขา ทั้งที่การแข่งขันระดับโลกแบบนี้ สามารถทำชื่อเสียงและดึงเงินเข้าประเทศได้อย่างมหาศาล
“เป็นเมียเราต้องอดทน” เรามั่นใจว่าใครหลายคนยังจดจำประโยคนี้จากหนังเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมืองได้ขึ้นใจ แม้วันเวลาจะล่วงเลยจากปีที่หนังฉายครั้งแรกมา 23 ปีแล้วก็ตาม พอ ๆ กับที่ไม่มีแม่นาคพระโขนงเวอร์ชันไหนจะทำให้เราอกสั่นขวัญผวาได้มากเท่ากับภาพจากหนังเรื่องนางนาก ที่แม่นาคผมสั้นกุด ฟันดำมะเมื่อมจากการเคี้ยวหมาก ห้อยหัวลงมาจากเพดานวัด ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนี้และอีกหลายเรื่องคือฝีมือการกำกับของ “อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร” ที่แรกเริ่มเราอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ แต่วันนี้เขานิยามตัวเองว่า “คนทำหนัง” หรือถ้าให้ชัดกว่านั้น “คนทำหนังที่มีความสุข” ตอนนี้เขาเตรียมโปรเจกต์ของตัวเองอยู่ เขียนบทหนังอีก 2-3 เรื่อง ทั้งหนัง ทั้งซีรีส์ รวมถึงงานโปรดิวเซอร์ แต่หากเบื้องหน้าคือหนังชวนให้จดจำ วลีเด็ดชวนให้กล่าวขาน และสารพัดภาพในตำนานที่ใคร ๆ ก็กล่าวถึง การได้สนทนากับเขาในวันนี้กลับพาเราขุดลึกลงไปเบื้องหลังความสำเร็จตลอดหลายสิบปีในการทำหนัง เบื้องหลังถ้วยรางวัลเรียงราย ภายใต้การอดทนรอจังหวะที่ใช่ การทำงานงานหนัก และการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด คือตัวตนของเขาที่น่าสนใจไม่แพ้หนังเรื่องไหน ๆ ของเขาเลย เมื่อเจอ “การทำหนัง” ก็เจอความสุขที่ตามหามาทั้งชีวิต “รักแรกพบ” ใครหลายคนอาจลืมไปแล้วว่าวินาทีแรกที่เราตกหลุมรักใครสักคนหรือสิ่งสักสิ่งนั้นให้ความรู้สึกเช่นไร? แต่ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเรานี้ กลับต่างออกไป เพราะวินาทีแรกที่เขาได้รู้จักการทำหนัง
หากเอ่ยถึงชื่อ ‘จเด็จ คาลายานนท์’ หลายคนอาจจะงง ๆ ว่าเรากำลังพูดถึงใคร เพราะเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ต่างรู้จักผู้ชายคนนี้ในนาม ‘เจเด็ด FEDFE’ หนึ่งในชาวแก๊ง YouTuber ยุคบุกเบิก ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของ Content ห่าม กล้า บ้าดีเดือด จนสามารถแหวกทางให้พวกเขายืนหนึ่งเป็น YouTuber ยุคบุกเบิก ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ชีวิตเต็มไปด้วยโอกาส และรายได้มากมาย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งหลังจากปีนสู่ยอดเขาแห่งการทำ Online Content สำเร็จ ในวันที่ทุกอย่างอิ่มตัว เพื่อนฝูงต่างแยกย้ายไปทำตามฝันของแต่ละคน ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเลือกทางเดินเส้นใหม่ เลือกเริ่มต้นใหม่ด้วยการไต่ยอดเขาอีกลูกบนสายอาชีพช่างตัดผม? แน่นอนว่าคำถามนี้คงไม่มีใครให้ความกระจ่างได้ดีกว่าเจ้าตัว และ เขาก็พร้อมแล้วที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตให้เราฟังย้อนไปตั้งแต่สมัยวัยเด็กกันเลยทีเดียว จากเด็กเรียบร้อยระดับหัวหน้าชั้น สู่ตัวกลั่นแห่งแก๊ง FEDFE “สมัยเด็กผมเป็นหัวหน้าห้องตั้งแต่ประถมเลย เป็นเด็กเรียบร้อย ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้ จะมีรอยสักเยอะแยะแบบไม่เคยคิดมาก่อน แต่ด้วยความที่แบบว่า ชอบมานานเรารู้สึกว่าเราเสพแฟชั่น เสพสื่อแล้วเรารู้สึกชอบรอยสักจนที่สุดแล้วก็เป็นตัวตนเราที่ทุกคนรู้จักในตอนนี้” เจเด็ดเริ่มต้นบทสนทนา ด้วยคำตอบสุดเซอร์ไพรส์ กับคำถามจากความสงสัยเรื่องรอยสักเต็มตัวดูดุดัน และความห่าม บ้า ซ่า ที่เคยได้เห็นจาก YouTube จนทำให้อยากรู้ว่าวัยเด็กของเขานั้นจะแสบขนาดไหน ก่อนที่จะเข้าประเด็นหลักที่เราอยากรู้ที่มาที่ไปของการเริ่มทำ
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนเจ๋ง ๆ หลายคนหันไปทำเกษตร เรียกว่าเป็นกราฟที่สวนทางกับยุคที่เรายังเด็กแบบกลับหัวกลับหาง แม้ไม่อยากจะเรียกว่าเป็นเทรนด์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายทางการเกษียณที่หลายคนมองไว้วันนี้ มันเป็นความรู้สึกพอเพียงที่ไม่ได้เน้นตัวเลขในบัญชี เปลี่ยนมาเน้นการได้ออกไป “มีที่สักที่” ให้ไปเดินรดน้ำ เก็บผักเก็บไข่ที่มีคุณภาพกินอย่างมีความสุขและอยู่ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ ทว่าฝันส่วนใหญ่มันเริ่มต้นใกล้ ๆ วัยเกษียณที่มีเงินก้อน กระทั่งเรามีโอกาสแวะมาที่และได้พูดคุยกับรีย์ – ชารีย์ บุญญวินิจ เกษตรกรหนุ่มเมืองพันธุ์แท้ ที่ล่อแหกทุกกฎการทำเกษตร เฮี้ยนหาหนทางเลี้ยงไส้เดือน ปลูกผักบนปูน แถมในฟาร์มยังมีไก่มากกว่า 5 ตัวแน่ ๆ เท่าที่มองเห็น นี่ยังไม่นับรวมเป็ด เต่า ไปจนถึงหมูขนาดยักษ์อีก 2 ตัว ชีวิตเขาเนี่ย คนจะว่า “บ้า” ก็คงได้ เพราะถ้าใครยืนยันว่าจะสร้างฟาร์มในกรุงเทพฯ จากพื้นที่ขนาดเล็กที่เคยเริ่มต้นจากโรงรถ เกษตรบนพื้นปูน มันก็แปลกจริง ๆ “เราใช้ข้อดีของกรุงเทพฯ แต่ว่าเราก็รู้ว่าข้อเสียของกรุงเทพฯ มันคืออะไร ความวุ่นวาย ฝุ่น โน่นนี่นั่นทุกอย่าง เราก็อยู่กับมัน เราไม่มีต่างจังหวัดให้กลับ อยู่กรุงเทพฯ ไปทั้งชีวิต ไม่งั้นทำยังไงอะ ? ต้องรอเกษียณ 60-70
เหนื่อยหรือเปล่า? ท้อบ้างไหม? ชีวิตตอนนี้ไม่ง่ายเลย เรารู้ คุณรู้ หลายบริษัทเล็กใหญ่ ไปจนถึงคนทำงานตัวเล็กตัวน้อยทั่วทุกภาคส่วนต่างเผชิญความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ ผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามอย่างน่าเป็นห่วงไปทั่วโลก หลายคนเหนื่อยแต่ยังไม่ท้อ หลายคนท้อแต่ยังไม่หยุด หลายคนหยุดแต่ยังพยายามมองหาหนทาง แม้มันจะล้าแสนล้า แต่ในหัวก็วนเวียนว่า “ถ้ายอมแพ้วันนี้ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน? ” เราเชื่อว่าหลายคนไม่เพียงแต่ต้องดูแลตัวเอง แต่ยังมีความรับผิดชอบในหลายรูปแบบให้ต้องจัดการ “พลังแห่งการไม่ยอมแพ้” จากมนุษย์หนึ่งคนจึงยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด แม้ในสภาวการณ์ที่เป็นอยู่นี้เราจะมองไม่เห็นหนทางว่าการไม่ยอมแพ้ของเราจะได้ผลอะไรกลับมา? เราจึงอยากแบ่งกำลังใจจาก UNLOCKMEN ด้วย ZERO TO HERO PODCAST ทั้ง 5 Ep ที่ว่าด้วยการไม่ยอมแพ้ของมนุษย์ Zero To Hero – อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร “ถ้าเราได้ทุ่มเททุกอย่าง แม้มันจะเกิดผลช้ามาก หรือไม่เกิดผลเลย อย่างน้อยเมื่อเวลาผ่านไป คุณสามารถตอบได้เต็มปาก ในหัวใจหนึ่งกำปั้นมือว่า มึงได้ลองแล้ว“ ในวันที่ชีวิตหม่น ๆ เราเชื่อว่าบทเพลงของ Greasy Cafe เคยอยู่เป็นเพื่อนใครหลายคน แต่เบื้องหลังบทเพลงที่ดูเข้าอกเข้าใจความหม่นเศร้า หรือเบื้องหน้าที่ใคร ๆ
ทำร้าย, วันเกิด, คืนนี้ขอหอม, ยิ้ม, อีกแล้ว, คำตอบ, สารภาพ, โปรดเถอะ, คำที่เป็นสุข, คนที่เดินผ่าน ฯลฯ แม้ไม่ต้องบอก แต่แทบทุกคนคงรู้ดีว่าเพลงที่คุ้นเคยเหล่านี้ คือผลงานของ ‘โป้ ปิยะ ศาสตรวาหา’ หรือ ‘โป้ โยคีเพลย์บอย’ ศิลปินที่บทเพลงซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านปลายปากกา ท่วงทำนอง เสียงร้อง และลีลาของเขาหลายต่อหลายเพลงได้กลายมาเป็นซาวด์แทร็กประกอบช่วงชีวิตของผู้คนมากมาย ที่เติบโตมาขึ้นมาในช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนี้มุ่งบำเพ็ญเพียรสร้างสรรค์ผลงานดนตรีตลอด 24 ปี วันนี้คอลัมน์ ZERO TO HERO จะพาชาว UNLOCKMEN ย้อนอดีตสู่เรื่องราวนับตั้งแต่ปี 2539 ปีแห่งการเริ่มต้นในฐานะศิลปินหน้าใหม่ ที่ซ่า บ้า กล้า แหวกแนวทางดนตรีเมนสตรีมในยุคนั้น จนมาถึงวันที่ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์นั้นมีการยอมรับในวงกว้างยืนยันได้จากเพลงฮิตมากมายของเขาที่ยังคงถูกนำมาเล่นซ้ำอยู่เสมอ ต่อเนื่องไปถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตบางอย่าง ก่อนที่จะก้าวผ่านมาถึงขวบปีที่ 24 แห่งเส้นทางดนตรี ซึ่งถือเป็นปีที่ ‘โป้ โยคีเพลย์บอย’ กำลังจะรีบอร์นอีกครั้ง มือใหม่ไร้ชื่อกับเวทีใหญ่ครั้งแรก “ขอย้อนไปอีกนิดนึงช่วงก่อนจะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในนามโยคีเพลย์บอย คุณโต้งมือกีต้าร์ของคุณอรอรีย์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันนี่แหละ อยู่ ๆ โต้งก็โทรมาชวนให้ไปเป็นนักดนตรีสมทบช่วยเล่นเบสให้หน่อย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ในยุคที่มีช่องทางเผยแพร่ผลงานเยอะยิ่งกว่าเยอะ ผลงานที่ผู้คนสร้างสรรค์จึงผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด เราอยู่ในยุคสมัยที่ใครก็มีเพลงเป็นของตัวเองได้ ใคร ๆ ก็แสดงผลงานศิลปะของตัวเองได้ ใคร ๆ ก็มีงานเขียนเผยแพร่ได้เช่นกัน ปี 2019 จึงไม่ได้วัดกันแค่ “ผลงาน” อีกต่อไป “ตัวตน ทัศนคติ การเรียนรู้ไม่รู้จบ และกาลเวลา” กลายเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าคุณคือ “Legend” ไหม? คุณเป็น “ระดับตำนาน” ได้หรือยัง? ไม่เพียงเท่านั้นสถานะ Legend ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะนิยามตัวเอง หรือเที่ยวประกาศบอกใคร ๆ ได้ คล้ายเป็นถ้วยเกียรติยศที่ผู้คนจะมอบให้คุณเอง ตลอดปี 2019 UNLOCMEN ได้พบปะและสนทนากับบุคคลสำคัญจำนวนมาก ทุกคนมีความงดงาม เก่งกาจ และโดดเด่นหาตัวจับยากในทางทางของตัวเอง แต่ถ้าจะให้นิยามคำว่า “Legend” มอบความหมายของตัวตน ผลงานที่ท้าทายเหนือกาลเวลา เราเชื่อว่านี่คือ “LEGEND OF THE YEAR: 5 LEGENDS แห่งปี 2019 ที่ไม่ได้มีแค่ผลงาน แต่คือความเป็นตำนานที่เราชื่นชม พงษ์สิทธ์
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ UNLOCKMEN ทำต่อเนื่องกันเป็นประจำทุกปีกับการจัดอันดับที่สุดในสาขาต่าง ๆ บางครั้งเราก็รวบรวมอันดับเทรนด์แฟชั่นของโลก รวม 5 ภาพยนตร์ที่ใคร ๆ ต่างโหวตว่าดีที่สุด หรือจัดอันดับเหตุการณ์เด่นที่เกิดขึ้นในปีนั้น ๆ สำหรับปี 2019 เราก็ไม่พลาดที่จะเลือกเรื่องราวของเหล่าสุภาพบุรุษที่ UNLOCKMEN ได้มีโอกาสไปนั่งพูดคุย รู้จักตัวตน ล้วงลึกถึงประเด็นน่าสนใจ เรื่องราวจิกกัดแบบแสบ ๆ หรือความล้มเหลวก่อนก้าวสู่ความสำเร็จ จากบุคคลหลากสาขาหลากอาชีพที่รวมอยู่ใน ZERO TO HERO และเลือกให้เหลือ 5 บุคคลที่เราชื่นชอบและประทับใจในเรื่องราวของพวกเขา รังสรรค์ จันทร์วรวิทย์ ราชา ZIPPO เมืองไทย ไม่ใช่ทุกคนจะจับความชอบของตัวเองให้กลายเป็นธุรกิจแล้วทำให้มันประสบความสำเร็จ แต่ด้วยแพสชันอย่างแรงกล้าต่อความหลงใหลไฟแช็ก Zippo ของ ‘แต๋น-รังสรรค์’ ทำให้เขากลายมาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานชมรม Zippo Club Thailand และถูกผู้คนเรียกว่าเป็นราชา Zippo ของเมืองไทย หลายคนในวัยเด็กต่างก็เห็นผู้ใหญ่ใกล้ตัวพกไฟแช็ก Zippo ตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงรุ่นพ่อ เพราะไฟแช็กทรงเหลี่ยมที่มีเสียงอันเอกลักษณ์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแทนความเท่ของผู้ชายที่อยู่มาทุกยุคทุกสมัย และคุณแต๋นที่เห็นลุงใช้ Zippo มาตั้งแต่เด็กก็ชื่นชอบจนอยากมีไว้เป็นของสะสมเช่นกัน แต่กลายเป็นว่าความชอบของเขาถูกผู้คนมองว่าไร้สาระ