สำหรับชาวร็อกที่เติบโตมาในยุคอินดี้เฟื่องฟู เราเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ MAD PACK IT เจ้าของเพลงดังในอดีตอย่าง ‘รักในสันดาน’ ‘อยู่เพื่อตัวเอง’ ‘เลิก’ ‘กวนตีน’ และ ‘คำให้การ’ ด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมา ภาษาที่โดนใจ รวมถุงเสียงร้อง เสียงดนตรีที่จัดจ้านทำให้พวกเขาสร้างฐานแฟนเพลงได้ไม่ใช่น้อย โดยผลงานสตูดิโออัลบั้ม 2 ชุด, E.P. อัลบั้มอีก 1 ชุด รวมถึง ‘MAD PACK IT X-TREAM CONCERT’ คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของพวกเขาซึ่งจัดขึ้นในปี 2547 คือสิ่งการันตีความนิยม และความเหนียวแน่นของกลุ่มแฟน ๆ MPI เป็นอย่างดี จนเมื่อเวลาผ่าน ยุคสมัยเปลี่ยน เรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้จึงได้กลายสภาพเป็นความทรงจำดี ๆ ยุคอินดี้ ไปพร้อม ๆ กับชื่อเสียงของพวกเขาที่ค่อย ๆ จางหายไปจากวงการเพลงในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา จะมีก็เพียงผลงานซิงเกิ้ลใหม่ออกมาให้ได้ฟังกันเฉลี่ยปีละครั้ง แต่ถึงกระนั้นบทเพลงเก่า ๆ ของพวกเขาก็ยังคงถูกเปิดอยู่จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเรื่องราวของพวกเขาก็ยังคงถูกพูดถึงในกลุ่มแฟน ๆ
Christopher Wallace หรือชื่อที่โลกรู้จักในฐานะ rapper ‘Notorious BIG’ ‘Biggie Smalls’ ‘ Biggie’ แต่ไม่ว่าจะเป็น aka ไหนก็ตาม คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเค้าคือ King of New York rapper มาโดยตลอด แม้จะถูกลอบยิงเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 1997 วันที่ East Coast vs West Coast rap เหลือไว้เพียงตำนานตลอดกาล ก่อนหน้าวันเสียชีวิต Biggie Smalls มี Photo session เพื่อถ่ายรูปโปรโมตอัลบั้มใหม่ของเค้า มันคือภาพที่ Biggie สวมมงกุฎสีทองอยู่บนศีรษะที่พวกเรารู้จักกันดี ซึ่งมงกุฎนั้นถูกเรียกว่า K.N.O.Y. Crown (ย่อจาก King of New York) วันที่ 6 มีนาคม 1997, Biggie
GARAGE สัปดาห์นี้ขอพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบกับ Lomosonic กลุ่มคนดนตรีตัวจริง ที่ผ่านการเดินทางมายาวนานกว่า 15 ปีตั้งแต่ก่อตั้งวง หรือ 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้ออกอัลบั้มชุดแรก กับเรื่องราวที่มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หยาดเหงื่อ และความผิดหวัง ซึ่งบทสนทนาในวันนี้คือการพูดคุยย้อนไปตั้งแต่วันแรกของทุกคนก่อนจะได้มารวมกลุ่ม ฟอร์มทีม ร่วมฝ่าฟันความฝันบนเส้นทางดนตรีไปด้วยกัน ถือเป็นการคุ้ยกล่องความทรงจำตลอดหลายปีในนาม Lomosonic ของ ‘บอย-อริย์ธัช พลตาล’, ‘ป้อม-ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย’, ‘ ปิติ-ปิติ เอสตราลาโด สหพงศ์ เดน โดมินิค’ และ ‘ออตโต้-ชาญเดช จันทร์จำเริญ’ ที่เรื่องราวทั้งหลายของพวกเขาได้ตกผลึกจนกลายมาเป็นประสบการณ์และผลงานดนตรีที่บ่งบอกตัวตนของพวกเขา ณ ปัจจุบัน จุดเริ่มต้น บอย: สิ่งที่ทำให้เริ่มมาเล่นดนตรีได้ รู้สึกว่าร้องเพลงมาตั้งแต่จำความได้ เราถูกปลูกฝังมาว่าการร้องเพลงมันเป็นการสร้างความบันเทิงให้คนอื่น แต่ว่ามันก็จะมีความขี้อาย หรือว่าเวลาผู้ใหญ่เขาถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าคำตอบที่มันทำให้ผู้ใหญ่พึงพอใจ คือ การเป็นหมอ การเป็นทหาร การเป็นอะไรที่เขาให้คำนิยามเกี่ยวข้องกับความมั่นคง แต่จริง ๆ แล้ว ผมอยากเป็นนักร้องมาตลอด เพราะดู ไมเคิล
ทุกคนที่เคยดู Nirvana เล่นคอนเสิร์ตใน MTV Unplugged วันที่ 18 พฤศจิกายน ปี 1993 ต้องจำภาพ Kurt Cobain กับกีตาร์ 1959 Martin D-18E ได้ติดตา ล่าสุดได้มีการนำกีตาร์ตัวนั้นออกประมูลเพื่อการกุศลผ่าน Julien’s Auctions website และมันถูกขายไปด้วยราคาสถิติถึง $6 ล้านเหรียญหรือราว 180 ล้านบาท กีตาร์ 1959 Martin D-18E Serial Number: 166854 กีตาร์ทรง Dreadnought ที่มีจุดเด่นเรื่องความ Balance ของโทนเสียง ซึ่งเป็นตัวที่ 7 จากจำนวนทั้งหมด 302 ตัวในโลก ถูกนำมาโมดิฟายสะพานและสลับสายใหม่สำหรับคนถนัดซ้าย บอดี้ทำจากไม้มะฮอกกานี เปิดประมูลราคาแรกที่ $1 ล้านเหรียญ และมีจำนวนผู้ร่วม bid 7 ราคา ซึ่งราคาที่สูงที่สุดอยู่ที่ $6,010,000
การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ได้สร้างความตื่นตัวให้ผู้คนให้มองเห็นความสำคัญในการต่อต้านการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติให้เกิดขึ้นทั่วโลก การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมครั้งนี้ก็กำลังขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐอเมริกาอย่างไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ขณะเดียวผู้คนที่ออกมาประท้วงจำนวนมาก ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มันคือการต่อสู้เรียกร้องความเท่าเทียมให้กับมนุษย์ทุกคน เพราะพวกเขาเบื่อเต็มทีกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่รัฐ ในกรณีล่าสุดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกมานาน ปัญหาเหล่านี้เคยถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงเสียดสีสังคมจากศิลปินหลากแนวจากหลายยุคสมัย ซึ่งปัจจุบันกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แต่บทเพลงไหนจะถูกเปิดฟังมากที่สุดในช่วงการประท้วงครั้งนี้ มาฟังเหตุผลและทำความรู้จักแต่ละบทเพลงไปพร้อมกันได้เลย ‘Alright’: Kendrick Lamar เริ่มต้นกับ Alright ผลงานเพลงจากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ‘To Pimp a Butterfly’ ของศิลปิน Kendrick Lamar หนึ่งในบทเพลงที่เหล่าคนดำยกให้เป็นเพลงที่ย้ำเตือนถึงการเติบโตอันแสนเจ็บปวด ขณะเดียวกันก็ให้กำลังใจผู้ฟังให้เอาตัวรอดจากชีวิตบัดซบได้อย่างมีพลัง Alright ยังมีเนื้อหาที่สะท้อนถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นล่าสุดอย่าง “Nigga, and we hate po-po Wanna Kill us dead on the street fo sho” ซึ่งไรม์ที่เจ็บแสบแต่กระแทกใจนี่เองที่ทำให้ Alright กลับมาติดอันดับ 26 ในชาร์ตเพลงจากคนฟังทั่วโลกของ Spotify ในช่วงการประท้วงครั้งนี้ ‘This
กว่า 3,000 คนดู และ 10 ศิลปินแห่งยุค จัดเต็มความยิ่งใหญ่อลังการสมการรอคอยจริง ๆ สำหรับมิวสิคเฟสติวัลออนไลน์อินเตอร์แอครูปแบบใหม่ที่คนดูสามารถโต้ตอบกับศิลปินได้แบบเรียลไทม์อย่าง “Online Music Festival Top Hits Thailand” ที่ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลงไทยครั้งแรกของโลก เนรมิตความตระการตาเปลี่ยนฮอลล์สตูดิโอขนาดใหญ่เป็นลานคอนเสิร์ต ขนความสนุก #ฮิตแบบไม่มีอะไรมากั้น นำทีมโดย The TOYS / BOWKYLION / Scrubb / Jaylerr x Paris / INK Waruntorn / Tilly Birds / Three Man Down / Safeplanet / Mirrr และ Gungun นอกจากนั้นยังมีเซอร์ไพรส์จากวงฮิตระดับอินเตอร์อย่าง “Oh Wonder” ที่ส่งสัญญาณตรงจากเกาะอังกฤษ มามอบความสุขให้กับแฟนคลับชาวไทยอีกด้วย โดยในงานนี้จัดเต็มโปรดักชั่น ทั้งแสง-สี-เสียง และวิชวลพิเศษ ที่ทั้ง
หากเอ่ยชื่อ ‘โอ๊ค Big Ass’ และ ‘สมเมย์ Labanoon’ เชื่อว่าแทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะพวกเขาทั้งคู่คือมือเบส และมือกลองที่เป็นหนึ่งในสมาชิกวงร็อกเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสั่งสมชื่อเสียงผ่านเพลงฮิตมาแล้วมากมาย แต่ GARAGE สัปดาห์นี้ เราไม่ได้พาชาว UNLOCKMEN ไปเจาะลึกถึงเส้นทางความสำเร็จที่ผ่านมาของพวกเขา แต่เราจะพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ของทั้งคู่ กับ VOM Records ค่ายเพลงเล็ก ๆ ที่พวกเขาทุ่มเททั้งแรงกาย และใช้หัวจิตหัวใจปลุกปั้นขึ้นมา เพื่อเป้าหมายในเปิดโอกาสทางดนตรีให้ใครก็ตามที่มีดี และมีไฟฝันอันแรงกล้าอยู่ในตัว ได้ใช้พื้นที่นี้ปล่อยของออกไปสู่คนฟังให้ได้มากที่สุดโดยพี่โอ๊ค และ พี่สมเมย์ได้เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการเล่าย้อนไปยังชีวิตวัยเด็กซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดทั้งมวลที่พาให้ทั้งคู่ก้าวสู่วิถีคนดนตรี พี่โอ๊ค: ตอนเด็ก ๆ เริ่มจากที่บ้านชอบฟังเพลง ที่บ้านจะมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงอะไรแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็จะเปิดพวกเพลงสากลด้วย เพลงไทยด้วย ยุคนั้นก็จะได้ยินเพลงเอลวิส เพลงโฟล์ค อะไรพวกนี้ พอโตขึ้นมาหน่อย พี่ชายเค้าก็จะฟังเพลง ก็จะเปิดพวกฮาร์ดร็อคยุค 70 ยุค 80 เราก็ได้ฟัง ซึมซับมาเรื่อย ๆ ก็เลยชอบฟังเพลง บวกกับพี่ชายเป็นนักดนตรีด้วย พอเขาเริ่มเล่นดนตรีเราก็ดูเขาก็
หลายคนคงรู้จัก ‘เอ้-กุลจิรา’ หรือ ‘เอ้-The Voice’ ในฐานะสาวน้อยเสียงดีมีเอกลักษณ์จากเวทีประกวด The Voice Season 3 แม้จะผ่านเวลามาแล้วกว่า 6 ปี ชื่อนี้ก็ยังคงเป็นที่จดจำแทบทุกพื้นที่สื่อที่เธอปรากฎตัว แต่ถ้าพูดถึง ‘เอ้-Beagle Hug’ เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่านี่คืออีกสเต็ปการเดินทางบนถนนสายดนตรีที่ตอกย้ำอาชีพศิลปินของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น กับงานเพลงแนว Experimental Pop และ Trip Hop ที่ เอ้, แบงค์, โบ๊ท และปอม เหล่าพี่น้องสหายดนตรีร่วมกันสร้างสรรค์ในนาม Beagle Hug และ GARAGE สัปดาห์นี้จะพาชาว UNLOCKMEN ไปรู้จักเรื่องราวของเขาและเธอให้มากขึ้น แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องราวของ Beagle Hug เราขอพาทุกท่านย้อนกลับไปทำความรู้จักกับ ‘เอ้’ สุภาพสตรีเพียงคนเดียวของวง กับจุดเริ่มต้นบนเส้นทางดนตรี, การเข้ามาของชื่อเสียง ไปจนถึงการเริ่มต้นสร้างสรรค์ผลที่เป็นตัวเองจริง ๆ ในนามวง Beagle Hug “เราชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก ๆ เติบโตมากับเพลงเก่า ๆ เพลง Oldies
พึ่งจะพาดหัวข่าวไปอย่างร้อนแรง สำหรับของขวัญฉลองวันเกิดครบ 28 ปีให้ตัวเองด้วย hypercar เบอร์ใหญ่ Bugatti Chiron มูลค่าราว 90 ล้านบาทไปหมาด ๆ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมด้านรถยนต์ที่ไม่ธรรมดาของ Rapper ที่กำลังมาแรงกว่าใคร ทำสถิติจำนวนผู้เข้าชม Concert ในเกม Fortnite แถมล่าสุดยังมีข่าวการ Collaboration กับ Nike ในโปรเจค Travis Scott x Nike SB Dunk Low งานเยอะขนาดนี้ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่ารถยนต์ใน Collection ของ Scott จะโหดแค่ไหน วันนี้เราจะพาไปเปิดรถยนต์สุดหรูของศิลปินที่มีทรัพย์สินรวมเกือบสองพันล้านบาท แต่บอกให้ก่อนได้เลยว่า Scott น่าจะเป็นสารหรูมากกว่าสายสะสม เพราะเต็มไปด้วย Hypercars และ Supercars รุ่นใหม่ ๆ เพียบ Bugatti Chiron Hypercar มูลค่า 90 ล้านบาท
ผู้ชายอย่างเราอาจตีความหมายคำว่า “ผู้นำ” แตกต่างกันออกไป หลายคนมองว่าผู้นำคือบุคคลที่คอยวางแผน ดูแล รวมไปถึงร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทีมงานหรือกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง แต่สำหรับอีกหลายคนวิถีความเป็นผู้นำก็สามารถนำไปปรับใช้กับเส้นทางชีวิต เพื่อกำหนดและควบคุมชีวิตของตัวเองให้เดินไปพบกับจุดหมายปลายทางดั่งที่มุ่งหวังเอาไว้ และชาย 2 คนนี้ คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการเป็นผู้นำชีวิตให้ตัวเอง จนสามารถก้าวเดินบนเส้นทางแห่งความฝันที่ตั้งใจมาตั้งแต่เด็ก ชื่อของพวกเขาคือ Dimitri Thivaios และ Michael Thivaios หรือที่สาวกเพลงแนว Electronic Dance Music รู้จักกันดีในชื่อ Dimitri Vegas & Like Mike ซึ่งในวันนี้เราจะนำบทสรุปที่น่าสนใจ มาถ่ายทอดมุมมอง ทัศนคติ รวมถึงความหลงใหลในการใช้ชีวิตและการเป็น “ผู้นำของตัวเอง” ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะคว้าโอกาสและแสดงฝีมือให้จนได้รับการยอมรับในฐานะดีเจระดับท็อปของโลกมาถึงทุกวันนี้ มาทำความรู้จักกับคู่หูดีเจให้ดีมากขึ้น รวมถึง The Art of Leadership ในแบบฉบับของพวกเขาไปพร้อมกัน Dimitri Vegas & Like Mike คือศิลปินดีเจ 2 พี่น้องคู่หูที่มีชื่อจริงว่า Dimitri Thivaios และ Michael
ต้องบอกว่า ’10 ปี’ คือระยะเวลาไม่ใช่น้อย ๆ กับการที่วงดนตรีสักวงจะยืนหยัดสร้างผลงาน ผ่านเรื่องราวมากมาย จนได้มีโอกาสปักหมุดไมล์ 10 ปีเอาไว้ในหน้าสมุดบันทึกวงการเพลงไทย ยิ่งเป็นวงอย่าง The Yers วงดนตรีที่ยอมรับแต่โดยดีว่า ด้วยแนวเพลง และวิธีนำเสนอของวง เป็นสิ่งที่ไม่อาจทำให้อาชีพศิลปินนั้นกลายเป็นอาชีพหลักอาชีพเดียวที่สามารถหล่อเลี้ยงสมาชิกทุกคนได้ แล้วอะไรคือแรงผลักสำคัญที่ทำให้วงยังคงเดินหน้าต่อไป และคำถามนี้ที่เราเอง และเชื่อว่าอีกหลายคนกำลังสงสัย คงไม่มีใครให้คำตอบได้ดีไปกว่า อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ (Vocal & Guitar), ต่อ-พนิต มนทการติวงค์ (Guitar), โบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์ (Bass) และ บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง (Drum) สมาชิกปัจจุบันของ The Yers ซึ่งพวกเขาจะมาเล่าเรื่องราวของวงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และอัพเดทความเป็นไปของ The Yers หลังผ่านหลักไมล์ที่ 10 ให้ทุกคนได้อ่านกันในคอลัมน์ GARAGE ส่งท้ายเดือนเมษายนนี้ จุดเริ่มต้น อู๋: แรกเริ่มเลยเป็นการรวมวงของเพื่อนสมัยประถมของผมมีแค่ 3
ด้วยผลพวงจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้สภาพเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตผู้คนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก การเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing กลายเป็น New Normal หรือสิ่งใหม่ที่กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา กับการที่ผู้คนหลายล้านชีวิตทั่วโลกต่างกักตัวใช้เวลาอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ จะออกไปข้างนอกแต่ละทีก็ต้องเป็นเหตุจำเป็นเท่านั้น และเพื่อไม่ให้การที่วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปแบบกะทันหันด้วย COVID-19 มันชวนหงุดหงิดไปมากกว่านี้ 4 วงร็อกดังระดับโลก ในฐานะเอนเตอร์เทนเนอร์มืออาชีพ คงเล็งเห็นว่าเสียงเพลงและลีลาในบันทึกการแสดงสดจากทัวร์คอนเสิร์ตสุดอลังฯ ของพวกเขา น่าจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์เบื่อเหงาเศร้ากังวลทั้งหลายให้กลายเป็นความมันส์ แถมยังช่วยรณรงค์ให้ผู้คนใช้เวลาอยู่กับบ้านได้นานขึ้น ทำให้ที่ผ่านมาทั้ง Metallica, Slipknot, Radiohead และ Pink Floyd วงร็อกระดับหัวแถวของโลก ต่างทยอยอัพคอนเสิร์ตขึ้น YouTube โดยไม่ได้นัดหมาย แต่มีเป้าประสงค์ปลายทางเดียวกัน คือต้องการให้สาวกชาวร็อกได้มันส์กับเสียงดนตรีแบบฟรี ๆ จากที่บ้านท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้ ซึ่งแต่ละวงจะขนเอาโชว์สุดตราตรึงครั้งไหนมาให้ชมฟรีบนโลกออนไลน์บ้าง วันนี้เราขออาสารับหน้าที่พรีวิวให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายได้ทราบกัน จะได้จัดคิวถูกว่าจะดูคอนเสิร์ตไหนก่อน-หลังดี METALLICA เริ่มต้นด้วยวงดนตรีขวัญใจสายร็อกเฮฟวี่เมทัลรุ่นเก๋าอย่าง Metallica ที่นำร่องปล่อยคอนเสิร์ตให้ชมฟรีบน YouTube มาตั้งแต่วันที่ 24 มีนา