‘การเดินทาง’ และ ‘การผจญภัย’ คือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ผู้ชายอย่างเราจะขาดไม่ได้ ถือเป็นบทเรียนล้ำค่าที่สอนให้รู้จักชีวิตมากขึ้น แต่การออกเดินทางโดยปราศจากอุปกรณ์เอาตัวรอดก็เหมือนการออกรบโดยปราศจากอาวุธ ใช่ เรากำลังหมายถึง ‘มีดพก’ อุปกรณ์สำคัญสำหรับนักเดินทางที่ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็มากด้วยประโยชน์ และไม่ว่าอยู่สถานการณ์ใดมันคือสิ่งที่จะช่วยชีวิตเราได้ในยามคับขัน แค่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกก็น่าจะรู้แล้วว่า ‘The Quickie Karambit’ มีดพกเอนกประสงค์ขนาดจิ๋วที่เรานำมาเสนอในวันนี้แตกต่างจากมีดพกทั่วไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการออกแบบของ TOPS Knives ที่เปลี่ยนแปลงด้ามจับและใบมีดขนาดใหญ่ให้กลายเป็นความแหลมคมขนาดจิ๋ว มาพร้อมกับรูสำหรับสอดใส่นิ้วมือเพื่อการจับที่กระชับยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสบายมือกว่ามีดพกทั่วไป เพราะผู้ออกแบบตั้งใจให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังสวมแหวนอยู่ ‘จิ๋วแต่แจ๋ว’ คือนิยามของ The Quickie Karambit และถึงมันจะกะทัดรัดแต่ก็มีครบทุกอย่างที่ผู้ชายสายลุยอย่างเราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นใบมีดแหลมคมทั้ง 2 ด้าน ความสะดวกในการพกพา รูปทรงแปลกประหลาดที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย จึงทำให้ The Quickie Karambit คือมีดพกที่ควรมีติดตัวก่อนเริ่มออกเดินทาง มีดทรง Karambit ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในสุมาตราตะวันตก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากกรงเล็บของเสือ เช่นเดียวกับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในตอนแรกมันถูกออกแบบขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกและนวดข้าว ก่อนที่ต่อมาจะถูกประยุกต์ให้กลายเป็นอาวุธป้องกันตัวจากสัตว์ป่านักล่าหรือผู้ไม่หวังดี Karambit สมัยใหม่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่อุปกรณ์แบบ EDC ซึ่งเน้นประโยชน์ในการตัดหรือหั่นสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง แน่นอนว่า Quickie Karambit ก็เช่นเดียวกัน มันเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งทุกรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนั้นยังมีปลอกหนังไว้ห่อหุ้มเมื่อไม่ใช้งาน ด้วยราคาเพียง 70 เหรียญหรือประมาณ 2,000 บาท ไม่แพงเกินไปเลยสำหรับอุปกรณ์สารพัดประโยชน์เช่นนี้ รับรองว่าทุกทริปทุกการผจญภัยของคุณจะสะดวกและสนุกยิ่งขึ้นแน่นอน
บทความนี้เหมาะสำหรับผู้มีความรู้พื้นฐานในเกมโป๊กเกอร์ ในบรรดาเกมการพนันมากมายในโลก ‘โป๊กเกอร์’ ดูจะมีเสน่ห์ดึงดูดที่สุด เพราะมันไม่ใช่เกมที่อาศัยดวงเพียงอย่างเดียว แต่ฝีมือการเล่นคือสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ต้องใช้ทักษะหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านใจอ่านภาษากายคู่ต่อสู้ คำนวณอัตราความน่าจะเป็น สร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง กล้าเสี่ยงในเวลาที่จำเป็น และอีกมากมาย จึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนนับล้านทั่วโลกต่างตกหลุมรักโป๊กเกอร์ มันคือเกมที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการพนันและกีฬา ดังนั้นตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจึงมีสุดยอดนักโป๊กเกอร์ปรากฏตัวขึ้นมากมาย พวกเขาใช้ความฉลาดและการอ่านใจอันยอดเยี่ยมกวาดเงินเข้ากระเป๋านับล้านเหรียญ ถ้าจะพูดถึงยุคบุกเบิกคงหนีไม่พ้น Doyle Brunson ตำนานนักโป๊กเกอร์ที่ยังมีลมหายใจ เจ้าของฉายา Texas Dolly กว่า 60 ปีที่เขาอยู่ในวงการโป๊กเกอร์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือ Iconic ของเกมนี้ และเป็นแบบอย่างแก่นักโป๊กเกอร์รุ่นหลังมากมาย ยุคต่อมาคือยุคของ Stu Ungar นักโป๊กเกอร์อัจฉริยะระดับปรากฏการณ์ เจ้าของฉายา The Kid น่าเสียดายที่เขาด่วนจากไปก่อนเวลาอันควร แต่ในยุคปัจจุบันยังไงก็ต้องพูดถึง Daniel ‘Kid Poker’ Negreanu ซูเปอร์สตาร์นักโป๊กเกอร์ผู้มีลีลาการเล่นสุดเร้าใจ ขวัญใจแฟนโป๊กเกอร์ทั่วโลก อย่างไรก็ตามกว่าจะมาถึงวันนี้ Daniel ก็ผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ เขาเข้าใจดีว่าความพ่ายแพ้และรู้สึกว่าตัวเองเป็นไก่อ่อนในโต๊ะมันรู้สึกอย่างไร เขาจึงออกมาแนะนำกฎเหล็ก 7 ข้อสำหรับนักโป๊กเกอร์มือใหม่ ที่รับรองว่าถ้าทำตามอย่างเคร่งครัดอย่างน้อยคุณก็จะไม่ใช่ ‘Fish’ ให้ใครขโมยเงินไปได้ง่าย ๆ แน่นอน Don’t Show if You
ในโลกปัจจุบันที่ Social Network เปรียบเสมือนกำแพงขวางเราทุกคนจากโลกภายนอกอันกว้างใหญ่ เราต่างคิดว่ารู้จักโลกใบนี้ดี แต่เปล่าเลย เรารู้จักมันผ่านหน้าจอเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าหน้าตาที่แท้จริงเป็นยังไง การออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวจึงเปรียบเสมือนการเปิดประตูออกไปเพื่อเรียนรู้โลกใบนี้ผ่านสายตาตัวเอง The Secret Life of Walter Mitty, Into the Wild, The Motorcycle Diaries ยังจำความรู้สึกหลังดูภาพยนตร์เหล่านี้จบได้มั้ย? เชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกเหมือนกัน ไฟในใจลุกโชน แทบจะอยากเก็บกระเป๋าออกเดินทางเสียตอนนั้นเลย แต่สุดท้ายไฟเหล่านั้นก็ค่อย ๆ มอดลงตามกาลเวลา และเป็นอีกครั้งที่เราทำได้เพียงเกาะกำแพง Comfort Zone มองโลกภายนอกตาละห้อย จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิตเหรอ? ถ้าตอนนี้คุณมีความพร้อมแล้วก็อย่ารอช้า เอาชนะความกลัวให้ได้สักครั้ง ออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง เพราะการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวคือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในบางช่วงของชีวิต อิสระที่มากกว่า การไปเที่ยวออกทริปกับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ก็สนุกอยู่หรอก ได้เฮฮาปาร์ตี้ ทำตัวบ้าบอ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ ต้องตามใจคนนู้นทีคนนี้ที ไม่ได้ไปไหนตามที่ใจคิด นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องรสนิยม เช่นบางคนนอนโฮสเทลไม่ได้ บางคนกินอาหารแบบนี้ไม่ได้ วุ่นวายกันไปใหญ่ กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็หมดเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว ส่วนการท่องเที่ยวคนเดียวนั้น ถึงแม้จะมีเหงาบ้างในบางเวลา แต่เราก็สามารถทำตามใจตัวเองได้เต็มที่ อยากตื่นเมื่อไหร่ก็ได้ กินอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ ฟังดูก็ไม่เลวเหมือนกันนะ พาตัวเองออกจาก Comfort Zone
ในสังคมปัจจุบันที่ชุดความคิด ‘ชายเป็นใหญ่’ นั้นล้าหลังไปแล้ว คำถามที่ว่าผู้ชายอย่างเราควรจะวางตัวอย่างไรให้เหมาะสมจึงกลายเป็นคำถามสำคัญและยากที่จะหาคำตอบ เพราะเรื่องนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เป็นสิ่งที่ใช้ความพึงพอใจของปัจเจกในแต่ละสังคมเป็นคำตอบ อย่างไรก็ตามวันนี้ ‘Barack Obama’ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนดังและ ‘Stephen Curry’ สุดยอดนักบาสเก็ตบอล NBA แห่งยุค จะมาเสนอแนวทางที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เราได้ฟังกัน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ เมือง Oakland รัฐ California มีงานสัมมนาเรื่อง How to ‘Be a Man’ โดยมีวิทยากร 2 คน ซึ่งก็คือ Barack Obama และ Stephen Curry จุดมุ่งหวังคือการให้ผู้ชายรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายผิวสีได้หลุดพ้นจาก ‘กับดัก’ ทางสังคม “พวกเราทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าการจะเป็นผู้ชายที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มจากการเป็นมนุษย์ที่ดีเสียก่อน นั่นหมายความต้องมีความรับผิดชอบ ทำงานหนัก มีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น” Obama เริ่มต้นบทสนทนา “ความคิดที่ว่าการจะแสดงออกถึงความเป็นชายของตัวเองนั้นคือการต้องกดคนอื่นให้ต่ำกว่าตัวเองมันล้าสมัยไปแล้ว” “เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าเมื่อกลุ่มวัยรุ่นรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม พวกเขาจะทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงออกให้ผู้อื่นทราบ” “ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องกดคนอื่นให้ต่ำลงเพื่อลบปมดังกล่าว ลองเปลี่ยนเป็นยกย่องเชิดชูดูสิ” “ผมเห็นด้วยกับเรื่องนั้น”
Spoil Alert! บทความนี้มีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญของอนิเมะบางเรื่อง ‘อนิเมะ’ หรือ ‘การ์ตูนญี่ปุ่น’ มักจะถูกตีค่าว่าเป็นสื่อเพื่อความบันเทิง เน้นความสนุกสนาน ตลกโปกฮา หรือตื่นเต้นเร้าใจเป็นหลัก แต่ถ้าใครเสพอนิเมะเป็นประจำแล้วละก็ คงรู้ดีว่าอนิเมะญี่ปุ่นไปไกลกว่านั้นมาก บางเรื่องเนื้อหาเข้มข้นตึงเครียดยิ่งกว่าภาพยนตร์คนแสดงเสียอีก อย่างที่เราเคยเห็นใน Akira (1988) ที่นำเสนอโลกดิสโทเปียผสมความ Cyberpunk ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner ของผู้กำกับ Ridley Scott หรือเรื่อง Perfect Blue (1997) ที่พาคนดูดำดิ่งสู่จิตใจมนุษย์ ภายใต้บรรยากาศหลอนประสาท ไม่ต่างอะไรจากภาพยนตร์เรื่อง Black Swan หรือ Suspiria แต่อนิเมะที่เราจะพูดถึงในวันนี้ไม่ได้หนักหน่วงขนาดนั้น เพียงแต่ทุกเรื่องฉาบไปด้วยความเศร้าที่แม้แต่ลูกผู้ชายอกสามศอกยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ The Tale of the Princess Kaguya (2013) ไม่เฉพาะแค่อนิเมะ แต่นี่คือภาพยนตร์ที่ทำให้เราร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต ถึงแม้หน้าหนังของ The Tale of the Princess Kaguya ที่หยิบยกเรื่องราวนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ มาเล่าจะดูเข้าถึงยาก เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ดูโบราณ นอกจากนั้นยังเลือกวิธีการเล่าเรื่องผ่านแอนิเมชันสีน้ำที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นชิน แต่ในเมื่อ The Tale of the Princess Kaguya กำกับโดย อิซาโอะ
หลังจากที่เมื่อคืนปาร์ตี้อย่างหนักหน่วงจนไม่รู้ว่าภาพตัดไปตอนไหน เมื่อคุณฟื้นขึ้นมาบนเตียง หลังจากตั้งสติได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สิ่งที่ตามมาแน่นอนคืออาการเมาค้างปวดหัว หรือที่ภาษานักดื่มเรียกว่า ‘แฮ้ง’ ส่วนจะปวดมากปวดน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่กระดกเข้าไปเมื่อคืน อาการแฮ้งคือปัญหาที่อยู่คู่กับบรรดานักดื่มมาอย่างยาวนาน เป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่มีใครตอบได้จริง ๆ ว่าบรรเทาด้วยวิธีไหนได้ผลที่สุด แต่ละคนก็มีวิธีแก้แฮ้งแตกต่างกันไปตามที่เรียนรู้จากประสบการณ์ -ทันทีที่ตื่นให้กระดกเพิ่มอีก 1 ช็อตหรือดื่มเบียร์ 1 ขวด เพื่อถอน -ดื่มน้ำหวานต่าง ๆ โดยเฉพาะน้ำอัดลม -ทานข้าวต้มหรือซุปร้อน ๆ -อาบน้ำอุ่น เหล่านี้คือวิธีแก้แฮ้งที่เราได้ยินกันมานาน และเชื่อว่าหลายคนคงเคยลองทำตาม แต่วันนี้เรามีวิธีที่แปลกใหม่มานำเสนอ เป็นคำแนะนำจากปากมืออาชีพที่ถูกรายล้อมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดเวลาอย่าง ‘บาร์เทนเดอร์’ นั่นเอง โดยข้อมูลทั้งหมดเรารวบรวมมาจาก Rooster Magazine ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้น ต้องลองดู “ก่อนนอนผมพยายามดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การขาดน้ำเป็นสิ่งอันตราย และเมื่อผมตื่นขึ้นมา อาหารเช้าจะเป็นกาแฟดำและขนมปังอะโวคาโด เท่านี้ผมก็สามารถเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่ถ้าผมไม่ทำเช่นนี้ล่ะก็ ตลอดทั้งวันผมจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย -Shawn Campbell, Bartender “แน่นอนว่าต้องพยายามดื่มน้ำให้มากที่สุด และบังคับตัวเองให้ออกกำลังกาย ผมชอบที่จะฝึกมวย, โยคะร้อนหรือบางครั้งก็วิ่ง เมื่อเหงื่อออกสารเอนโดรฟินก็จะหลั่ง และมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น” -Jim Kenyon, Bartender “Latkes (แพนเค้กมันฝรั่งแบบปราศจากกลูเตน ไข่และมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ)” -Alex Jump, Bartender/Bar Manager “วิธีที่ผมชอบคือดื่มน้ำหนึ่งขวดก่อนนอนตามด้วยยาแอสไพรินสองเม็ดและเมื่อตื่นมาผมมักจะดื่มเบียร์เป็นอย่างแรก
สรรพสามิตฯ บุกตึกแถวจับหนุ่มนิติศาสตร์ ม.ดัง คิดค้นสูตรหมักเบียร์ขายเอง! ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน นี่คือพาดหัวหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ เป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการคราฟต์เบียร์ไทยที่ทั้งคนในและนอกวงการต่างให้ความสนใจ เพราะก่อนหน้านี้คราฟต์เบียร์ในไทยยังเป็นอะไรที่เทา ๆ ไม่ได้มีการเอาผิดทางกฎหมายอย่างจริงจังจนกระทั่งเหตุการณ์นี้ ‘เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร’ คือชื่อของผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครรู้จักเขามาก่อน มีข้อมูลชายคนนี้เท่าที่ข่าวนำเสนอ แต่เรากับเขาเคยพบปะกันมาบ้างในกิจกรรมทางการเมืองต่าง ๆ รวมถึงเรื่องเบียร์ที่เราค่อนข้างเป็นแฟนคลับ ตามดื่มคราฟต์เบียร์ของเขามาตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่อง เราจึงค่อนข้างตกใจกับข่าวนี้พอสมควร 2 ปีผ่านไป จากผู้ต้องหาในวันนั้น ในวันนี้เขากลับมีชื่อเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรในนามพรรค ‘อนาคตใหม่’ พร้อมนโยบายผลักดันคราฟต์เบียร์ไทยให้ถูกกฎหมาย ดูเป็นผู้ชายที่มีชีวิตน่าสนใจไม่ใช่น้อย และโชคดีที่วันนี้เรามีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับเขา เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จัก เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร กับบทบาทท้าทายครั้งใหม่ในชีวิตไปพร้อม ๆ กัน เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร คือใคร? “สวัสดีครับ ผมชื่อ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อายุ 29 ปี เรียกผมว่าเท่าก็ได้ แต่ฉายาของผมที่คนทั่วไปรู้จักก็น่าจะเป็นหนุ่มนิติคราฟต์เบียร์ เพราะว่า 2 ปีก่อนผมโดนจับไปเพราะทำคราฟต์เบียร์” นอกจากการเป็นหนุ่มนิติคราฟต์เบียร์ ไลฟ์สไตล์ด้านอื่นเท่าพิภพเป็นยังไงบ้าง? “จริง ๆ ไลฟ์สไตล์ผมก็เป็นคนง่าย ๆ รักอิสระ ทำอะไรค่อนข้างตามใจตัวเอง
ประเทศไทยในเวลานี้คงไม่มีเรื่องไหนจะร้อนแรงและน่าสนใจไปกว่าประเด็นทางการเมืองอีกแล้ว เพราะตอนนี้หลังจากที่เรารอคอยมาเกือบ 5 ปี ในที่สุดอีกแค่ 1 เดือนเราก็จะสามารถใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้งได้เสียที ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองก็เป็นอีกหนึ่งตัวจุดชนวนชั้นดีที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้น่าตื่นเต้นขึ้นไปอีกโดยเฉพาะพรรคไทยรักษาชาติ… ก่อนจะเลยเถิดไปไกล ขอจบประเด็นการเมืองไทยไว้เพียงเท่านี้ เรามาเข้าเรื่องมังงะประจำสัปดาห์กันดีกว่า แต่ยังไงก็หนีการเมืองไม่พ้น เพราะในบรรยากาศแบบนี้ถ้าจะหามังงะสักเรื่องมาอ่านคงไม่มีแนวเรื่องไหนที่จะเหมาะไปกว่ามังงะการเมืองอีกแล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำเรื่องที่เราชอบ 5 เรื่องด้วยกัน เอาไว้อ่านอุ่นเครื่องก่อนจะเดินเข้าคูหาในเดือนหน้า (มีนาคม 2562) มาเรียนรู้ผ่านลายเส้นกันก่อนว่า 1 เสียงของประชาชนธรรมดาอย่างเราก็มีค่าเหมือนกัน คุนิมิตซึ คนจริงจอมกะล่อน Written by ยูมะ อันโดะ, มาซาชิ อาซากิ โดยปกติถ้ามังงะสักเรื่องจะพูดถึงประเด็นการเมืองก็มักจะมาในรูปแบบของส่วนประกอบเสริมมากกว่า เช่นมังงะแอ็คชั่นการเมืองหรือแฟนตาซีการเมือง เพราะการเมืองกับมังงะนั้นดูจะไปกันได้ยาก แต่ Kunimitsu no Matsuri คุนิมิตซึ คนจริงจอมกะล่อน คือมังงะการเมืองเพียว ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนผสมใด ๆ เพิ่มเติม ความสนุกของมันอยู่ที่การหักเหลี่ยมเฉือนคม ชิงไหวชิงพริบในเกมการเมืองล้วน ๆ ก็ตามชื่อเรื่อง นี่คือเรื่องราวของ มุโต้ คุนิมิตซึ ลูกชายเจ้าของร้านยากิโซบะธรรมดา ๆ ที่จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นหัวคะแนนให้กับสจ.ของเมือง ๆ หนึ่ง แน่นอนว่าหน้าที่ของเขาคือการใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ผลักดันสจ.คนนี้ให้ก้าวขึ้นไปเป็นผู้ว่าเมืองให้ได้ ระหว่างทางเราจะได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมมากมาย
‘ทองหล่อ’ คืออีกหนึ่งย่านที่เราพูดได้เต็มปากว่าคือบ้านหลังที่ 2 โดยหลังพระอาทิตย์ตกเรามักจะมาใช้เวลาที่ถนนสุขุมวิท 55 สายนี้เป็นประจำ แต่ร้านที่เราจะพาทุกคนไปวันนี้กลับเล็ดลอดสายตาเราไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่มันตั้งอยู่ในทองหล่อมากว่า 18 ปี นี่จึงเป็นโอกาสดีของเราที่ได้ค้นพบแหล่งพักพิงอีกแห่ง และเราก็ชอบที่นี่เสียด้วย ใช่ เรากำลังพูดถึง ‘Shades of Retro’ บาร์เล็ก ๆ แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ตั้งอยู่ในซอยธารารมณ์ 2 บรรยากาศเงียบสงบ ตัดขาดจากถนนทองหล่อเส้นหลัก และที่เราพูดว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงเพราะว่าที่นี่นอกจากจะเป็นบาร์ไว้สำหรับดื่มกินสังสรรค์เฮฮาแล้ว ยังเป็นร้านขายของเก่าในตัวอีกด้วย ดังนั้นถูกใจเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนก็สามารถซื้อกลับบ้านได้เลย ‘Shades of Retro คือร้านขายของเก่าที่มีบาร์อยู่ในตัว’ นี่คือคำนิยามของเราเกี่ยวกับการตกแต่งร้านของที่นี่ เพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็ละลานตาไปด้วยของเก่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราว น่าจะถูกใจหนุ่ม ๆ สายวินเทจไม่น้อย Shades of Retro มีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกนั่งได้ตามสะดวก ส่วนหนุ่ม ๆ ที่มาคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะที่นี่มีเคาน์เตอร์บาร์ และระหว่างที่เราอยู่ในร้านก็เห็นลูกค้าหลายรายมานั่งชิลคนเดียวที่เคาน์เตอร์อย่างไม่เคอะเขิน นอกจากการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครแล้ว ความพิเศษอีกอย่างของ Shades of Retro คือความอาวุโสของร้านที่เปิดให้บริการมากว่า 18 ปี เราบังเอิญโชคดีได้พูดคุยกับคุณบอยเจ้าของร้าน เขาเล่าให้ฟังว่า Shades of
ถ้าพูดถึง ‘สาทร’ คงต้องนึกถึงย่านที่เป็นศูนย์กลางของอาคารสำนักงานต่าง ๆ เป็นบ้านหลังที่ 2 ของเหล่าพนักงานออฟฟิศมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย แน่นอนว่าเมื่อ Work Hard อย่างเคร่งเครียดมาทั้งวันแล้ว เป็นธรรมดาที่ต้องอยาก Play Hard เพื่อผ่อนคลายกันบ้าง แต่ด้วยการเดินทางในช่วงหลังเลิกงานที่ทุกคนน่าจะรู้ดีว่าเป็นยังไง การจะไปแฮงเอาต์ไกล ๆ ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก วันนี้ UNLOCKMEN จึงจะมาแนะนำ 5 บาร์ย่านสาทร-เย็นอากาศ ให้ทุกคนสามารถไปชิลกันได้ง่าย ๆ หลังเลิกงาน เอาล่ะ ไปชิลกันเลย! Charm Eatery and Bar Charm Eatery and Bar คือร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง เพราะตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์ Colonial Contemporary ย้อนยุค ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แต่ไม่ต้องบินไปไหนไกล เพราะร้านนี้อยู่แค่ย่านสาทรเท่านั้น เรียกว่าเลิกงานปุ๊ปก็มาสัมผัสความชิลได้ปั๊ปเลย แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า Charm Eatery and Bar จะเป็นบาร์สไตล์ยุโรปจ๋า เพราะที่นี่ได้สอดแทรกความเป็นไทยใส่ลงไปไม่น้อย ทั้งอาหารที่มีการฟิวส์ชั่นกันระหว่างอาหารไทยกับอาหารอิตาเลี่ยน และในส่วนของค็อกเทลที่มีการใช้วัตถุดิบของไทยด้วยเช่นกัน ชาวสาทรคนไหนอยากผ่อนคลายสบาย ๆ ในบรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียน ลองมาที่ Charm